เมื่อกรกฎาคมที่ผ่านมามีโอกาสได้ไปเที่ยวเมือง Nagano Yokohama Tokyo หลายคนคงมีแพลนจะไปเที่ยวในเทศกาลปีในแล้ว ก็อยากจะแวะมาแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใน 3 เมืองนี้ให้ได้ดูกัน เราไปมาคือไม่คิดว่าเมืองเล็กๆแบบนี้จะมีที่เที่ยวที่น่าสนใจมากมาย
เริ่มกันเลยดีกว่า
เราออกเดินทางด้วยสายการบินไทยมุ่งหน้าสู่สนามบินฮาเนดะ TG 682 เวลา 22.45น.
ขอแชะภาพพี่แอร์ใส่ชุดไทยคอยบริการเราอยู่บนเครื่องบินมาฝาก ใครว่าการบินไทยมีแต่แก่ ไม่จริงนะ สวยๆสาวๆก็มีเยอะแยะจ้า
เรานั่งชั้นประหยัด เขาก็มีบริการหนังสือพิมพ์ นิตยสาร แบบฟรีๆให้อ่านกันเลย
เครื่องขึ้นไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้รับการบริการเป็นแซนวิชแฮมชีสเสริฟ์คู่กับชาร้อนๆทำให้อิ่มท้อง นอนหลับสบายจนถึงจุดหมายกันเลย
แสงส่องผ่านหน้าต่าง บอกถึงว่าเราใกล้ถึงจุดหมายกันแล้ว
ก่อนเครื่องลงได้รับบริการเป็นอาหารเช้า 1 ชุด จัดเต็มแบบพร้อมลุยเที่ยวกันเลยทีเดียว
แลนดิ้งแล้วค่ะ มาถึงสนามบินฮาเนดะในเวลา 6.55 น. ถือว่าเป็นเวลาที่ดีมาก มาถึงปุ๊บก็เที่ยวได้ทันที
ขอบคุณการบินไทยพาเรามาถึงอย่างปลอดภัยและตรงเวลา
จากสนามบินมาที่สถานีรถไฟใช้เวลา 10 นาที หรือใครมาเองก็นั่งรถไฟจากสนามบินมาถึงสถานีรถไฟได้เลยนะจ๊ะ
หน้าตาสถานีรถไฟก็ตามภาพจ้า ภายในสถานีใหญ่มากมีของให้เลือกช๊อปมาก
เรามาสถานีเพื่อจะนั่งรถไฟ Shinkansen มุ่งไปยังเมือง Nagano โดยใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
ขบวนนี้แหละที่เราจะได้นั่ง ตอนแรกคิดในใจกระเป๋าเราใหญ่มากกว่าจะไม่มีที่ว่างกระเป๋า แต่พอเข้าไปข้างในขบวนเขามีที่เก็บกระเป๋าเราด้วย ดีจังเลย
ที่เก็บกระเป๋าเอาไว้ข้างบนก็ได้ หรือประมาณที่นั่งสุดท้ายหน่อยจะมีที่ว่างกระเป๋าอยู่ แต่มันก็จะค่อนข้างเต็ม
ตอนแรกเราเคยมาเที่ยวเมือง Nagano แล้วตอนหน้าหนาว แต่ครั้งนี้เราได้กลับมาอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม หลายคนคงคิดว่าเมืองนี้ต้องมาเล่นสกี หรือ เล่นหิมะเท่านั้น แต่จริงๆเมืองนี้มีที่เที่ยวอีกหลายแห่งเลยที่น่าสนใจ
สถานที่แรกที่จะพาไปรู้จัก คือวัดเซ็นโคจิ (มรดกแห่งชาติ) เป็นวัดที่เปิดรับพุทธศาสนิกชน เป็นสถานที่เคารพบูชาของผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น บรรยากาศภายในวัด
พระพุทธรูปที่ในหลวงของเราพระราชทานให้วัดแห่งนี้
ฝากท้องมื้อเที่ยวที่วัด Zenkoji อาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่มีแต่ผัก หรือเรียกว่ามังสวิรัติ โอ้พระเจ้า!! มื้อแรกก็เจอของดีต่อสุขภาพซะแล้ว เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

อันที่สองนี้เป็นอาหารที่ทางร้านแนะนำ คือเต้าหู้ทำจากงา

ของหวานก็จะเป็นเยลลี่ที่มีรสชาติหวานมาก ทานคู่กับชาเชียวเข้มข้น และได้เรียนรู้วิธีการเสริฟ์แบบฉบับดังเดิมญี่ปุ่นด้วย
กิจกรรมยามบ่ายที่ Gyokushoin มาร้อยหินศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่จะมีหลวงพ่อประจำสถานทีแห่งนี้ค่อยปลุกเสกให้เราเรียบร้อย เขาจะจัดเตรียมให้เป็นชุดราคาเท่าไหร่เราไม่แน่ใจ
เดินมาได้ประมาณข้าม 1 ไฟแดงก็จะเจอร้านพริกที่เป็นสินค้าของฝากจากเมืองนี้ ชื่อร้าน Yawataya Isogoro shop
ชื่อพริกชื่อดัง Hichimi Togarashi
สถานที่ต่อไปคือ Obuse แห่งขายเกาลัดชื่อดัง และยังมีเกาลัดที่ถูกแปรรูปและนำมาขายในช่วงต่างฤดูกาล
ก่อนเข้าที่พักเราได้แวะที่ห้าง AEON Nagano
ใครจะไปซื้อแป้งจอน์สันที่กระปุ๊ก เดินเข้าประตูเลี้ยวขวา เดินตรงไปจนเห็นคำว่า Phmacy แป้งจะอยู่ที่ชั้นล่าง แต่ตอนเราไปมันเหลืออยู่แค่ 2 กระปุ๊ก ขอบอกว่าใช้ดีแล้วกลิ่นหอมมาก
เครื่องสำอางก็มีให้เลือกเยอะแยะเหมือนกัน แต่ในอย่างของก็ไม่ได้มาวางขายที่นี่
บอกต่อ !!! เราพึ่งรู้ว่า AEON ช๊อปเกิน 5,000 เยน ขึ้นไป สามารถรีฟันเงินขึ้นได้ถึง 8% โดยเข้าจะมีเคาน์เตอร์ Refund เพราะฉะนั้นใครช๊อปอย่าลืมเผื่อเวลาRefundด้วยนะจ๊ะ
มื้อค่ำก็ได้รับการตอนรับจากผู้ว่าและเจ้าหน้าเมือง Nagano ที่ ryokan แห่งนี้ และยังได้ชมการแสดงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอีกด้วย
วันที่สองเราออกเดินทางไปที่ไร่เชอรี่ เชอรี่ญี่ปุ่นนั้นเป็นสีแดงแต่มีรสชาติที่หวานมาก

ราคาค่าเก็บอยู่ที่ 1,600 เยน จะได้ 30 นาที วิธีการเก็บ เก็บแค่ลูกเชอรี่แล้วก้านจะเอาไว้บนต้น

กิจกรรมที่สองคือทำเส้น Soba เรามาเรียนที่ Nabekura-kogen Morinoie (Forest House) สถานที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ที่เขียวขจี หน้าหนาวก็จะเจอหิมะตกด้วย ที่นี่ยังมีที่พีกอีกด้วย
สาธิตการทำ

ใครสนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลตามนี้
http://www.iiyama-ouendan.net/en/accommodation/2011/09/2578.php
วันนี้ตอนบ่ายเราจะได้ย้ายเมืองกันมาที่เมือง Yokohama ด้วยรถไฟ sekansen สถานีชื่อว่า Iiyama station
มื้อเย็นของเราไปทานข้าวที่ Yokohama Katsuretsu-An. ใกล้โรงแรม Washington Hotel Yokohama Sakuragicho
Tokatsu set ราคาประมาณ 1,100 เยน ใน 1 ชุด ประกอบด้วย หมูชุปแป้งทอด 3 ชิ้น และกุ้งทอด 1 ตัว รสชาติหวานนุ่มอร่อยมาก ซุปเป็นซุปหอยตลับ และสุดท้ายข้าวญี่ปุ่น
เช้าวันนี้เราจะเริ่มเที่ยวด้วยการเดินชมสวนที่โด่งดังมากในเมือง Yokohama คือ Sankeien Garden เป็นสถานที่ยอดนิยม แต่วันที่เราไปเจอฝน เศร้าเลยจ้า เดินชมสวนแล้วเจอฝน ศึกษาเส้นทางก่อนเดิน

สาธิตวิธีชงชาแบบญี่ปุ่น
กิจกรรมต่อมาคือCupnoodles Museum โอ้โหเด็กเต็มไปหมดเลยจ้า

ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ราเมนแห่งที่ 2 ของบริษัท Nissin ที่แห่งนี้ผู้เข้าชมสามารถผลิต Cup Noodles ของคุณเองได้เลย วาดและเลือกรสชาติตามที่ตัวเองต้องการ รสชาติได้แก่ Original , Seafood และ Curry แต่ขอแนะนำว่ารสชาติที่อร่อยคือ Seafood
ข้อมูลเพิ่มเติมตามนี้เลยจ้า
http://www.cupnoodles-museum.jp/english/
สถานที่ต่อไปคือ NPANMAN CHILDREN’S MUSEUM AND MALL ภายในจะมีกิจกรรมต่างๆให้เด็กได้เล่น

ร้านขายขนมปัง ซึ่งทางร้านจะมีclass สอนเด็กๆ paint chocolate บนขนมปัง

ร้านตัดผมเด็ก

ข้อมูลเพิ่มเติมตามนี้เลยจ้า
http://www.yokohama-anpanman.jp/pdf/foreign_brochure.pdf
มื้อเย็นของวันที่สาม ทานที่ร้าน Robot restaurant at kabuki-cho ใน Shinjuku มื้อนี่เราจะได้ดูโชว์จากสาวๆและหุ่นยนต์
ข้อแนะนำ ไม่เหมาะสำหรับท่านที่จะพาเด็กเล็ก เพราะเนื่องจากการโชว์นั้นแสงสีเสียงดังและไม่สามารถที่จะออกมาได้ระหว่างการแสดง
ค่าเข้าท่านละ 8000 เยน รวมอาหารค่ำพร้อมเครื่องดื่ม
วันสุดท้ายก็มาถึง อากาศแจ่มใส วันนี้เราไปเดินสวนShinjuku Gyoen National Garden เป็นสวนใหญ่ใจกลางเมือง ไว้สำหรับมาพักผ่อน ในหน้าซากุระ ก็จะมีคนมาปิกนิกกัน สวนแห่งนี้มีการเก็บค่าเข้าคนละ 200 เยน ภายในสวนมีสวนในเรือนกระจกที่ปลูกต้นไม้เมืองร้อนนานาชนิด
ถึงเวลากลับบ้านแล้วเดินทางกลับด้วยการบินไทย เที่ยวบิน TG 677 ได้นั่ง A380 บอกได้เลยว่าชั้นประหยัดยังนั่งสบายจ้า เก้าอี้ใหญ่ การบริการประทับใจ

อาหารมื้อหลักมาเสริฟ์แล้ว
แนะนำ
ใครอยากนั่งแล้วเห็นภูเขาไฟฟูจิ แนะนำว่าให้นั่งริมหน้าต่างฝั่งซ้ายนะค่ะ แล้วคุณจะได้เห็นฟูจิแบบในภาพ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณบริษัทการบินไทย และการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น(๋JNTO)
คลิกจองตั๋วกันได้เลย www.thaiairways.com หรือโทร 02-356-1111
และอีกช่องทางที่สามารถหาข้อมูลการเดินทางได้คือ www.social.thaiairways.com
[SR] อีกมุมของญี่ปุ่น
เริ่มกันเลยดีกว่า
เราออกเดินทางด้วยสายการบินไทยมุ่งหน้าสู่สนามบินฮาเนดะ TG 682 เวลา 22.45น.
ขอแชะภาพพี่แอร์ใส่ชุดไทยคอยบริการเราอยู่บนเครื่องบินมาฝาก ใครว่าการบินไทยมีแต่แก่ ไม่จริงนะ สวยๆสาวๆก็มีเยอะแยะจ้า
เรานั่งชั้นประหยัด เขาก็มีบริการหนังสือพิมพ์ นิตยสาร แบบฟรีๆให้อ่านกันเลย
เครื่องขึ้นไปได้ประมาณ 1 ชั่วโมงก็ได้รับการบริการเป็นแซนวิชแฮมชีสเสริฟ์คู่กับชาร้อนๆทำให้อิ่มท้อง นอนหลับสบายจนถึงจุดหมายกันเลย
แสงส่องผ่านหน้าต่าง บอกถึงว่าเราใกล้ถึงจุดหมายกันแล้ว
ก่อนเครื่องลงได้รับบริการเป็นอาหารเช้า 1 ชุด จัดเต็มแบบพร้อมลุยเที่ยวกันเลยทีเดียว
แลนดิ้งแล้วค่ะ มาถึงสนามบินฮาเนดะในเวลา 6.55 น. ถือว่าเป็นเวลาที่ดีมาก มาถึงปุ๊บก็เที่ยวได้ทันที
ขอบคุณการบินไทยพาเรามาถึงอย่างปลอดภัยและตรงเวลา
จากสนามบินมาที่สถานีรถไฟใช้เวลา 10 นาที หรือใครมาเองก็นั่งรถไฟจากสนามบินมาถึงสถานีรถไฟได้เลยนะจ๊ะ
หน้าตาสถานีรถไฟก็ตามภาพจ้า ภายในสถานีใหญ่มากมีของให้เลือกช๊อปมาก
เรามาสถานีเพื่อจะนั่งรถไฟ Shinkansen มุ่งไปยังเมือง Nagano โดยใช้เวลาแค่ 1 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
ขบวนนี้แหละที่เราจะได้นั่ง ตอนแรกคิดในใจกระเป๋าเราใหญ่มากกว่าจะไม่มีที่ว่างกระเป๋า แต่พอเข้าไปข้างในขบวนเขามีที่เก็บกระเป๋าเราด้วย ดีจังเลย
ที่เก็บกระเป๋าเอาไว้ข้างบนก็ได้ หรือประมาณที่นั่งสุดท้ายหน่อยจะมีที่ว่างกระเป๋าอยู่ แต่มันก็จะค่อนข้างเต็ม
ตอนแรกเราเคยมาเที่ยวเมือง Nagano แล้วตอนหน้าหนาว แต่ครั้งนี้เราได้กลับมาอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม หลายคนคงคิดว่าเมืองนี้ต้องมาเล่นสกี หรือ เล่นหิมะเท่านั้น แต่จริงๆเมืองนี้มีที่เที่ยวอีกหลายแห่งเลยที่น่าสนใจ
สถานที่แรกที่จะพาไปรู้จัก คือวัดเซ็นโคจิ (มรดกแห่งชาติ) เป็นวัดที่เปิดรับพุทธศาสนิกชน เป็นสถานที่เคารพบูชาของผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาในญี่ปุ่น บรรยากาศภายในวัด
พระพุทธรูปที่ในหลวงของเราพระราชทานให้วัดแห่งนี้
ฝากท้องมื้อเที่ยวที่วัด Zenkoji อาหารมื้อนี้เป็นอาหารที่มีแต่ผัก หรือเรียกว่ามังสวิรัติ โอ้พระเจ้า!! มื้อแรกก็เจอของดีต่อสุขภาพซะแล้ว เรามาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
อันที่สองนี้เป็นอาหารที่ทางร้านแนะนำ คือเต้าหู้ทำจากงา
ของหวานก็จะเป็นเยลลี่ที่มีรสชาติหวานมาก ทานคู่กับชาเชียวเข้มข้น และได้เรียนรู้วิธีการเสริฟ์แบบฉบับดังเดิมญี่ปุ่นด้วย
กิจกรรมยามบ่ายที่ Gyokushoin มาร้อยหินศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่จะมีหลวงพ่อประจำสถานทีแห่งนี้ค่อยปลุกเสกให้เราเรียบร้อย เขาจะจัดเตรียมให้เป็นชุดราคาเท่าไหร่เราไม่แน่ใจ
เดินมาได้ประมาณข้าม 1 ไฟแดงก็จะเจอร้านพริกที่เป็นสินค้าของฝากจากเมืองนี้ ชื่อร้าน Yawataya Isogoro shop
ชื่อพริกชื่อดัง Hichimi Togarashi
สถานที่ต่อไปคือ Obuse แห่งขายเกาลัดชื่อดัง และยังมีเกาลัดที่ถูกแปรรูปและนำมาขายในช่วงต่างฤดูกาล
ก่อนเข้าที่พักเราได้แวะที่ห้าง AEON Nagano
ใครจะไปซื้อแป้งจอน์สันที่กระปุ๊ก เดินเข้าประตูเลี้ยวขวา เดินตรงไปจนเห็นคำว่า Phmacy แป้งจะอยู่ที่ชั้นล่าง แต่ตอนเราไปมันเหลืออยู่แค่ 2 กระปุ๊ก ขอบอกว่าใช้ดีแล้วกลิ่นหอมมาก
เครื่องสำอางก็มีให้เลือกเยอะแยะเหมือนกัน แต่ในอย่างของก็ไม่ได้มาวางขายที่นี่
บอกต่อ !!! เราพึ่งรู้ว่า AEON ช๊อปเกิน 5,000 เยน ขึ้นไป สามารถรีฟันเงินขึ้นได้ถึง 8% โดยเข้าจะมีเคาน์เตอร์ Refund เพราะฉะนั้นใครช๊อปอย่าลืมเผื่อเวลาRefundด้วยนะจ๊ะ
มื้อค่ำก็ได้รับการตอนรับจากผู้ว่าและเจ้าหน้าเมือง Nagano ที่ ryokan แห่งนี้ และยังได้ชมการแสดงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นอีกด้วย
วันที่สองเราออกเดินทางไปที่ไร่เชอรี่ เชอรี่ญี่ปุ่นนั้นเป็นสีแดงแต่มีรสชาติที่หวานมาก
ราคาค่าเก็บอยู่ที่ 1,600 เยน จะได้ 30 นาที วิธีการเก็บ เก็บแค่ลูกเชอรี่แล้วก้านจะเอาไว้บนต้น
กิจกรรมที่สองคือทำเส้น Soba เรามาเรียนที่ Nabekura-kogen Morinoie (Forest House) สถานที่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้ที่เขียวขจี หน้าหนาวก็จะเจอหิมะตกด้วย ที่นี่ยังมีที่พีกอีกด้วย
สาธิตการทำ
ใครสนใจสามารถเข้าไปดูข้อมูลตามนี้ http://www.iiyama-ouendan.net/en/accommodation/2011/09/2578.php
วันนี้ตอนบ่ายเราจะได้ย้ายเมืองกันมาที่เมือง Yokohama ด้วยรถไฟ sekansen สถานีชื่อว่า Iiyama station
มื้อเย็นของเราไปทานข้าวที่ Yokohama Katsuretsu-An. ใกล้โรงแรม Washington Hotel Yokohama Sakuragicho
Tokatsu set ราคาประมาณ 1,100 เยน ใน 1 ชุด ประกอบด้วย หมูชุปแป้งทอด 3 ชิ้น และกุ้งทอด 1 ตัว รสชาติหวานนุ่มอร่อยมาก ซุปเป็นซุปหอยตลับ และสุดท้ายข้าวญี่ปุ่น
เช้าวันนี้เราจะเริ่มเที่ยวด้วยการเดินชมสวนที่โด่งดังมากในเมือง Yokohama คือ Sankeien Garden เป็นสถานที่ยอดนิยม แต่วันที่เราไปเจอฝน เศร้าเลยจ้า เดินชมสวนแล้วเจอฝน ศึกษาเส้นทางก่อนเดิน
สาธิตวิธีชงชาแบบญี่ปุ่น
กิจกรรมต่อมาคือCupnoodles Museum โอ้โหเด็กเต็มไปหมดเลยจ้า
ที่นี่คือพิพิธภัณฑ์ราเมนแห่งที่ 2 ของบริษัท Nissin ที่แห่งนี้ผู้เข้าชมสามารถผลิต Cup Noodles ของคุณเองได้เลย วาดและเลือกรสชาติตามที่ตัวเองต้องการ รสชาติได้แก่ Original , Seafood และ Curry แต่ขอแนะนำว่ารสชาติที่อร่อยคือ Seafood
ข้อมูลเพิ่มเติมตามนี้เลยจ้า http://www.cupnoodles-museum.jp/english/
สถานที่ต่อไปคือ NPANMAN CHILDREN’S MUSEUM AND MALL ภายในจะมีกิจกรรมต่างๆให้เด็กได้เล่น
ร้านขายขนมปัง ซึ่งทางร้านจะมีclass สอนเด็กๆ paint chocolate บนขนมปัง
ร้านตัดผมเด็ก
ข้อมูลเพิ่มเติมตามนี้เลยจ้า http://www.yokohama-anpanman.jp/pdf/foreign_brochure.pdf
มื้อเย็นของวันที่สาม ทานที่ร้าน Robot restaurant at kabuki-cho ใน Shinjuku มื้อนี่เราจะได้ดูโชว์จากสาวๆและหุ่นยนต์
ข้อแนะนำ ไม่เหมาะสำหรับท่านที่จะพาเด็กเล็ก เพราะเนื่องจากการโชว์นั้นแสงสีเสียงดังและไม่สามารถที่จะออกมาได้ระหว่างการแสดง
ค่าเข้าท่านละ 8000 เยน รวมอาหารค่ำพร้อมเครื่องดื่ม
วันสุดท้ายก็มาถึง อากาศแจ่มใส วันนี้เราไปเดินสวนShinjuku Gyoen National Garden เป็นสวนใหญ่ใจกลางเมือง ไว้สำหรับมาพักผ่อน ในหน้าซากุระ ก็จะมีคนมาปิกนิกกัน สวนแห่งนี้มีการเก็บค่าเข้าคนละ 200 เยน ภายในสวนมีสวนในเรือนกระจกที่ปลูกต้นไม้เมืองร้อนนานาชนิด
ถึงเวลากลับบ้านแล้วเดินทางกลับด้วยการบินไทย เที่ยวบิน TG 677 ได้นั่ง A380 บอกได้เลยว่าชั้นประหยัดยังนั่งสบายจ้า เก้าอี้ใหญ่ การบริการประทับใจ
อาหารมื้อหลักมาเสริฟ์แล้ว
แนะนำ ใครอยากนั่งแล้วเห็นภูเขาไฟฟูจิ แนะนำว่าให้นั่งริมหน้าต่างฝั่งซ้ายนะค่ะ แล้วคุณจะได้เห็นฟูจิแบบในภาพ
สุดท้ายนี้ขอขอบคุณบริษัทการบินไทย และการท่องเที่ยวประเทศญี่ปุ่น(๋JNTO)
คลิกจองตั๋วกันได้เลย www.thaiairways.com หรือโทร 02-356-1111
และอีกช่องทางที่สามารถหาข้อมูลการเดินทางได้คือ www.social.thaiairways.com