ปมรัก รอยอดีต Book II ปมรัก บทที่ 22 ที่หมายใหม่

กระทู้สนทนา


22
ที่หมายใหม่


โดย ฮาร์โมนิก้า

กฤชกดรีโมทปิดทีวีที่เต็มไปด้วยข่าวการเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยองของลีย่าบนเกาะนักซอส

เขาได้ขอให้ดราโก้ ลาซารอสเก็บเรื่องอุบัติเหตุของอนาสเตเซียไว้ก่อน แต่สารวัตรลาซารอสไม่รับปาก บอกเพียงว่า
จะเก็บเป็นความลับในขณะที่กำลังทำการสืบสวนคดีอยู่เท่านั้น หากเมื่อคดีมีความชัดเจนแล้ว หรือมีเหตุจำเป็นที่อาจ
มีผลต่อรูปคดีเขาก็จะต้องเปิดเผยต่อสื่อ

กฤชจำต้องพอใจเพียงเท่านั้นในเวลานี้ เขายังหวังว่าอนาสเตเซียจะยังไม่ตายและสามารถกลับมาเปิดโปงสามีของเธอได้
แม้จะดูเหมือนว่าหลักฐานต่างๆ จะผูกมัดตัวเธออยู่มากจนยากจะสลัดให้หลุดพ้นก็ตาม

ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเตียง คว้าเสื้อคลุมกำมะหยี่สีดำมาสวมคลุมทับชุดนอนเสื้อกางเกงผ้าไหมเนื้อเนียนสีครีมกาแฟ ก่อนจะ
เดินออกนอกหน้าต่างแบบฝรั่งเศสสู่ระเบียงด้านนอกเพื่อชมวิวสวนขนาดใหญ่เต็มไปด้วยไม้ต้นสูงอายุร่วมร้อยปีสลับกับ
ไม้พุ่มไม้ดอกที่ดูรกเรื้อตามสไตล์สวนกรีกในอาณาเขตแมนชั่นของสตีลียานอส

กฤชได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินนอกห้องของตัวเองได้เป็นวันแรกหลังจากที่อาคิลบังคับให้เขานอนอยู่ในห้องและนั่งบน
รถเข็นตลอดสามวัน เขาหันกลับไปมองนาฬิกาภายในห้องและแปลกใจที่ปู่ไม่แวะมาคุยด้วยเหมือนเคย

สตีลียานอสมาเยี่ยมทุกวันในตอนเช้า ดูเหมือนปู่จะกำลังมีความรัก หน้าตาดูมีชีวิตชีวาเลือดฉีดพล่านราวกับหนุ่มๆ และปู่
มีนัดนอกบ้านทุกวัน บ้างก็นัดรับประทานกลางวัน บ้างก็ดินเนอร์

กฤชรู้สึกยินดีไปกับปู่ด้วย ปู่ของเขาแม้จะเป็นนักธุรกิจที่เฉียบคม เด็ดขาด มีความเขี้ยวและโหดเมื่อในอดีต แต่บัดนี้ด้วยวัย
เจ็ดสิบห้าปี ท่านก็อ่อนลงมากแล้ว และหลายครั้งก็ต้องการเพียงลูกหลานใกล้ชิด ซึ่งเหลือเพียงแต่เขาคนเดียว อนาสเตเซีย
ในระยะหลังมาเยี่ยมเยียนคุณตาของเธอบ้างแต่ก็ยังน้อยเกินไปสำหรับชายชราผู้โดดเดี่ยว

กฤชเดินไปที่ห้องของสตีลียานอสตั้งใจจะชวนลงไปรับประทานมื้อเช้าด้วยกันที่มอร์นิ่งรูมด้านล่าง เขาก้าวได้ไม่เร็วนักเนื่องจาก
ยังเจ็บแผลอยู่ แผลของเขาแม้จะเกิดจากกระสุนปืนเพียงนัดเดียวแต่ก็ค่อนข้างรุนแรงเพราะเป็นการยิงในระยะประชิดตัวและ
กระสุนเจาะทะลุกระเพาะของเขาไป แพทย์สั่งให้เขาพักนอนอยู่บนเตียงสองสัปดาห์แต่เขาก็ลุกขึ้นมาตั้งแต่หลังจากโดนยิงได้
เพียงสองวัน ทำให้แผลของเขาเปิดขึ้นมาอีก เวลานี้แม้จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสามวันเต็ม แต่เขาก็ยังเจ็บแผลอยู่
ค่อนข้างมาก

“อ้าว! ลุกขึ้นมาแล้วหรือ” สตีลียานอสกล่าวทักเมื่อเห็นหลานชายเดินเข้ามาในห้องแต่งตัว

“อรุณสวัสดิ์ครับปู่ ขอโทษที่ผมไม่ได้เคาะ เห็นประตูเปิดอยู่ ก็เลยเดินตามลียานเดอร์เข้ามาเลย”

กฤชพูดขณะที่ลียานเดอร์พ่อบ้านเก่าแก่กำลังช่วยแต่งตัวให้กับสตีลียานอสอยู่

“ไม่เป็นไรหรอก นั่งสิ” ปู่บอกอย่างอารมณ์ดี

กฤชค่อยๆ ลงนั่งบนอาร์มแชร์ในห้องแต่งตัวซึ่งมีเสื้อผ้าเรียงรายแขวนอยู่กับผนังแบบเปิดโล่ง มีตู้และชั้นย่อยๆ เรียงยาว
ตลอดผนังสามด้าน อีกด้านเป็นหน้าต่างขนาดใหญ่เปิดออกสู่ระเบียงกว้าง เขากำลังนั่งอยู่ในตู้เสื้อผ้าแบบวอล์กอินโคลเซ็ท
ของปู่เขาแท้ๆ เพียงแต่เป็นตู้เสื้อผ้าที่ใหญ่กินพื้นที่ถึงหกคูณหกเมตรกว้างกว่าห้องนอนของคนส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ

“ปู่มีนัดข้างนอกหรือครับเช้านี้” เอ่ยถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นสตีลียานอสเลือกแต่งชุดสูทตอนเช้า ราวจะไปรับประทานมื้อเช้า
อย่างเป็นทางการที่ไหน

ผู้เฒ่ายิ้มเขินราวกับเด็กถูกจับได้ “นัดกับคาร์ล่าน่ะ”

กฤชยิ้ม “เมื่อไหร่ปู่จะแนะนำให้ผมรู้จักหวานใจปู่คนนี้เสียทีล่ะครับ”

สตีลียานอสหัวเราะ ส่ายศีรษะ

“อย่าเพิ่งเลย ให้เขาปลงใจชอบปู่แน่ๆ ก่อนค่อยแนะนำให้แกรู้จัก ไม่งั้นเดี๋ยวเขาเห็นแกหนุ่มกว่าแล้วเกิดเปลี่ยนมาชอบแก
ฉันก็อกหักน่ะสิ”

กฤชขมวดคิ้ว แม้ปู่ของเขาจะพูดเล่นอย่างอารมณ์ดี แต่เขาก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ฟังดูเหมือนปู่เขาจะคบหาผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า
ค่อนข้างมาก

“สาวของปู่คนนี้อายุรุ่นผมหรือครับ” ตัดสินใจถามออกไป

สตีลียานอสหน้าแดงอีกครั้ง

“ใช่ เขาเป็นคนไทยเหมือนแกด้วยนะ ชื่อเดิมภาษาไทยว่ากมลา อายุน้อยกว่าแกราวปีนึงกระมังคริส แต่มากกว่าอนาสเตเซียสองปี”

กฤชซ่อนความรู้สึกประหลาดใจไว้ใต้สีหน้าที่เป็นปกติ

“เป็นคนไทยหรือครับปู่ แล้วไปไงมาไงถึงมารู้จักกับปู่ได้ล่ะครับ” ถามด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ แบบชวนคุย

“เขาแต่งงานกับคนอิตาลี เป็นพวกตระกูลมาเฟียนั่นล่ะ มาอยู่อิตาลีตั้งแต่ยังเป็นสาวรุ่นอายุแค่ยี่สิบ อยู่อิตาลีมาสิบห้าปี จนแทบ
จะเป็นสาวอิตาเลี่ยนไปแล้ว พูดอิตาเลี่ยนคล่อง อังกฤษก็ได้ สามีเขาให้มาเริ่มเรียนหนังสือใหม่ที่อิตาลีจนจบ การศึกษาดี
พอใช้เชียวล่ะ”

สตีลียานอสเล่าอย่างปลาบปลื้ม

“แล้วสามีของเขาไปไหนเสียล่ะครับ” กฤชถามต่อพยายามรักษาน้ำเสียงให้เรื่อยๆ แบบไม่ใส่ใจใคร่รู้มากจนเกินไปนัก

“ตายไปแล้ว หัวใจวายตาย อายุมากกว่าเขาสามสิบห้าปี หัวใจไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่”

“ดูแม่สาวคนนี้ของปู่ จะเสน่หาคนแก่นะครับเนี่ย” เขาพูดอย่างล้อๆ

“ใช่ ทีแรกปู่ก็ไม่กล้าคิดหรอก นึกว่าอาจจะมาสนิทสนมกับปู่อย่างลูกหลาน แต่เขาแสดงออกชัดว่าชื่นชอบปู่ในลักษณะอื่น
ปู่ยังแปลกใจอยู่เหมือนกัน จนรู้ประวัติสามีที่ตายไปแล้วของเขานี่ล่ะ ถึงเข้าใจ เขาเป็นคนขาดพ่อแต่เด็ก เลยชอบผู้ชาย
อายุมาก”

กฤชยังคงแคลงใจ แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา ในเมื่อปู่ของเขามีความสุข เขาก็ควรจะยินดีด้วย

“แล้วสามีเขาเป็นมาเฟียตระกูลไหนหรือครับปู่” เขาเอ่ยถามขึ้น

“พวกมอร์เร็ตติ มีธุรกิจใหญ่โตอยู่ทางมิลานโน่น” สตีลียานอสตอบ “เขายังใช้นามสกุลสามีเขาอยู่ ตอนตายได้สมบัติมา
ก้อนหนึ่ง ไม่มากนัก เพราะส่วนใหญ่จะตกเป็นของลูก สามีเขาทำพินัยกรรมให้ลูกหมด มีเหลือให้เขาแค่พออยู่ได้ไม่เดือดร้อน
แต่ก็ไม่พอให้ฟุ่มเฟือยนัก”

“ปู่ทราบฐานะของเขาละเอียดจังครับ” กฤชทักก่อนจะยิ้มอย่างรู้ทัน “นี่ปู่สั่งใครเช็คประวัติหรือเปล่า”

สตีลียานอสหลิ่วตาให้หลานชายอย่างเจ้าเล่ห์ สิงห์เฒ่าแม้จะแก่แต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นราชสีห์ผู้รอบจัด

“ฉันไม่ได้ไปใช้บริการเพื่อนของแกก็แล้วกัน รู้นะว่าหมอนั่นติดงานที่แกระดมสั่งจนแทบกระดิกไม่ได้”

ปู่เย้าหลานชายกลับ รู้ดีว่าเขาได้ถ่ายทอดนิสัยความละเอียดรอบคอบ และรอบจัดให้หลานชายต่างสายเลือดผู้นี้ไปอย่าง
เต็มเปี่ยมทีเดียว

“แล้วเขามีลูกกี่คนครับ อายุเท่าไหร่” กฤชยิ้มรับก่อนจะถามต่อ

“สองคนผู้ชายทั้งคู่ แต่คนโตตายไปนานแล้วตั้งแต่อายุสิบสอง ตอนนี้เหลือคนเดียวอายุหกขวบ”

“ลูกคนนี้เลี้ยงอยู่กับเขาหรือเปล่าครับ”

“ไม่ เขาเสียสิทธิ์การปกครองลูกให้กับน้องสาวของสามีซึ่งแต่งงานกับตระกูลเฟอร์ราติไปแล้ว อย่างว่าพวกมาเฟีย มีเส้นสาย
ไปทั่ว ทั้งยังบังคับข่มขู่ทนายและแทรกแซงกระบวนการตัดสินต่างๆ นานา คาร์ล่าเล่าว่าโดนข่มขู่เยอะ และเป็นผู้หญิงไทย
ตัวคนเดียวอยู่ในถิ่นของพวกมอร์เร็ตติ เลยตัดสินใจยอมยกสิทธิ์ให้พวกเขาไป เพราะเป็นลูกชายคนเดียวในสังคมมาเฟีย
ก็จำเป็นต้องให้เขาเติบโตมาพร้อมพวกพ้องของเขา จึงจะอยู่ได้”

“น่าสงสารนะ แล้วเขามาพบปู่ได้ยังไงครับ”

“เจอกันที่สโมสรน่ะ เขามาเที่ยวเอเธนส์ มาพักอยู่กับเพื่อนที่นี่”

กฤชพยักหน้า “มิน่าพักนี้ผมถึงไม่ค่อยเจอปู่เท่าไหร่เลย แล้วเขาจะอยู่เอเธนส์อีกนานรึเปล่าครับ”

สตีลียานอสมีสีหน้าใคร่ครวญ

“ไม่รู้สิ ปู่ลืมถามไป เห็นจะต้องลองถามดูเสียหน่อยแล้ว” เขาพูดพร้อมกับยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา “ปู่ต้องไปแล้ว แกกิน
คนเดียวแล้วกันนะเช้านี้”

“ได้ครับปู่ บ่ายๆ ผมจะกลับไปทาวน์เฮาส์ในเมืองเลย แล้วไว้ค่อยมาร่วมมื้อค่ำกับปู่ตอนสุดสัปดาห์” กฤชบอกก่อนจะ
แถมท้าย “หากว่าปู่ยังต้องการผมอยู่นะครับ”

สตีลียานอสหัวเราะก่อนจะเดินนำลียานเดอร์พ่อบ้านออกไปจากห้อง กฤชยังนั่งอยู่นิ่งๆ อีกครู่ก่อนจะลุกตามออกไปยัง
ห้องของตัวเอง

เขายังไม่ได้บอกสตีลียานอสเรื่องของอนาสเตเซียด้วยกลัวว่าจะทำให้ปู่ซึ่งเป็นโรคหัวใจอยู่กระทบกระเทือนจิตใจ แต่ตอนนี้
ดูเหมือนหัวใจสตีลียานอสจะแข็งแรงขึ้นเนื่องจากกำลังเริ่มต้นความสัมพันธ์กับผู้หญิงคราวหลาน บางทีสุดสัปดาห์นี้เขาจะพูด
กับปู่เรื่องของอนาสเตเซียเสียที

กฤชตัดสินใจพลางเดินไปสั่นกระดิ่งเรียกหาอาหารเช้าของเขา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่