ตอนที่ 4
บ่วงกรรมบ่วงเสน่หา
โดย...ล. วิลิศมาหรา
สองสาวรับฟังสิ่งที่ชายหนุ่มรูปงามเล่าด้วยสีหน้าบรรยายไม่ถูก เรื่องราวที่ได้ฟังดูพิลึกพิลั่น โดยเฉพาะช่อชบา!!! หญิงสาวหน้าซื่อทำหน้างง ๆ
“แล้วคุณไปบอกพ่อคุณแบบนี้ ต่อไปคุณจะทำยังไงในเมื่อฉันไม่ได้เป็นแฟนคุณจริง ๆ”
ชายหนุ่มอึกอักอยู่เป็นครู่ เขาสบตากับเนตรนภิสอย่างขอความช่วยเหลือ
“พี่ชาติเค้าจะขอให้แกช่วยเล่นละครให้จบฉาก”
สาวแว่นดูออก หล่อนจึงช่วยอธิบาย
“แกช่วยไปแสดงตัวว่าเป็นคนรักของพี่ชาติสักวันเหอะ หลังจากนั้นพี่ชาติเขาจะจัดการเรื่องนี้ต่อเอง”
“หา...เมื่อกี้จะให้ทำงานเป็นเลขาส่วนตัว ตอนนี้จะให้เพิ่มหน้าที่เป็นแฟนกำมะลอให้คุณผู้ช่วยอีกหนึ่งตำแหน่ง ไม่เอาล่ะ ฉันขอนอนพักก่อนนะ ฉันเริ่มมีอาการสวิงสวายคล้าย ๆ จะเป็นลมขึ้นมาอีกแล้ว”
ช่อชบาโวยวาย พลิกตัวตะแคงข้างหันหน้าหนีทันที หล่อนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัว ทำท่าจะตัดบทการสนทนา
“คุณช่อชบา...ผมขอร้อง กรุณาช่วยผมด้วย...”
เสียงขอร้องของเขมชาติดังขึ้น น้ำเสียงที่เคยห้วน ๆ ของหนุ่มหน้าขรึมอ่อนลงจนรู้สึกได้
หืม...เลขาสาวลืมตาโต รู้สึกอัศจรรย์ใจกับน้ำเสียงอ้อนวอนนั้น
...ตั้งแต่เจอหน้ากันก็วางท่าเป็นเจ้านายมาตลอด ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดอ่อน ๆ อย่างหมดท่าจากหนุ่มขี้เก๊กคนนี้...
แต่หญิงสาวยังคงนอนนิ่ง ไม่ยอมหันหน้ากลับมา
“นลินีมาเห็นว่าคุณเป็นแฟนผมแล้ว ดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกคงต้องขอให้คุณช่วย แค่ช่วยดึงเวลาเอาไว้ไม่ให้นลินีเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตผมสักระยะหนึ่ง ให้ผมได้มีเวลาตั้งตัวรับมือกับเธอ...และเจอผู้หญิงคนที่ผมรัก ถึงเวลานั้นผมก็จะแต่งงานจริง ๆ คุณช่วยแสดงตัวเป็นคนรักของผมแค่วันที่ผมพาคุณไปพบคุณพ่อ และในเวลาที่นลินีเข้ามาตอแยผมในบริษัทเนตรเท่านั้น ไม่ได้ผูกมัดคุณตลอดเวลา สิ่งที่ผมรบกวนคุณครั้งนี้ ผมยินดีตอบแทนคุณด้วยเงินสดหนึ่งล้านบาท แยกต่างหากกับค่าจ้างการทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของผมครับ”
หนึ่งล้านบาท...แม่จ้าว.... ช่อชบาลืมตาโต
เท่ากับเงินที่เนตรนภิสเอาไปไถ่ถอนบ้านและที่ดินของยายพอดีน่ะสิ ถ้าได้มาจริง ๆ เธอก็จะมีเงินชดใช้คืนให้เพื่อนรักเสียที...บวกลบคูณหารในใจเสร็จ แม่เลขาสาวจึงค่อย ๆ หันหน้ากลับมา
...ฉันไม่ได้งกเงินหรอก แต่ก็อยากได้เงินล้านนี่จริง ๆ ให้ตาย...
อะแฮ่ม...หญิงสาวกระแอมเล็กน้อย ขยับตัวให้นอนหงายตัวตรง วางท่าเจรจาเป็นการเป็นงาน
“เรื่องกลุ้มของคุณฟังดูก็น่าสงสาร แต่ฉันขอปรึกษากับแฟนฉันก่อนนะ ไม่รู้ว่าพี่อนุชาจะว่ายังไง เขาอาจหึงและไม่อนุญาตก็ได้”
หน้าแป้นแล้นนั้นเชิดขึ้น พูดถึงแฟนหนุ่มวิศวกรมาดพระเอกซีรี่ย์แดนกิมจิอย่างภูมิอกภูมิใจ
“ฉันจะช่วยอธิบายพี่อนุชาให้แกเอง เรื่องไม่ได้ซับซ้อนอะไร พี่เค้าเข้าใจอยู่แล้ว”
เนตรนภิสช่วยเสริม รู้สึกหมั่นไส้แม่เพื่อนรักขึ้นมาตงิด เหอะ ทำเล่นตัว เดี๋ยวก็ชวดเงินล้านพอดี
“ไม่ซับซ้อน...โอ มายก็อต แฟนเก่ากลายมาเป็นแม่เลี้ยงที่กะฟาดเรียบทั้งพ่อทั้งลูก จนลูกชายต้องหาแฟนกำมะลอมาเป็นหนังหน้าไฟ ทีนี้พ่อดันอยากเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ นังเลขาหน้าห้องจน ๆ เลยต้องปลอมไปเป็นอีสาวนักเรียนนอกให้ลูกเศรษฐี...มันจะมีอะไรที่ซับซ้อนเยอะกว่านี้อีกมั้ย เจ้านาย นอกจากในนิยาย...”
“คุณตกลงรับช่วยผมแล้วใช่ไหม”
ชายหนุ่มไม่สนใจคำพูดโยกโย้ ถามคาดคั้นเอาคำตอบ น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดเมื่อรู้สึกว่าแม่เลขาชักเล่นตัวมากไป
“ยัง”
....นี่...ให้มันรู้เสียมั่ง ได้เวลาเอาคืนแล้ว นังช่อ
“เรื่องจ้างฉันให้เป็นหนังหน้าไฟนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานของคุณในตำแหน่งเลขาส่วนตัวยังไม่ผ่านเลย อย่าพึ่งข้ามไปเรื่องอื่น เพราะฉันมีข้อแม้อยู่สามข้อ”
สาวหน้าม้าเต่อทำท่าหยิ่ง ๆ พยักพเยิดให้เพื่อนสาวคนสนิทพูดต่อ
“ช่อมันมีข้อแม้ว่า หนึ่ง พี่ชาติอย่าดุมันอย่างไม่มีเหตุผล สอง อย่าล้อมันด้วยชื่อหนูหิ่นให้เรียกมันว่าหนูช่อ สาม....”
“อย่ามาถูกเนื้อต้องตัวฉันเหมือนวันนี้อีก”
ช่อชบารีบต่อให้ ตาโต ๆ ถลึงใส่ ยังนึกเคืองไม่หายที่โดนชายหนุ่มแปลกหน้ากอดรัดเธอแน่นจนแทบหายใจไม่ออก...ขนาดพี่อนุชายังไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาก่อนนอกจากจับมือถือแขนธรรมดา ทั้ง ๆ ที่ พูดก็พูดเถอะ เธออยากให้เขาทำใจจะขาด เขมชาติฟังแล้วก็คลี่ยิ้มอย่างโล่งใจ ท่าทางหงุดหงิดคลายลง
“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร ผมขอโทษ...”
อืม เข้าท่าแฮะ รู้จักสำนึกผิด ลูกคนรวยที่ชอบทำอะไรไม่เห็นหัวคนอื่น แต่ยังขอโทษเป็นก็นับว่าใช้ได้ทีเดียว น่านับถืออยู่บ้าง
“ข้อหนึ่งกับข้อสองผมสัญญา ส่วนข้อสามผมขอสาบานว่าจะไม่ทำอีกเด็ดขาด”
ฟังดูขึงขังจริงจัง แม้มันทะแมง ๆ ชอบกล ช่อชบาขมวดคิ้ว แต่ก็พยักหน้าหงึก ๆ
“ทีนี้มาถึงเรื่องปลอมตัวเป็นแฟนกำมะลอ ชั้นจะเป็นให้แค่วันเดียวเท่านั้น คือวันที่คุณพาไปพบคุณพ่อของคุณ แล้วจะไม่ทำอีกเด็ดขาด ส่วนถ้าแม่เลี้ยงของคุณมาเกะกะในที่ทำงานของเพื่อนชั้น คุณต้องยอมทำตามที่ฉันบอกให้ทำทุกอย่างโอเค๊..”
“ตกลงครับ”
ชายหนุ่มรีบรับคำแทบไม่ต้องคิด
“ส่วนเงินค่าจ้างหนึ่งล้านบาท ฉันขอให้คุณโอนเข้าบัญชีของเนตรด้วย”
“เฮ้ย..ไม่ต้องรีบ”
เนตรนภิสรีบร้องห้าม
“ชั้นไม่ได้เร่งแกสักหน่อย”
“แกทำธุรกิจต้องใช้เงินหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา จะเอาเงินมาจมอยู่กับฉันได้ยังไง แกช่วยฉันมากไปแล้วเนตร อย่าให้ฉันรู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลย เงินล้านนี่ฉันก็ไม่ได้มาฟรี ๆ อุตส่าห์ทำงานสุดพิสดาร คงคุ้มค่าจ้างอยู่หรอก เอาเป็นว่าฉันรับทำงานนี้ให้คุณ แต่ต้องให้พี่อนุชาแฟนชั้นอนุญาตก่อนนะ ชั้นต้องคุยกับเขาดูก่อน”
“เรื่องนี้ฉันช่วยแกเองนังช่อ เอาล่ะ แกนอนพักเหอะ รอหมอมาพาไปเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์สแกนทั้งตัว กับรอฟังผลเลือด ผลเอกซเรย์ ที ซี สแกน ฉันกับพี่ชาติจะกลับไปเคลียร์งานที่บริษัทก่อนแล้วจะให้ดวงดาวมาอยู่เป็นเพื่อน”
เนตรนภิสพูดถึงเพื่อนเลขาอีกคนหนึ่งซึ่งจะมานั่งทำหน้าที่แทนช่อชบาที่โต๊ะรีเซฟชั่น
“ส่วนยายแก ฉันโทรไปบอกให้แล้วว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไงแกโทรคุยกับยายแม้นอีกทีก็แล้วกัน”
เนตรนภิสกำชับเพื่อนก่อนชวนเขมชาติกลับออกไปจากห้อง ช่อชบาพยักหน้าตกลงขณะแอบระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้เป็นวันโลกาวินาศสำหรับหญิงสาวหน้าซื่อเสียจริง ๆ ภายในวันเดียวเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายอย่างที่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ!!!
เมอร์ซิเดสเบนซ์สีดำวาววับ แล่นผ่านประตูอัลลอยด์ที่บังคับด้วยรีโมทคอนโทรล อ้อมคฤหาสน์หลังใหญ่เข้ามาจอดหน้าบ้านชั้นเดียวหลังเล็กที่สร้างหลบอยู่ตรงมุมหนึ่งของที่ดินกว้างขวางเกือบสิบไร่ ในย่านซึ่งที่ดินมีราคาแพงราวทองคำ
หญิงสาวสวยในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีแดงเพลิงแขนกุด รัดรูป อวดสัดส่วนชวนใจชายละลาย กับผิวขาวผ่องนวลเนียน ก้าวเท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงกว่าสองนิ้ว สีเดียวกันกับเดรสลงมาจากรถด้วยท่วงท่าเชิดหยิ่งราวนางพญา หล่อนเดินตรงมาเปิดประตูบ้านแล้วก้าวเข้าไปอย่างคุ้นเคย
ข้างในบ้าน พิมพลอย สาวใหญ่วัยห้าสิบปี กำลังนั่งอ่านนิตยสารเกี่ยวกับดาราและแฟชั่นอยู่บนชุดรับแขก เธอเงยหน้าจากหนังสือในมือขึ้นมองหญิงสาวผู้มาเยือนอย่างดีใจระคนประหลาดใจ
“อ้าว ทำไมวันนี้มาหาแม่ได้ล่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
สาวชุดแดงวางกระเป๋าหลุยส์วิคตองราคาแพงลงบนโต๊ะรับแขก ทรุดตัวลงนั่งข้างมารดา หล่อนใช้แขนโอบรอบร่างท้วมพองามตามวัย ในชุดอยู่กับบ้านเรียบ ๆ ของผู้เป็นแม่ พลางเอาศีรษะเอนซบหัวไหล่ พูดงึมงำบอกแม่ว่า
“นีคิดถึงแม่น่ะค่ะ อยากมาหาตั้งนานแล้วแต่ไม่ว่างเลย ติดประชุม ติดออกท้องที่ช่วยมูลนิธิ วันนี้พอปลีกตัวมาได้เพราะประชุมสมาคมภริยานักธุรกิจส่งออกอัญมณีเลิกเร็ว ก็เลยถือโอกาสแวะเข้ามาหา ลุงนิคมแกความจำดีนะคะ จำรถนีได้แกเลยเปิดประตูให้...วันนี้ “เค้า”ไม่อยู่เหรอคะ นีไม่เห็นรถอยู่ในโรงรถ”
สาวสวยเล่าให้มารดาฟังถึงงานของสมาคมนักธุรกิจและของมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเด็กและสตรีของเธอ ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามอง เพราะมูลนิธินี้ทำงานแข็งขัน สามารถช่วยเหลือสตรีที่ถูกกระทำความรุนแรง และเด็กไร้บ้านให้มีที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก จนได้ลงข่าวในหน้าสื่อต่าง ๆ เป็นประจำ
นลินีซึ่งเป็นประธานมูลนิธินี้เริ่มมีชื่อเสียงในวงสังคมชั้นสูง ในฐานะภรรยาแสนสวยและใจบุญของมหาเศรษฐีใหญ่ ผู้มีหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
ประโยคท้าย ๆ เธอถามถึงนักการเมืองใหญ่เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ ผู้ที่อุปการะพิมพลอยมารดาของเธอมานานหลายปีในฐานะเมียเก็บ
“คงออกพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านแถวเมืองนนท์ ข่าวว่าแถวนั้นมีน้ำท่วมจ้ะ เห็นบ่น ๆว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลย”
“ดีแล้วค่ะ แหม นีกะเวลาได้เป๊ะมาก นึกอยู่แล้วว่าต้องไม่อยู่ แต่คุณหญิงอยู่ใช่ไหมคะ”
“อยู่จ้ะ เมื่อกี้ยังให้เด็กยกเอากล้วยบวชชีมาให้”
พิมพลอยตอบลูกสาวถึงภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของราชัย พร้อมพฤกษ์ นักการเมืองพรรครัฐบาลผู้กำลังรุ่งในเส้นทางสายการเมืองอย่างน่าจับตามอง เธอชื่อคุณหญิงนภาพร รังสีสมัย ทายาทของคหบดีเชื้อสายผู้ดีเก่าซึ่งพำนักอยู่บน“บ้านใหญ่”ในขณะที่มารดาของเธอได้ครอบครอง“บ้านเล็ก” ซึ่งบ้านทั้งสองหลังต่างเป็นสมบัติของราชัย นักการเมืองผู้โด่งดัง...ซึ่งนลินีมักใช้สรรพนามแทนตัวว่า“เขา”เวลาสนทนาตามลำพังกับมารดา และเรียกต่อหน้าคนข้างนอกบ้านว่า“คุณลุง”
รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าที่ยังคงเค้าความสวย แม้ล่วงเลยวัยสาวมาเนิ่นนานเต็มทีของพิมพลอย ขณะใช้มือลูบศีรษะบุตรสาวเบา ๆ ด้วยความรักใคร่ พลางถามอย่างเอ็นดู
“จะขึ้นไปกราบคุณหญิงท่านไหม”
“ไม่ล่ะค่ะ นีกลัวไปจ๊ะเอ๋กับ..เขา..ที่อาจกลับมา”
เธอส่ายใบหน้าสวยจับใจที่โดดเด่นด้วยผมเกล้ามวยเรียบตึงไว้ตรงท้ายทอย เผยดวงหน้าเนียนใสซึ่งแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดีแต่พองาม นลินีในวันนี้ทั้งสวยทั้งหรูหรา เลอโฉมยิ่งกว่าดารานักแสดงที่เฉิดฉายอยู่บนแผ่นฟิล์มเสียอีก
พิมพลอยรับฟังคำพูดของลูกสาวด้วยสีหน้าหม่นหมองลง เธอพยักหน้าให้ลูกน้อย ๆ พูดกับลูกสาวคนสวยว่า
“อืม...แม่เข้าใจ แต่ถึงยังไงเขาก็เคยมีบุญคุณกับเรา”
“สำหรับนีคิดว่าได้ตอบแทนบุญคุณของเขาไปหมดแล้วค่ะแม่”
หญิงสาวผละร่างออกจากผู้เป็นมารดา ใบหน้างามขึ้งเครียด ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายวาวขึ้นอย่างที่พิมพลอยต้องแอบหวั่นใจ สาวใหญ่หน้าเสียทันที
แต่เมื่อนลินีเห็นสีหน้าของมารดาที่แสดงออก รอยยิ้มหวานหยดก็ผุดขึ้นมาแทนที่
“แม่ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว อย่ากลัวเลยค่ะ ลูกสาวแม่ไม่ใช่คนโง่ นีไม่ทำอะไรบ้า ๆ หรอก”
“เค้าเป็นคนมีอิทธิพล”
พิมพลอยพูดเตือนลูกสาวเบา ๆ
“นีรู้ค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก นีว่าเราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลย แม่สบายดีไหมคะ”
นลินีเปลี่ยนเรื่องพูดหันมาไถ่ถามมารดาอย่างห่วงใย พลางเข้าโอบกอดมารดาใหม่
“แม่อยู่ที่นี่ก็สบายดี คุณหญิงท่านเข้าใจ เห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกัน ท่านดีกับแม่เสมอต้นเสมอปลาย”
แววตาสวยซึ้งของนลินีหม่นเศร้าลง ก่อนหน้าเธอเคยพยายามดิ้นรนหาหนทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่เมื่อเธอมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสำหรับการแยกตัวออกมาจาก “เขา” มารดาของเธอกลับไม่เห็นดีด้วย
พิมพลอยยังปักหลักอยู่ที่นี่เหมือนตัวประกัน นลินีรู้ความคิดของมารดาดีว่า พิมพลอยกำลังใช้ตัวเองเป็นประกันความปลอดภัยให้กับลูกสาวคนเดียวของเธอ เพื่อไม่ให้นลินีมุทะลุ ทำอะไรลงไปสุ่มสี่สุ่มห้า
(มีต่อค่ะ)
รักวุ่นวายยายซุ่มซ่าม ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
บ่วงกรรมบ่วงเสน่หา
โดย...ล. วิลิศมาหรา
สองสาวรับฟังสิ่งที่ชายหนุ่มรูปงามเล่าด้วยสีหน้าบรรยายไม่ถูก เรื่องราวที่ได้ฟังดูพิลึกพิลั่น โดยเฉพาะช่อชบา!!! หญิงสาวหน้าซื่อทำหน้างง ๆ
“แล้วคุณไปบอกพ่อคุณแบบนี้ ต่อไปคุณจะทำยังไงในเมื่อฉันไม่ได้เป็นแฟนคุณจริง ๆ”
ชายหนุ่มอึกอักอยู่เป็นครู่ เขาสบตากับเนตรนภิสอย่างขอความช่วยเหลือ
“พี่ชาติเค้าจะขอให้แกช่วยเล่นละครให้จบฉาก”
สาวแว่นดูออก หล่อนจึงช่วยอธิบาย
“แกช่วยไปแสดงตัวว่าเป็นคนรักของพี่ชาติสักวันเหอะ หลังจากนั้นพี่ชาติเขาจะจัดการเรื่องนี้ต่อเอง”
“หา...เมื่อกี้จะให้ทำงานเป็นเลขาส่วนตัว ตอนนี้จะให้เพิ่มหน้าที่เป็นแฟนกำมะลอให้คุณผู้ช่วยอีกหนึ่งตำแหน่ง ไม่เอาล่ะ ฉันขอนอนพักก่อนนะ ฉันเริ่มมีอาการสวิงสวายคล้าย ๆ จะเป็นลมขึ้นมาอีกแล้ว”
ช่อชบาโวยวาย พลิกตัวตะแคงข้างหันหน้าหนีทันที หล่อนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมตัว ทำท่าจะตัดบทการสนทนา
“คุณช่อชบา...ผมขอร้อง กรุณาช่วยผมด้วย...”
เสียงขอร้องของเขมชาติดังขึ้น น้ำเสียงที่เคยห้วน ๆ ของหนุ่มหน้าขรึมอ่อนลงจนรู้สึกได้
หืม...เลขาสาวลืมตาโต รู้สึกอัศจรรย์ใจกับน้ำเสียงอ้อนวอนนั้น
...ตั้งแต่เจอหน้ากันก็วางท่าเป็นเจ้านายมาตลอด ไม่นึกว่าจะได้ยินคำพูดอ่อน ๆ อย่างหมดท่าจากหนุ่มขี้เก๊กคนนี้...
แต่หญิงสาวยังคงนอนนิ่ง ไม่ยอมหันหน้ากลับมา
“นลินีมาเห็นว่าคุณเป็นแฟนผมแล้ว ดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกคงต้องขอให้คุณช่วย แค่ช่วยดึงเวลาเอาไว้ไม่ให้นลินีเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตผมสักระยะหนึ่ง ให้ผมได้มีเวลาตั้งตัวรับมือกับเธอ...และเจอผู้หญิงคนที่ผมรัก ถึงเวลานั้นผมก็จะแต่งงานจริง ๆ คุณช่วยแสดงตัวเป็นคนรักของผมแค่วันที่ผมพาคุณไปพบคุณพ่อ และในเวลาที่นลินีเข้ามาตอแยผมในบริษัทเนตรเท่านั้น ไม่ได้ผูกมัดคุณตลอดเวลา สิ่งที่ผมรบกวนคุณครั้งนี้ ผมยินดีตอบแทนคุณด้วยเงินสดหนึ่งล้านบาท แยกต่างหากกับค่าจ้างการทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของผมครับ”
หนึ่งล้านบาท...แม่จ้าว.... ช่อชบาลืมตาโต
เท่ากับเงินที่เนตรนภิสเอาไปไถ่ถอนบ้านและที่ดินของยายพอดีน่ะสิ ถ้าได้มาจริง ๆ เธอก็จะมีเงินชดใช้คืนให้เพื่อนรักเสียที...บวกลบคูณหารในใจเสร็จ แม่เลขาสาวจึงค่อย ๆ หันหน้ากลับมา
...ฉันไม่ได้งกเงินหรอก แต่ก็อยากได้เงินล้านนี่จริง ๆ ให้ตาย...
อะแฮ่ม...หญิงสาวกระแอมเล็กน้อย ขยับตัวให้นอนหงายตัวตรง วางท่าเจรจาเป็นการเป็นงาน
“เรื่องกลุ้มของคุณฟังดูก็น่าสงสาร แต่ฉันขอปรึกษากับแฟนฉันก่อนนะ ไม่รู้ว่าพี่อนุชาจะว่ายังไง เขาอาจหึงและไม่อนุญาตก็ได้”
หน้าแป้นแล้นนั้นเชิดขึ้น พูดถึงแฟนหนุ่มวิศวกรมาดพระเอกซีรี่ย์แดนกิมจิอย่างภูมิอกภูมิใจ
“ฉันจะช่วยอธิบายพี่อนุชาให้แกเอง เรื่องไม่ได้ซับซ้อนอะไร พี่เค้าเข้าใจอยู่แล้ว”
เนตรนภิสช่วยเสริม รู้สึกหมั่นไส้แม่เพื่อนรักขึ้นมาตงิด เหอะ ทำเล่นตัว เดี๋ยวก็ชวดเงินล้านพอดี
“ไม่ซับซ้อน...โอ มายก็อต แฟนเก่ากลายมาเป็นแม่เลี้ยงที่กะฟาดเรียบทั้งพ่อทั้งลูก จนลูกชายต้องหาแฟนกำมะลอมาเป็นหนังหน้าไฟ ทีนี้พ่อดันอยากเห็นหน้าว่าที่ลูกสะใภ้ นังเลขาหน้าห้องจน ๆ เลยต้องปลอมไปเป็นอีสาวนักเรียนนอกให้ลูกเศรษฐี...มันจะมีอะไรที่ซับซ้อนเยอะกว่านี้อีกมั้ย เจ้านาย นอกจากในนิยาย...”
“คุณตกลงรับช่วยผมแล้วใช่ไหม”
ชายหนุ่มไม่สนใจคำพูดโยกโย้ ถามคาดคั้นเอาคำตอบ น้ำเสียงเริ่มหงุดหงิดเมื่อรู้สึกว่าแม่เลขาชักเล่นตัวมากไป
“ยัง”
....นี่...ให้มันรู้เสียมั่ง ได้เวลาเอาคืนแล้ว นังช่อ
“เรื่องจ้างฉันให้เป็นหนังหน้าไฟนั่งทำงานอยู่ในห้องทำงานของคุณในตำแหน่งเลขาส่วนตัวยังไม่ผ่านเลย อย่าพึ่งข้ามไปเรื่องอื่น เพราะฉันมีข้อแม้อยู่สามข้อ”
สาวหน้าม้าเต่อทำท่าหยิ่ง ๆ พยักพเยิดให้เพื่อนสาวคนสนิทพูดต่อ
“ช่อมันมีข้อแม้ว่า หนึ่ง พี่ชาติอย่าดุมันอย่างไม่มีเหตุผล สอง อย่าล้อมันด้วยชื่อหนูหิ่นให้เรียกมันว่าหนูช่อ สาม....”
“อย่ามาถูกเนื้อต้องตัวฉันเหมือนวันนี้อีก”
ช่อชบารีบต่อให้ ตาโต ๆ ถลึงใส่ ยังนึกเคืองไม่หายที่โดนชายหนุ่มแปลกหน้ากอดรัดเธอแน่นจนแทบหายใจไม่ออก...ขนาดพี่อนุชายังไม่เคยทำแบบนี้กับเธอมาก่อนนอกจากจับมือถือแขนธรรมดา ทั้ง ๆ ที่ พูดก็พูดเถอะ เธออยากให้เขาทำใจจะขาด เขมชาติฟังแล้วก็คลี่ยิ้มอย่างโล่งใจ ท่าทางหงุดหงิดคลายลง
“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร ผมขอโทษ...”
อืม เข้าท่าแฮะ รู้จักสำนึกผิด ลูกคนรวยที่ชอบทำอะไรไม่เห็นหัวคนอื่น แต่ยังขอโทษเป็นก็นับว่าใช้ได้ทีเดียว น่านับถืออยู่บ้าง
“ข้อหนึ่งกับข้อสองผมสัญญา ส่วนข้อสามผมขอสาบานว่าจะไม่ทำอีกเด็ดขาด”
ฟังดูขึงขังจริงจัง แม้มันทะแมง ๆ ชอบกล ช่อชบาขมวดคิ้ว แต่ก็พยักหน้าหงึก ๆ
“ทีนี้มาถึงเรื่องปลอมตัวเป็นแฟนกำมะลอ ชั้นจะเป็นให้แค่วันเดียวเท่านั้น คือวันที่คุณพาไปพบคุณพ่อของคุณ แล้วจะไม่ทำอีกเด็ดขาด ส่วนถ้าแม่เลี้ยงของคุณมาเกะกะในที่ทำงานของเพื่อนชั้น คุณต้องยอมทำตามที่ฉันบอกให้ทำทุกอย่างโอเค๊..”
“ตกลงครับ”
ชายหนุ่มรีบรับคำแทบไม่ต้องคิด
“ส่วนเงินค่าจ้างหนึ่งล้านบาท ฉันขอให้คุณโอนเข้าบัญชีของเนตรด้วย”
“เฮ้ย..ไม่ต้องรีบ”
เนตรนภิสรีบร้องห้าม
“ชั้นไม่ได้เร่งแกสักหน่อย”
“แกทำธุรกิจต้องใช้เงินหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา จะเอาเงินมาจมอยู่กับฉันได้ยังไง แกช่วยฉันมากไปแล้วเนตร อย่าให้ฉันรู้สึกผิดไปมากกว่านี้เลย เงินล้านนี่ฉันก็ไม่ได้มาฟรี ๆ อุตส่าห์ทำงานสุดพิสดาร คงคุ้มค่าจ้างอยู่หรอก เอาเป็นว่าฉันรับทำงานนี้ให้คุณ แต่ต้องให้พี่อนุชาแฟนชั้นอนุญาตก่อนนะ ชั้นต้องคุยกับเขาดูก่อน”
“เรื่องนี้ฉันช่วยแกเองนังช่อ เอาล่ะ แกนอนพักเหอะ รอหมอมาพาไปเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์สแกนทั้งตัว กับรอฟังผลเลือด ผลเอกซเรย์ ที ซี สแกน ฉันกับพี่ชาติจะกลับไปเคลียร์งานที่บริษัทก่อนแล้วจะให้ดวงดาวมาอยู่เป็นเพื่อน”
เนตรนภิสพูดถึงเพื่อนเลขาอีกคนหนึ่งซึ่งจะมานั่งทำหน้าที่แทนช่อชบาที่โต๊ะรีเซฟชั่น
“ส่วนยายแก ฉันโทรไปบอกให้แล้วว่าไม่ต้องเป็นห่วง ไงแกโทรคุยกับยายแม้นอีกทีก็แล้วกัน”
เนตรนภิสกำชับเพื่อนก่อนชวนเขมชาติกลับออกไปจากห้อง ช่อชบาพยักหน้าตกลงขณะแอบระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน วันนี้เป็นวันโลกาวินาศสำหรับหญิงสาวหน้าซื่อเสียจริง ๆ ภายในวันเดียวเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายอย่างที่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ!!!
เมอร์ซิเดสเบนซ์สีดำวาววับ แล่นผ่านประตูอัลลอยด์ที่บังคับด้วยรีโมทคอนโทรล อ้อมคฤหาสน์หลังใหญ่เข้ามาจอดหน้าบ้านชั้นเดียวหลังเล็กที่สร้างหลบอยู่ตรงมุมหนึ่งของที่ดินกว้างขวางเกือบสิบไร่ ในย่านซึ่งที่ดินมีราคาแพงราวทองคำ
หญิงสาวสวยในชุดเดรสสั้นเหนือเข่าสีแดงเพลิงแขนกุด รัดรูป อวดสัดส่วนชวนใจชายละลาย กับผิวขาวผ่องนวลเนียน ก้าวเท้าที่สวมรองเท้าส้นสูงกว่าสองนิ้ว สีเดียวกันกับเดรสลงมาจากรถด้วยท่วงท่าเชิดหยิ่งราวนางพญา หล่อนเดินตรงมาเปิดประตูบ้านแล้วก้าวเข้าไปอย่างคุ้นเคย
ข้างในบ้าน พิมพลอย สาวใหญ่วัยห้าสิบปี กำลังนั่งอ่านนิตยสารเกี่ยวกับดาราและแฟชั่นอยู่บนชุดรับแขก เธอเงยหน้าจากหนังสือในมือขึ้นมองหญิงสาวผู้มาเยือนอย่างดีใจระคนประหลาดใจ
“อ้าว ทำไมวันนี้มาหาแม่ได้ล่ะ มีอะไรหรือเปล่า”
สาวชุดแดงวางกระเป๋าหลุยส์วิคตองราคาแพงลงบนโต๊ะรับแขก ทรุดตัวลงนั่งข้างมารดา หล่อนใช้แขนโอบรอบร่างท้วมพองามตามวัย ในชุดอยู่กับบ้านเรียบ ๆ ของผู้เป็นแม่ พลางเอาศีรษะเอนซบหัวไหล่ พูดงึมงำบอกแม่ว่า
“นีคิดถึงแม่น่ะค่ะ อยากมาหาตั้งนานแล้วแต่ไม่ว่างเลย ติดประชุม ติดออกท้องที่ช่วยมูลนิธิ วันนี้พอปลีกตัวมาได้เพราะประชุมสมาคมภริยานักธุรกิจส่งออกอัญมณีเลิกเร็ว ก็เลยถือโอกาสแวะเข้ามาหา ลุงนิคมแกความจำดีนะคะ จำรถนีได้แกเลยเปิดประตูให้...วันนี้ “เค้า”ไม่อยู่เหรอคะ นีไม่เห็นรถอยู่ในโรงรถ”
สาวสวยเล่าให้มารดาฟังถึงงานของสมาคมนักธุรกิจและของมูลนิธิเพื่อช่วยเหลือเด็กและสตรีของเธอ ซึ่งกำลังเป็นที่จับตามอง เพราะมูลนิธินี้ทำงานแข็งขัน สามารถช่วยเหลือสตรีที่ถูกกระทำความรุนแรง และเด็กไร้บ้านให้มีที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก จนได้ลงข่าวในหน้าสื่อต่าง ๆ เป็นประจำ
นลินีซึ่งเป็นประธานมูลนิธินี้เริ่มมีชื่อเสียงในวงสังคมชั้นสูง ในฐานะภรรยาแสนสวยและใจบุญของมหาเศรษฐีใหญ่ ผู้มีหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
ประโยคท้าย ๆ เธอถามถึงนักการเมืองใหญ่เจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ ผู้ที่อุปการะพิมพลอยมารดาของเธอมานานหลายปีในฐานะเมียเก็บ
“คงออกพื้นที่ไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านแถวเมืองนนท์ ข่าวว่าแถวนั้นมีน้ำท่วมจ้ะ เห็นบ่น ๆว่าช่วงนี้ไม่ค่อยได้อยู่บ้านเลย”
“ดีแล้วค่ะ แหม นีกะเวลาได้เป๊ะมาก นึกอยู่แล้วว่าต้องไม่อยู่ แต่คุณหญิงอยู่ใช่ไหมคะ”
“อยู่จ้ะ เมื่อกี้ยังให้เด็กยกเอากล้วยบวชชีมาให้”
พิมพลอยตอบลูกสาวถึงภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของราชัย พร้อมพฤกษ์ นักการเมืองพรรครัฐบาลผู้กำลังรุ่งในเส้นทางสายการเมืองอย่างน่าจับตามอง เธอชื่อคุณหญิงนภาพร รังสีสมัย ทายาทของคหบดีเชื้อสายผู้ดีเก่าซึ่งพำนักอยู่บน“บ้านใหญ่”ในขณะที่มารดาของเธอได้ครอบครอง“บ้านเล็ก” ซึ่งบ้านทั้งสองหลังต่างเป็นสมบัติของราชัย นักการเมืองผู้โด่งดัง...ซึ่งนลินีมักใช้สรรพนามแทนตัวว่า“เขา”เวลาสนทนาตามลำพังกับมารดา และเรียกต่อหน้าคนข้างนอกบ้านว่า“คุณลุง”
รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏบนใบหน้าที่ยังคงเค้าความสวย แม้ล่วงเลยวัยสาวมาเนิ่นนานเต็มทีของพิมพลอย ขณะใช้มือลูบศีรษะบุตรสาวเบา ๆ ด้วยความรักใคร่ พลางถามอย่างเอ็นดู
“จะขึ้นไปกราบคุณหญิงท่านไหม”
“ไม่ล่ะค่ะ นีกลัวไปจ๊ะเอ๋กับ..เขา..ที่อาจกลับมา”
เธอส่ายใบหน้าสวยจับใจที่โดดเด่นด้วยผมเกล้ามวยเรียบตึงไว้ตรงท้ายทอย เผยดวงหน้าเนียนใสซึ่งแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดีแต่พองาม นลินีในวันนี้ทั้งสวยทั้งหรูหรา เลอโฉมยิ่งกว่าดารานักแสดงที่เฉิดฉายอยู่บนแผ่นฟิล์มเสียอีก
พิมพลอยรับฟังคำพูดของลูกสาวด้วยสีหน้าหม่นหมองลง เธอพยักหน้าให้ลูกน้อย ๆ พูดกับลูกสาวคนสวยว่า
“อืม...แม่เข้าใจ แต่ถึงยังไงเขาก็เคยมีบุญคุณกับเรา”
“สำหรับนีคิดว่าได้ตอบแทนบุญคุณของเขาไปหมดแล้วค่ะแม่”
หญิงสาวผละร่างออกจากผู้เป็นมารดา ใบหน้างามขึ้งเครียด ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายวาวขึ้นอย่างที่พิมพลอยต้องแอบหวั่นใจ สาวใหญ่หน้าเสียทันที
แต่เมื่อนลินีเห็นสีหน้าของมารดาที่แสดงออก รอยยิ้มหวานหยดก็ผุดขึ้นมาแทนที่
“แม่ทำหน้าแบบนี้อีกแล้ว อย่ากลัวเลยค่ะ ลูกสาวแม่ไม่ใช่คนโง่ นีไม่ทำอะไรบ้า ๆ หรอก”
“เค้าเป็นคนมีอิทธิพล”
พิมพลอยพูดเตือนลูกสาวเบา ๆ
“นีรู้ค่ะแม่ ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก นีว่าเราอย่าพูดถึงเรื่องนี้กันเลย แม่สบายดีไหมคะ”
นลินีเปลี่ยนเรื่องพูดหันมาไถ่ถามมารดาอย่างห่วงใย พลางเข้าโอบกอดมารดาใหม่
“แม่อยู่ที่นี่ก็สบายดี คุณหญิงท่านเข้าใจ เห็นใจลูกผู้หญิงด้วยกัน ท่านดีกับแม่เสมอต้นเสมอปลาย”
แววตาสวยซึ้งของนลินีหม่นเศร้าลง ก่อนหน้าเธอเคยพยายามดิ้นรนหาหนทางออกไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่เมื่อเธอมีทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสำหรับการแยกตัวออกมาจาก “เขา” มารดาของเธอกลับไม่เห็นดีด้วย
พิมพลอยยังปักหลักอยู่ที่นี่เหมือนตัวประกัน นลินีรู้ความคิดของมารดาดีว่า พิมพลอยกำลังใช้ตัวเองเป็นประกันความปลอดภัยให้กับลูกสาวคนเดียวของเธอ เพื่อไม่ให้นลินีมุทะลุ ทำอะไรลงไปสุ่มสี่สุ่มห้า
(มีต่อค่ะ)