สวัสดีครับ นี่เป็นกระทู้รีวิวเล็กๆ รีวิวแรกในรอบหลายปี ตั้งแต่เป็นสมาชิกมา หากผิดพลาดประการใด ยังไงก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
เริ่มแรกตัวผมเองนั้นชอบพายเรือคายัคมาตั้งแต่สมัยเริ่มท่องเที่ยวแล้ว หากเวลาไปเที่ยวตามรีสอร์ทหรือสถานที่ท่องเที่ยว ที่ไหนมีเรือคายัคให้บริการ ผมก็มักจะพายมันเสมอๆ แต่ก็พายเล่นๆ ใกล้ๆ เสียส่วนใหญ่
จนมาถึงสมัยที่พี่โต้ง "รัฐภูมิ อยู่พร้อม" พายเรือรอบประเทศไทย 1500ไมล์ทะเล แล้วพายมาจนถึงกรุงเทพ ซึ่งมีการจัดการต้อนรับโดยให้ผู้สนใจพายเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ลงชื่อร่วมพายพร้อมกับพี่โต้งจากสะพานสาธร ไปสะพานพระราม8 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้พายระยะไกลท่ามกลางกระแสคลื่นและลมของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นครั้งแรก และรู้สึกเริ่มติดใจในการพายยาวๆ และพายเพื่อการท่องเที่ยว
หลังจากนั้นมาก็คิดเสมอว่าอยากมีเรือคายัคซักลำไว้พายทัวร์ริ่งท่องเที่ยวไปตามลำน้ำหรือเขื่อน แต่ก็ยังรู้สึกว่าดูจะเปลี่ยวเหงาและอันตรายเกินไปกับการทัวร์ริ่งคนเดียว อีกทั้งกลุ่มคนที่พายเรือคายัคจริงจังในเมืองไทยสมัยนั้นยังมีน้อยมากๆ และข้อมูลข่าวสารสมัยนั้นยังไม่ทั่วถึงกันเท่าทุกวันนี้ เรื่องพายเรือของผมก็เลยอันตรธานหายไปจากห้วงความคิดไปเลย
ตราบจนไม่นานนี้ ผมได้เจอเฟสบุ๊คเพจกลุ่มคนที่รักการพายเรือคายัคและได้ทราบว่าทางกลุ่มยังได้จัดกิจกรรมพายคายัคท่องเที่ยวอยู่เรื่อยๆ นั่นคือกลุ่ม All Water Kayak & Canoe (เพื่อนพาย) จึงได้สมัครเข้ากลุ่มเพื่อเก็บข้อมูลในการกลับมาคิดที่จะพายเรือคายัคท่องเที่ยวอีกครั้ง
และหลังจากทำการเก็บความรู้ ศึกษาข้อมูล และได้รับคำปรึกษาจากสมาชิกในพจอยู่พักใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรือคายัคประเภทต่างๆ ข้อดีข้อด้อยของเรือแต่ละประเภท การเก็บรักษา การขนย้าย จึงได้ทำการตัดสินใจซื้อเรือคายัคประเภททัวร์ริ่งเป็นของตนเอง 1 ลำ
และผมได้ลงชื่อร่วมทริปพายเรือทัวรริ่งครั้งแรกในชีวิต คือ "ทริปพายเรือวันพ่อ สำรวจแม่น้ำแควใหญ่" เวลา 2 วัน 1 คืน กับระยะทางรวม 60 KM
ระยะทางหากเดินทางด้วยพาหนะอย่างอื่นอาจดูไม่ไกล แต่สำหรับเรือนั้น ใช้เวลาในการพายต่อวันประมาณ 30-40 กม. หรืออาจจะได้มากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับกำลังกาย กระแสน้ำและลม
มีสมาชิกในเพจบางคนพายรวดเดียว 80km จากหน้าเขื่อนเขาแหลมไป สังขละบุรีในวันเดียวก็มีมาแล้ว
จนมาถึงวันเดินทาง เช้ามืดวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา การเริ่มต้นการพายคายัคทัวร์ริ่งครั้งแรกของผมก็ได้เริ่มขึ้น
โดยเรานัดหมายเจอกันแต่เช้ามืด ที่วัดท่าล้อ อ.เมืองกาญจนบุรี
เราจอดรถไว้ที่นี่ซึ่งเป็นปลายทางของทริป ทำการเติมพลังด้วยอาหารเช้า แล้วทำการขนเรือขึ้นรถสองแถวที่ทางทีมงานได้ติดต่อเหมาไว้ล่วงหน้า เพื่อขนเรือและคนไปยังจุดเริ่มต้นการพาย
และออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังสะพานโป่งปัด ซึ่งอยู่ก่อนถึงเขื่อนท่าทุ่งนาหน่อยนึง อันเป็นจุดเริ่มต้นของทริปนี้
เมื่อถึงจุดเริ่มต้นการพาย เราก็ทำการขนเรือลงน้ำจัดเตรียมของใช้ที่จำเป็น อุปกรณ์ยังชีพและเสบียง ลงเรือ
อันไหนเปียกไม่ได้ก็ใส่ถุงกันน้ำ หรือใส่ในห้องอับเฉาส่วนแห้งของเรือ
และที่ขาดไม่ได้เลยที่ทุกคนต้องมีคืออุปกรณ์ความปลอดภัยคือเสื้อชูชีพและนกหวีด
ก่อนลงน้ำก็ได้รับคำแนะนำและบรีฟเส้นทาง รวมทั้งการพายอย่างถูกต้องและปลอดภัย สัญญาณมือต่างๆ ที่จำเป็น จากคุณตู๋และคุณเอมี่ แอดมินเพจ
ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระทึกก่อนลงน้ำ
"เริ่มเดินทาง" ช่วงแรกของการพายโชคดีหน่อยที่วันนี้ทางเขื่อนท่าทุ่งนาปล่อยน้ำพอดี ทำให้เราไม่เหนื่อยในการพายมาก ทำเวลาและระยะทางได้สบายๆ
พายบ้าง ปล่อยเรือไหลไปตามสายน้ำแบบชิลๆ บ้าง ชมวิว ชมธรรมชาติสองฝั่งน้ำไปเรือยๆ สบายยยย
ระหว่างตลอดเส้นทางสองฝั่งน้ำ ฝูงนกกระแตแต้แว้ด ที่รวมกลุ่มริมน้ำ ตกใจพวกเราส่งเสียงร้องลั่นไปทั้งคุ้งน้ำบินเป็นฝูง โฉบเฉี่ยวไปมา เป็นภาพที่สวยงามประทับใจ
พายไปก็ชมวิวสองฝั่งน้ำอันเงียบสงบไปเรื่อยๆ
พายมาเรื่อยๆ เราก็มาจ๊ะเอ๋กับพี่ใหญ่ใจดี ยืนมองเรา นั่นคือเราพายผ่านแค้มป์ ช.ช้างชรา ที่ดูแลช้างชราและช้างป่วย
เสียดายที่เรามาไม่ได้จังหวะกับที่ทางแค้มป์นำช้างลงมาอาบน้ำในแม่น้ำแควใหญ่ ไม่งั้นคงเป็นภาพที่ประทับใจไปอีกแบบ
พายมาจนเที่ยงวัน เราแวะจะพักทานมื้อกลางวัน ดื่มกาแฟ ทานของว่าง บริเวณเกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่ แต่พักได้เดี๋ยวเดียวต้องรีบไปหาจุดเหมาะจุดอื่นกันใหม่ เพราะน้ำขึ้นเร็วมาก ไม่กี่นาทีน้ำก็ท่วมเกือบมิดเกาะแล้ว มีเวลาพักเหนื่อย และถ่ายภาพได้นิดหน่อยครับ
หลังจากหาจุดพักทานมื้อเที่ยงจุดใหม่ได้ และจัดการเติมพลังในมื้อเที่ยงนี้เรียบร้อย ก็เริ่มต้นออกพายมาเรื่อยๆ ชมทิวทัศน์สองฝั่ง แวะถ่ายภาพไปเรื่อยๆ สนุกสานฮาเฮ
เพราะวันนี้เราไม่ต้องรีบทำเวลาเท่าใดนัก เพราะมีกระแสน้ำช่วยค่อนข้างเยอะ
ในช่วงบ่าย 4 โมงกว่าเราก็พายจนถึง อ.ลาดหญ้า ซึ่งเราจะตั้งแค้มป์ริมน้ำกัน โดยเลือกทำเลเหมาะๆ ริมตลิ่ง ในการกางเต้นท์ ผูกเปลและทำอาหาร
ในที่สุดก็เลือกได้ทำเลเหมาะ จึงจัดแจงตั้งแค้มป์ ทำอาหารกันครับ
ทริปนี้มีอาหารรับประทานหรูกันซักนิด เนื่องจากมีพี่ในกลุ่มเตรียมแหนมซี่โครงหมูมาย่างให้ทานกัน และน้องใหม่อีกคนของกลุ่มซึ่งมีดีกรีเป็นเชฟ ก็ทำสตูว์เตรียมมาให้จากที่บ้าน
ทริปนี้อิ่มหนำสำราญครับ ขอบคุณทั้งสองท่านมากๆ เลยครับ อิอิ
และหลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็มาถึงไฮไลท์ของทริปนี้ ในคืนวันที่ 5 ธ.ค. วันเฉลิมพระชนน์พรรษา
ทางกลุ่มได้มีการจุดเทียนชัยถวายพระพรองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกันด้วยครับ เล่นเอาทุกคนปลาบปลื้ม
มีต่อครับ....
[CR] Mini Review "พายเรือเพื่อพ่อ" เมื่อผมได้ท่องเที่ยวด้วยเรือคายัค ทริปสำรวจแม่น้ำแควใหญ่
เริ่มแรกตัวผมเองนั้นชอบพายเรือคายัคมาตั้งแต่สมัยเริ่มท่องเที่ยวแล้ว หากเวลาไปเที่ยวตามรีสอร์ทหรือสถานที่ท่องเที่ยว ที่ไหนมีเรือคายัคให้บริการ ผมก็มักจะพายมันเสมอๆ แต่ก็พายเล่นๆ ใกล้ๆ เสียส่วนใหญ่
จนมาถึงสมัยที่พี่โต้ง "รัฐภูมิ อยู่พร้อม" พายเรือรอบประเทศไทย 1500ไมล์ทะเล แล้วพายมาจนถึงกรุงเทพ ซึ่งมีการจัดการต้อนรับโดยให้ผู้สนใจพายเรือในแม่น้ำเจ้าพระยาได้ลงชื่อร่วมพายพร้อมกับพี่โต้งจากสะพานสาธร ไปสะพานพระราม8 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้พายระยะไกลท่ามกลางกระแสคลื่นและลมของแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นครั้งแรก และรู้สึกเริ่มติดใจในการพายยาวๆ และพายเพื่อการท่องเที่ยว
หลังจากนั้นมาก็คิดเสมอว่าอยากมีเรือคายัคซักลำไว้พายทัวร์ริ่งท่องเที่ยวไปตามลำน้ำหรือเขื่อน แต่ก็ยังรู้สึกว่าดูจะเปลี่ยวเหงาและอันตรายเกินไปกับการทัวร์ริ่งคนเดียว อีกทั้งกลุ่มคนที่พายเรือคายัคจริงจังในเมืองไทยสมัยนั้นยังมีน้อยมากๆ และข้อมูลข่าวสารสมัยนั้นยังไม่ทั่วถึงกันเท่าทุกวันนี้ เรื่องพายเรือของผมก็เลยอันตรธานหายไปจากห้วงความคิดไปเลย
ตราบจนไม่นานนี้ ผมได้เจอเฟสบุ๊คเพจกลุ่มคนที่รักการพายเรือคายัคและได้ทราบว่าทางกลุ่มยังได้จัดกิจกรรมพายคายัคท่องเที่ยวอยู่เรื่อยๆ นั่นคือกลุ่ม All Water Kayak & Canoe (เพื่อนพาย) จึงได้สมัครเข้ากลุ่มเพื่อเก็บข้อมูลในการกลับมาคิดที่จะพายเรือคายัคท่องเที่ยวอีกครั้ง
และหลังจากทำการเก็บความรู้ ศึกษาข้อมูล และได้รับคำปรึกษาจากสมาชิกในพจอยู่พักใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรือคายัคประเภทต่างๆ ข้อดีข้อด้อยของเรือแต่ละประเภท การเก็บรักษา การขนย้าย จึงได้ทำการตัดสินใจซื้อเรือคายัคประเภททัวร์ริ่งเป็นของตนเอง 1 ลำ
และผมได้ลงชื่อร่วมทริปพายเรือทัวรริ่งครั้งแรกในชีวิต คือ "ทริปพายเรือวันพ่อ สำรวจแม่น้ำแควใหญ่" เวลา 2 วัน 1 คืน กับระยะทางรวม 60 KM
ระยะทางหากเดินทางด้วยพาหนะอย่างอื่นอาจดูไม่ไกล แต่สำหรับเรือนั้น ใช้เวลาในการพายต่อวันประมาณ 30-40 กม. หรืออาจจะได้มากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับกำลังกาย กระแสน้ำและลม
มีสมาชิกในเพจบางคนพายรวดเดียว 80km จากหน้าเขื่อนเขาแหลมไป สังขละบุรีในวันเดียวก็มีมาแล้ว
จนมาถึงวันเดินทาง เช้ามืดวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา การเริ่มต้นการพายคายัคทัวร์ริ่งครั้งแรกของผมก็ได้เริ่มขึ้น
โดยเรานัดหมายเจอกันแต่เช้ามืด ที่วัดท่าล้อ อ.เมืองกาญจนบุรี
เราจอดรถไว้ที่นี่ซึ่งเป็นปลายทางของทริป ทำการเติมพลังด้วยอาหารเช้า แล้วทำการขนเรือขึ้นรถสองแถวที่ทางทีมงานได้ติดต่อเหมาไว้ล่วงหน้า เพื่อขนเรือและคนไปยังจุดเริ่มต้นการพาย
และออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังสะพานโป่งปัด ซึ่งอยู่ก่อนถึงเขื่อนท่าทุ่งนาหน่อยนึง อันเป็นจุดเริ่มต้นของทริปนี้
เมื่อถึงจุดเริ่มต้นการพาย เราก็ทำการขนเรือลงน้ำจัดเตรียมของใช้ที่จำเป็น อุปกรณ์ยังชีพและเสบียง ลงเรือ
อันไหนเปียกไม่ได้ก็ใส่ถุงกันน้ำ หรือใส่ในห้องอับเฉาส่วนแห้งของเรือ
และที่ขาดไม่ได้เลยที่ทุกคนต้องมีคืออุปกรณ์ความปลอดภัยคือเสื้อชูชีพและนกหวีด
ก่อนลงน้ำก็ได้รับคำแนะนำและบรีฟเส้นทาง รวมทั้งการพายอย่างถูกต้องและปลอดภัย สัญญาณมือต่างๆ ที่จำเป็น จากคุณตู๋และคุณเอมี่ แอดมินเพจ
ถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระทึกก่อนลงน้ำ
"เริ่มเดินทาง" ช่วงแรกของการพายโชคดีหน่อยที่วันนี้ทางเขื่อนท่าทุ่งนาปล่อยน้ำพอดี ทำให้เราไม่เหนื่อยในการพายมาก ทำเวลาและระยะทางได้สบายๆ
พายบ้าง ปล่อยเรือไหลไปตามสายน้ำแบบชิลๆ บ้าง ชมวิว ชมธรรมชาติสองฝั่งน้ำไปเรือยๆ สบายยยย
ระหว่างตลอดเส้นทางสองฝั่งน้ำ ฝูงนกกระแตแต้แว้ด ที่รวมกลุ่มริมน้ำ ตกใจพวกเราส่งเสียงร้องลั่นไปทั้งคุ้งน้ำบินเป็นฝูง โฉบเฉี่ยวไปมา เป็นภาพที่สวยงามประทับใจ
พายไปก็ชมวิวสองฝั่งน้ำอันเงียบสงบไปเรื่อยๆ
พายมาเรื่อยๆ เราก็มาจ๊ะเอ๋กับพี่ใหญ่ใจดี ยืนมองเรา นั่นคือเราพายผ่านแค้มป์ ช.ช้างชรา ที่ดูแลช้างชราและช้างป่วย
เสียดายที่เรามาไม่ได้จังหวะกับที่ทางแค้มป์นำช้างลงมาอาบน้ำในแม่น้ำแควใหญ่ ไม่งั้นคงเป็นภาพที่ประทับใจไปอีกแบบ
พายมาจนเที่ยงวัน เราแวะจะพักทานมื้อกลางวัน ดื่มกาแฟ ทานของว่าง บริเวณเกาะกลางแม่น้ำแควใหญ่ แต่พักได้เดี๋ยวเดียวต้องรีบไปหาจุดเหมาะจุดอื่นกันใหม่ เพราะน้ำขึ้นเร็วมาก ไม่กี่นาทีน้ำก็ท่วมเกือบมิดเกาะแล้ว มีเวลาพักเหนื่อย และถ่ายภาพได้นิดหน่อยครับ
หลังจากหาจุดพักทานมื้อเที่ยงจุดใหม่ได้ และจัดการเติมพลังในมื้อเที่ยงนี้เรียบร้อย ก็เริ่มต้นออกพายมาเรื่อยๆ ชมทิวทัศน์สองฝั่ง แวะถ่ายภาพไปเรื่อยๆ สนุกสานฮาเฮ
เพราะวันนี้เราไม่ต้องรีบทำเวลาเท่าใดนัก เพราะมีกระแสน้ำช่วยค่อนข้างเยอะ
ในช่วงบ่าย 4 โมงกว่าเราก็พายจนถึง อ.ลาดหญ้า ซึ่งเราจะตั้งแค้มป์ริมน้ำกัน โดยเลือกทำเลเหมาะๆ ริมตลิ่ง ในการกางเต้นท์ ผูกเปลและทำอาหาร
ในที่สุดก็เลือกได้ทำเลเหมาะ จึงจัดแจงตั้งแค้มป์ ทำอาหารกันครับ
ทริปนี้มีอาหารรับประทานหรูกันซักนิด เนื่องจากมีพี่ในกลุ่มเตรียมแหนมซี่โครงหมูมาย่างให้ทานกัน และน้องใหม่อีกคนของกลุ่มซึ่งมีดีกรีเป็นเชฟ ก็ทำสตูว์เตรียมมาให้จากที่บ้าน
ทริปนี้อิ่มหนำสำราญครับ ขอบคุณทั้งสองท่านมากๆ เลยครับ อิอิ
และหลังจากอิ่มหนำสำราญกันแล้ว ก็มาถึงไฮไลท์ของทริปนี้ ในคืนวันที่ 5 ธ.ค. วันเฉลิมพระชนน์พรรษา
ทางกลุ่มได้มีการจุดเทียนชัยถวายพระพรองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกันด้วยครับ เล่นเอาทุกคนปลาบปลื้ม
มีต่อครับ....