29
คาร์ล่า มอร์เร็ตติ
โดย ฮาร์โมนิก้า
กมลาหรือคาร์ล่า มอร์เร็ตติเป็นหญิงไทยหุ่นนางแบบผิวคล้ำแทน ดูสวยเก๋
รูปร่างของเธอแม้ไม่สูงเท่าระดับนางแบบนานาชาติหรือนางแบบยุโรป แต่ก็ถือว่าสูงสำหรับสาวเอเชียส่วนใหญ่ กฤชพินิจ
ดูแล้ว ส่วนสูงของเธออยู่ในระดับเดียวกับอนาสเตเซียทีเดียว แต่ด้วยความเป็นคนเอเซียจึงดูร่างเล็กและบางกว่าอนาสเตเซีย
ที่ดูกลมมีสัดส่วนโค้งเว้ามากกว่าและไหล่กว้างตรงดูสง่างามกว่ากมลามาก
แม่ม่ายสาวชาวไทยแต่งตัวเก๋ด้วยเสื้อตัวบนเป็นผ้ายืดแบบรัดเกาะอกเอวลอยนิดๆสีครีมดอกขาวสลับน้ำตาลเปิดให้เห็นเอว
ที่คอดและหน้าท้องแบนราบ ช่วงไหล่แบบบางและลำคอเรียวเปิดเปลือยผิวเนื้อสีน้ำผึ้งเนียนสวย ไร้สิ่งปกปิดนอกจากสาย
สร้อยคอแบบสามกษัตริย์สายเล็กและสั้นแค่คอ ออกแบบโดยช่างทองอิตาลี่มีจี้ทองแบบโบราณคล้ายล็อกเก็ตห้อยตรงกลาง
เธอสวมกางเกงผ้าเนื้อนิ่มเกาะสะโพกและช่วงขาได้รูปซึ่งบานออกนิดๆ ตรงใต้เข่ายาวลงไปจรดข้อเท้า รองเท้าส้นเข็มสีขาว
สลับครีมช่วยเพิ่มส่วนสูงและดูเก๋ยิ่งขึ้น
กมลาสวมต่างหูทองคำอิตาลี่ซึ่งออกแบบเป็นห่วงแกะสลักลายแบบโบราณ รับกับกำไลข้อมือสลักลวดลายโบราณฝีมือช่างทอง
อิตาลี่วงใหญ่สามวง เป็นทองคำหนึ่งวง ทองขาวหนึ่งวงและทองสีชมพูหรือนาคหนึ่งวง ทั้งสามวงเข้าชุดกันสวมอยู่ที่ข้อมือขวา
บนข้อมือซ้ายเป็นนาฬิกาเรือนทองของคาร์เทียร์ฝังเพชรหรู
กฤชพินิจมองปราดและรู้สึกได้ว่าหญิงสาวผู้นี้แต่งตัวเป็นและมีรสนิยมทีเดียว เธอรู้จักแต่งเพื่อเน้นจุดเด่นและกลบจุดด้อยได้
อย่างน่ามอง ใบหน้าที่งามคมอย่างสาวไทยก็ดูเฉี่ยวด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ผมที่ซอยสั้น และย้อมสีน้ำตาลทันสมัยถูกคาดไว้
ด้วยแถบผ้าคาดผมสีครีมดอกขาว ดวงตาทั้งสองข้างใส่คอนแท็คเลนส์สีน้ำตาลรับกับขนตาที่ถูกปัดแต่งจนดกหนา ช่วยเสริมเสน่ห์
ความน่ามองให้กับเธอโดยเฉพาะเวลาที่เธอส่งยิ้มแบบยั่วเย้า ดวงตาทั้งคู่ซึ่งถูกขับด้วยคอนแท็คเลนส์จะยิ่งดูเย้าหยอก มีเสน่ห์
กิริยามรรยาทของเธอก็แช่มช้อย ตกแต่งไว้ด้วยจริตนิดๆ ที่เนียนจนแทบไม่สังเกต เสียงพูดฟังอ่อนหวาน นุ่มเบาคล้ายลูกแมว
ประกอบกับกิริยาอ่อนช้อยชวนมอง ทำให้ผู้พบเห็นต้องเสน่ห์ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะชายชาวตะวันตกที่ไม่ค่อยได้พบเห็นหญิงสาว
อ่อนหวานในสังคมที่ตัวเองคุ้นชิน
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดสตีลียานอสจึงลุ่มหลงเธอมาก กฤชคิดขณะยืนดูกมลาที่หมั่นเติมน้ำชาสมุนไพร และแซนด์วิชสุขภาพ
ชิ้นเล็กๆ ใส่จานสตีลียานอส รอยยิ้มของปู่เขาดูชื่นบานอย่างที่กฤชไม่เคยเห็นนานแล้ว ดูเหมือนสตีลียานอสจะมีความสุขในบั้นปลาย
จนลืมสนใจเคราะห์กรรมของหลานสาวแท้ๆ ที่แทบจะเหลืออยู่เพียงคนเดียวไป
“สวัสดีครับปู่” กฤชเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษเดาว่ากมลาอาจไม่เข้าใจภาษากรีก ชายหนุ่มก้าวออกจากประตูที่แอบสังเกตคนทั้งสอง
ซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟานั่งเล่นนอกระเบียงด้านหลังของตัวบ้านอยู่เงียบๆ “ขอโทษที่มาช้านะครับ”
สตีลียานอสเงยหน้าขึ้น ตอบเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน “อ้าว! คริสมาได้หรือ เห็นอาคิลโทรฯ มาว่าติดธุระ”
“ครับ พอดีเคลียร์เสร็จเห็นว่าน่าจะยังทันเลยขับรถมา” กฤชตอบยิ้มนิดๆ ขณะเดินไปก้มลงจุมพิตสตีลียานอสที่แก้ม เขาหันมามองกมลา
ก่อนจะหันมามองปู่เป็นเชิงเตือน
“อ้อ! จริงสิคาร์ล่า นี่คริสหลานชายฉันเอง เป็นลูกบุญธรรมของลูกชายคนโตที่เสียชีวิตไปนานแล้ว เขาเป็นคนไทยเหมือนเธอด้วยนะ
อลาสเตอร์กับแองเจลลิก้าอุปการะเขามาตั้งแต่อายุสามขวบ เลี้ยงเขาอยู่ที่เมืองไทยเกือบสามปี แล้วมาอยู่ที่กรีซนี่ตอนหกขวบ คงจำ
เมืองไทยไม่ได้สักเท่าไหร่หรอก ใช่ไหมคริส” สตีลียานอสแนะนำยาว
“แล้วก็คริส นี่คาร์ล่า มอร์เร็ตติที่ฉันเคยพูดให้แกฟัง” ปู่หันมาแนะนำให้เขา รอยยิ้มชื่นมื่นปรากฏชัดบนใบหน้าของชายชรา
“สวัสดีครับคุณคาร์ล่า” กฤชพูดพลางยื่นมือส่งให้
กมลายิ้มนิดหนึ่ง มองมือที่ยื่นไปตรงหน้าอย่างลังเล ก่อนยกสองมือขึ้นประนมกับอก แล้วก้มศีรษะลงจบมือที่ประนมอยู่ทั้งสองข้าง
“สวัสดีค่ะคุณคริส” เธอทักเสียงหวานเป็นภาษาไทยก่อนจะเปลี่ยนมาพูดภาษาอังกฤษเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของกฤช “ฉันไม่แน่ใจว่าคุณ
รู้จักวิธีทักทายแบบไทยหรือเปล่า แต่เห็นว่าเป็นคนไทยเลยลองทักแบบไทยน่ะค่ะ”
กฤชพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ความที่มาอยู่ในวัฒนธรรมตะวันตกตั้งแต่อายุหกขวบทำให้เขาไม่ชินกับธรรมเนียมแบบไทย แม้จะมองเห็นว่า
สวยงามอ่อนหวานก็ตาม แต่ก็อดรู้สึกแปลกกับความพยายามสร้างและเน้นความเชื่อมโยงทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมระหว่างเขากับเธอ
ตั้งแต่แรกรู้จักไม่ได้ ทั้งที่ตัวเขาเองก็อยู่และรู้จักประเทศไทยน้อยเกินกว่าจะซาบซึ้งหรือเข้าใจในวัฒนธรรมเฉพาะชนชาติอย่างที่เธอ
แสดงอยู่ตอนนี้
“ครับผมเคยเห็นบ้างทางทีวีเวลาที่มีรำนาฏศิลป์ของไทย ไม่นึกว่าจะได้เห็นของจริง” กฤชตอบเลี่ยงให้เป็นเรื่องเบาๆ ไป
“คริสเขาโตที่กรีซนี่ ไม่เคยคุ้นกับคนไทยหรอกคาร์ล่า แม้ว่าเขาจะเคยกลับไปเมืองไทยบ่อยๆ แต่ก็ไปอย่างนักท่องเที่ยว เธอคงไปหวัง
ว่าเขาจะเข้าใจวัฒนธรรมของชาติกำเนิดเขาไม่ได้หรอก” สตีลียานอสอธิบายอย่างอารมณ์ดี
กมลาช้อนสายตาขึ้นมอง แม้ท่าทีจะดูอ่อนช้อยแต่ประกายตาที่มองสบตากฤชดูล้ำลึกยวนยั่วและท้าทาย
“ฝึกกันได้ค่ะ อย่างไรเสียคุณคริสก็เป็นคนไทย น่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับประเทศแม่ที่ให้กำเนิดบ้าง ดิฉันจะช่วยสอนให้ก็ได้ค่ะ” เธอพูด
ด้วยน้ำเสียงเบาและอ่อนหวานเช่นเคยแม้ว่าเนื้อหาที่พูดจะต่างจากน้ำเสียงก็ตาม “ว่าแต่ คุณคริสจะรับอะไรคะ ชา กาแฟ
หรือว่าน้ำชาสมุนไพรเหมือนคุณสตีลียานอส”
“ขอกาแฟดีกว่าครับ” กฤชตอบเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับหญิงสาวตรงหน้า แต่พยายามเก็บไว้ภายใต้กิริยาสุภาพ “ปู่เป็นอย่างไรบ้างครับ”
เขาเลี่ยงหันไปถามอาการสตีลียานอสแทน
“สบายดีแล้ว ว่าแต่ได้ข่าวอนาสเตเซียหรือยัง” สตีลียานอสตอบก่อนจะย้อนถาม
กฤชนิ่ง ไม่แน่ใจว่าควรคุยเรื่องของอนาสเตเซียต่อหน้าหญิงสาวที่ปู่เพิ่งรู้จักไม่นานหรือไม่
สตีลียานอสเข้าใจ หันไปพูดกับกมลา “คาร์ล่าขอโทษเถอะนะ ฉันลืมผ้าคลุมเข่าไว้ที่ห้องนั่งเล่น วานช่วยไปหยิบให้ทีสิ อ้อ! บอก
ลียานเดอร์ให้ยกกาแฟกรีกมาให้คริสด้วย ขานี้เขาโปรดกาแฟกรีกแท้รสเข้มชงเองไม่ใช่ปรุงสำเร็จ”
กมลาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นเยื้องกรายด้วยท่าทางที่ดูนวยนาดออกจากระเบียงไป กฤชมองตามจนแน่ใจว่า
คล้อยหลังไปแน่แล้วจึงหันมาตอบคำถามปู่
“ปลอดภัยดีครับคงเก็บตัวอยู่สักพักก่อนให้ผมหาหลักฐานและทนายเพื่อคลี่คลายข้อสงสัยของตำรวจได้ก่อน”
สตีลียานอสพยักหน้า “ดี แล้วน้องอยู่ที่ไหนล่ะ”
กฤชนิ่งอนาสเตเซียขอให้ปิดเป็นความลับจากทุกคน “อัณญ่าไม่ได้บอกไว้ครับ พูดเพียงว่าจะติดต่อมาเอง”
“คงต้องฝากให้เป็นธุระแกแล้วล่ะคริส ปู่แก่เกินกว่าจะมานั่งทุกข์ร้อนเรื่องลูกหลานเสียแล้ว และต้องขอบใจแกมากที่ช่วยดูแลน้อง
หากมีอะไรให้ปู่ช่วยก็บอกแล้วกัน ปู่แค่ต้องการรู้ว่าลูกหลานปลอดภัยและสุขสบายดีเท่านั้น” สตีลียานอสพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า เขาแก่
เกินกว่าจะคอยมาห่วงลูกหลานแล้วจริงๆ ตอนนี้เขาต้องการเพียงความสุขบั้นปลายชีวิตหลังจากเดียวดายมาร่วมยี่สิบปีนับแต่ภรรยา
จากไป พร้อมกับการสูญเสียลูกชายลูกสาวในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
เขาหวังเพียงว่าจะสามารถมีความสุขนั้นร่วมกับกมลา หญิงไทยผู้อ่อนหวาน แม้เธอจะอ่อนคราวหลานแต่เขาก็ไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหา
หากว่ากมลาจริงใจต่อเขาปรนนิบัติดูแล เป็นเพื่อนยามเหงาและทำให้เขามีความสุขได้
“แกว่าแม่คาร์ล่าของฉันเป็นอย่างไรบ้าง” สตีลียานอสถามหลานชายนอกไส้ที่เขารักมากที่สุด
“ก็สวยดีครับ ดูช่างเอาใจ” กฤชตอบ ก่อนจะตัดสินใจถามขึ้นใหม่ “ปู่จริงจังกับเขามากเลยหรือครับ”
สตีลียานอสยิ้ม “ปู่ไม่เคยมีความสุขอย่างนี้มานับแต่ย่าของแกจากไป คาร์ล่าเขาอ่อนหวานและช่างเอาใจกว่าย่าแกมาก แม้ย่าจะเป็น
รักแรกของปู่แต่ย่าก็จากไปนานแล้ว น่าจะถึงเวลาที่ปู่จะมีรักครั้งใหม่เสียที หรือแกว่าไม่จริง”
กฤชนิ่ง ไม่อาจตอบคำใดๆ ได้ สายตาเขาเหลือบเห็นกมลาเดินกลับออกมายังระเบียงแห่งนั้น พร้อมกับลียานเดอร์ที่ยกกาแฟกรีกมา
บนถาดเงินพร้อมชุดของว่างซึ่งเป็นขนมกรีกทำจากถั่วรสหวานออกมาให้เขา ชายหนุ่มจึงได้แต่ลุกขึ้นยืนตามมรรยาทยามเห็นสุภาพสตรี
ปรากฏกายในห้อง และยุติการสนทนาเรื่องเธอกับปู่ของเขาแต่เพียงเท่านั้น
ปมรัก รอยอดีต Book II ปมรัก บทที่ 29 คาร์ล่า มอร์เร็ตติ
29
คาร์ล่า มอร์เร็ตติ
โดย ฮาร์โมนิก้า
กมลาหรือคาร์ล่า มอร์เร็ตติเป็นหญิงไทยหุ่นนางแบบผิวคล้ำแทน ดูสวยเก๋
รูปร่างของเธอแม้ไม่สูงเท่าระดับนางแบบนานาชาติหรือนางแบบยุโรป แต่ก็ถือว่าสูงสำหรับสาวเอเชียส่วนใหญ่ กฤชพินิจ
ดูแล้ว ส่วนสูงของเธออยู่ในระดับเดียวกับอนาสเตเซียทีเดียว แต่ด้วยความเป็นคนเอเซียจึงดูร่างเล็กและบางกว่าอนาสเตเซีย
ที่ดูกลมมีสัดส่วนโค้งเว้ามากกว่าและไหล่กว้างตรงดูสง่างามกว่ากมลามาก
แม่ม่ายสาวชาวไทยแต่งตัวเก๋ด้วยเสื้อตัวบนเป็นผ้ายืดแบบรัดเกาะอกเอวลอยนิดๆสีครีมดอกขาวสลับน้ำตาลเปิดให้เห็นเอว
ที่คอดและหน้าท้องแบนราบ ช่วงไหล่แบบบางและลำคอเรียวเปิดเปลือยผิวเนื้อสีน้ำผึ้งเนียนสวย ไร้สิ่งปกปิดนอกจากสาย
สร้อยคอแบบสามกษัตริย์สายเล็กและสั้นแค่คอ ออกแบบโดยช่างทองอิตาลี่มีจี้ทองแบบโบราณคล้ายล็อกเก็ตห้อยตรงกลาง
เธอสวมกางเกงผ้าเนื้อนิ่มเกาะสะโพกและช่วงขาได้รูปซึ่งบานออกนิดๆ ตรงใต้เข่ายาวลงไปจรดข้อเท้า รองเท้าส้นเข็มสีขาว
สลับครีมช่วยเพิ่มส่วนสูงและดูเก๋ยิ่งขึ้น
กมลาสวมต่างหูทองคำอิตาลี่ซึ่งออกแบบเป็นห่วงแกะสลักลายแบบโบราณ รับกับกำไลข้อมือสลักลวดลายโบราณฝีมือช่างทอง
อิตาลี่วงใหญ่สามวง เป็นทองคำหนึ่งวง ทองขาวหนึ่งวงและทองสีชมพูหรือนาคหนึ่งวง ทั้งสามวงเข้าชุดกันสวมอยู่ที่ข้อมือขวา
บนข้อมือซ้ายเป็นนาฬิกาเรือนทองของคาร์เทียร์ฝังเพชรหรู
กฤชพินิจมองปราดและรู้สึกได้ว่าหญิงสาวผู้นี้แต่งตัวเป็นและมีรสนิยมทีเดียว เธอรู้จักแต่งเพื่อเน้นจุดเด่นและกลบจุดด้อยได้
อย่างน่ามอง ใบหน้าที่งามคมอย่างสาวไทยก็ดูเฉี่ยวด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ผมที่ซอยสั้น และย้อมสีน้ำตาลทันสมัยถูกคาดไว้
ด้วยแถบผ้าคาดผมสีครีมดอกขาว ดวงตาทั้งสองข้างใส่คอนแท็คเลนส์สีน้ำตาลรับกับขนตาที่ถูกปัดแต่งจนดกหนา ช่วยเสริมเสน่ห์
ความน่ามองให้กับเธอโดยเฉพาะเวลาที่เธอส่งยิ้มแบบยั่วเย้า ดวงตาทั้งคู่ซึ่งถูกขับด้วยคอนแท็คเลนส์จะยิ่งดูเย้าหยอก มีเสน่ห์
กิริยามรรยาทของเธอก็แช่มช้อย ตกแต่งไว้ด้วยจริตนิดๆ ที่เนียนจนแทบไม่สังเกต เสียงพูดฟังอ่อนหวาน นุ่มเบาคล้ายลูกแมว
ประกอบกับกิริยาอ่อนช้อยชวนมอง ทำให้ผู้พบเห็นต้องเสน่ห์ได้ไม่ยาก โดยเฉพาะชายชาวตะวันตกที่ไม่ค่อยได้พบเห็นหญิงสาว
อ่อนหวานในสังคมที่ตัวเองคุ้นชิน
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดสตีลียานอสจึงลุ่มหลงเธอมาก กฤชคิดขณะยืนดูกมลาที่หมั่นเติมน้ำชาสมุนไพร และแซนด์วิชสุขภาพ
ชิ้นเล็กๆ ใส่จานสตีลียานอส รอยยิ้มของปู่เขาดูชื่นบานอย่างที่กฤชไม่เคยเห็นนานแล้ว ดูเหมือนสตีลียานอสจะมีความสุขในบั้นปลาย
จนลืมสนใจเคราะห์กรรมของหลานสาวแท้ๆ ที่แทบจะเหลืออยู่เพียงคนเดียวไป
“สวัสดีครับปู่” กฤชเอ่ยทักเป็นภาษาอังกฤษเดาว่ากมลาอาจไม่เข้าใจภาษากรีก ชายหนุ่มก้าวออกจากประตูที่แอบสังเกตคนทั้งสอง
ซึ่งนั่งอยู่ที่โซฟานั่งเล่นนอกระเบียงด้านหลังของตัวบ้านอยู่เงียบๆ “ขอโทษที่มาช้านะครับ”
สตีลียานอสเงยหน้าขึ้น ตอบเป็นภาษาอังกฤษเช่นกัน “อ้าว! คริสมาได้หรือ เห็นอาคิลโทรฯ มาว่าติดธุระ”
“ครับ พอดีเคลียร์เสร็จเห็นว่าน่าจะยังทันเลยขับรถมา” กฤชตอบยิ้มนิดๆ ขณะเดินไปก้มลงจุมพิตสตีลียานอสที่แก้ม เขาหันมามองกมลา
ก่อนจะหันมามองปู่เป็นเชิงเตือน
“อ้อ! จริงสิคาร์ล่า นี่คริสหลานชายฉันเอง เป็นลูกบุญธรรมของลูกชายคนโตที่เสียชีวิตไปนานแล้ว เขาเป็นคนไทยเหมือนเธอด้วยนะ
อลาสเตอร์กับแองเจลลิก้าอุปการะเขามาตั้งแต่อายุสามขวบ เลี้ยงเขาอยู่ที่เมืองไทยเกือบสามปี แล้วมาอยู่ที่กรีซนี่ตอนหกขวบ คงจำ
เมืองไทยไม่ได้สักเท่าไหร่หรอก ใช่ไหมคริส” สตีลียานอสแนะนำยาว
“แล้วก็คริส นี่คาร์ล่า มอร์เร็ตติที่ฉันเคยพูดให้แกฟัง” ปู่หันมาแนะนำให้เขา รอยยิ้มชื่นมื่นปรากฏชัดบนใบหน้าของชายชรา
“สวัสดีครับคุณคาร์ล่า” กฤชพูดพลางยื่นมือส่งให้
กมลายิ้มนิดหนึ่ง มองมือที่ยื่นไปตรงหน้าอย่างลังเล ก่อนยกสองมือขึ้นประนมกับอก แล้วก้มศีรษะลงจบมือที่ประนมอยู่ทั้งสองข้าง
“สวัสดีค่ะคุณคริส” เธอทักเสียงหวานเป็นภาษาไทยก่อนจะเปลี่ยนมาพูดภาษาอังกฤษเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของกฤช “ฉันไม่แน่ใจว่าคุณ
รู้จักวิธีทักทายแบบไทยหรือเปล่า แต่เห็นว่าเป็นคนไทยเลยลองทักแบบไทยน่ะค่ะ”
กฤชพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ความที่มาอยู่ในวัฒนธรรมตะวันตกตั้งแต่อายุหกขวบทำให้เขาไม่ชินกับธรรมเนียมแบบไทย แม้จะมองเห็นว่า
สวยงามอ่อนหวานก็ตาม แต่ก็อดรู้สึกแปลกกับความพยายามสร้างและเน้นความเชื่อมโยงทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมระหว่างเขากับเธอ
ตั้งแต่แรกรู้จักไม่ได้ ทั้งที่ตัวเขาเองก็อยู่และรู้จักประเทศไทยน้อยเกินกว่าจะซาบซึ้งหรือเข้าใจในวัฒนธรรมเฉพาะชนชาติอย่างที่เธอ
แสดงอยู่ตอนนี้
“ครับผมเคยเห็นบ้างทางทีวีเวลาที่มีรำนาฏศิลป์ของไทย ไม่นึกว่าจะได้เห็นของจริง” กฤชตอบเลี่ยงให้เป็นเรื่องเบาๆ ไป
“คริสเขาโตที่กรีซนี่ ไม่เคยคุ้นกับคนไทยหรอกคาร์ล่า แม้ว่าเขาจะเคยกลับไปเมืองไทยบ่อยๆ แต่ก็ไปอย่างนักท่องเที่ยว เธอคงไปหวัง
ว่าเขาจะเข้าใจวัฒนธรรมของชาติกำเนิดเขาไม่ได้หรอก” สตีลียานอสอธิบายอย่างอารมณ์ดี
กมลาช้อนสายตาขึ้นมอง แม้ท่าทีจะดูอ่อนช้อยแต่ประกายตาที่มองสบตากฤชดูล้ำลึกยวนยั่วและท้าทาย
“ฝึกกันได้ค่ะ อย่างไรเสียคุณคริสก็เป็นคนไทย น่าจะรู้อะไรเกี่ยวกับประเทศแม่ที่ให้กำเนิดบ้าง ดิฉันจะช่วยสอนให้ก็ได้ค่ะ” เธอพูด
ด้วยน้ำเสียงเบาและอ่อนหวานเช่นเคยแม้ว่าเนื้อหาที่พูดจะต่างจากน้ำเสียงก็ตาม “ว่าแต่ คุณคริสจะรับอะไรคะ ชา กาแฟ
หรือว่าน้ำชาสมุนไพรเหมือนคุณสตีลียานอส”
“ขอกาแฟดีกว่าครับ” กฤชตอบเริ่มรู้สึกแปลกๆ กับหญิงสาวตรงหน้า แต่พยายามเก็บไว้ภายใต้กิริยาสุภาพ “ปู่เป็นอย่างไรบ้างครับ”
เขาเลี่ยงหันไปถามอาการสตีลียานอสแทน
“สบายดีแล้ว ว่าแต่ได้ข่าวอนาสเตเซียหรือยัง” สตีลียานอสตอบก่อนจะย้อนถาม
กฤชนิ่ง ไม่แน่ใจว่าควรคุยเรื่องของอนาสเตเซียต่อหน้าหญิงสาวที่ปู่เพิ่งรู้จักไม่นานหรือไม่
สตีลียานอสเข้าใจ หันไปพูดกับกมลา “คาร์ล่าขอโทษเถอะนะ ฉันลืมผ้าคลุมเข่าไว้ที่ห้องนั่งเล่น วานช่วยไปหยิบให้ทีสิ อ้อ! บอก
ลียานเดอร์ให้ยกกาแฟกรีกมาให้คริสด้วย ขานี้เขาโปรดกาแฟกรีกแท้รสเข้มชงเองไม่ใช่ปรุงสำเร็จ”
กมลาพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะลุกขึ้นเยื้องกรายด้วยท่าทางที่ดูนวยนาดออกจากระเบียงไป กฤชมองตามจนแน่ใจว่า
คล้อยหลังไปแน่แล้วจึงหันมาตอบคำถามปู่
“ปลอดภัยดีครับคงเก็บตัวอยู่สักพักก่อนให้ผมหาหลักฐานและทนายเพื่อคลี่คลายข้อสงสัยของตำรวจได้ก่อน”
สตีลียานอสพยักหน้า “ดี แล้วน้องอยู่ที่ไหนล่ะ”
กฤชนิ่งอนาสเตเซียขอให้ปิดเป็นความลับจากทุกคน “อัณญ่าไม่ได้บอกไว้ครับ พูดเพียงว่าจะติดต่อมาเอง”
“คงต้องฝากให้เป็นธุระแกแล้วล่ะคริส ปู่แก่เกินกว่าจะมานั่งทุกข์ร้อนเรื่องลูกหลานเสียแล้ว และต้องขอบใจแกมากที่ช่วยดูแลน้อง
หากมีอะไรให้ปู่ช่วยก็บอกแล้วกัน ปู่แค่ต้องการรู้ว่าลูกหลานปลอดภัยและสุขสบายดีเท่านั้น” สตีลียานอสพูดขึ้นอย่างอ่อนล้า เขาแก่
เกินกว่าจะคอยมาห่วงลูกหลานแล้วจริงๆ ตอนนี้เขาต้องการเพียงความสุขบั้นปลายชีวิตหลังจากเดียวดายมาร่วมยี่สิบปีนับแต่ภรรยา
จากไป พร้อมกับการสูญเสียลูกชายลูกสาวในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน
เขาหวังเพียงว่าจะสามารถมีความสุขนั้นร่วมกับกมลา หญิงไทยผู้อ่อนหวาน แม้เธอจะอ่อนคราวหลานแต่เขาก็ไม่เห็นว่าจะเป็นปัญหา
หากว่ากมลาจริงใจต่อเขาปรนนิบัติดูแล เป็นเพื่อนยามเหงาและทำให้เขามีความสุขได้
“แกว่าแม่คาร์ล่าของฉันเป็นอย่างไรบ้าง” สตีลียานอสถามหลานชายนอกไส้ที่เขารักมากที่สุด
“ก็สวยดีครับ ดูช่างเอาใจ” กฤชตอบ ก่อนจะตัดสินใจถามขึ้นใหม่ “ปู่จริงจังกับเขามากเลยหรือครับ”
สตีลียานอสยิ้ม “ปู่ไม่เคยมีความสุขอย่างนี้มานับแต่ย่าของแกจากไป คาร์ล่าเขาอ่อนหวานและช่างเอาใจกว่าย่าแกมาก แม้ย่าจะเป็น
รักแรกของปู่แต่ย่าก็จากไปนานแล้ว น่าจะถึงเวลาที่ปู่จะมีรักครั้งใหม่เสียที หรือแกว่าไม่จริง”
กฤชนิ่ง ไม่อาจตอบคำใดๆ ได้ สายตาเขาเหลือบเห็นกมลาเดินกลับออกมายังระเบียงแห่งนั้น พร้อมกับลียานเดอร์ที่ยกกาแฟกรีกมา
บนถาดเงินพร้อมชุดของว่างซึ่งเป็นขนมกรีกทำจากถั่วรสหวานออกมาให้เขา ชายหนุ่มจึงได้แต่ลุกขึ้นยืนตามมรรยาทยามเห็นสุภาพสตรี
ปรากฏกายในห้อง และยุติการสนทนาเรื่องเธอกับปู่ของเขาแต่เพียงเท่านั้น