บทที่ 1 : ชะตาพามาบรรจบ 
หมู่บ้านเทพเจ้ามีชื่อเสียงเกรียงไกร เป็นเสาหลักค้ำจุนบู๊ลิ้มมานาน ได้รับการเคารพยำเกรงจากเหล่าชาวยุทธทั่วแผ่นดิน ประมุขหมู่บ้านคนปัจจุบันคือ เฉินเซ่าเทียน ซึ่งในเวลานี้กำลังเก็บตัวฝึก วิชาพลังเทวะสยบฟ้าขั้นที่แปดอยู่ภายในห้องลับ
พลังเทวะสยบฟ้าถือเป็นวรยุทธล้ำเลิศแขนงหนึ่งซึ่งยังคงไร้ผู้เทียมทาน มีทั้งสิ้นสิบขั้น
เฉินเซ่าเทียนฝึกสำเร็จขั้นที่เจ็ดแล้วกำลังจะเข้าสู่ขั้นที่แปด นับว่าทอดตาทั่วยุทธภพปัจจุบันยังคงหาผู้คนรับมือท่านผู้นี้ยังไม่มี
ภายในห้องลับศิลามีเพียงแสงคบไฟสลัว สาดต้องร่างบุรุษในวัยห้าสิบเศษ ร่างสูงใหญ่เค้าใบหน้าสุขุมเที่ยงธรรม จอนผมสองข้างแซมหงอกขาว ท่วงท่าทรงภูมิปัญญาและสง่าราศีผู้นี้ ขณะนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นศิลา อยู่ระหว่างโคจรลมปราณถึงช่วงคับขัน เหนือศีรษะถึงกับปรากฏกลุ่มควันสีขาวจางๆลอยขึ้น...
ทันใดนั้นเอง...เรื่องไม่คาดคิดก็พลันอุบัติ...!!
ปรากฏคนชุดดำคลุมหน้าผู้หนึ่ง ที่ไม่มีใครทราบว่าเข้ามาทางทิศใด พลันม้วนกายเข้ามาพลางซัดมีดสั้นพุ่งเข้าหาเฉินเซ่าเทียนดุจสายฟ้า ด้วยพลังภายในที่แฝงไว้เต็มที่ถึงสิบส่วน
ยามฉุกละหุก..เฉินเซ่าเทียนลืมตาขึ้น เกร็งพลังลมปราณออกคุ้มครองกาย มือขวาโบกวูบไปข้างหน้าปัดมีดที่ซัดมากระเด็นไปด้านข้าง
คนชุดดำลงมือคราแรกล้มเหลว ก็ชักกระบี่จู่โจมเข้ามาอีกครา จอมคนแห่งบ้านเทพเจ้าแม้มือเปล่าไร้อาวุธ หากแต่ยังคงสามารถสะบัดเพลงฝ่ามือตีโต้คุกคามสวนกลับจนคนชุดดำล่าลอยออกไปด้านข้าง มิคาดคนชุดดำกลับไม่ได้ลงมือเป็นครั้งที่สาม หากแต่หมุนกายหมายหลบหนี เฉินเซ่าเทียนจึงโผพุ่งกายขึ้นจากแท่นศิลา ฟาดฝ่ามือออกขัดขวาง พลังฝ่ามือฟาดใส่พื้นเบื้องหน้าคนชุดดำ ระเบิดแตกกระจายเป็นหลุม สะกัดท่าร่างของคนร้ายต้องชะงักวูบ
คนชุดดำหันขวับกลับมาเผชิญหน้า ดวงตาหลังผ้าคลุมหาได้ปรากฏแววประหวั่นพรั่นพรึงใดไม่ กระบี่ในมือกรีดออกเป็นวงกว้างอีกครั้ง ภายใต้รัศมีกระบี่ที่ครอบคลุมทั่วห้องศิลา ทันใดนั้น ตัวกระบี่ก็ดีดหลุดจากด้าม พุ่งวาบเข้าหาฝ่ายตรงข้ามดุจสายฟ้า
ประมุขบ้านเทพเจ้าเบี่ยงกายหลบวูบไปทางซ้ายมือ หลุดพ้นจากวิถีกระบี่ที่ยิงเข้ามา หากแต่พริบตานั้น เห็นกลุ่มควันสีม่วงกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากด้ามกระบี่ของคนร้ายผู้นั้น เขาแม้ฉุกใจคิดรีบปิดสะกัดกั้นลมหายใจไว้ หากแต่ก็สูดควันพิษเข้าไปอึดหนึ่งแล้ว
" บัดซบ... ชั่วร้ายนัก !! "
เฉินเซ่าเทียนแค่นเสียงด้วยโทสะ !
ควันพิษออกฤทธิ์รวดเร็ว บัดนี้ฝีเท้าถึงกับเริ่มซวนเซเล็กน้อย คนชุดดำแค่นเสียงดังเฮอะในลำคออย่างเย็นชา ซัดด้ามกระบี่ในมือทิ้ง พลางเกร็งพลังภายในขึ้นอีกครั้ง ฟาดฝ่ามือสุดท้ายเข้ามาอย่างดุดันด้วยกำลังเต็มสิบส่วนอีกครั้ง
การจู่โจมครานี้.. รวดเร็ว และหนักหน่วงราวประสงค์ทุ่มแลกด้วยชีวิต เฉินเซ่าเทียนถูกพิษคุกคามจนความเคลื่อนไหวติดขัด ได้แต่ตัดสินใจเกร็งพลังที่ร่างขึ้นอีกครั้ง ยกฝ่ามือขึ้นต้านรับไว้ตรงๆ
ในเสียงโครมดังกัมปนาทสนั่นหวั่นไหว ร่างคนชุดดำถูกกระแทกกระดอนออกไปราวกับลูกหนังที่ถูกปล่อยลม ในขณะที่เฉินเซ่าเทียนเพียงเซตึงๆไปสามสี่ก้าว จากนั้นค่อยทรุดนั่งลงกับพื้น อ้าปากกระอักโลหิตออกมา
ยามนั้น.. ค่อยได้ยินเสียงฝีเท้าดังเร่งร้อนสับสน ...
บุรุษชุดเขียวอายุเยาว์ใบหน้าคมคายผู้หนึ่ง พร้อมกับเหล่าศิษย์หมู่บ้านเทพเจ้าสี่ห้าคนถาโถมเข้า มาในห้องศิลา สายตาพอกวาดมองเห็นสภาพภายในห้องถึงกับสะท้านใจอย่างรุนแรง
" ท่านพ่อ..."
" ท่านประมุข "
ยามตื่นตระหนกรีบถลันเข้าไปประคองผู้เป็นบิดาของตนไว้ คนชุดดำจึงฉวยโอกาสรีบพลิกกายขึ้นจากพื้น ถาโถมตัวหลบหนีออกไป
" รีบตามคนร้ายไป...."
เฉินเซ่าเทียนร้องเตือน บุรุษหนุ่มชุดเขียวส่งเสียงรับคำ หากแต่เพิ่งลุกขึ้นขยับตัวจะพุ่งกายออกไป พลันได้ยินเสียงอุทานเรียก " ท่านประมุข " ดังระงม ต้องหันกลับมาอีกครั้งค่อยพบว่าผู้เป็นบิดาได้พ่น โลหิตเป็นฟูฝอย ก่อนที่จะสิ้นสติไป...
-------------------------
บุรุษหนุ่มชุดเขียวที่แท้เป็นบุตรชายคนรองของเฉินเซ่าเทียน นามว่า เฉินชิงหยุน เวลานี้กำลังเดินวนเวียนไปเดินมาอยู่ภายในห้องด้วยความร้อนรุ่มกังวล ส่วนเจี่ยคุน...ชายวัยกลางคนใบหน้าซูบผอมท่าทางสุขุมและสมถะ ซึ่งนั่งตรวจจับชีพจรของคนเจ็บ มีศักดิ์เป็นศิษย์ผู้น้องคนรองของเฉินเซ่าเทียน พอถอนมือออกมาจากการตรวจอาการ ก็ส่งเสียงถอนใจเบาๆสีหน้ายิ่งมายิ่งเคร่งเครียด
" ยี่ซือเจ่ก (
อารอง : คำเรียกหาศิษย์น้องของบิดา) ท่านพ่อข้าอาการเป็นอย่างไรบ้าง ? "
เจี่ยคุนผละลุกจากเตียงช้าๆ โบกมือให้ศิษย์คนอื่นล่าถอยออกไปนอกห้อง ก่อนจะเบือนหน้ามาทางผู้เป็นหลานชาย
" พ่อเจ้าถูกลอบทำร้ายขณะฝึกพลังอยู่ในช่วงคับขัน ทำให้ลมปราณไหลย้อนกลับกระแทกใส่ชีพจรทั่วร่างบอบช้ำรุนแรง มิหนำซ้ำยังสูดโดนควันพิษ....เฮ้อ...อาการเขาสาหัสมาก.. เกรงว่า..."
เฉินชิงหยุนหน้าซีดเผือดลงด้วยความสะท้านใจ ยื่นมือเขย่าแขนเจี่ยคุนร่ำร้องอย่างพลุ่งพล่าน
" ไม่... ยี่ซือเจ่ก... ท่านต้องหาทางช่วยท่านพ่อข้าให้ได้..."
" อาหยุน... เจ้าเองก็เติบใหญ่แล้ว... "
เจี่ยคุนปลอบเสียงอ่อนโยน ..
" มิหนำซ้ำเจ้าเป็นเป็นถึงทายาทคนรองแห่งหมู่บ้านเทพเจ้า ... ฉะนั้น..ต้องรู้จักระงับสติอารมณ์ไว้บ้าง บ้านเทพเจ้าเวรยามแน่นหนาหากแต่คนร้ายกลับเล็ดลอดเข้ามายังห้องลับฝึกวิชาของประมุขได้เช่นนี้ นี่แสดงว่าต้องผ่านการคิดคำนวณวางแผนไว้อย่างถี่ถ้วน อีกทั้งอาจมีคนภายในเป็นหนอนบ่อนไส้ เวลานี้เภทภัยอยู่ใกล้ตัวเรา หากพวกเรามิอาจควบคุมแม้สติอารมณ์ของเราเองได้ แล้วจะคุมสถานการณ์ใหญ่ได้อย่างไร...."
เฉินชิงหยุนก้มศีรษะต่ำยอมรับด้วยความเสียใจ เจี่ยคุนตบไล่เขาเบาๆ
" เด็กเอย..เรามิได้คิดตำหนิเจ้า เพียงใคร่เตือนให้เจ้าประคองสติตนเองไว้เท่านั้น..."
" ยี่ซือเจ่ก...แล้วนี่ข้าสมควรทำอย่างไรดี ตั่วกอ (
พี่ชายใหญ่) ก็ไม่อยู่ ..อาการของท่านพ่อก็สาหัสปานนี้ "
" บ้านเทพเจ้าเป็นเสาหลักของบู๊ลิ้ม หากข่าวการบาดเจ็บของพ่อเจ้าแพร่สะพัดออกไป ยุทธภพคงต้องสั่นสะเทือน ฉะนั้นเราคงจำเป็นต้องปิดข่าวนี้ไว้ชั่วคราว เตรียมกำลังยอดฝีมือของเราไว้ให้พร้อมรับการบุกจู่โจมจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งอาจจะฉกฉวยโอกาสเข้ามาได้ทุกขณะจิต และพร้อมกันนี้..เราก็ต้องรีบส่งจดหมาย ตามตัวพี่ชายของเจ้าให้เขากลับบ้านมาโดยเร็วที่สุด..."
" โอ...สมองข้าตื้อไปหมดแล้ว งั้นตกลงตามแต่ยี่ซือเจ่กจะเห็นชอบสั่งการเถิด..."
สนทนาถึงตอนนี้...ได้ยินเสียงระบายลมหายใจยาวๆ เห็นเฉินเซ่าเทียนที่บนเตียงขยับตัวเริ่มได้สติขึ้นมา สองอาหลานรีบสะอึกเข้าไปหน้าเตียง คนป่วยลืมตาขึ้นช้าๆ เฉินชิงหยุนคุกเข่าลงกับพื้นข้างเตียง ยื่นมือกุมแขนบิดาส่งเสียงเรียกหาด้วยความรักห่วงใย
" ท่านพ่อ...ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง..."
เฉินเซ่าเทียนมองหน้าบุตรชายแว่บหนึ่ง ค่อยช้อนตาขึ้นมองมาทางเจี่ยคุน กล่าวเสียงอ่อนล้า
" ยี่ซือตี๋... อาหมิงและอาหยุน...จะอย่างไรก็อายุยังเยาว์นัก เราผู้พี่คงต้องขอรบกวนท่าน.. ช่วยกวดขันเด็กสองคนนี้แทนเราด้วย...."
เจี่ยคุนรับฟังจนใจหายวาบ
" ตั่วซือเฮีย (
ศิษย์พี่ใหญ่)..ได้โปรดอย่าได้กล่าวเช่นนี้..."
" ข้ารู้ตัวข้าดี ... อาการบาดเจ็บของข้าเวลานี้สาหัสนัก เวลาของข้าคงเหลืออีกไม่นานแล้ว คนร้ายเมื่อครู่นี้ฝีมือล้ำเลิศ ทั้งยังคล้ายกับทราบจุดอ่อนของข้าขณะฝึกวิชาเป็นอย่างดี มันจึงเลือกจู่โจมเข้ามาเวลานั้น ข้าเชื่อว่าคนผู้นั้น...ต้องมิใช่มือสังหารชนชั้นสามัญอย่างแน่นอน..."
" ในความเห็นของท่านพี่..คิดว่ามันเป็นใคร ? "
" หากเราคาดเดาไม่ผิด.. มันคงเป็นคนในพรรคบัวขาว และคนร้ายเมื่อครู่นี้..มิเพียงวิชาฝีมือที่เข้มแข็งและอำมหิตชั่วร้าย ทั้งยังมีพลังภายในที่สูงส่ง บางที...มันอาจเป็น...หัวหน้าหน่วยพิฆาตแห่งพรรคบัวขาวที่ฉายา กงจื้อจอมสังหารผู้นั้น..."
เจี่ยคุนสะท้านใจอย่างรุนแรง สีหน้าถึงกับผนึกค้างกับที่ ครู่หนึ่งค่อยส่งเสียงพึมพำ
" ต้องเป็นมันอย่างแน่นอน.. ทอดตาทั่วยุทธภพ คงมีเพียงคนผู้นี้ที่สามารถเข้ามาลงมือในหมู่บ้านของเราอย่างอุกอาจได้เช่นนี้ เพียงเวลาแค่ครึ่งปี... คนๆนี้ก็สังหารเหล่าเจ้าสำนักและยอดฝีมือฝ่ายธรรมะไปหลายคนแล้ว พรรคบัวขาวมียอดฝีมือเช่นนี้นับว่าน่ากลัวจริงๆ "
" พรรคบัวขาวนับวันจะยิ่งเหิมเกริม เวลานี้หากข้าเป็นอะไรไป พวกมันจะต้องยิ่งลำพองกว่านี้ ฉะนั้น...ไม่ว่าอย่างไรหมู่บ้านเทพเจ้ามิอาจล่มสลาย บู๊ลิ้มมิอาจถูกอำนาจมารครอบงำ..."
ครั้นกล่าวถึงตอนนี้ ก็ไอกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง เฉินชิงหยุนรุ่มร้อนใจจนน้ำตาทะลักจากเบ้า ส่งเสียงเรียกบิดา ยึดกุมแขนผู้บังเกิดเกล้าแน่นกว่าเดิม
เฉินเซ่าเทียนมองหน้าบุตรชายรองแล้วลอบถอนใจ
" เด็กเอย...เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อนเถิด พ่อมีธุระสำคัญจะขอปรึกษากับยี่ซือเจ่กของเจ้า..."
เฉินชิงหยุนลังเลเล็กน้อย หากแต่มิอาจขัดคำสั่ง ได้แต่ลุกขึ้นล่าถอยออกมา ยามเมื่ออยู่กันตามลำพังสองต่อสอง เฉินเซ่าเทียนจึงค่อยเอ่ยขึ้น
" ตระกูลเฉินมีทายาทเพียงสองคน อาหมิงสติปัญญาฉลาดไหวพริบปราดเปรื่อง ทั้งยังมีพรสวรรค์ด้านวิชาฝีมือ น่าเสียดายที่มันนิสัยเสเพล ชอบอิสระและความสำราญ ส่วนอาหยุนแม้มีความกตัญญูจิตใจสัตย์ซื่อเที่ยงธรรม หากมีข้อเสียตรงที่อ่อนแอเกินไป มิอาจดูแลงานใหญ่ได้.. หรือว่าบ้านเทพเจ้าของเราจะต้องถึงกาลล่มสลายคราวนี้แล้ว...."
" ตั่วซือเฮีย..โปรดอย่าได้กล่าวเช่นนี้... "
" ยี่ซือตี๋...ในเหล่าสหายใกล้ตัวข้าทั้งหมด นับว่าเจ้าสัตย์ซื่อจริงใจต่อข้าที่สุด ข้ามีงานชิ้นหนึ่งอยากมอบหมายให้เจ้าช่วยเหลือ...."
เจี่ยคุนกล่าวอย่างตื้นตัน
" ตั่วซือเฮียโปรดสั่งมาเถิด...ผู้น้องยอมมอบชีวิตทำเพื่อท่าน แม้จะต้องขึ้นสวรรค์หรือบุกลงนรก เจี่ยคุนก็ยินดีทำให้ท่านทุกประการ...."
น้ำมิตรอันลึกซึ้งสูงส่งยิ่งนัก....
เฉินเซ่าเทียนตื้นตันใจจนน้ำตาคลอหน่วย บีบมือศิษย์น้องเบาๆกล่าวคำขอบคุณ
............................



♥ ♥ .. จอมใจเจ้าบัลลังก์ .. ♥ ♥ [ 1 : ชะตาพามาบรรจบ ]
หมู่บ้านเทพเจ้ามีชื่อเสียงเกรียงไกร เป็นเสาหลักค้ำจุนบู๊ลิ้มมานาน ได้รับการเคารพยำเกรงจากเหล่าชาวยุทธทั่วแผ่นดิน ประมุขหมู่บ้านคนปัจจุบันคือ เฉินเซ่าเทียน ซึ่งในเวลานี้กำลังเก็บตัวฝึก วิชาพลังเทวะสยบฟ้าขั้นที่แปดอยู่ภายในห้องลับ
พลังเทวะสยบฟ้าถือเป็นวรยุทธล้ำเลิศแขนงหนึ่งซึ่งยังคงไร้ผู้เทียมทาน มีทั้งสิ้นสิบขั้น เฉินเซ่าเทียนฝึกสำเร็จขั้นที่เจ็ดแล้วกำลังจะเข้าสู่ขั้นที่แปด นับว่าทอดตาทั่วยุทธภพปัจจุบันยังคงหาผู้คนรับมือท่านผู้นี้ยังไม่มี
ภายในห้องลับศิลามีเพียงแสงคบไฟสลัว สาดต้องร่างบุรุษในวัยห้าสิบเศษ ร่างสูงใหญ่เค้าใบหน้าสุขุมเที่ยงธรรม จอนผมสองข้างแซมหงอกขาว ท่วงท่าทรงภูมิปัญญาและสง่าราศีผู้นี้ ขณะนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นศิลา อยู่ระหว่างโคจรลมปราณถึงช่วงคับขัน เหนือศีรษะถึงกับปรากฏกลุ่มควันสีขาวจางๆลอยขึ้น...
ทันใดนั้นเอง...เรื่องไม่คาดคิดก็พลันอุบัติ...!!
ปรากฏคนชุดดำคลุมหน้าผู้หนึ่ง ที่ไม่มีใครทราบว่าเข้ามาทางทิศใด พลันม้วนกายเข้ามาพลางซัดมีดสั้นพุ่งเข้าหาเฉินเซ่าเทียนดุจสายฟ้า ด้วยพลังภายในที่แฝงไว้เต็มที่ถึงสิบส่วน
ยามฉุกละหุก..เฉินเซ่าเทียนลืมตาขึ้น เกร็งพลังลมปราณออกคุ้มครองกาย มือขวาโบกวูบไปข้างหน้าปัดมีดที่ซัดมากระเด็นไปด้านข้าง
คนชุดดำลงมือคราแรกล้มเหลว ก็ชักกระบี่จู่โจมเข้ามาอีกครา จอมคนแห่งบ้านเทพเจ้าแม้มือเปล่าไร้อาวุธ หากแต่ยังคงสามารถสะบัดเพลงฝ่ามือตีโต้คุกคามสวนกลับจนคนชุดดำล่าลอยออกไปด้านข้าง มิคาดคนชุดดำกลับไม่ได้ลงมือเป็นครั้งที่สาม หากแต่หมุนกายหมายหลบหนี เฉินเซ่าเทียนจึงโผพุ่งกายขึ้นจากแท่นศิลา ฟาดฝ่ามือออกขัดขวาง พลังฝ่ามือฟาดใส่พื้นเบื้องหน้าคนชุดดำ ระเบิดแตกกระจายเป็นหลุม สะกัดท่าร่างของคนร้ายต้องชะงักวูบ
คนชุดดำหันขวับกลับมาเผชิญหน้า ดวงตาหลังผ้าคลุมหาได้ปรากฏแววประหวั่นพรั่นพรึงใดไม่ กระบี่ในมือกรีดออกเป็นวงกว้างอีกครั้ง ภายใต้รัศมีกระบี่ที่ครอบคลุมทั่วห้องศิลา ทันใดนั้น ตัวกระบี่ก็ดีดหลุดจากด้าม พุ่งวาบเข้าหาฝ่ายตรงข้ามดุจสายฟ้า
ประมุขบ้านเทพเจ้าเบี่ยงกายหลบวูบไปทางซ้ายมือ หลุดพ้นจากวิถีกระบี่ที่ยิงเข้ามา หากแต่พริบตานั้น เห็นกลุ่มควันสีม่วงกลุ่มหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากด้ามกระบี่ของคนร้ายผู้นั้น เขาแม้ฉุกใจคิดรีบปิดสะกัดกั้นลมหายใจไว้ หากแต่ก็สูดควันพิษเข้าไปอึดหนึ่งแล้ว
" บัดซบ... ชั่วร้ายนัก !! "
เฉินเซ่าเทียนแค่นเสียงด้วยโทสะ !
ควันพิษออกฤทธิ์รวดเร็ว บัดนี้ฝีเท้าถึงกับเริ่มซวนเซเล็กน้อย คนชุดดำแค่นเสียงดังเฮอะในลำคออย่างเย็นชา ซัดด้ามกระบี่ในมือทิ้ง พลางเกร็งพลังภายในขึ้นอีกครั้ง ฟาดฝ่ามือสุดท้ายเข้ามาอย่างดุดันด้วยกำลังเต็มสิบส่วนอีกครั้ง
การจู่โจมครานี้.. รวดเร็ว และหนักหน่วงราวประสงค์ทุ่มแลกด้วยชีวิต เฉินเซ่าเทียนถูกพิษคุกคามจนความเคลื่อนไหวติดขัด ได้แต่ตัดสินใจเกร็งพลังที่ร่างขึ้นอีกครั้ง ยกฝ่ามือขึ้นต้านรับไว้ตรงๆ
ในเสียงโครมดังกัมปนาทสนั่นหวั่นไหว ร่างคนชุดดำถูกกระแทกกระดอนออกไปราวกับลูกหนังที่ถูกปล่อยลม ในขณะที่เฉินเซ่าเทียนเพียงเซตึงๆไปสามสี่ก้าว จากนั้นค่อยทรุดนั่งลงกับพื้น อ้าปากกระอักโลหิตออกมา
ยามนั้น.. ค่อยได้ยินเสียงฝีเท้าดังเร่งร้อนสับสน ...
บุรุษชุดเขียวอายุเยาว์ใบหน้าคมคายผู้หนึ่ง พร้อมกับเหล่าศิษย์หมู่บ้านเทพเจ้าสี่ห้าคนถาโถมเข้า มาในห้องศิลา สายตาพอกวาดมองเห็นสภาพภายในห้องถึงกับสะท้านใจอย่างรุนแรง
" ท่านพ่อ..."
" ท่านประมุข "
ยามตื่นตระหนกรีบถลันเข้าไปประคองผู้เป็นบิดาของตนไว้ คนชุดดำจึงฉวยโอกาสรีบพลิกกายขึ้นจากพื้น ถาโถมตัวหลบหนีออกไป
" รีบตามคนร้ายไป...."
เฉินเซ่าเทียนร้องเตือน บุรุษหนุ่มชุดเขียวส่งเสียงรับคำ หากแต่เพิ่งลุกขึ้นขยับตัวจะพุ่งกายออกไป พลันได้ยินเสียงอุทานเรียก " ท่านประมุข " ดังระงม ต้องหันกลับมาอีกครั้งค่อยพบว่าผู้เป็นบิดาได้พ่น โลหิตเป็นฟูฝอย ก่อนที่จะสิ้นสติไป...
-------------------------
บุรุษหนุ่มชุดเขียวที่แท้เป็นบุตรชายคนรองของเฉินเซ่าเทียน นามว่า เฉินชิงหยุน เวลานี้กำลังเดินวนเวียนไปเดินมาอยู่ภายในห้องด้วยความร้อนรุ่มกังวล ส่วนเจี่ยคุน...ชายวัยกลางคนใบหน้าซูบผอมท่าทางสุขุมและสมถะ ซึ่งนั่งตรวจจับชีพจรของคนเจ็บ มีศักดิ์เป็นศิษย์ผู้น้องคนรองของเฉินเซ่าเทียน พอถอนมือออกมาจากการตรวจอาการ ก็ส่งเสียงถอนใจเบาๆสีหน้ายิ่งมายิ่งเคร่งเครียด
" ยี่ซือเจ่ก (อารอง : คำเรียกหาศิษย์น้องของบิดา) ท่านพ่อข้าอาการเป็นอย่างไรบ้าง ? "
เจี่ยคุนผละลุกจากเตียงช้าๆ โบกมือให้ศิษย์คนอื่นล่าถอยออกไปนอกห้อง ก่อนจะเบือนหน้ามาทางผู้เป็นหลานชาย
" พ่อเจ้าถูกลอบทำร้ายขณะฝึกพลังอยู่ในช่วงคับขัน ทำให้ลมปราณไหลย้อนกลับกระแทกใส่ชีพจรทั่วร่างบอบช้ำรุนแรง มิหนำซ้ำยังสูดโดนควันพิษ....เฮ้อ...อาการเขาสาหัสมาก.. เกรงว่า..."
เฉินชิงหยุนหน้าซีดเผือดลงด้วยความสะท้านใจ ยื่นมือเขย่าแขนเจี่ยคุนร่ำร้องอย่างพลุ่งพล่าน
" ไม่... ยี่ซือเจ่ก... ท่านต้องหาทางช่วยท่านพ่อข้าให้ได้..."
" อาหยุน... เจ้าเองก็เติบใหญ่แล้ว... "
เจี่ยคุนปลอบเสียงอ่อนโยน ..
" มิหนำซ้ำเจ้าเป็นเป็นถึงทายาทคนรองแห่งหมู่บ้านเทพเจ้า ... ฉะนั้น..ต้องรู้จักระงับสติอารมณ์ไว้บ้าง บ้านเทพเจ้าเวรยามแน่นหนาหากแต่คนร้ายกลับเล็ดลอดเข้ามายังห้องลับฝึกวิชาของประมุขได้เช่นนี้ นี่แสดงว่าต้องผ่านการคิดคำนวณวางแผนไว้อย่างถี่ถ้วน อีกทั้งอาจมีคนภายในเป็นหนอนบ่อนไส้ เวลานี้เภทภัยอยู่ใกล้ตัวเรา หากพวกเรามิอาจควบคุมแม้สติอารมณ์ของเราเองได้ แล้วจะคุมสถานการณ์ใหญ่ได้อย่างไร...."
เฉินชิงหยุนก้มศีรษะต่ำยอมรับด้วยความเสียใจ เจี่ยคุนตบไล่เขาเบาๆ
" เด็กเอย..เรามิได้คิดตำหนิเจ้า เพียงใคร่เตือนให้เจ้าประคองสติตนเองไว้เท่านั้น..."
" ยี่ซือเจ่ก...แล้วนี่ข้าสมควรทำอย่างไรดี ตั่วกอ (พี่ชายใหญ่) ก็ไม่อยู่ ..อาการของท่านพ่อก็สาหัสปานนี้ "
" บ้านเทพเจ้าเป็นเสาหลักของบู๊ลิ้ม หากข่าวการบาดเจ็บของพ่อเจ้าแพร่สะพัดออกไป ยุทธภพคงต้องสั่นสะเทือน ฉะนั้นเราคงจำเป็นต้องปิดข่าวนี้ไว้ชั่วคราว เตรียมกำลังยอดฝีมือของเราไว้ให้พร้อมรับการบุกจู่โจมจากฝ่ายตรงข้าม ซึ่งอาจจะฉกฉวยโอกาสเข้ามาได้ทุกขณะจิต และพร้อมกันนี้..เราก็ต้องรีบส่งจดหมาย ตามตัวพี่ชายของเจ้าให้เขากลับบ้านมาโดยเร็วที่สุด..."
" โอ...สมองข้าตื้อไปหมดแล้ว งั้นตกลงตามแต่ยี่ซือเจ่กจะเห็นชอบสั่งการเถิด..."
สนทนาถึงตอนนี้...ได้ยินเสียงระบายลมหายใจยาวๆ เห็นเฉินเซ่าเทียนที่บนเตียงขยับตัวเริ่มได้สติขึ้นมา สองอาหลานรีบสะอึกเข้าไปหน้าเตียง คนป่วยลืมตาขึ้นช้าๆ เฉินชิงหยุนคุกเข่าลงกับพื้นข้างเตียง ยื่นมือกุมแขนบิดาส่งเสียงเรียกหาด้วยความรักห่วงใย
" ท่านพ่อ...ท่านรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง..."
เฉินเซ่าเทียนมองหน้าบุตรชายแว่บหนึ่ง ค่อยช้อนตาขึ้นมองมาทางเจี่ยคุน กล่าวเสียงอ่อนล้า
" ยี่ซือตี๋... อาหมิงและอาหยุน...จะอย่างไรก็อายุยังเยาว์นัก เราผู้พี่คงต้องขอรบกวนท่าน.. ช่วยกวดขันเด็กสองคนนี้แทนเราด้วย...."
เจี่ยคุนรับฟังจนใจหายวาบ
" ตั่วซือเฮีย (ศิษย์พี่ใหญ่)..ได้โปรดอย่าได้กล่าวเช่นนี้..."
" ข้ารู้ตัวข้าดี ... อาการบาดเจ็บของข้าเวลานี้สาหัสนัก เวลาของข้าคงเหลืออีกไม่นานแล้ว คนร้ายเมื่อครู่นี้ฝีมือล้ำเลิศ ทั้งยังคล้ายกับทราบจุดอ่อนของข้าขณะฝึกวิชาเป็นอย่างดี มันจึงเลือกจู่โจมเข้ามาเวลานั้น ข้าเชื่อว่าคนผู้นั้น...ต้องมิใช่มือสังหารชนชั้นสามัญอย่างแน่นอน..."
" ในความเห็นของท่านพี่..คิดว่ามันเป็นใคร ? "
" หากเราคาดเดาไม่ผิด.. มันคงเป็นคนในพรรคบัวขาว และคนร้ายเมื่อครู่นี้..มิเพียงวิชาฝีมือที่เข้มแข็งและอำมหิตชั่วร้าย ทั้งยังมีพลังภายในที่สูงส่ง บางที...มันอาจเป็น...หัวหน้าหน่วยพิฆาตแห่งพรรคบัวขาวที่ฉายา กงจื้อจอมสังหารผู้นั้น..."
เจี่ยคุนสะท้านใจอย่างรุนแรง สีหน้าถึงกับผนึกค้างกับที่ ครู่หนึ่งค่อยส่งเสียงพึมพำ
" ต้องเป็นมันอย่างแน่นอน.. ทอดตาทั่วยุทธภพ คงมีเพียงคนผู้นี้ที่สามารถเข้ามาลงมือในหมู่บ้านของเราอย่างอุกอาจได้เช่นนี้ เพียงเวลาแค่ครึ่งปี... คนๆนี้ก็สังหารเหล่าเจ้าสำนักและยอดฝีมือฝ่ายธรรมะไปหลายคนแล้ว พรรคบัวขาวมียอดฝีมือเช่นนี้นับว่าน่ากลัวจริงๆ "
" พรรคบัวขาวนับวันจะยิ่งเหิมเกริม เวลานี้หากข้าเป็นอะไรไป พวกมันจะต้องยิ่งลำพองกว่านี้ ฉะนั้น...ไม่ว่าอย่างไรหมู่บ้านเทพเจ้ามิอาจล่มสลาย บู๊ลิ้มมิอาจถูกอำนาจมารครอบงำ..."
ครั้นกล่าวถึงตอนนี้ ก็ไอกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง เฉินชิงหยุนรุ่มร้อนใจจนน้ำตาทะลักจากเบ้า ส่งเสียงเรียกบิดา ยึดกุมแขนผู้บังเกิดเกล้าแน่นกว่าเดิม
เฉินเซ่าเทียนมองหน้าบุตรชายรองแล้วลอบถอนใจ
" เด็กเอย...เจ้าออกไปรอข้างนอกก่อนเถิด พ่อมีธุระสำคัญจะขอปรึกษากับยี่ซือเจ่กของเจ้า..."
เฉินชิงหยุนลังเลเล็กน้อย หากแต่มิอาจขัดคำสั่ง ได้แต่ลุกขึ้นล่าถอยออกมา ยามเมื่ออยู่กันตามลำพังสองต่อสอง เฉินเซ่าเทียนจึงค่อยเอ่ยขึ้น
" ตระกูลเฉินมีทายาทเพียงสองคน อาหมิงสติปัญญาฉลาดไหวพริบปราดเปรื่อง ทั้งยังมีพรสวรรค์ด้านวิชาฝีมือ น่าเสียดายที่มันนิสัยเสเพล ชอบอิสระและความสำราญ ส่วนอาหยุนแม้มีความกตัญญูจิตใจสัตย์ซื่อเที่ยงธรรม หากมีข้อเสียตรงที่อ่อนแอเกินไป มิอาจดูแลงานใหญ่ได้.. หรือว่าบ้านเทพเจ้าของเราจะต้องถึงกาลล่มสลายคราวนี้แล้ว...."
" ตั่วซือเฮีย..โปรดอย่าได้กล่าวเช่นนี้... "
" ยี่ซือตี๋...ในเหล่าสหายใกล้ตัวข้าทั้งหมด นับว่าเจ้าสัตย์ซื่อจริงใจต่อข้าที่สุด ข้ามีงานชิ้นหนึ่งอยากมอบหมายให้เจ้าช่วยเหลือ...."
เจี่ยคุนกล่าวอย่างตื้นตัน
" ตั่วซือเฮียโปรดสั่งมาเถิด...ผู้น้องยอมมอบชีวิตทำเพื่อท่าน แม้จะต้องขึ้นสวรรค์หรือบุกลงนรก เจี่ยคุนก็ยินดีทำให้ท่านทุกประการ...."
น้ำมิตรอันลึกซึ้งสูงส่งยิ่งนัก....
เฉินเซ่าเทียนตื้นตันใจจนน้ำตาคลอหน่วย บีบมือศิษย์น้องเบาๆกล่าวคำขอบคุณ
............................