เมื่อปีที่แล้ว ผมอายุ 17 เข้า 18 หนีความวุ่นวายของครอบครัว ที่มีปัญหารุมเร้า ทั้งเรื่องการเงิน หนี้สินและอีกหลายเรื่องที่ผมไม่อาจบรรยายได้
ผมยังเรียนไม่จบ ม.6 และเกือบไม่ได้เรียนต่อ ผมมีเพียงกระเป๋า เสื้อผ้า เงินติดตัวไม่กี่พันบาท ผมไม่รู้จะไปไหน รู้อย่างเดียว ต้องออกจากบ้าน!
“วัยรุ่นหนีออกจากบ้าน.."
ประสบการณ์นี้ อาจจะเคยเกิดขึ้นกับหลายๆคน และอาจกำลังเป็นความคิดอยู่ในใจ อีกหลายๆคน..
ผมขอเล่าในแง่มุมหนึ่งของชีวิต ที่ได้ประสบการณ์จากการหนีออกจากบ้าน ได้ไปพบเจอเหตุการณ์ ต่างๆ
ที่เหงาและประทับใจ
เริ่มต้น
ผมนั่งรถเมล์เพื่อจะไปสายใต้ช่วงหัวค่ำเพื่อออกไปต่างจังหวัด แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง จริงๆผมหลับเลยป้ายไปไกล เลยต้องไปอยู่ป้ายรถเมล์ ที่มืดๆที่หนึ่งของสังคม และแทบไม่มีรถผ่านเงินก็ไม่อยากใช้ คิดว่าต้องอยู่อีกนานต้องเก็บตังไว้ และต้องติดอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้น
ผมไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย แต่มันก็เหงาๆ ผมนั่งมองรถผ่านไปมาเลยตัดสินใจเรียกรถ แต่ก็ไม่มีใครรับ หรือผุ้คนอาจจะกลัวเลยไม่กล้ารับเพราะสังคมเดียวนี้ไว้ใจใครไม่ได้
ผมนั่งสักพักมีพี่คนคนหนึ่ง เดินผ่านไปแล้วกลับมาคุยกับผม ผมคงเห็นสีหน้าผมว่ามีปัญหาอะไรสักอย่างในใจ แต่ผมก็รู้สึกของปัญหาพี่ได้เหมือนกันแต่ไม่ใช่เพราะสีหน้าหรอก แต่เป็นเบียร์กับบุหรี่ที่พี่เค้าพยายามยัดเข้าร่างกาย ผมได้คุยและลองบุหรี่ครั้งแรก(แต่แค่ลองจริงๆ) พี่ทำให้ผมได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ และขอบคุณที่รับฟังปัญหาของผม แม้ผมอาจจะไม่รู้จักพี่มากมาย แต่ผมรู้สึกดีที่วันนั้นผมเจอพี่ ถ้าไม่เจอพี่วันนั้นผมอาจจะไม่ได้กลับบ้านก้ได้ และสิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าต้องกลับบ้านคือ คำพูดสั้นๆที่พี่เค้าบอกผม “ปะแจ็ค กลับบ้านเถอะ” เป็นคำเล็กๆที่ผมต้องการที่สุด
ขอบคุณพี่มากๆ...
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พี่จะเป็นยังไง สบายดีไหม
แต่ผมจะจำเรื่องราวหนึ่งคืนนั้น ไปตลอดชั่วชีวิตของผม
+++ A GOOD NIGHT เมื่อครั้งหนึ่งเคยหนีออกจากบ้าน +++
ผมยังเรียนไม่จบ ม.6 และเกือบไม่ได้เรียนต่อ ผมมีเพียงกระเป๋า เสื้อผ้า เงินติดตัวไม่กี่พันบาท ผมไม่รู้จะไปไหน รู้อย่างเดียว ต้องออกจากบ้าน!
“วัยรุ่นหนีออกจากบ้าน.."
ประสบการณ์นี้ อาจจะเคยเกิดขึ้นกับหลายๆคน และอาจกำลังเป็นความคิดอยู่ในใจ อีกหลายๆคน..
ผมขอเล่าในแง่มุมหนึ่งของชีวิต ที่ได้ประสบการณ์จากการหนีออกจากบ้าน ได้ไปพบเจอเหตุการณ์ ต่างๆ ที่เหงาและประทับใจ
เริ่มต้น
ผมนั่งรถเมล์เพื่อจะไปสายใต้ช่วงหัวค่ำเพื่อออกไปต่างจังหวัด แต่โชคชะตาไม่เข้าข้าง จริงๆผมหลับเลยป้ายไปไกล เลยต้องไปอยู่ป้ายรถเมล์ ที่มืดๆที่หนึ่งของสังคม และแทบไม่มีรถผ่านเงินก็ไม่อยากใช้ คิดว่าต้องอยู่อีกนานต้องเก็บตังไว้ และต้องติดอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้น
ผมไม่รู้สึกกลัวอะไรเลย แต่มันก็เหงาๆ ผมนั่งมองรถผ่านไปมาเลยตัดสินใจเรียกรถ แต่ก็ไม่มีใครรับ หรือผุ้คนอาจจะกลัวเลยไม่กล้ารับเพราะสังคมเดียวนี้ไว้ใจใครไม่ได้
ผมนั่งสักพักมีพี่คนคนหนึ่ง เดินผ่านไปแล้วกลับมาคุยกับผม ผมคงเห็นสีหน้าผมว่ามีปัญหาอะไรสักอย่างในใจ แต่ผมก็รู้สึกของปัญหาพี่ได้เหมือนกันแต่ไม่ใช่เพราะสีหน้าหรอก แต่เป็นเบียร์กับบุหรี่ที่พี่เค้าพยายามยัดเข้าร่างกาย ผมได้คุยและลองบุหรี่ครั้งแรก(แต่แค่ลองจริงๆ) พี่ทำให้ผมได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ และขอบคุณที่รับฟังปัญหาของผม แม้ผมอาจจะไม่รู้จักพี่มากมาย แต่ผมรู้สึกดีที่วันนั้นผมเจอพี่ ถ้าไม่เจอพี่วันนั้นผมอาจจะไม่ได้กลับบ้านก้ได้ และสิ่งที่ทำให้ผมมั่นใจว่าต้องกลับบ้านคือ คำพูดสั้นๆที่พี่เค้าบอกผม “ปะแจ็ค กลับบ้านเถอะ” เป็นคำเล็กๆที่ผมต้องการที่สุด
ขอบคุณพี่มากๆ...
ผมไม่รู้ว่าตอนนี้พี่จะเป็นยังไง สบายดีไหม
แต่ผมจะจำเรื่องราวหนึ่งคืนนั้น ไปตลอดชั่วชีวิตของผม