สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิพทุกท่าน <3
ไม่อยากจะขึ้นต้นกระทู้ด้วยประโยคนี้เลย แต่ก็นะ.. นี้เป็นกระทู้แรกของเรา ฝากติชมด้วยนะค๊าาาาาา :3

เข้าเรื่องค่ะ!! เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา เราและเหล่าสมาชิกอีก 3 หน่อ หนุ่มสาวไฟแรงวัยทำงานที่มีความขยัน(เที่ยว)ขั้นสุด ได้มีการวางแผนล่วงหน้าถึง 6 เดือน คืองี้ลางาน 2 วันได้หยุด 6 วัน...ตู้หูววว ดีจะตาย (ตอนแจ้งลา เจ้านายค้อนขวับ..ค่ะ) ส่วนพระเอกของทริปนี้ที่เราตั้งใจไว้แต่แรกเลยคือ "ดอยม่อนจอง" คืองี้เพื่อนชายคนสนิทของจขกท. หนึ่งในสมาชิกเป็นผู้แจง "ดอยม่อนจอง" เข้ามาในเป้าหมายการเดินทาง แวบแรกที่คิดเอาจริงๆเลยไหม "ที่ไหนวะ?" ถามเพื่อนเพื่อนก็บอก "ม่อนแจ่มหรือเปล่าเธอ" "เค้าก็ไม่รู้ววววววว" v.,v แต่ก็ได้ข้อมูลจากเพื่อนๆในพันทิพนี่แหละค่ะที่ทำให้มองภาพออกชัดเจนขึ้น
เราเดินทางไปเชียงใหม่วันที่ 6-10 ธ.ค. 2558 และเลือกขึ้นดอยม่อนจองในวันที่ 8-9 เพื่อเป็นการเลี่ยงฝูงชนในวันหยุดยาว แล้วก็สมใจเลยค่ะ เพราะเราคือกลุ่มเดียวที่ขึ้นดอยม่อนจองในคืนนั้น ง่อววววว (กรุณาใส่ซาวด์แอฟเฟ็คอะไรก็ได้ที่อลังๆเพื่อเป็นเกียรติให้กระทู้ดิฉันหน่อยค่ะ..ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ 555)

เข้าเรื่องจริงๆแล้วนะคะ ตารางด้านล่างคือ Targetการเดินทางของพวกเราค่ะ
ทุกอย่างดูรัดกุม เรียกได้ว่าเป๊ะกว่าตอนทำงาน 30-30ล้านเท่า!! แต่เดี๋ยวก่อน บนโลกใบนี้ไม่อะไรเป็นดังใจเราเสมอ หึหึ ประการแรก เมื่อคืนก่อนเดินทางเราพักที่ดอยอินทนนท์ ในใจคิดนี่ตรูฉลาดมากๆเลยร่นระยะจากตัวเมืองไปได้ตั้งเยอะ อ๋อลืมบอกค่ะ เราเช่ารถขับกันเองตลอดทริป ไงล่ะคะ ปัญหาประการสองมาแล้ว หนุ่มสาวในเมืองอย่างเราโอโหขับรถขึ้นเขาลงเขาถนัดมากสินะ..ข่าาาาาา ในใจนี่แบบ โอ้โหกรูวนี่มันทาคุมิกำลังขับรถดริฟลงจากเขาอากินะหรือเปล่า?? แล้วยิ่งเสพข่าวมาเยอะๆยิ่งระวังมากขึ้นไปอีกเอาตาแปดคู่มาช่วยกันลุ้นอย่างตื่นตัวที่สุด ขับรถช้าในแบบที่ถ้าขับในกรุงเทพคันหลังอาจจะด่าบุพการี ได้แต่บอกพี่ๆเจ้าถิ่น พี่ขารีบก็ไปก่อนเลยค่ะ นู๋จะหลบริมเขาพี่ไปเลยข่าาาาา ค่ะนั้นแหละสาเหตุที่ทำให้ทุกอย่างเลื่อนออกช้าขึ้นไปอีก -.,-"
เราถึงหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอตอน 10.30 น. ช้าไปจากที่คิดสองชั่วโมงครึ่ง แฮะๆ
มาถึงก็ลงทะเบียนเพื่อเก็บเป็นสถิติของทางการ แล้วก็จัดของเตรียมตัวเดินทางโดยรถ 4 WD ตลอดการศึกษากระทู้ดอยม่อนจองก็สงสัยการเดินทางเป็นยังไงบ้างน๊า กระทู้เรามีค่ะ!!!!! ขอรีวิวการเดินทางด้วยรูปๆนี้....
ขอให้รูปนี้อธิบายทุกอย่าง !!!!!!
ถึงแล้ววววว (จุดเริ่มเดินเท้า) 16 กม. เดินทางตั้งแต่ 10.17 น. ถึง 12.00 น. พักกินข้าวกันก่อน ก่อนหน้านี้คนขับรถเค้าแวะในหมู่บ้านเพื่อนให้เราซื้อเสบียงขึ้นไปกินกัน ด้วยความที่ยังมือใหม่มากๆ ก็ได้แค่คว้าบะหมี่กึ่งสำเร็จประมาณแปดซองกับปลากระป๋องแล้วก็น้ำดื่มขนมอีกนิดๆหน่อย ระหว่างการเดินก็ได้คุยกับพี่ๆชนเผ่ามูเซอ ถามความเป็นอยู่นู้นนี่นั้น พี่เขาเล่าว่าเวลาปกติเขาก็ปลูกผักกันแล้วก็มาเป็นลูกหาบนี่แหละ ก็จะทำให้มีรายได้จากส่วนนี้ด้วย ถ้าไม่มีใครมาเที่ยว เค้าก็จะไม่มีรายได้ งืมมมม พี่ๆเค้าดูแลคุยสนุกสนานมากค่ะ การเดินทางครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ 1 ท่าน ลูกหาบ 3 ท่าน ร่วมเดินทางไปด้วยกันกับเรา 4 คน (ทั้งเขา) บรึ๋ยยยยย
จากนี้ก็เดินๆๆๆๆๆๆรัวๆๆๆ ระยะทางประมาณ 6 กม. เอ๊งงงง

ทางบางช่วงก็เป็นทางเลาะริมผา เดินเท้าคู่ไม่ได้ ก็จิกเกร็งกันไป!!

ถึงจุดนี้น่าจะผ่านเขามาแล้วสองลูก ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้าเต็มกำลังพ้นโซนป่า เตรียมเข้าสู่บริเวณทุ่งหญ้า
ขอนอกเรื่องเล็กน้อย ก่อนเดินทางเราค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเพื่อนๆเรามาก เนื่องจากพวกนางเป็นประเภทไม่ค่อยออกกำลังกาย ไม่เป็นกับเราและเพื่อนชายคนสนิทที่เป็นเผ่าพันธุ์สายHealthyออกกำลังกายปีละ 2-3ครั้งแหน่ะ หร๊าาาาา ความซวยกลับไม่ใช่เรื่องสุขภาพของเพื่อนๆน่ะสิคะ ตัวภาระของทริปนี้ แท่นแดนนนนน.... หวยออกเลยค่ะ "กรูวววเองงงงงงงง" !!!!!!!!!! เมื่อสิ่งที่อยู่ข้างซ้ายที่เคย "ใจ" กลายมาเป็น "ปอด(แหก)"
สิ่งที่เราเพิ่งมารู้ตัว ชัดเจนขึ้นในการเดินทางครั้งนี้ "โรคกลัวความสูง" เมื่อถึงจุดที่เป็นหน้าผา หรือลาดเอียงมากๆ เรามีอาการวูบ ขาสั่น เหมือนอยากจะอ้วก
ตรงนี้เลยค่ะที่อาการป๊อดของเราแสดงมาจนถึงจุดไม่สามารถเดินต่อไหว เพื่อนที่เคยห่วงกลับมาเป็นคนคอยช่วย แฟนก็เดินช้าลงเพื่อคอยพยุงเราไว้ เอาว่ะ มาถึงตรงนี้ก็ต้องฮึดสักตั้ง...

แต่เดี๋ยวววว รอข้าด้วยยยยยย ฮือออ T-T
พ้นขึ้นไปบนเนิน เจอสัญญาณโทรศัพท์ ขอลงรูปหน่อยน๊า

เดินมาถึงจุดกางเต๊นท์ 15.30 น. พี่ๆลูกหาบเค้าเดินแซงมารอเตรียมที่ให้เรียบร้อย
ตอนนี้ดอยม่อนจองมีห้องน้ำแล้วนะคะ แต่ทำได้แต่ธุระ ไม่น่าจะอาบน้ำได้เช่นเคย จะใช้น้ำก็ต้องช่วยกันไปตักน๊าาา


จากนี้ก็เดินไปสนามกอล์ฟช้าง เพื่อดูพระอาทิตย์ตกกัน ^^

คุณพระอาทิตย์ขา ออกมาให้ยลโฉมหน่อยค๊าา เดี๊ยนรอร๊อรอ..
อย่างที่เห็นค่ะสภาพอากาศปิด คุณพระอาทิตย์ไม่มา การเที่ยวธรรมชาติก็แบบนี้คาดเดาอะไรไม่ได้ แต่พวกเราไม่ผิดหวังเลยค่ะ ได้เห็นบรรยากาศใหม่ๆ ทะเลหมกตอนเย็น อากาศเย็นสบายมว๊ากกกกกกก ฟินนนนนนน เดินกลับจุดที่พัก ทานอาหารญี่ปุ่น พี่ๆลูกหาบให้ชิมชาของชาวมูเซอ อร่อยมากกกกก สุดท้ายทำความสะอาดร่างกายด้วยทิชชู่เปียก แล้วก็เลยได้นอนกันแต่หัวค่ำในรอบหลายๆปี Zzz
วันรุ่งขึ้นออกเดินเท้าตั้งแต่ 5.30 น. เพื่อไปยังหัวสิงห์จุดสูงสุดของดอยม่อนจอง โดยดั้งใจว่าวันนี้จะต้องได้เจอพระอาทิตย์ขึ้น กวางผา กุหลาบพันปี บลาๆๆๆๆ ตามแต่มโนจิต แต่เดี๋ยวก่อน คนหน้าตาดีมักมีอุปสรรคเสมอ... 6.40 น. ถึงจุดสูงสุด สภาพอากาศปิด จ๊ะ!!!
ฟุ้งงงไปหมด หัวแฉะหน้าเปียก ตั้งกล้องถ่ายรูปเป็นที่ระทึก ข่ะ!!!
#ขอโทษเพื่อนชายของเพื่อนด้วยนายสูงเกินไป เดินๆๆๆกลับกัน
การเดินทางครั้งนี้สอนเราว่า บางทีจุดหมายอาจไม่สำคัญเท่าระหว่างทางก็เป็นได้.. จากนี้จะเป็นรูปรัวๆเลย
อย่างน้อยก็เจอทะเลหมอกนะ
หมอกฟุ้งงงง ปิดหน้าหน่อย อายสภาพ >.,<

สองข้างทางเป็นผา ตอนเดินมามันมืดมองไม่เห็น พอเริ่มสว่างก็นั้นแหละค่ะ เสียววว ว วว

โอ้วนี่มัน Silent hill หรือเปล่า???
บางช่วงก็สว่างเนอะ
อ้าวมืดอีกแหละ
ทำเป็นเท่ห์
ข้อดีของการกลัวความสูงของเราก็มีนะ.. เวลาเราเดินเรามองแค่ปลายเท้าตัวเอง แต่เราเจอดอกไม้เยอะเลยนะ
ตัลร๊ากกก <3

แหวะ..สวีทททท หญิงเบื่อ หญิงเบื่ออออ
8.30 น. กลับถึงแคมป์ก็จัดอาหารญี่ปุ่นกันอีกสักรอบ
10.30 น. ระหว่างเดินกลับ เจอหัวไชเท้า คืองงมาก ส่วนแฟนเรางงมากมันขึ้นเองหรอ.. โถ่ อิโ ง่วววววววววว น่าเอ็นดู
กลับแล้วน๊าาา
พี่ๆลูกหาบเค้ากำลังเก็บดอกอะไรสักอย่าง เค้าบอกว่ามันแก้เบาหวาน แล้วก็ขึ้นเฉพาะหน้าหนาว หนุ่มๆคณะเราเลยขอชิมสักหน่อย อือหือออ ขมไตบินนนนน
จัด Panorama หนึ่งรูป
13.00 น. ถึงจุดจอดรถโดยสวัสดิภาพ !!
*ก่อนกลับอย่าลืมเก็บขยะกลับลงมาทิ้งให้เรียบร้อยด้วยนะคะ ถ้าหากเราไม่ช่วยกันสถานที่ที่สวยงามมันก็จะพังลงด้วยน้ำมือเราเช่นกัน*
อย่าลืม Concept
"จะไม่ทิ้งอะไรไว้นอกจากรอยเท้า และจะไม่เอาอะไรกลับมานอกจากรูปถ่าย (แต่เก็บขยะกลับมาด้วยน๊า)"
คือจำเค้ามาแต่จำที่มาไม่ได้ แต่เครดิตให้คนคิดไว้ด้วยนะคะ ชอบประโยคนี้มากๆ อยากให้ทุกคนยึดปฎิบัติกัน
--------------------------------------------------------------------------------------
ค่าใช้จ่ายสำหรับการขึ้นดอยม่อนจอง
1) ค่ารถ 4WD 2,500 บาท (สำหรับ 5 คน)
2) เจ้าหน้าที่ 600 บาท (ไป-กลับ)
3) ลูกหาบ 600 บาท ต่อคน (ไป-กลับ) ลูกหาบ 1 คนสามารถแบกสัมภาระได้ประมาณ 30 กิโลกรัมต่อคน
4) เสบียงของกิน แล้วแต่บุคคลนะคะ
ข้อดี
- มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก
- คนน้อย สงบ สบายใจ
- ทัศนียภาพสวยมาก เสียวมากด้วย ฮ่าๆ
- การเดินทางไม่น่ากลัว ถ้าไม่กลัวความสูง (ปอดๆอย่างเรายังรอดเลยค่ะ)
ข้อเสีย
- การเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไกลมาก
- นึกไม่ออกแล้วแฮะ...
ข้อเสนอแนะ
- ควรเตรียมร่างกายก่อนขึ้นดอยก็ดีค่ะ จะได้ไม่เหนื่อยมาก
- เราต้องเตรียมเสบียงเผื่อลูกหาบด้วยนะคะ
กลุ่มจขกท.พลาดตรงจุดนี้มาก แม้แต่เสบียงเราเองยังไม่พอ เป็นความผิดพลาดของพวกเราที่ไม่ได้จัดการให้ดี T^T
- คืนก่อนขึ้นดอย สามารถพักในที่พักบริเวณหมู่บ้านมูเซอ หรือใกล้เคียงได้นะคะ จะได้ประหยัดเวลาเดินทาง
::สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ::
แล้วออกไปเที่ยวด้วยกันอีกน๊าาาาาาาาา <3
[CR] [CR] "ดอยม่อนจอง" ในวันที่สภาพอากาศปิด..แต่เปิด (ใจ)
ไม่อยากจะขึ้นต้นกระทู้ด้วยประโยคนี้เลย แต่ก็นะ.. นี้เป็นกระทู้แรกของเรา ฝากติชมด้วยนะค๊าาาาาา :3
เข้าเรื่องค่ะ!! เมื่อวันหยุดที่ผ่านมา เราและเหล่าสมาชิกอีก 3 หน่อ หนุ่มสาวไฟแรงวัยทำงานที่มีความขยัน(เที่ยว)ขั้นสุด ได้มีการวางแผนล่วงหน้าถึง 6 เดือน คืองี้ลางาน 2 วันได้หยุด 6 วัน...ตู้หูววว ดีจะตาย (ตอนแจ้งลา เจ้านายค้อนขวับ..ค่ะ) ส่วนพระเอกของทริปนี้ที่เราตั้งใจไว้แต่แรกเลยคือ "ดอยม่อนจอง" คืองี้เพื่อนชายคนสนิทของจขกท. หนึ่งในสมาชิกเป็นผู้แจง "ดอยม่อนจอง" เข้ามาในเป้าหมายการเดินทาง แวบแรกที่คิดเอาจริงๆเลยไหม "ที่ไหนวะ?" ถามเพื่อนเพื่อนก็บอก "ม่อนแจ่มหรือเปล่าเธอ" "เค้าก็ไม่รู้ววววววว" v.,v แต่ก็ได้ข้อมูลจากเพื่อนๆในพันทิพนี่แหละค่ะที่ทำให้มองภาพออกชัดเจนขึ้น
เราเดินทางไปเชียงใหม่วันที่ 6-10 ธ.ค. 2558 และเลือกขึ้นดอยม่อนจองในวันที่ 8-9 เพื่อเป็นการเลี่ยงฝูงชนในวันหยุดยาว แล้วก็สมใจเลยค่ะ เพราะเราคือกลุ่มเดียวที่ขึ้นดอยม่อนจองในคืนนั้น ง่อววววว (กรุณาใส่ซาวด์แอฟเฟ็คอะไรก็ได้ที่อลังๆเพื่อเป็นเกียรติให้กระทู้ดิฉันหน่อยค่ะ..ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ 555)
เข้าเรื่องจริงๆแล้วนะคะ ตารางด้านล่างคือ Targetการเดินทางของพวกเราค่ะ
ทุกอย่างดูรัดกุม เรียกได้ว่าเป๊ะกว่าตอนทำงาน 30-30ล้านเท่า!! แต่เดี๋ยวก่อน บนโลกใบนี้ไม่อะไรเป็นดังใจเราเสมอ หึหึ ประการแรก เมื่อคืนก่อนเดินทางเราพักที่ดอยอินทนนท์ ในใจคิดนี่ตรูฉลาดมากๆเลยร่นระยะจากตัวเมืองไปได้ตั้งเยอะ อ๋อลืมบอกค่ะ เราเช่ารถขับกันเองตลอดทริป ไงล่ะคะ ปัญหาประการสองมาแล้ว หนุ่มสาวในเมืองอย่างเราโอโหขับรถขึ้นเขาลงเขาถนัดมากสินะ..ข่าาาาาา ในใจนี่แบบ โอ้โหกรูวนี่มันทาคุมิกำลังขับรถดริฟลงจากเขาอากินะหรือเปล่า?? แล้วยิ่งเสพข่าวมาเยอะๆยิ่งระวังมากขึ้นไปอีกเอาตาแปดคู่มาช่วยกันลุ้นอย่างตื่นตัวที่สุด ขับรถช้าในแบบที่ถ้าขับในกรุงเทพคันหลังอาจจะด่าบุพการี ได้แต่บอกพี่ๆเจ้าถิ่น พี่ขารีบก็ไปก่อนเลยค่ะ นู๋จะหลบริมเขาพี่ไปเลยข่าาาาา ค่ะนั้นแหละสาเหตุที่ทำให้ทุกอย่างเลื่อนออกช้าขึ้นไปอีก -.,-"
เราถึงหน่วยพิทักษ์ป่ามูเซอตอน 10.30 น. ช้าไปจากที่คิดสองชั่วโมงครึ่ง แฮะๆ
มาถึงก็ลงทะเบียนเพื่อเก็บเป็นสถิติของทางการ แล้วก็จัดของเตรียมตัวเดินทางโดยรถ 4 WD ตลอดการศึกษากระทู้ดอยม่อนจองก็สงสัยการเดินทางเป็นยังไงบ้างน๊า กระทู้เรามีค่ะ!!!!! ขอรีวิวการเดินทางด้วยรูปๆนี้....
ถึงแล้ววววว (จุดเริ่มเดินเท้า) 16 กม. เดินทางตั้งแต่ 10.17 น. ถึง 12.00 น. พักกินข้าวกันก่อน ก่อนหน้านี้คนขับรถเค้าแวะในหมู่บ้านเพื่อนให้เราซื้อเสบียงขึ้นไปกินกัน ด้วยความที่ยังมือใหม่มากๆ ก็ได้แค่คว้าบะหมี่กึ่งสำเร็จประมาณแปดซองกับปลากระป๋องแล้วก็น้ำดื่มขนมอีกนิดๆหน่อย ระหว่างการเดินก็ได้คุยกับพี่ๆชนเผ่ามูเซอ ถามความเป็นอยู่นู้นนี่นั้น พี่เขาเล่าว่าเวลาปกติเขาก็ปลูกผักกันแล้วก็มาเป็นลูกหาบนี่แหละ ก็จะทำให้มีรายได้จากส่วนนี้ด้วย ถ้าไม่มีใครมาเที่ยว เค้าก็จะไม่มีรายได้ งืมมมม พี่ๆเค้าดูแลคุยสนุกสนานมากค่ะ การเดินทางครั้งนี้มีเจ้าหน้าที่ 1 ท่าน ลูกหาบ 3 ท่าน ร่วมเดินทางไปด้วยกันกับเรา 4 คน (ทั้งเขา) บรึ๋ยยยยย
จากนี้ก็เดินๆๆๆๆๆๆรัวๆๆๆ ระยะทางประมาณ 6 กม. เอ๊งงงง
ทางบางช่วงก็เป็นทางเลาะริมผา เดินเท้าคู่ไม่ได้ ก็จิกเกร็งกันไป!!
ถึงจุดนี้น่าจะผ่านเขามาแล้วสองลูก ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อล้าเต็มกำลังพ้นโซนป่า เตรียมเข้าสู่บริเวณทุ่งหญ้า
ขอนอกเรื่องเล็กน้อย ก่อนเดินทางเราค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเพื่อนๆเรามาก เนื่องจากพวกนางเป็นประเภทไม่ค่อยออกกำลังกาย ไม่เป็นกับเราและเพื่อนชายคนสนิทที่เป็นเผ่าพันธุ์สายHealthyออกกำลังกายปีละ 2-3ครั้งแหน่ะ หร๊าาาาา ความซวยกลับไม่ใช่เรื่องสุขภาพของเพื่อนๆน่ะสิคะ ตัวภาระของทริปนี้ แท่นแดนนนนน.... หวยออกเลยค่ะ "กรูวววเองงงงงงงง" !!!!!!!!!! เมื่อสิ่งที่อยู่ข้างซ้ายที่เคย "ใจ" กลายมาเป็น "ปอด(แหก)"
สิ่งที่เราเพิ่งมารู้ตัว ชัดเจนขึ้นในการเดินทางครั้งนี้ "โรคกลัวความสูง" เมื่อถึงจุดที่เป็นหน้าผา หรือลาดเอียงมากๆ เรามีอาการวูบ ขาสั่น เหมือนอยากจะอ้วก
ตรงนี้เลยค่ะที่อาการป๊อดของเราแสดงมาจนถึงจุดไม่สามารถเดินต่อไหว เพื่อนที่เคยห่วงกลับมาเป็นคนคอยช่วย แฟนก็เดินช้าลงเพื่อคอยพยุงเราไว้ เอาว่ะ มาถึงตรงนี้ก็ต้องฮึดสักตั้ง...
พ้นขึ้นไปบนเนิน เจอสัญญาณโทรศัพท์ ขอลงรูปหน่อยน๊า
เดินมาถึงจุดกางเต๊นท์ 15.30 น. พี่ๆลูกหาบเค้าเดินแซงมารอเตรียมที่ให้เรียบร้อย
ตอนนี้ดอยม่อนจองมีห้องน้ำแล้วนะคะ แต่ทำได้แต่ธุระ ไม่น่าจะอาบน้ำได้เช่นเคย จะใช้น้ำก็ต้องช่วยกันไปตักน๊าาา
จากนี้ก็เดินไปสนามกอล์ฟช้าง เพื่อดูพระอาทิตย์ตกกัน ^^
อย่างที่เห็นค่ะสภาพอากาศปิด คุณพระอาทิตย์ไม่มา การเที่ยวธรรมชาติก็แบบนี้คาดเดาอะไรไม่ได้ แต่พวกเราไม่ผิดหวังเลยค่ะ ได้เห็นบรรยากาศใหม่ๆ ทะเลหมกตอนเย็น อากาศเย็นสบายมว๊ากกกกกกก ฟินนนนนนน เดินกลับจุดที่พัก ทานอาหารญี่ปุ่น พี่ๆลูกหาบให้ชิมชาของชาวมูเซอ อร่อยมากกกกก สุดท้ายทำความสะอาดร่างกายด้วยทิชชู่เปียก แล้วก็เลยได้นอนกันแต่หัวค่ำในรอบหลายๆปี Zzz
วันรุ่งขึ้นออกเดินเท้าตั้งแต่ 5.30 น. เพื่อไปยังหัวสิงห์จุดสูงสุดของดอยม่อนจอง โดยดั้งใจว่าวันนี้จะต้องได้เจอพระอาทิตย์ขึ้น กวางผา กุหลาบพันปี บลาๆๆๆๆ ตามแต่มโนจิต แต่เดี๋ยวก่อน คนหน้าตาดีมักมีอุปสรรคเสมอ... 6.40 น. ถึงจุดสูงสุด สภาพอากาศปิด จ๊ะ!!!
ฟุ้งงงไปหมด หัวแฉะหน้าเปียก ตั้งกล้องถ่ายรูปเป็นที่ระทึก ข่ะ!!!
#ขอโทษเพื่อนชายของเพื่อนด้วยนายสูงเกินไป เดินๆๆๆกลับกัน
การเดินทางครั้งนี้สอนเราว่า บางทีจุดหมายอาจไม่สำคัญเท่าระหว่างทางก็เป็นได้.. จากนี้จะเป็นรูปรัวๆเลย
อย่างน้อยก็เจอทะเลหมอกนะ
หมอกฟุ้งงงง ปิดหน้าหน่อย อายสภาพ >.,<
สองข้างทางเป็นผา ตอนเดินมามันมืดมองไม่เห็น พอเริ่มสว่างก็นั้นแหละค่ะ เสียววว ว วว
โอ้วนี่มัน Silent hill หรือเปล่า???
บางช่วงก็สว่างเนอะ
อ้าวมืดอีกแหละ
ทำเป็นเท่ห์
ข้อดีของการกลัวความสูงของเราก็มีนะ.. เวลาเราเดินเรามองแค่ปลายเท้าตัวเอง แต่เราเจอดอกไม้เยอะเลยนะ
แหวะ..สวีทททท หญิงเบื่อ หญิงเบื่ออออ
8.30 น. กลับถึงแคมป์ก็จัดอาหารญี่ปุ่นกันอีกสักรอบ
10.30 น. ระหว่างเดินกลับ เจอหัวไชเท้า คืองงมาก ส่วนแฟนเรางงมากมันขึ้นเองหรอ.. โถ่ อิโ ง่วววววววววว น่าเอ็นดู
กลับแล้วน๊าาา
พี่ๆลูกหาบเค้ากำลังเก็บดอกอะไรสักอย่าง เค้าบอกว่ามันแก้เบาหวาน แล้วก็ขึ้นเฉพาะหน้าหนาว หนุ่มๆคณะเราเลยขอชิมสักหน่อย อือหือออ ขมไตบินนนนน
อย่าลืม Concept
"จะไม่ทิ้งอะไรไว้นอกจากรอยเท้า และจะไม่เอาอะไรกลับมานอกจากรูปถ่าย (แต่เก็บขยะกลับมาด้วยน๊า)"
คือจำเค้ามาแต่จำที่มาไม่ได้ แต่เครดิตให้คนคิดไว้ด้วยนะคะ ชอบประโยคนี้มากๆ อยากให้ทุกคนยึดปฎิบัติกัน
ค่าใช้จ่ายสำหรับการขึ้นดอยม่อนจอง
1) ค่ารถ 4WD 2,500 บาท (สำหรับ 5 คน)
2) เจ้าหน้าที่ 600 บาท (ไป-กลับ)
3) ลูกหาบ 600 บาท ต่อคน (ไป-กลับ) ลูกหาบ 1 คนสามารถแบกสัมภาระได้ประมาณ 30 กิโลกรัมต่อคน
4) เสบียงของกิน แล้วแต่บุคคลนะคะ
ข้อดี
- มีความเป็นธรรมชาติสูงมาก
- คนน้อย สงบ สบายใจ
- ทัศนียภาพสวยมาก เสียวมากด้วย ฮ่าๆ
- การเดินทางไม่น่ากลัว ถ้าไม่กลัวความสูง (ปอดๆอย่างเรายังรอดเลยค่ะ)
ข้อเสีย
- การเดินทางจากตัวเมืองเชียงใหม่ไกลมาก
- นึกไม่ออกแล้วแฮะ...
ข้อเสนอแนะ
- ควรเตรียมร่างกายก่อนขึ้นดอยก็ดีค่ะ จะได้ไม่เหนื่อยมาก
- เราต้องเตรียมเสบียงเผื่อลูกหาบด้วยนะคะ
กลุ่มจขกท.พลาดตรงจุดนี้มาก แม้แต่เสบียงเราเองยังไม่พอ เป็นความผิดพลาดของพวกเราที่ไม่ได้จัดการให้ดี T^T
- คืนก่อนขึ้นดอย สามารถพักในที่พักบริเวณหมู่บ้านมูเซอ หรือใกล้เคียงได้นะคะ จะได้ประหยัดเวลาเดินทาง
::สุดท้ายนี้ขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ::
แล้วออกไปเที่ยวด้วยกันอีกน๊าาาาาาาาา <3
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น