การติดตามการปฏิบัติงานแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (IUU-Fishing) ของกรมประมง จากที่ทางรัฐบาลได้มีการประชุมหารือเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาประมงไทยมาอย่างต่อเนื่องหลายเดือน ตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเรือ การติดตั้งระบบ VMS บนเรือ การจัดทำ Port-In / Port-Out (PIPO) ของเรือที่จะเข้าออกทะเล ไปจนถึงการตรวจสอบเครื่องมือในการทำประมง และแรงงานบนเรือประมงได้เป็นแรงผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาเรื่องประมงของประเทศไทยกันอย่างจริงจัง เพื่อให้ทะเลไทยจะได้มีความมั่นคงทางอาหารอย่างแท้จริง
ทางประมงพื้นบ้านก็ได้ออกมาสนับสนุนให้ทางหน่วยงานรัฐบาลทำการกวดขันเรือประมงพาณิชย์อย่างจริงจัง ซึ่งการกวดขันดังกล่าวได้ส่งผลให้ชาวประมงพื้นบ้านใน 22 จังหวัดตามแนวทะเลไทยต่างจับปลากันได้เยอะขึ้น ตัวใหญ่ขึ้น
"แต่ทำไมราคาอาหารทะเลภายในประเทศถึงยังคงมีราคาแพง?"
พ.ร.ก.ประมงทุบอาหารแปรรูป อำนาจล้นฟ้าถึงขั้นปิดโรงงาน
พ.ร.ก.การประมงแผลงฤทธิ์ใส่โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ ใช้แรงงานผิดกฎหมายโทษรุนแรงถึงขั้นปิดโรงงาน ชาวประมงโวยรัฐห้ามโอนใบอนุญาตทำการประมง ชี้ละเมิดรัฐธรรมนูญในการประกอบอาชีพ ห้ามโอนใบอนุญาตอีก
จากการ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 เพื่ออุดช่องว่างพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2558 ที่ไม่มีบทบัญญัติและบทลงโทษเกี่ยวกับการทำประมงผิดกฎหมาย ไร้การรายงานและไร้การควบคุม (IUU) และประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น
นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสงคราม และรองประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงประเด็นใหม่ที่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพชาวประมงและ โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้ค่อนข้างเข้มงวดและละเมิดสิทธิ์ในการประกอบอาชีพ อาทิ
มาตรา 44 เรื่องการห้ามโอนใบอนุญาตทำการประมง ใบอนุญาตชื่อใดต้องเป็นชื่อผู้นั้นตลอดไป ยกเว้นบุพการีหรือผู้สืบสันดาน แม้จะประสบปัญหาทำประมงขาดทุนก็เลิกไม่ได้ อยากขายไปประกอบอาชีพอื่นก็ไม่ได้ จึงเข้าข่ายละเมิดสิทธิ์การประกอบอาชีพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ล่าสุดประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 42 วันที่ 17 พ.ย.นี้ ก็ออกประกาศห้ามโอนใบอนุญาตทำการประมงอีก
ขณะที่มาตรา 11 ผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ
หากใช้แรงงานผิดกฎหมายต่ำกว่า 5 คน จะถูกปิดโรงงานสูงถึง 10-30 วัน หากมีการใช้แรงงานผิดกฎหมายเกิน 5 คน จะถูกปิดโรงงานตลอดไป ซึ่งโรงงานต้องลงทุนค่อนข้างสูง หากมีการกลั่นแกล้งกันก็จะเกิดความเสียหายค่อนข้างสูง นอกจากนี้ หากมีการกระทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี จะต้องถูกปิดกิจการอย่างถาวร
นอกจาก นี้ ยัง
ห้ามขนถ่ายปลากลางทะเล ยกเว้นการขนถ่ายปลาลงเรือขนถ่ายที่ถูกต้องตามกฎหมาย ประเด็นนี้ชาวประมงต่างลงความเห็นว่า จะทำให้ธุรกิจการทำประมงของไทยที่เป็นอุตสาหกรรมแถวหน้าที่แข็งแกร่งของ ประเทศ ทำเงินหลายแสนล้านบาทต่อปี จะถอยหลังเข้าคลอง เพราะทำให้เรือประมงต้องมีต้นทุนสูงในการวิ่งเรือกลับมาขนถ่ายปลาที่ท่า เทียบเรือบนฝั่งแล้วออกไปจับปลาใหม่ อีกทั้งการที่ไทยจะเป็นฮับอาหารทะเลของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะลางเลือน ดังนั้น รัฐต้องแก้ปัญหาส่งเจ้าหน้าที่มาเฝ้าตรวจนับการขนถ่ายจะดีที่สุด หรือจัดหาเรือขนถ่ายปลามาอำนวยความสะดวกให้ชาวประมง
ประเด็นสุดท้าย คือ มาตรา 169 ที่กำหนดค่อนข้างครอบจักรวาลว่า ผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมายนี้ เจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีสิทธิ์พิจารณาริบเครื่องมือทำประมง สัตว์น้ำ อุปกรณ์หรือเรือประมงได้ ซึ่งฝ่ายกฎหมายที่ยกร่างกฎหมายนี้ขึ้นมา ดำเนินการเช่นนี้ได้อย่างไรกัน อีกทั้งชาวประมงยังค่อนข้างสับสนกับประกาศ คสช.ฉบับล่าสุดว่าขนาดตาข่ายก้นถุงอวนลากขนาด 5 ซม.ที่เลื่อนไปใช้สิ้นปีนี้ ซึ่งขัดกับ พ.ร.ก.การประมงที่ให้อำนาจอธิบดีเป็นผู้กำหนดขนาดตาข่ายก้นถุงอวนจับปลา และยังไม่กำหนดออกมา ชาวประมงจะต้องปฏิบัติอย่างไรกันแน่ นายมงคลกล่าว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ :
http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1448033098
แก้ไขปัญหาประมงแล้วจริงหรือ "ทำไมราคาอาหารทะเลไม่เห็นลด"
ทางประมงพื้นบ้านก็ได้ออกมาสนับสนุนให้ทางหน่วยงานรัฐบาลทำการกวดขันเรือประมงพาณิชย์อย่างจริงจัง ซึ่งการกวดขันดังกล่าวได้ส่งผลให้ชาวประมงพื้นบ้านใน 22 จังหวัดตามแนวทะเลไทยต่างจับปลากันได้เยอะขึ้น ตัวใหญ่ขึ้น
"แต่ทำไมราคาอาหารทะเลภายในประเทศถึงยังคงมีราคาแพง?"
พ.ร.ก.การประมงแผลงฤทธิ์ใส่โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ ใช้แรงงานผิดกฎหมายโทษรุนแรงถึงขั้นปิดโรงงาน ชาวประมงโวยรัฐห้ามโอนใบอนุญาตทำการประมง ชี้ละเมิดรัฐธรรมนูญในการประกอบอาชีพ ห้ามโอนใบอนุญาตอีก
จากการ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 เพื่ออุดช่องว่างพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ. 2558 ที่ไม่มีบทบัญญัติและบทลงโทษเกี่ยวกับการทำประมงผิดกฎหมาย ไร้การรายงานและไร้การควบคุม (IUU) และประกาศในราชกิจจานุเบกษามีผลบังคับใช้ในวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมานั้น
นายมงคล สุขเจริญคณา ประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสงคราม และรองประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงประเด็นใหม่ที่ก่อให้เกิดความวิตกกังวลในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพชาวประมงและ โรงงานแปรรูปสัตว์น้ำว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้ค่อนข้างเข้มงวดและละเมิดสิทธิ์ในการประกอบอาชีพ อาทิ มาตรา 44 เรื่องการห้ามโอนใบอนุญาตทำการประมง ใบอนุญาตชื่อใดต้องเป็นชื่อผู้นั้นตลอดไป ยกเว้นบุพการีหรือผู้สืบสันดาน แม้จะประสบปัญหาทำประมงขาดทุนก็เลิกไม่ได้ อยากขายไปประกอบอาชีพอื่นก็ไม่ได้ จึงเข้าข่ายละเมิดสิทธิ์การประกอบอาชีพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ล่าสุดประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 42 วันที่ 17 พ.ย.นี้ ก็ออกประกาศห้ามโอนใบอนุญาตทำการประมงอีก
ขณะที่มาตรา 11 ผู้ประกอบการโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ หากใช้แรงงานผิดกฎหมายต่ำกว่า 5 คน จะถูกปิดโรงงานสูงถึง 10-30 วัน หากมีการใช้แรงงานผิดกฎหมายเกิน 5 คน จะถูกปิดโรงงานตลอดไป ซึ่งโรงงานต้องลงทุนค่อนข้างสูง หากมีการกลั่นแกล้งกันก็จะเกิดความเสียหายค่อนข้างสูง นอกจากนี้ หากมีการกระทำผิดซ้ำภายใน 3 ปี จะต้องถูกปิดกิจการอย่างถาวร
นอกจาก นี้ ยังห้ามขนถ่ายปลากลางทะเล ยกเว้นการขนถ่ายปลาลงเรือขนถ่ายที่ถูกต้องตามกฎหมาย ประเด็นนี้ชาวประมงต่างลงความเห็นว่า จะทำให้ธุรกิจการทำประมงของไทยที่เป็นอุตสาหกรรมแถวหน้าที่แข็งแกร่งของ ประเทศ ทำเงินหลายแสนล้านบาทต่อปี จะถอยหลังเข้าคลอง เพราะทำให้เรือประมงต้องมีต้นทุนสูงในการวิ่งเรือกลับมาขนถ่ายปลาที่ท่า เทียบเรือบนฝั่งแล้วออกไปจับปลาใหม่ อีกทั้งการที่ไทยจะเป็นฮับอาหารทะเลของกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) จะลางเลือน ดังนั้น รัฐต้องแก้ปัญหาส่งเจ้าหน้าที่มาเฝ้าตรวจนับการขนถ่ายจะดีที่สุด หรือจัดหาเรือขนถ่ายปลามาอำนวยความสะดวกให้ชาวประมง
ประเด็นสุดท้าย คือ มาตรา 169 ที่กำหนดค่อนข้างครอบจักรวาลว่า ผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมายนี้ เจ้าพนักงานตามกฎหมาย มีสิทธิ์พิจารณาริบเครื่องมือทำประมง สัตว์น้ำ อุปกรณ์หรือเรือประมงได้ ซึ่งฝ่ายกฎหมายที่ยกร่างกฎหมายนี้ขึ้นมา ดำเนินการเช่นนี้ได้อย่างไรกัน อีกทั้งชาวประมงยังค่อนข้างสับสนกับประกาศ คสช.ฉบับล่าสุดว่าขนาดตาข่ายก้นถุงอวนลากขนาด 5 ซม.ที่เลื่อนไปใช้สิ้นปีนี้ ซึ่งขัดกับ พ.ร.ก.การประมงที่ให้อำนาจอธิบดีเป็นผู้กำหนดขนาดตาข่ายก้นถุงอวนจับปลา และยังไม่กำหนดออกมา ชาวประมงจะต้องปฏิบัติอย่างไรกันแน่ นายมงคลกล่าว
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1448033098