แปรรูปอาหารทะเลสมุทรสาครป่วน 700 โรงงาน ขาดวัตถุดิบ ลามส่งออก-ราคาพุ่ง

ที่มา:  http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1423646889






อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลเมืองมหาชัยป่วนหนักทั้งระบบ วิกฤตขาดแคลนวัตถุดิบหลังเรือประมงไทยถูกอินโดฯ ใช้กฎเหล็กห้ามเรือไม่มีสัมปทานเข้าไปจับปลา ด้านโรงงานรับจ้างผลิตขอปรับราคา 30-40% ชี้กระทบส่งออกแน่ คนไทยเตรียมบริโภคอาหารทะเลแพงขึ้น20% ด้านแรงงานเมียนมาร์ไหลกลับถิ่นนับพัน รายใหญ่ทุ่มจ่ายค่าแรงวันละ 415 บาท

นายอาคม เครือวัลย์ ประธานชมรมแปรรูปอาหารทะเลจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากที่ทางการประเทศอินโดนีเซียออกมาตรการคุมเข้มเรือประมงต่างชาติที่ไร้สัมปทานรุกน่านน้ำอินโดนีเซียโดยให้อำนาจเจ้าหน้าที่สามารถทำลายเรือประมงด้วยการเผาหรือจมเรือประมงได้ตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมาทำให้เรือประมงไทยหลายร้อยลำต้องเดินทางกลับประเทศเพื่อความปลอดภัยของชาวประมงและขณะนี้ก็ยังไม่ได้ออกไปจับสัตว์น้ำป้อนให้กับอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเล

ปัญหาดังกล่าวนี้ได้ส่งผลกระทบทันทีต่ออุตสาหกรรมแปรรูปอาหารในจังหวัดสมุทรสาครเพราะขาดแคลนวัตถุดิบอย่างหนักที่จะป้อนให้กับโรงงานขนาดเล็กกว่า700แห่งที่เป็นสมาชิกของชมรมกำลังได้ความเดือดร้อน ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2558 ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ มีโรงงานที่ไม่มีวัตถุดิบในการผลิตปิดตัวไปแล้ว 20-30% ส่วนโรงงานที่เหลืออยู่ก็กำลังประสบปัญหาขาดสภาพคล่องอย่างหนัก ภาวะหนี้สินเพิ่มสูงขึ้นเพราะไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้เต็ม 100%






ทั้งนี้ หากปัญหายืดเยื้อจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกอุตสาหกรรมอาหารทะเล เพราะโรงงานขนาดเล็กที่รับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) ให้โรงงานขนาดใหญ่ไม่สามารถผลิตออร์เดอร์ป้อนให้ทันตามความต้องการได้ ถือว่าเป็นปัจจัยลบที่ฉุดตลาดส่งออกอาหารทะเลปีนี้ไม่ให้เติบโต ทั้ง ๆ ที่ตลาดมีแนวโน้มขยายตัว ขณะที่ผู้ประกอบการรายเล็กที่รับโออีเอ็มหลายรายก็เริ่มปรับขึ้นราคา 30-40% ผู้ส่งออกต้องปรับราคาส่งออกขึ้นตามไปด้วย ทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันสินค้าไทยในตลาดโลกลดลงทันที

"เมื่อปี 2557 โรงงานแปรรูปในจังหวัดสมุทรสาครก็ประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบมาโดยตลอด แต่ปีนี้จะมีความรุนแรงมากกว่า หลังจากเรือประมงไทยหนีกลับจากน่านน้ำอินโดนีเซีย ทำให้ไม่มีสัตว์น้ำที่จะนำมาแปรรูป นับว่าเป็นปีที่โชคร้ายซ้ำเติมอุตสาหกรรมประมงไทย หลังจากที่ผ่านมามีปัญหาถูกกีดกันทางการค้าเพราะปัญหาการค้ามนุษย์ และถูกตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) จากสหภาพยุโรปและอเมริกา" นายอาคมกล่าวและว่า

นอกจากนั้นยังจะมีการปิดอ่าวไทยตอนบนรูป (ก) ระยะเวลา 3 เดือน ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์-15 เมษายน 2558 เพื่อให้สัตว์น้ำได้วางไข่ ปรับสมดุลระบบนิเวศในท้องทะเล

ขณะที่ประเทศเมียนมาร์ก็เตรียมที่จะปิดน่านน้ำในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม นี้เช่นกัน ทำให้เรือประมงไทยไม่สามารถออกจับสัตว์น้ำได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออุตสาหกรรมประมงสมุทรสาครทั้งระบบ เพราะเป็นแหล่งผลิตใหญ่ทั้งอาหารทะเลสด และแปรรูปจำหน่ายทั้งในและตลาดประเทศ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ 1 แสนล้านบาท/ปี

สำหรับผลกระทบต่อผู้บริโภคนั้น ปีนี้ราคาอาหารทะเลแปรรูปในประเทศจะปรับตัวสูงขึ้น 20-30% โดยเฉพาะกลุ่มกุ้งทะเลแกะเปลือก เนื้อปลาทะเลสดชำแหละ ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่โรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร มีความต้องการสูงมาก ผู้ประกอบการจะต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น

ขณะที่ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในภาคการประมงก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ปัจจุบันโรงงานขนาดใหญ่มีการแย่งแรงงานจากโรงงานขนาดเล็กโดยยอมจ่ายค่าจ้างที่สูงถึงวันละ415บาทแรงงานไหลเข้าสู่โรงงานขนาดใหญ่ ทำให้โรงงานขนาดเล็กขาดแคลนแรงงาน มีโอกาสปิดกิจการเพิ่มมากขึ้น และยังมีแรงงานเมียนมาร์กว่า 1,000 คน ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา ไม่กลับเข้ามาทำงาน

ด้านนายกำจร มงคลตรีลักษณ์ นายกสมาคมการประมงจังหวัดสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการเรือประมงที่นำเรือกลับจากน่านน้ำอินโดนีเซีย เตรียมปรับแผนออกไปทำประมงในประเทศอิหร่าน บาห์เรน และบรูไน เพราะกลุ่มประเทศดังกล่าวยังมีสัตว์น้ำอุดมสมบูรณ์ และเปิดให้เรือประมงสัญชาติอื่นเข้าไปทำการประมงได้ง่าย

ส่วนกรณีที่ประมงพื้นบ้านมีความกังวลว่า เรือประมงเชิงพาณิชย์จะมาแย่งทำการประมงชายฝั่ง ยืนยันว่าเป็นไปไม่ได้เพราะไม่คุ้มทุน และอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำประมงคนละประเภทกัน

ทั้งนี้ ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์อย่างเป็นระบบ รวดเร็ว เช่น การจัดระเบียบเรือประมง เพื่อให้สหรัฐอเมริกา และยุโรป ไม่กีดกันการค้าสินค้าแปรรูปประมงจากไทยมากไปกว่านี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่