แชร์ประสบการณ์สอบไอเอล British Council และ IDP

สวัสดีค่ะทุกคน นี่เป็นกระทู้แชร์ประสบการณ์กาารสอบครั้งแรกของเราเลย ผิดพลาดอย่างไรขออภัยด้วย

เราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่หาข้อมูลสอบไอเอลใน pantip ที่เพื่อนๆใจดีเคยมาแชร์ให้ฟังกัน บางคนก็สอบที่ British Council บางคนก็สอบ IDP ทีนี้เอาล่ะสิ่ สอบที่ไหนดีล่ะ บางคนก็บอก IDP ข้อสอบง่ายกว่า แต่สอบพูดยากกว่า บางคนก็บอก British ข้อสอบยากกว่า แต่สอบพูดง่ายกว่า ส่วนตัวเราได้ลองสอบทั้งสองที่ในเวลาไล่เลี่ยเผื่อคะแนนจะดีขึ้นอีกนิดนึง  กระทู้นี้จะเป็นการเล่าประสบการณ์ของเราโดยรวม ไม่พูดถึงแนวข้อสอบหรือเทคนิคการทำข้อสอบมากนักนะคะ แต่ถ้าสงสัยก็ถามได้ ยินดีตอบจ้า

——————————————————

เริ่มจาก British Council ก่อนเลย เราไปสมัครหน้า Counter ที่สยาม เห็นบางคนบอกว่าสมัครออนไลน์ถูกกว่า พอดีเราผ่านไปแถวนั้นเลยแวะเข้าไปสมัครเลย ใครอยากสมัครออนไลน์ลองเข้าไปดูที่ http://www.britishcouncil.or.th/exam/ielts ไปถึงกดบัตรคิวรอเรียก ตรงนี้ควรเตรียมสำเนาบัตรประชาชนหรือ สำเนาpassport ไปด้วย 1 ชุด ซึ่งในวันสอบ เราต้องนำเอกสารตัวจริงนี้ติดตัวไปด้วยจากนั้นพนักงานจะให้กรอกเอกสารสมัครสอบ เป็นภาษาอังกฤษทั้งหมดเลย ถ้าไม่เข้าใจก็ถามเค้าได้ กรอกเสร็จจ่ายตังค์เป็นอันเสร็จพิธี ระหว่างนี้เค้าจะให้แบบเรียนออนไลน์มาเตรียมตัวด้วย พอถึงวันสอบ สถานที่สอบคือโรงแรม Landmark BTS สถานี จอดรถในโรงแรมได้เลย เวลาสอบจริงเริ่ม 9โมง นัดเวลา 8 โมงแต่ควรไปถึงก่อนเวลา ซัก 7โมงครึ่งเพื่อลงทะเบียน พอใกล้เวลา ก่อนลงทะเบียนเราจะต้องไปดูบอร์ดเพื่อหาชื่อตัวเอง (ที่มีคนมุงๆนั่นแหละ) ชื่อจะเรียงตามตัวอักษรภาษาอังกฤษ หาไม่ยาก จากนั้นดูแถวและจำเลขที่นั่งจากแผนผังห้อง และต้องฝากกระเป๋าค่ะ ที่นี่ไม่อนุญาติให้เอาเครื่องเขียน นาฬิกาข้อมือ กำไลข้อมือเข้าห้องสอบเลย ดินสอ ยางลบเนื่องจากมีเตรียมไว้ในห้องสอบหมดแล้ว แต่ถ้าขี้หนาวจะเอาผ้าพันคอ เสื้อหนาวเข้าห้องสอบก็ได้นะเค้าไม่ว่า ฝากกระกระเป๋าเรียบร้อยก็เข้าคิวลงทะเบียนและอย่าลืมเอาบัตรประชาชน หรือ Passport ตามเอกสารที่แนบไปตอนสมัครมายืนยันตัวด้วย จากนั้นถ่ายรูปซึ่งรูปนี้จะไปอยู่ในใบผลคะแนน

เข้าไปถึงจะมีเครื่องเล่นเสียงพร้อมหูฟังวางรอเลย ระหว่างนี้ไม่รู้ทำอะไรก็ซ้อมฟังไปเลย จะได้ชิน ตรงนี้บอกเลยเราชอบหูฟังมากๆ ทำสมาธิกับการสอบได้ดีทีเดียวเพราะไม่มีเสียงรบกวน พอจะเริ่มสอบ ผู้คุมสอบก็จะประกาศกฎ กติกา วิถีการใส่ข้อมูล พนักงานก็จะเริ่มแจกข้อสอบและกระดาษคำตอบ ห้ามเปิดจนกว่าจะเริ่ม ถ้าหูฟังมีปัญหาก็ให้รีบบอก ห้องน้ำเข้าได้หลังจากสอบฟังเสร็จ จากนั้นเริ่มข้อสอบฟัง อ่าน และ เขียน พอเวลาหมด ถ้าเค้าบอกให้หยุดต้องหยุดเลยนะ เราเห็นคนไม่หยุดโดนเหมือนเขียนอะไรลงไปที่ข้อสอบด้วย ตรงนี้เค้าถือว่าทุจริต ผลสอบเป็นโมฆะเลย เสียเงินฟรีไม่คุ้มนะ

สอบเสร็จ พนักงานก็จะเก็บข้อสอบและแจกซองจดหมายให้เราจ่าหน้าซองถึงตัวเองในกรณีที่จะให้ส่งผลสอบทาง EMS แล้วอย่าลืมแกะสติ๊กเกอร์บนโต๊ะกลับมาเลยนะคะ บนนั้นจะมีระบุเวลาสอบ Speaking ในช่วงบ่าย อีกทั้งจะต้องใช้เลขที่สอบยาวๆที่ระบุในนั้นตรวจผลสอบออนไลน์ด้วย ช่วงบ่ายจะเป็น Speaking part พอถึงเวลาก็มารอลงทะเบียนอีกรอบ เพื่อสแกนนิ้ว ตรวจบัตร และเนื่องจากโรงแรมมีห้องประชุมเยอะ พี่พนักงานจะพาเราเดินไปนั่งรอหน้าห้องสอบ เมื่อได้เวลากรรมการจะเดินออกมาเรียกเราเข้าห้องสอบค่ะ ห้องสอบโอ่โถง ไม่อึดอัด แต่แอร์เย็นเฉียบ การสอบพูดเป็นอย่างไร หาดูได้ใน Youtube ซึ่งจะเป็นสำเนียง British ความยากง่ายของคำถามจะขึ้นอยู่กับคำตอบก่อนหน้าของเราว่าเราตอบได้ดีแค่ไหน สอบพูดเสร็จก็กลับบ้านได้เลย รอผล 13 วันเช็คผลออนไลน์ และจดหมายถึงบ้านวันจันทร์ ตรงเวลาเป๊ะ

——————————————————

มาถึงในส่วนของ IDP เราเข้าไปสมัครที่ตึก CP ถนนสีลมเลย ไม่ได้ลองสมัครออนไลน์เหมือนกัน เพราะเราชอบสมัครที่เคานเตอร์มากกว่า ถ้าใครอยากสมัครออนไลน์ก็เข้าไปได้ที่ http://www.ielts.idp.co.th การสมัครทุกอย่างเหมือนที่ British Council เลือกวัน จ่ายค่าสมัครสอบ แล้วเค้าจะให้เราเลือกเลยว่าให้ส่ง EMS หรือมารับผลเอง ถ้า EMS ก็เขียนซองตรงนั้นเลย พอฟังพนักงานอธิบายเสร็จ ต้องถามพี่เค้าให้ชัดนะคะว่าตกลงต้องสอบที่ไหนคะ เพราะมันมีที่โรงแรมตะวันนา มณเฑียร แล้วก็ เชอราตัน แล้วแผนที่ที่แนบมาไม่มีเชอราตัน อาจจะงงเอาได้ค่ะ สมัครเสร็จ เย็นวันเดียวกันจะมีอีเมลล์ส่งมาคอนเฟิร์มพร้อม Link แบบเรียน Online มาให้ มีอายุ 30 วัน ก่อนวันสอบมีโทรมาเตือนวันสอบ สถานที่ และเวลาด้วย สถานที่สอบคือ Sherton Grand Sukumvit BTS อโศก มีที่จอดรถ จากนั้นเราก็ต้องไปหาชื่อตัวเองที่บอร์ดรายชื่อ จำว่าตัวเองอยู่กรุ๊ปไหน ชื่อมันไม่เรียงตัวอักษรนะ หายากนิดนึง ที่นั่งรอ มี แต่ไม่พอ ยืนรอเวลาเมื่อยเลยทีเดียว ดีที่โรงแรมมีน้ำดื่มให้บริการ พอใกล้เวลา พนักงานก็จะเรียกให้ไปฝากกระเป๋า ที่นี่จะอนุญาติให้เอาเครื่องเขียนและนาฬิกาข้อมือเข้าห้องสอบได้ ยกเว้นนาฬิกาดิจิตอล ขวดน้ำเอาเข้าไปได้แต่ให้แกะสลากออก ฝากกระเป๋าแล้วก็ออกมาต่อแถวลงทะเบียนซึ่งแอบวุ่นวายและช้าเพราะต้องหาชื่ออีกรอบ จากนั้นถ่ายรูปแล้วก็เข้าห้องสอบ แปลกที่ไม่มีผังห้องให้ดูว่าเรานั่งตรงไหน ทำให้ต้องเดินหาที่นั่งกันหลายคน เราก็เดินหาอยู่เหมือนกัน พอเริ่มทุกอย่างเหมือนของ British คือจะมีอธิบายกฎ แจกข้อสอบ เขียนชื่อ ฝนเลขประจำตัวผู้สอบแล้วจึงเริ่มทำข้อสอบฟัง การฟัง ที่นี่จะเปิดเสียงออกลำโพง เสียงดัง ฟังชัด แต่ถ้าใครสมาธิไม่ดี อาจหลุดได้ง่ายๆ ต่อด้วยอ่าน และเขียน ความยากง่าย ในแง่ของตัวข้อสอบ จะสอบที่ไหนก็คงไม่ต่างกันเพราะมาตรฐานเดียวกัน

สอบเสร็จเก็บกระดาษบนโต๊ะของตัวเองไว้ดูเวลาสอบพูดในช่วงบ่าย ควรถามพนักงานดีๆนะคะว่าต้องสอบพูดตรงจุดไหน เพราะมีสองจุด ของเราได้สอบที่ Business Center ของโรงแรมซึ่งต้องลงมาอีกชั้นนึง และทางเข้าดูจะสลับซับซ้อนนิดหน่อย พนักงานรออยู่ด้านในอาจจะหาไม่เจอ แต่ที่นั่งรอสบาย เสร็จแล้วเค้าก็จะมาเรียกให้ไปรอหน้าห้องสอบ พนักงานใจดีค่ะ แต่แอบงงๆ ถามชื่อเราสามสี่รอบทั้งๆที่เรานั่งรอที่เดิม แล้วก็ได้เข้าห้องสอบซักที ที่นี่ห้องสอบจะเล็กกว่า เหมือนเป็นห้องประชุมเล็กๆ พอเจอ Examiner ก็ยิ้มแย้มทักทาย แต่ฟังยากจริงเพราะไม่คุ้นสำเนียง สอบพูดเสร็จ กลับบ้านได้เลย จากนั้นรอไป 13 วัน คะแนนออกตรงเวลาค่า

จบแล้วจ้า ยาวไปนิ้ด ขอบคุณที่อ่านกันจนจบ หวังว่าจะได้ประโยชน์กันบ้างน้า
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่สละเวลามาอ่าน และขอให้ทุกคนที่เตรียมตัวสอบ ฝึกฝนให้พร้อม แล้วโชคดีในวันสอบค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่