เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยถึงผลการประชุมหารือถึงที่มาของนายกรัฐมนตรี โดยเสียงส่วนใหญ่เห็นพ้องว่านายกฯต้องมาจากการลงมติเลือกโดย ส.ส. ซึ่งผู้ที่จะเป็นนายกฯ จะเป็น ส.ส.หรือไม่เป็น ส.ส.ก็ได้ แต่หากเป็นกรณีนายกฯคนนอกที่ไม่ได้มาจาก ส.ส. ต้องมีเสียง ส.ส.สนับสนุน 3 ใน 5 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด นั้น
นายสุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า กรณีนายกฯคนนอกที่ไม่ได้มาจาก ส.ส. ต้องมีเสียงสนับสนุนของ ส.ส. 3 ใน 5 นั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นการพยายามทำให้เห็นว่าวิถีทางของนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้นมายาก ทั้งที่จริงแล้ว เป็นการไปทำให้วิธีการนั้นผิดธรรมชาติ อันที่จริง หากได้เสียงข้างมากของสภาก็ควรได้เป็นนายกฯ แล้ว อีกทั้งการกำหนดให้ต้องได้เสียง ส.ส. 3 ใน 5 นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะต้องพร้อมอกพร้อมใจกัน เปรียบเสมือนข้อเสนอของ สปท. นี้เป็นเพียงการเอามาประดับเท่านั้น คือเหมือนเอาไว้ตกแต่ง คิดว่าให้ ส.ส. ตัดสินไปเลยก็ได้ คือเสียงเกินครึ่งก็ได้ เพราะหากจะมีนายกฯ คนนอกจริงๆ ก็ต้องได้เสียงคู่คี่มากจริงๆ ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ถามว่าเหมาะกับประชาธิปไทยไหม ส่วนตัวคิดว่าไม่เหมาะ ประเทศไทยไม่เคยกำหนดอะไรเช่นนี้ แต่ถ้าถามเรื่องสามารถป้องกันการฉีกรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ต่อให้อยู่เฉยๆ ก็ลุกขึ้นมาฉีกก็มี ไม่มีวิธีป้องกันหรอก
ขณะที่ นายภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์ กล่าว่า ต้องดูทิศทางการเมืองในระยะยาว ตั้งแต่ร่างของ อ.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ จนถึงร่างนี้ มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ กองทัพหรือทหารพยายามหาทางลงจากอำนาจ เขาคงประเมินว่าคงจะอยู่ในอำนาจต่อไปอีกระยะหนึ่งตามโร้ดแมป เรื่องนายกฯคนนอกหรือเรื่องคณะกรรมการปฏิรูปเมื่อคราวที่แล้ว เป็นความพยายามทางการเมืองของทหารที่จะสืบทอดอำนาจตัวเอง การให้ส.ส.โหวตเลือกนายกฯคนนอก โดยกระบวนการรัฐสภาสามารถทำได้ ในอดีตเราก็เคยทำมาแล้ว สิ่งที่น่าสังเกตคือ ผู้ที่จะเข้ามาเป็นนายกฯโดยให้สภาเลือก คิดว่าสุดท้ายแล้วจะมีอิทธิพลของกองทัพ เป็นบรรยากาศอำนาจของกองทัพมาปกคลุมกระบวนการเหล่านี้ ถ้าร่างนี้เกิดขึ้นจริง ตรงนี้เป็นดีลทางการเมืองที่ทหารเองพยายามประนีประนอมกับฝ่ายการเมืองอยู่พอสมควร ถึงได้ออกมาเป็นรูปการณ์แบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วประเด็นหลักคือเป็นความพยายามของทหารที่จะสืบทอดอำนาจตัวเอง
"เป็นความพยายามโยนหินถามทางของทาง คสช.ว่าสังคมหรือนักการเมือง ฝ่ายการเมืองที่มีบทบาทอยู่ในประเทศไทยตอนนี้จะมีความเห็นในทิศทางอะไร แต่เสียงก็ยังแตกอยู่ ในระยะยาวยังไงตัวนายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง ถ้าการเป็นนายกฯคนนอกเกิดการไม่ยอมรับทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองของไทยตอนนี้เป็นการเมืองแบบมวลชนแบ่งข้างแบ่งฝ่าย โมเดลนายกฯคนนอกแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลยในระยะยาว เพราะเราขัดแย้งกันใครจะมาเป็นคนกลาง ถ้าประชาชนเลือกพรรคการเมืองเข้าไป ก็คาดหวังว่าคนที่อยู่ในพรรคการเมืองเสียงข้างมากจะเป็นนายกฯ กลับกลายเป็นว่าพรรคที่ตัวเองเลือกไปในรัฐสภาไปโหวตให้ใครไม่รู้ที่คนไม่ได้เลือก หรือไม่ได้คาดหวังว่าจะให้เขามาเป็นนายกฯ อาจเกิดปมปัญหาทางการเมืองขึ้นมาอีกว่า ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งจะรับเรื่องนี้ได้หรือเปล่า ถ้าดูจากบริบทการเมืองไทยในสิบปีที่ผ่านมา ผมคิดว่ายากที่จะทำให้โมเดลนายกฯคนกลางเกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ"
JJNY : "สุขุม" ชี้ข้อเสนอที่มา "นายก" แค่ทำให้ดูยาก - ไม่แก้ปัญหา อจ.แนะเคารพ ปชช.ที่เลือกตั้ง
นายสุขุม นวลสกุล อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง กล่าวว่า กรณีนายกฯคนนอกที่ไม่ได้มาจาก ส.ส. ต้องมีเสียงสนับสนุนของ ส.ส. 3 ใน 5 นั้น ส่วนตัวมองว่าเป็นการพยายามทำให้เห็นว่าวิถีทางของนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้นมายาก ทั้งที่จริงแล้ว เป็นการไปทำให้วิธีการนั้นผิดธรรมชาติ อันที่จริง หากได้เสียงข้างมากของสภาก็ควรได้เป็นนายกฯ แล้ว อีกทั้งการกำหนดให้ต้องได้เสียง ส.ส. 3 ใน 5 นั้นเป็นเรื่องยาก เพราะต้องพร้อมอกพร้อมใจกัน เปรียบเสมือนข้อเสนอของ สปท. นี้เป็นเพียงการเอามาประดับเท่านั้น คือเหมือนเอาไว้ตกแต่ง คิดว่าให้ ส.ส. ตัดสินไปเลยก็ได้ คือเสียงเกินครึ่งก็ได้ เพราะหากจะมีนายกฯ คนนอกจริงๆ ก็ต้องได้เสียงคู่คี่มากจริงๆ ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ ถามว่าเหมาะกับประชาธิปไทยไหม ส่วนตัวคิดว่าไม่เหมาะ ประเทศไทยไม่เคยกำหนดอะไรเช่นนี้ แต่ถ้าถามเรื่องสามารถป้องกันการฉีกรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ต่อให้อยู่เฉยๆ ก็ลุกขึ้นมาฉีกก็มี ไม่มีวิธีป้องกันหรอก
ขณะที่ นายภาคิไนย์ ชมสินทรัพย์มั่น นักวิชาการอิสระด้านรัฐศาสตร์ กล่าว่า ต้องดูทิศทางการเมืองในระยะยาว ตั้งแต่ร่างของ อ.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ จนถึงร่างนี้ มีเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจคือ กองทัพหรือทหารพยายามหาทางลงจากอำนาจ เขาคงประเมินว่าคงจะอยู่ในอำนาจต่อไปอีกระยะหนึ่งตามโร้ดแมป เรื่องนายกฯคนนอกหรือเรื่องคณะกรรมการปฏิรูปเมื่อคราวที่แล้ว เป็นความพยายามทางการเมืองของทหารที่จะสืบทอดอำนาจตัวเอง การให้ส.ส.โหวตเลือกนายกฯคนนอก โดยกระบวนการรัฐสภาสามารถทำได้ ในอดีตเราก็เคยทำมาแล้ว สิ่งที่น่าสังเกตคือ ผู้ที่จะเข้ามาเป็นนายกฯโดยให้สภาเลือก คิดว่าสุดท้ายแล้วจะมีอิทธิพลของกองทัพ เป็นบรรยากาศอำนาจของกองทัพมาปกคลุมกระบวนการเหล่านี้ ถ้าร่างนี้เกิดขึ้นจริง ตรงนี้เป็นดีลทางการเมืองที่ทหารเองพยายามประนีประนอมกับฝ่ายการเมืองอยู่พอสมควร ถึงได้ออกมาเป็นรูปการณ์แบบนี้ แต่สุดท้ายแล้วประเด็นหลักคือเป็นความพยายามของทหารที่จะสืบทอดอำนาจตัวเอง
"เป็นความพยายามโยนหินถามทางของทาง คสช.ว่าสังคมหรือนักการเมือง ฝ่ายการเมืองที่มีบทบาทอยู่ในประเทศไทยตอนนี้จะมีความเห็นในทิศทางอะไร แต่เสียงก็ยังแตกอยู่ ในระยะยาวยังไงตัวนายกฯต้องมาจากการเลือกตั้ง ถ้าการเป็นนายกฯคนนอกเกิดการไม่ยอมรับทางการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองของไทยตอนนี้เป็นการเมืองแบบมวลชนแบ่งข้างแบ่งฝ่าย โมเดลนายกฯคนนอกแทบไม่มีทางเป็นไปได้เลยในระยะยาว เพราะเราขัดแย้งกันใครจะมาเป็นคนกลาง ถ้าประชาชนเลือกพรรคการเมืองเข้าไป ก็คาดหวังว่าคนที่อยู่ในพรรคการเมืองเสียงข้างมากจะเป็นนายกฯ กลับกลายเป็นว่าพรรคที่ตัวเองเลือกไปในรัฐสภาไปโหวตให้ใครไม่รู้ที่คนไม่ได้เลือก หรือไม่ได้คาดหวังว่าจะให้เขามาเป็นนายกฯ อาจเกิดปมปัญหาทางการเมืองขึ้นมาอีกว่า ผู้ลงคะแนนเลือกตั้งจะรับเรื่องนี้ได้หรือเปล่า ถ้าดูจากบริบทการเมืองไทยในสิบปีที่ผ่านมา ผมคิดว่ายากที่จะทำให้โมเดลนายกฯคนกลางเกิดขึ้นจริงในทางปฏิบัติ"