[CR] เหตุจาก ‘แป้งพี่เวย์’ เลยสงสัยว่า ผู้ชายจำเป็นต้องใช้ ‘แป้งคุมความมัน’ – ‘พัฟ’ ด้วยเหรอ!?

เห็นสินค้าแป้งยี่ห้อหนึ่งของคนไทย ที่เพิ่งรีแบรนด์ไปเมื่อปีที่แล้ว จนทำให้ยอดขายพุ่งพรวดๆ มาปีนี้อยู่ดีๆ ไม่รู้อะไรเข้าสิง จากที่ทำแป้งพัฟสำหรับผู้หญิง (ซึ่งผู้หญิงก็ใช้เป็นปกติ) จู่ๆ ไม่รู้อะไรดลใจ ทำแป้งพัฟสำหรับผู้ชาย ให้ผู้ชายใช้!?

ไม่รู้ว่าเจ้าของสินค้ากินอะไรเข้าไป และผมก็คงไม่มีปัญหาอะไรกับแป้งพัฟของพี่เขาหรอก ถ้าแฟนผมเขาไม่ซื้อ (แล้วมากึ่งบังคับกึ่งข่มขู่) ให้ผมใช้นี่สิ -_- เรื่องของเรื่องคือ เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าพี่เขาไม่เลือกพรีเซนเตอร์โฆษณาเป็น พี่เวย์ ไทเทเนี่ยม ที่แฟนผมกรี๊ดมากกก (ก อีก 30 ล้านตัว)



พอคุณเธอเห็นโฆษณานี่เข้าไป เท่านั้นล่ะ...ไปไกลเลย ซื้อแป้งไอ้นี่มาให้ผม แล้วบอกว่า “เธอๆ ลองใช้หน่อยสิ เผื่อจะได้ดูดีแบบพี่เวย์เขาบ้าง”



เอ่อ...ประเด็นคือ เบ้าหน้าตรูไม่ใกล้เคียงกับเวย์เลย แล้วมันจะไปดูดีแบบพี่เขาได้ไง (วะ) จริงๆ ก็อยากบอกแฟนยังงี้ แต่เห็นเธอตั้งใจซื้อมา แถมยังกำชับว่า ให้ทาทุกวัน ไม่พอยังบอกที่มา (ซึ่งผมไม่อยากรู้) ว่าราคาตั้ง 350 บาท ก่อนจบด้วยท่าไม้ตาย ถ้าไม่ทา ไม่ต้องมาพูดกันเลย พอโดนทิ้งท้ายแบบนี้ เกิดเป็นลูกผู้ชายทั้งทีก็ต้อง... ยอมสิครับ T-T ซึ่งจริงๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับไอ้การทาปงทาแป้งนี่หรอกครับ แต่ที่มีปัญหา คือ ยิ้มต้องใช้ ‘พัฟ’ นี่สิ!



แค่เห็นนี่ก็รู้สึก “BUT SOAPPPPPPP” สุดๆ ไม่เข้าใจครับว่า จะมี พัฟ มาเพื่อออ!!! ไม่ต้องถึงขั้นลงมือใช้ แค่คิดจะใช้ก็ ‘ทุกข์’ แล้วครับ แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ แฟนซื้อมาแล้ว ยังไงก็ต้องใช้ พอชีวิตเป็น ‘ทุกข์’ เพราะ ‘พัฟทาหน้า’ ผมก็นึกถึงหลักอริยสัจ 4 ทันที ที่ว่าเมื่อมีทุกข์แล้ว และต้องการดับทุกข์นั้น ก่อนอื่นต้องมองหา ‘สมุทัย’ หรือสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์

แล้วผมก็พบว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์จริงๆ นั้น ไม่ใช่พัฟทาหน้า แต่เป็นความคิดของตัวเองที่คิดว่า พัฟ = ผู้หญิง จนทำให้รู้สึกอายคนอื่น (รวมถึงตัวเองด้วย) และคงรับตัวเองไม่ได้ถ้าต้องใช้พัฟ (มีผู้ชายคนไหนรับได้ด้วยเหรอครับ ใครรับได้ บอกหน่อย อยากรู้เหตุผล)

พบสาเหตุ (มุมมองที่มีต่อพัฟ) แล้ว ก็ต้องหาวิธีดับทุกข์หรือ ‘นิโรธ’ คำถามคือแล้วจะดับยังไง ก็ต้องหามรรคหรือทางที่ทำให้พ้นทุกข์ ซึ่งมรรคมีองค์ 8 และมีข้อแรกที่สำคัญมาก คือ สัมมาทิฐิ แปลว่า ความเห็นชอบ ที่ถูกต้องตรงกับความเป็นจริง

แล้วความจริงของ พัฟ คืออะไร มันมีมาเพื่ออะไร แล้วทำไมผม (และอาจหมายถึง ‘เรา’ ผู้ชายที่กำลังเผชิญชะตากรรมเดียวกับผม--ฮา) จะต้องใช้มันด้วย!? ผมเลยหาคำตอบดู ก็พบว่า...



แป้งของพี่เวย์ เป็น ‘แป้งฝุ่น’ แป้งแบบนี้จะมีเนื้อละเอียดกว่าแป้งเด็กหรือแป้งกระป๋องที่เราใช้ๆ กัน (อย่างปกติผมใช้แป้งตรางู วันไหนร้อนๆ ต้องทาเลย ชโลมตั้งแต่ซอกคอ ซอกแขน ขาหนีบ รักแร้ หน้านี่ขาดไม่ได้ เย็นสะใจมากครับ แนะนำเลยสำหรับคนขี้ร้อน... ดีไซน์กระป๋องสวยคลาสสิคเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่รุ่นแม่ เวลาวางในห้องน้ำดูฮิปๆ ดี แถมราคาไม่แพงด้วย อิอิ)



กลับมาที่แป้งพี่เวย์ต่อ... แป้งพี่เค้าเนื้อละเอียดเหมือนแป้งตลับ เท่ากับว่าเนื้อแป้งจะมีความละเอียดและบางเบา เวลาทาจะอุดตันรูขุมขนน้อยกว่าแป้งเด็ก มีประโยชน์คือ ผู้หญิงจะใช้รองพื้นก่อนแต่งหน้า และถ้าเป็นผู้ชายที่ไม่แต่งหน้า แป้งจะช่วยให้หน้าเนียนใส เป็นธรรมชาติ (อ้างอิง: http://carewhite.blogspot.com/2014/08/blog-post.html)

พอเนื้อแป้งมันละเอียดกว่าปกติ (เทียบกับแป้งทั่วไป) ก็เลยจำเป็นต้องใช้ ‘พัฟ’ เป็นอุปกรณ์ช่วยเกลี่ยแป้งลงบนผิวให้เรียบเนียน ถ้าใช้มือ แป้งจะติดอยู่ตามซอกผิวบนฝ่ามือเพราะเหงื่อหรือความชื้นที่มือ หรือไม่มีเหงื่อก็เวิร์ค เพราะฝ่ามือหยาบกว่าเนื้อแป้ง การใช้ พัฟ ทาแป้งจึงให้ผลดีกว่า เพราะเนื้อพัฟละเอียดกว่าผิวบนฝ่ามือ ดังนั้นพัฟเลยทาแป้งได้เรียบและเนียนกว่ามือ

ว่าแล้ว...ผมก็เลยลองดูซะเลย โดยใช้แป้งเทลงบนฝ่ามือ และใช้พัฟปะแป้ง



จากนั้น...ทาหน้าอย่างละครึ่งหน้า



ผลก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละครับ...



จะเห็นว่า ฝั่งที่ใช้พัฟทาจะเนียนกว่าตามข้อมูลที่อ่านมาจริงๆ อืม...นี่สินะที่เขาบอกว่า ทุกสิ่งที่อยู่ในโลกล้วนมีเหตุผลในตัวของมันเอง พอได้รู้ถึงเหตุผลการมีอยู่ของพัฟ ก็ทำให้เข้าใจมากขึ้น จากที่เคยอคติจนถึงขั้นเป็นทุกข์ ก็เริ่มมองมันเป็นเพียงอุปกรณ์หรือเครื่องใช้สอยอย่างหนึ่ง จนผมแอบคิดว่า ไอ้สัญลักษณ์หรือสิ่งของที่แบ่ง ความเป็นชาย-ความเป็นหญิง เช่น รถ = ผู้ชาย, ตุ๊กตา = ผู้หญิง ฯลฯ ที่ฝังอยู่ในหัวเรา จริงๆ มันก็เป็นเพียงแค่มายาคติ และสิ่งที่เราสมมติมันขึ้นมา เพื่อให้มันมีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่งในการดำรงอยู่ เพื่อให้มนุษย์ไม่ต้องหาความหมายหรือตั้งคำถามถึงการดำรงอยู่ของมันอีกต่อไป

พัฟ = ผู้หญิง จึงดูเหมือนเป็นความคิดที่ไร้สาระ (แต่ยอมรับว่า ลึกๆ แล้วผมก็ยังรู้สึกเขินถ้าจะต้องหยิบพัฟมาใช้ แต่ไอ้ความอคติหรือต่อต้านที่มีก็เบาบางลงไปเยอะ พอได้รู้ว่าอะไรเป็นเหตุผลของการมีอยู่)

หลังหาเหตุผลให้ตัวเองยอมรับที่จะใช้ ‘พัฟ’ (คือ ผมว่าผู้ชายส่วนใหญ่ต้องการตรรกะหรือเหตุและผลบางอย่างในการตัดสินใจทำอะไรๆ นะครับ) ก็มาดูที่คุณสมบัติของแป้ง ว่ามันมีประโยชน์อะไร ตรงนี้ผมลองเสิร์ชๆ หาจากในเน็ตครับ แล้วก็พบว่า แป้งของพี่เวย์เป็นแป้งควบคุมความมัน พอทาแล้วจะช่วยให้หน้าดูเนียนและสว่างกว่าหน้าเปลือยๆ ปกติ (อ้างอิง: http://www.kaosuaylunla.com/2015/10/srichand-for-men-vs-srichand-translucent.html)

คำถามต่อมา คือ ยิ้มจริงแค่ไหน? ของอย่างนี้มันต้องพิสูจน์...
พอคิดได้ดังนี้ ผมก็จัดการออกแบบการทดลอง โดยเริ่มจากการใช้โฟมล้างหน้า ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำเป็นปกติ พอล้างเสร็จแล้ว ก็แบ่งพื้นที่หน้าของตัวเองออกเป็นอย่างละครึ่ง ครึ่งหนึ่งไม่ทำอะไร อีกครึ่งทาแป้งพี่เวย์ (จริงๆ มันก็มีชื่อของมันนะ แต่แฟนผมเธอเรียกอย่างนี้ ‘แป้ง-พี่-เวย์’ เฮ้อ...)



แล้วผมก็ทดสอบความมันที่เกิดขึ้น โดยใช้กระดาษซับหน้ามัน แปะลงไปบนหน้าทั้ง 2 ข้าง เพื่อดูว่า ข้างที่ทาแป้งพี่เวย์ กับไม่ได้ทา ให้ผลต่างแค่ไหน



จากนั้น ก็แบ่งวิธีทดสอบออกเป็น 3 วิธี โดยจำลองจากวิถีชีวิตประจำวันของตัวเอง คือ

1. ทาแป้งก่อนออกไปทำงาน แล้วดูว่าเมื่อเวลาผ่านไป ผลจะเป็นยังไง
2. ทาแป้งแล้วออกไปเดินกลางวันที่แดดเปรี้ยงๆ เพื่อจำลองสถานการณ์ตอนไปกินข้าวกลางวัน
3. ทาแป้งแล้วนั่งต้มสุกี้กิน (ปกติที่ออฟฟิศจะมีหม้อสุกี้-ชาบู ถ้าวันไหนว่างๆ ผมกับเพื่อนๆ จะชวนกินกันตอนเย็น)


***ซึ่งผมจะทดลองโดยไม่มีการเติมแป้งใหม่ เพื่อดูผลจากที่ทำการทดสอบทั้งวันว่า หน้าที่ทาแป้งพี่เวย์ กับไม่ทา ให้ผลต่างกันแค่ไหน

Start...
1. ก่อนออกไปทำงาน

หลังอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า ผมใช้อันนี้...แฟนซื้อมาฝากจากญี่ปุ่นครับ



ส่วนตัวผมใช้แล้วค่อนข้างชอบนะ รู้สึกว่าหน้าสะอาดดี เอ้า! ล้างๆๆ...



จากนั้นก็ใช้พัฟทาแป้งบนหน้า... ข้างซ้าย-ทาแป้งพี่เวย์, ข้างขวา-หน้าเปล่าๆ "เวลาที่ทาแป้ง คือ 09:08 น."





ถ้าสังเกตจะเห็นว่า หน้าด้านซ้ายที่มีแป้งพี่เวย์ จะดูสว่างกว่าด้านที่ไม่ได้ทา พอเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางไปทำงาน (โชคดี ที่ขับรถส่วนตัว เลยไม่ต้องกังวลว่าคนจะเห็นว่าหน้า 2 ข้าง สว่างไม่เท่ากัน) ...เที่ยงปุ๊บ! ก่อนออกไปกินข้าว ก็ขอพิสูจน์สักหน่อย กระดาษซับหน้าพร้อมแล้ว จะรออะไรล่ะครับ แปะ!



แล้วนี่คือผลลัพธ์จากการพิสูจน์ครัชชช



ข้างซ้ายคือที่ซับลงบนหน้าที่ทาแป้งพี่เวย์ ข้างขวาคือที่ซับลงบนหน้าเปลือยๆ จะเห็นได้ว่า ‘ด้านที่ไม่มีแป้งมีความมันมากกว่า ส่วนด้านที่ลงแป้งก็ใช่ว่าจะไม่มีความมัน แต่ถ้าถือว่า แป้งพี่เวย์เป็นแป้งคุมมัน ก็นับว่า มันก็ได้ทำหน้าที่ของมันแล้วในระดับหนึ่ง’
*ดูจากชื่อเรียก แป้งควบคุมความมัน = ควบคุม...ไม่ได้กำจัดหรือป้องกัน แสดงว่าช่วยลดความมัน ไม่ได้ทำให้หน้าไม่มัน ต้องเข้าใจตรงนี้ก่อน...    

เอาล่ะ! ถึงเวลากินข้าวแล้ว (ตอนนี้เที่ยงกว่าๆ ลงมากินเลทนิดหน่อย) พอลงจากตึกแล้วเงยหน้ามองท้องฟ้า ก็พบว่า โอ้ว... แดดใสฟ้าสวยเหมือนเช่นเคย (ร้อนอีกแล้วครับท่าน -_-:ยิ้ม



ซัดข้าวเที่ยงพร้อมแดดร้อนระอุจนเหงื่อชุ่มซอกแร้เบาๆ ก็ถึงเวลากลับมาทำงานต่อ ก่อนจะนั่งทำงาน ก็ทดสอบผลอีกครั้ง แปะ!



ผลที่ได้...



จะเห็นว่า หน้าที่ไม่ได้ทาแป้งเริ่มมีความมันอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่หน้าฝั่งซ้ายที่ไม่ได้ทาแป้ง ก็มีความมันเหมือนกัน แต่น้อยกว่า พอเคลียร์งานเสร็จ มองท้องฟ้า แดดเริ่มโรย ท้องก็เริ่มหิว... เพื่อให้เป็นไปตามแผนการทดลองที่วางไว้ ผมก็เลยเรียกเพื่อนๆ มาทำสุกี้กินกัน ส่วนผสมไม่มีอะไรมาก หาได้ตามเซ-เว่นทั้งนั้นครับ หม้อพร้อม! เตาพร้อม! คนพร้อม!—ลุย!!!




ระหว่างที่นั่งกิน ควันก็ฟู่ๆๆ ลอยคลุ้งมาปะทะหน้า แหม...กลิ่นห๊อม..หอม จรุงใจเสียนี่กระไร (ระหว่างที่พิมพ์ นึกแล้วก็แอบน้ำลายไหล เหอๆ...)



การทดสอบนี้หน้าเผชิญกับควัน ไอร้อน และไอไขมันในอากาศจากหม้อชาบูกว่า 30 นาที พอกินเสร็จ ก็คันไม้คันมือขึ้นมาทันที  ...แปะ! สิครับ



และนี่คือผลที่ได้!!!



จากรูปคงไม่มีต้องบรรยาย เห็นๆ กันอยู่ว่า ฝั่งซ้ายที่มีแป้งพี่เวย์ช่วยให้หน้ามันน้อยกว่าฝั่งขวา คราวนี้ลองมาดูผลการทดสอบทั้ง 3 ครั้ง ข้างบน-มีแป้งพี่เวย์ ข้างล่าง-ไม่มี เรียงลำดับการทดสอบจากซ้ายไปขวา

ชื่อสินค้า:   Srichand Translucent Powder For Men
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่