คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 26
ตามนัยคำพิพากษาศาลแพ่ง ในคดีหมายเลขดำที่ 1433/2553
ศาลแพ่งคุ้มครองการชุมนุมชั่วคราว หากสลายต้องทำตามหลักสากล
23 เมษายน 2010 เวลา 10:05 น.
ศาลแพ่งมีคำสั่งให้นากรัฐมนตรีและรองฯ สุเทพหากจะสลายการชุมนุมต้องคำนึงตามความเหมาะสม มีลำดับขั้นตอนตามหลักสากล ด้าน ‘ปณิธาน วัฒนากร’ เผยให้ทีมกฎหมายจะไปศึกษาข้อกฎหมาย ลั่น ศอฉ. ยังมีอำนาจตาม พรก.ฉุกเฉิน
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (22 เม.ย.) นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทยและคณะ ได้เดินทางไปที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นขอให้ศาลพิจารณาสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนตัดสินคดีเพื่อไม่ให้ใช้กำลังทหารติดอาวุธเข้าสลายการชุมนุม
โดยหลักฐานสำคัญที่นำไปยื่นต่อศาลคือซีดีบันทึกเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่มีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเมื่อศาลพิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ 1433/2553 ว่าหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณจะกระทำการใดๆ ในการขอพื้นที่คืนหรือสลายการชุมนุมของผู้ร่วมชุมนุมให้ดำเนินการเท่าที่จำเป็นโดยคำนึงถึงความเหมาะสม มีลำดับขั้นตอนตามหลักสากล ทั้งนี้จนกว่าจะมีคำสั่งพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ขณะที่เมื่อเวลา 21.45 น. นายปณิธาน วัฒนายากรให้สัมภาษณ์ทางเนชั่นทีวีว่าในส่วนของคำสั่งจากศาลแพ่ง เบื้องต้นทาง ศอฉ. จะไปศึกษาข้อกฎหมาย และกล่าวว่าขณะนี้ ศอฉ. มีอำนาจตาม พรก.ฉุกเฉิน
ศาลแพ่งคุ้มครองการชุมนุมชั่วคราว หากสลายต้องทำตามหลักสากล
23 เมษายน 2010 เวลา 10:05 น.
ศาลแพ่งมีคำสั่งให้นากรัฐมนตรีและรองฯ สุเทพหากจะสลายการชุมนุมต้องคำนึงตามความเหมาะสม มีลำดับขั้นตอนตามหลักสากล ด้าน ‘ปณิธาน วัฒนากร’ เผยให้ทีมกฎหมายจะไปศึกษาข้อกฎหมาย ลั่น ศอฉ. ยังมีอำนาจตาม พรก.ฉุกเฉิน
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (22 เม.ย.) นายสุชาติ ลายน้ำเงิน ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทยและคณะ ได้เดินทางไปที่ศาลแพ่ง ถนนรัชดาภิเษก เพื่อยื่นขอให้ศาลพิจารณาสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนตัดสินคดีเพื่อไม่ให้ใช้กำลังทหารติดอาวุธเข้าสลายการชุมนุม
โดยหลักฐานสำคัญที่นำไปยื่นต่อศาลคือซีดีบันทึกเหตุการณ์สลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา ที่มีประชาชนเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเมื่อศาลพิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งในคดีหมายเลขดำที่ 1433/2553 ว่าหากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณจะกระทำการใดๆ ในการขอพื้นที่คืนหรือสลายการชุมนุมของผู้ร่วมชุมนุมให้ดำเนินการเท่าที่จำเป็นโดยคำนึงถึงความเหมาะสม มีลำดับขั้นตอนตามหลักสากล ทั้งนี้จนกว่าจะมีคำสั่งพิพากษาหรือคำสั่งเป็นอย่างอื่น
ขณะที่เมื่อเวลา 21.45 น. นายปณิธาน วัฒนายากรให้สัมภาษณ์ทางเนชั่นทีวีว่าในส่วนของคำสั่งจากศาลแพ่ง เบื้องต้นทาง ศอฉ. จะไปศึกษาข้อกฎหมาย และกล่าวว่าขณะนี้ ศอฉ. มีอำนาจตาม พรก.ฉุกเฉิน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 10
มาดูข้อมูลจากกสม.
http://www.tnews.co.th/html/content/129008/
กสม.ยังระบุอีกว่า ในส่วนของรัฐบาล การขอคืนพื้นที่เมื่อวันที่ 10 เป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนทั่วไป รัฐบาลทำไปตามมาตรการที่ได้ประกาศไว้ก่อนจริง เป็นการกระทำจากเบาไปหาหนัก จึงเป็นการกระทำภายใต้กฎหมายที่ให้อำนาจไว้
กรณีที่ 2 เหตุการณ์กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากระเบิดเอ็ม 79 บริเวณแยกศาลาแดงเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2553 กสม.สอบถามจากพยานบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุ21 คน และพยานเอกสาร สรุปว่าการชุมนุมของนปช.เป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ มีการใช้ความรุนแรง
กรณีที่ 3 กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2553 คณะกรรมการเห็นว่าทหารเสียชีวิตจากอาวุธปืนและประชาชน รวมถึงทหารจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อประชาชนทั่วไปและทหารที่เสียชีวิต แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำ
กรณีที่ 4 เหตุการณ์กรณีการชุมนุมของกลุ่มนปช.บริเวณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และสภากาชาดไทย และการบุกเข้าไปตรวจค้นโรงพยาบาลจุฬาฯเมื่อวันที่ 29 เมษายน เข้าข่ายบุกรุก และเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ ละเมิดสิทธิผู้อื่น ทำลายทรัพย์สินของโรงพยาบาล
http://www.tnews.co.th/html/content/129008/
กสม.ยังระบุอีกว่า ในส่วนของรัฐบาล การขอคืนพื้นที่เมื่อวันที่ 10 เป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนทั่วไป รัฐบาลทำไปตามมาตรการที่ได้ประกาศไว้ก่อนจริง เป็นการกระทำจากเบาไปหาหนัก จึงเป็นการกระทำภายใต้กฎหมายที่ให้อำนาจไว้
กรณีที่ 2 เหตุการณ์กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากระเบิดเอ็ม 79 บริเวณแยกศาลาแดงเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2553 กสม.สอบถามจากพยานบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุ21 คน และพยานเอกสาร สรุปว่าการชุมนุมของนปช.เป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ มีการใช้ความรุนแรง
กรณีที่ 3 กรณีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตบริเวณอนุสรณ์สถานแห่งชาติเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2553 คณะกรรมการเห็นว่าทหารเสียชีวิตจากอาวุธปืนและประชาชน รวมถึงทหารจำนวนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ถือว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อประชาชนทั่วไปและทหารที่เสียชีวิต แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าฝ่ายใดเป็นผู้กระทำ
กรณีที่ 4 เหตุการณ์กรณีการชุมนุมของกลุ่มนปช.บริเวณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และสภากาชาดไทย และการบุกเข้าไปตรวจค้นโรงพยาบาลจุฬาฯเมื่อวันที่ 29 เมษายน เข้าข่ายบุกรุก และเป็นการชุมนุมที่ไม่สงบ ละเมิดสิทธิผู้อื่น ทำลายทรัพย์สินของโรงพยาบาล
ความคิดเห็นที่ 3
กระทู้แนะนำ แนวโปกฮา ประจำปี หนังลงทุนค่าซิมและนักแสดงสมทบหลายร้อย ใช้เวลาเป็นปี สุดท้ายฉายจริงแป๊ก
บทสรุป เรื่องราวในราชดำเนินเกือบสองปีกับคำว่าทีมงานเฉพาะกิจที่มีผู้จะฟ้องและเรียกนอนแดงเป็นพยาน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนท้ายสุดไม่ฟ้องแล้ว เพราะไม่มีปัญญาหาผู้ที่ทำได้ แต่พรรคพวกเดียวกันสร้างเรื่องราวใส่ความว่านอนแดงเป็นทีมงานเฉพาะกิจ
รวมกระทู้บทสุดท้าย ทีมงานเฉพาะกิจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
หลักฐานที่กลุ่มห้องเพลง?โยนแพะให้ผู้เห็นต่างเป็นทีมงานเฉพาะกิจซึ่งไม่สามารถอธิบายได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หลังจากเหตุการณ์หน้ากากแตกเกิดขึ้น ได้มีล็อกอินตัวเลขเข้ามาระรานคนเห็นฝ่ายตรงข้าม ในเรื่องลูก และส่วนตัว ลามปามไปถึงนอกห้อง ตัดแปะข้อมูลด้านเดียวจากการแต่งเติมเสริมแต่ง มโน เพื่อใส่ร้าย ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างในกระทู้มุมกาแฟ หรือกระทู้ผู้เห็นต่างบ่อยๆ แล้วคุณคิดว่าการกระทำอันเสื่อมเสียบอร์ดการเมืองแบบนี้จะมาจากใคร?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

บทสรุป เรื่องราวในราชดำเนินเกือบสองปีกับคำว่าทีมงานเฉพาะกิจที่มีผู้จะฟ้องและเรียกนอนแดงเป็นพยาน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนท้ายสุดไม่ฟ้องแล้ว เพราะไม่มีปัญญาหาผู้ที่ทำได้ แต่พรรคพวกเดียวกันสร้างเรื่องราวใส่ความว่านอนแดงเป็นทีมงานเฉพาะกิจ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หลังจากเหตุการณ์หน้ากากแตกเกิดขึ้น ได้มีล็อกอินตัวเลขเข้ามาระรานคนเห็นฝ่ายตรงข้าม ในเรื่องลูก และส่วนตัว ลามปามไปถึงนอกห้อง ตัดแปะข้อมูลด้านเดียวจากการแต่งเติมเสริมแต่ง มโน เพื่อใส่ร้าย ดังจะเห็นได้จากตัวอย่างในกระทู้มุมกาแฟ หรือกระทู้ผู้เห็นต่างบ่อยๆ แล้วคุณคิดว่าการกระทำอันเสื่อมเสียบอร์ดการเมืองแบบนี้จะมาจากใคร?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
@@@มุมกาแฟNONแดง(มุมนี้ไม่มีใครเป็นเสื้อแดง)วันอังคารที่ 29/12/58:ป.ป.ช.ยกคำร้องคดีสลายการชุมนุมปี 53@@@
ขณะเกิดเหตุที่มีการสั่งใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธปืนติดตัว เข้าขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. ในระหว่างวันที่ 10 เมษายน 2553 ถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บนั้น อยู่ในช่วงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ซึ่งปรากฏข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาของศาลว่าการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มิใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ และมีบุคคลที่มีอาวุธปืนปะปนอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม นปช. จึงมีเหตุจำเป็นที่ ศอฉ. ต้องใช้มาตรการขอพื้นที่คืน เพื่อให้เกิดความสงบสุขในบ้านเมือง โดยมีคำสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำอาวุธติดตัว หากมีความจำเป็นสามารถนำมาใช้เพื่อระงับยับยั้งได้ไปตามสถานการณ์ หรือเหตุการณ์เฉพาะหน้า หรือป้องกันตนเองได้ อันเป็นไปตามหลักสากล ตามนัยคำพิพากษาศาลแพ่ง ในคดีหมายเลขดำที่ 1433/2553
อย่างไรก็ตาม แม้คำสั่งที่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำอาวุธติดตัวเพื่อป้องกันตนเองได้จะเป็นไปตามหลักสากลก็ตาม แต่ก็เป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งในการใช้อาวุธปืนตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นตามความจำเป็น และพอสมควรแก่เหตุ อันเป็นภาระที่หนักและยากอย่างยิ่งในการปฏิบัติ แต่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบดังกล่าวได้ หากภายหลังสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการใช้อาวุธปืนโดยไม่สุจริต เลือกปฏิบัติ และเกินสมควรแก่เหตุหรือเกินกว่ากรณีจำเป็น จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ อันเป็น “ความรับผิดเฉพาะตัว” เช่นเดียวกับนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่จะต้องรับผิดในกรณีที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า รู้ว่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของตนได้ใช้หรืออยู่ระหว่างใช้กำลังบังคับและอาวุธปืนโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วไม่ดำเนินการยับยั้ง ป้องกัน และรายงานเหตุดังกล่าว ซึ่งคดีการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนในเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่ม นปช. เมื่อปี 2553 ในเหตุการณ์เดียวกันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้รับดำเนินการเป็นคดีพิเศษด้วย จึงมีมติให้ส่งเรื่องการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ทหารที่เป็นผู้กระทำให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว รวมถึงนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ ซึ่งมิใช่บุคคลตามมาตรา 66 ให้ DSI ดำเนินการต่อไป ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 89/2
สำหรับประเด็นการกล่าวหานายอภิสิทธิ์, นายสุเทพ และ พล.อ. อนุพงษ์ กับพวก กรณีละเว้นไม่สั่งระงับยับยั้ง ทบทวนวิธีการ หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้กำลังทหารนั้น จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์การขอคืนพื้นที่ชุมนุมเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2553 จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บแล้ว ศอฉ.ได้ทบทวนปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยไม่ใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าผลักดันผู้ชุมนุมอีกต่อไป แต่ใช้มาตรการตั้งด่านตรวจ หรือจุดสกัดปิดล้อมวงนอกไว้โดยรอบ เพื่อให้ ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมไปเอง โดยการปฏิบัติในวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 เป็นการตั้งด่านอยู่กับที่ทุกแห่ง แต่ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนกำลังเข้าไปควบคุมพื้นที่บริเวณสวนลุมพินี โดยไม่ได้มีการผลักดันต่อผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์โดยตรง แต่เป็นการกดดันต่อกองกำลังติดอาวุธที่ยึดสวนลุมพินีอยู่ ซึ่งการปฏิบัติในการกระชับพื้นที่สวนลุมพินี ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยประกาศให้ผู้ชุมนุมออกไปจากพื้นที่ก่อน หลังจากประกาศแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเข้าไป
“ดังนั้น ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน ยังรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม กับพวก ได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการดำเนินการ ในเรื่องดังกล่าว โดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ หรือเป็นผู้ก่อหรือใช้ให้มีการฆ่าผู้อื่น โดยเจตนาเล็งเห็นผลแต่อย่างใด คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไปเช่นกัน” เอกสารประชาสัมพันธ์ของ ป.ป.ช. ระบุ