ป.ป.ช.ปล่อย "มาร์ค-เทือก" พ้นมลทินคดีสลายเสื้อแดงปี 53 อ้างการขอคืนพื้นที่ดำเนินการขั้นตอนอย่างถูกต้อง ไม่ได้ดำเนินการกับประชาชนโดยตรง แต่ทำเพื่อกดดันกลุ่มติดอาวุธในสวนลุมพินี ส่วนเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายปฏิบัติยังไม่พ้นผิด ป.ป.ช.โยนให้ดีเอสไอชี้ขาด
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.58 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. แถลงมติที่ประชุมป.ป.ช.กรณีคำร้องการไต่สวนถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผบ.ทบ.กับพวก ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สั่งใช้กำลังทหาร ตำรวจสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ช่วงวันที่ 10 เม.ย. ถึง19 พ.ค.53 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่า ขณะเกิดเหตุมีการสั่งใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธปืนเข้าขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ในช่วงเวลาดังกล่าว อยู่ในช่วงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ปรากฏข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลว่าการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มิใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ จึงมีเหตุจำเป็นที่ศอฉ.ต้องขอพื้นที่คืน โดยมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่นำอาวุธติดตัว หากมีความจำเป็นสามารถนำมาใช้เพื่อระงับยับยั้งได้ ตามสถานการณ์หรือป้องกันตนเองได้ แต่เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้อาวุธปืนตามความจำเป็น พอสมควรแก่เหตุ อันเป็นภาระหนักและยากยิ่งในการปฏิบัติ
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบดังกล่าวได้ หากภายหลังสามารถพิสูจน์ได้ว่า มีการใช้อาวุธปืน เกินสมควรแก่เหตุ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอันเป็นความรับผิดเฉพาะตัว เช่นเดียวกับนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ต้องรับผิดในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่า รู้ว่าเจ้าหน้าที่ภายใต้บังคับบัญชาใช้กำลังบังคับและอาวุธปืนโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ไม่ดำเนินการยับยั้ง ป้องกัน ซึ่งคดีการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนในการสลายการชุมนุมกลุ่มนปช.ปี53 ในเหตุการณ์เดียวกันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้รับดำเนินการเป็นคดีพิเศษด้วย จึงมีมติให้ส่งเรื่องการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ทหารที่เป็นผู้กระทำให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว รวมถึงนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ ซึ่งมิใช่บุคคลตาม มาตรา 66 ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการต่อไป ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 89/2
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนประเด็นการกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพล.อ.อนุพงษ์ กรณีไม่ระงับยับยั้ง ทบทวน หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้กำลังทหารนั้น จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่ชุมนุม เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแล้ว ศอฉ.ได้ทบทวนปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยไม่ใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าผลักดันผู้ชุมนุมอีกต่อไป แต่ใช้มาตรการตั้งด่านตรวจ หรือจุดสกัดปิดล้อมวงนอกไว้โดยรอบ เพื่อให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมไปเอง โดยการปฏิบัติในวันที่ 14 พ.ค.53 เป็นการตั้งด่านอยู่กับที่ทุกแห่ง
เลขาธิการป.ป.ช.กล่าวด้วยว่า แต่ในวันที่ 19 พ.ค.53 เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนกำลังเข้าไปควบคุมพื้นที่สวนลุมพินี โดยไม่ได้มีการผลักดันต่อผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์โดยตรง แต่เป็นการกดดันต่อกองกำลังติดอาวุธที่ยึดสวนลุมพินีอยู่ การกระชับพื้นที่สวนลุมพินี ในวันที่ 19 พ.ค.53 ได้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยประกาศให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ก่อน หลังจากประกาศแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเข้าไป ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน ยังรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามกับพวก ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว โดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชนหรือเป็นผู้ก่อหรือใช้ให้มีการฆ่าผู้อื่น โดยเจตนาเล็งเห็นผลแต่อย่างใด ที่ประชุม ป.ป.ช.จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป.
ป.ป.ช. ปล่อย 'มาร์ค-เทือก' พ้นมลทิน ปมสลายทัพแดงปี 53
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.58 ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการป.ป.ช. แถลงมติที่ประชุมป.ป.ช.กรณีคำร้องการไต่สวนถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีตผบ.ทบ.กับพวก ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สั่งใช้กำลังทหาร ตำรวจสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ช่วงวันที่ 10 เม.ย. ถึง19 พ.ค.53 ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่า ขณะเกิดเหตุมีการสั่งใช้กำลังทหารพร้อมอาวุธปืนเข้าขอคืนพื้นที่จากกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ในช่วงเวลาดังกล่าว อยู่ในช่วงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ปรากฏข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลว่าการชุมนุมของกลุ่ม นปช. มิใช่การชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญ จึงมีเหตุจำเป็นที่ศอฉ.ต้องขอพื้นที่คืน โดยมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่นำอาวุธติดตัว หากมีความจำเป็นสามารถนำมาใช้เพื่อระงับยับยั้งได้ ตามสถานการณ์หรือป้องกันตนเองได้ แต่เจ้าหน้าที่ต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้อาวุธปืนตามความจำเป็น พอสมควรแก่เหตุ อันเป็นภาระหนักและยากยิ่งในการปฏิบัติ
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติไม่อาจหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบดังกล่าวได้ หากภายหลังสามารถพิสูจน์ได้ว่า มีการใช้อาวุธปืน เกินสมควรแก่เหตุ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บอันเป็นความรับผิดเฉพาะตัว เช่นเดียวกับนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ต้องรับผิดในกรณีที่พิสูจน์ได้ว่า รู้ว่าเจ้าหน้าที่ภายใต้บังคับบัญชาใช้กำลังบังคับและอาวุธปืนโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ไม่ดำเนินการยับยั้ง ป้องกัน ซึ่งคดีการเสียชีวิตและบาดเจ็บของประชาชนในการสลายการชุมนุมกลุ่มนปช.ปี53 ในเหตุการณ์เดียวกันนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้รับดำเนินการเป็นคดีพิเศษด้วย จึงมีมติให้ส่งเรื่องการดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ทหารที่เป็นผู้กระทำให้เกิดการเสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว รวมถึงนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาในพื้นที่ ซึ่งมิใช่บุคคลตาม มาตรา 66 ให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการต่อไป ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 89/2
นายสรรเสริญ กล่าวว่า ส่วนประเด็นการกล่าวหา นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ และพล.อ.อนุพงษ์ กรณีไม่ระงับยับยั้ง ทบทวน หรือปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้กำลังทหารนั้น จากการไต่สวนข้อเท็จจริงพบว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์ขอคืนพื้นที่ชุมนุม เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 53 เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บแล้ว ศอฉ.ได้ทบทวนปรับเปลี่ยนรูปแบบวิธีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ โดยไม่ใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าผลักดันผู้ชุมนุมอีกต่อไป แต่ใช้มาตรการตั้งด่านตรวจ หรือจุดสกัดปิดล้อมวงนอกไว้โดยรอบ เพื่อให้ผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมไปเอง โดยการปฏิบัติในวันที่ 14 พ.ค.53 เป็นการตั้งด่านอยู่กับที่ทุกแห่ง
เลขาธิการป.ป.ช.กล่าวด้วยว่า แต่ในวันที่ 19 พ.ค.53 เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนกำลังเข้าไปควบคุมพื้นที่สวนลุมพินี โดยไม่ได้มีการผลักดันต่อผู้ชุมนุมที่แยกราชประสงค์โดยตรง แต่เป็นการกดดันต่อกองกำลังติดอาวุธที่ยึดสวนลุมพินีอยู่ การกระชับพื้นที่สวนลุมพินี ในวันที่ 19 พ.ค.53 ได้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยประกาศให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ก่อน หลังจากประกาศแล้ว เจ้าหน้าที่จึงเข้าไป ข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่ได้จากการไต่สวน ยังรับฟังไม่ได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามกับพวก ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการดำเนินการเรื่องดังกล่าว โดยมีเจตนาเพื่อให้เกิดความเสียหายกับประชาชนหรือเป็นผู้ก่อหรือใช้ให้มีการฆ่าผู้อื่น โดยเจตนาเล็งเห็นผลแต่อย่างใด ที่ประชุม ป.ป.ช.จึงมีมติให้ข้อกล่าวหาตกไป.