สวัสดีจ้า ^O^ แนะนำตัวเองก่อนนะคะ เราชื่อ “การ์ตูน” ปีนี้ (2558) ก็อายุ 25 ปีเต็มแล้ว ที่ตั้งบล็อก / กระทู้ ขึ้นมาก็เพื่อแชร์ประสบการณ์ขายของออนไลน์ อาจจะเป็นแนวทางให้เพื่อนๆที่สนใจนำไปเป็นเทคนิค หรือ พัฒนาวิธีการขายของออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จมากกว่านี้ เราไม่ได้เก่งการตลาด และไม่ได้มาสอนวิธีเปิดร้านค้าออนไลน์อย่างไรให้ขายได้
เราก็ลองมาเยอะ พลาดมาก็เยอะ เลยมาแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นแนวทางเท่านั้น
เนื้อหาแบ่งเป็น 3 ตอนใหญ่ๆนะคะ (ถ้าขี้เกียจอ่าน อ่านตอนที่ 3 ก็ได้ค่ะ ตอนที่ 1-2 พร่ำเพ้อล้วนๆ 5555+)
ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า ตูนเริ่มขายของออนไลน์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 เหตุผลหลักๆก็คือ อยากมีรายได้เสริม และคิดว่าการขายของออนไลน์ก็ง่ายดี ไม่ต้องไปเช่าพื้นที่ขายของตามตลาดนัด แค่ขายทางออนไลน์ ง่ายๆ สบายๆ พอมีลูกค้าสั่งซื้อ โอนเงิน ก็จัดเตรียมส่งของได้เลย
แต่!!!!!ปัญหาอันใหญ่หลวงก็คือ
อยากขายแต่ไม่มีเงินลงทุน และ
ความจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!!(ถ้าไม่มีเงินลงทุนเลย)
ตอนที่ 1 :: ไม่มีเงินลงทุน / งบน้อย (งบ 0 – 500 บาท)
ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษา ไม่มีงานทำ เงินเก็บก็ไม่มีเลย เพราะเรียนอย่างเดียว แต่อยากหารายได้เสริม ก็เลยใช้วิธี สมัครตัวแทนจำแทนจำหน่าย ค่ะ ส่วนวิธีขายของออนไลน์ก็เริ่มจาก ตั้งเพจร้านใน Facebook
สรุป!!
เริ่มต้นขายของออนไลน์ครั้งแรก (ไม่มีเงินลงทุนเลย)
ขั้นตอนวิธีขายของออนไลน์
1. สมัครตัวแทนจำหน่าย **ตอนนั้นสมัครขาย คสอ.เกาหลี (ตามกระแส) เสียค่าสมัคร 200 บาท ต่อ 1 ปี
2. ตั้งเพจร้าน Facebook เพื่อขายของ
3. ทำเว็บขายของกับ www.lnwshop.com
4. การโฆษณา ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ มีแต่เชิญเพื่อนๆมากดไลค์ กดแชร์
ผลสรุปคือ ผ่านไปนับเดือน ยังขายของไม่ได้เลยค่ะ ท้อแท้มาก ยอดไลค์ก็แค่ 100 กว่าๆ ผ่านไปประมาณ 3 เดือน เลิกขายค่ะ เจ๊งสนิท!! แต่ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรมาก เสียแค่ค่าสมัครตัวแทนจำหน่าย 200 T^T
หมายเหตุ :: มันยากตรงที่การโปรโมทเนี่ยแหล่ะ เพราะเป็นร้านเปิดใหม่ ยอดไลค์น้อย ไม่มีคนรู้จัก ทำให้ดูขาดความน่าเชื่อถือ ลูกค้าไม่กล้าซื้อเพราะไม่รู้ว่าเราไว้ใจได้หรือเปล่า กลัวโดนโกง
ตอนที่ 2 :: ตัดสินใจวางงบลงทุน / เริ่มขายได้
เอาใหม่อีกครั้ง!! (หลังจากเว้นช่วงไปเกือบ 1 ปี)
เริ่ม มกราคม ปี พ.ศ. 2558
ตอนนี้เริ่มมีเงินเก็บ และทำงานประจำแล้ว เลยคิดจะขายของออนไลน์อีกครั้ง และครั้งนี้จะสต๊อกสินค้าเอง รับของมาจาก สำเพ็ง (ตลาดตอนกลางคืน ของถูกมากๆค่ะ ^^) ที่ยังไม่เข็ดเพราะมั่นใจว่า ถ้าเราตั้งใจจริงก็ต้องขายได้!! ลงทุนไปครั้งแรก 4,500 บาท (เฉพาะค่าสินค้า) หลังจากรับสินค้าขายส่งมาแล้ว ก็ทำการถ่ายรูปสินค้า ทำรายการสินค้าทุกอย่างใน Excel ตั้งเพจร้านขึ้นมาใหม่ และ ทำเว็บร้านกับ lnwshop เหมือนเดิม อัพรูปสินค้าลงพร้อมใส่ข้อมูล ราคา เชิญชวนเพื่อนๆมากดไลค์บ้างล่ะ แลกไลค์ร้านอื่นบ้างล่ะ ได้ยอดไลค์มาประมาณ 200 ไลค์ ผ่านไปประมาณ 4-6 เดือน มีลูกค้ามาสอบถามบ้าง แต่ก็ขายได้แค่ 1-2 ชิ้น / เดือน เศร้าค่ะเศร้า T^T
สุดท้ายตัดสินใจ ทำโฆษณากับ Facebook!!
หลังจากทำโฆษณา วันละ 100 บาท สรุปยอดไลค์ใน 1 วัน ประมาณ 50-130 ไลค์ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสินค้าที่ขายและปัจจัยอื่นๆ) สรุปค่าโฆษณาทั้งหมด 2,800 บาท เราได้ยอดไลค์เพิ่มมาเป็น 4,261 และทำการหยุดโฆษณาค่ะ พอหยุดปุ๊บ คนเข้ามากดไลค์ประมาณ 1-2 คน ต่อ สัปดาห์ (-*- เงิบบบ) แต่ก็คุ้มมากค่ะ กับการเสียค่าโฆษณาครั้งนี้ (จ่ายค่าโฆษณา 28 วัน ตีเป็น 1 เดือน) เราขายของได้ทุกวัน ยอดขายวันละประมาณ 500 บาท ในช่วงแรกๆ ผ่านไปสัก 1 สัปดาห์ ยอดขายอยู่ที่วันละ 500 – 3,000(ขึ้นอยู่กับสินค้าที่ขายได้) ขายของได้เรื่อยๆ เริ่มมีรายได้เข้ามา พอของหมดก็ซื้อมาเติมสต็อก สรุปยอดขายเดือนนั้นหลังจากทำโฆษณามา 28 วัน รายได้ทั้งหมดประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท (นับว่าดีมากๆสำหรับเรา)หลังจากนั้นเราก็ทำโฆษณาโปรโมทเพจมาเรื่อยๆค่ะ วันละ 100 บาท บางทีก็โฆษณาโพสบางโพส ครั้งละ 50 บาท คิดซะว่าเป็นค่าเช่าพื้นที่ขายของ ^^ ตอนนี้รายได้ค่อนข้างดีเยี่ยมเลยค่ะ เริ่มขายของออนไลน์แบบสต็อกของ ตั้งแต่เดือน มกราคม 2558 แต่ก็ขายไม่ค่อยจะได้ เริ่มทำโฆษณาวันละ 100 บาท ประมาณเดือน กรกฎาคม 2558 – จนถึงปัจจุบัน (18 พ.ย. 58)
ตอนนี้ได้รายได้ต่อเดือน ประมาณ 6.5 หมื่น ถึง 9 หมื่นบาท (ยังไม่หักค่าโฆษณา ค่ากล่อง ปณ. ค่าจัดส่ง และรายจ่ายอื่นๆนะคะ)
กำไร ณ ปัจจุบัน ไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นค่ะ
สำหรับบางท่านอาจจะมองว่าน้อยไป แต่สำหรับเรานับว่าประสบความสำเร็จแล้วค่ะ ^O^// ที่เล่ามาทั้งหมดจากประสบการณ์จริงล้วนๆ พร่ำเพ้อมายาวมากๆ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์หรือเป็นแรงผลักดันให้กับใครหลายๆคน(หรือเปล่าไม่แน่ใจ 555+)
ต่อไปมาอ่าน :: สรุปวิธีเปิดร้านค้าออนไลน์ของเราดีกว่าค่ะ ^^
ตอนที่ 3 :: เปิดร้านค้าออนไลน์จนประสบความสำเร็จ สไตล์เรา
เปิดร้านค้าออนไลน์!!
1. ตั้งงบลงทุน สำหรับเราตั้งงบไว้ที่ 3,000 – 10,000 บาท (แน่นอนว่าการลงทุนจะต้องมีเงินออมเก็บไว้ 2 เท่าจะดีกว่าค่ะ)
2. เลือกประเภทสินค้าที่จะขาย
3. เมื่อเลือกสินค้าได้แล้ว หาแหล่งขายส่ง
4. ซื้อสินค้าตามงบที่ลงทุน (รอบแรก เราลงทุนไป 4,500) ตอนนี้ยังไม่สต็อก กล่อง ปณ. ค่ะ
5. ถ่ายรูปสินค้า เตรียมทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย-เงินลงทุน และทำข้อมูลใน Excel ระบุรายการต่างๆ เพื่อใช้ในการขาย เช่น
- รายการสินค้า / ประเภทสินค้า / ต้นทุน / ราคาขาย / กำไร / ส่วนลด (ที่สามารถลดได้) / จำนวนสต็อก / น้ำหนักสินค้า (สำหรับเราไว้คำนวณค่าน้ำหนัก จัดส่ง ปณ.)
6. ตั้งเพจร้าน และ สร้างเว็บหน้าร้านกับ www.lnwshop.com ลงรูปภาพ ข้อมูล ราคาสินค้า
7. เชิญเพื่อนๆมากดไลค์ แลกไลค์ร้านอื่นๆ ได้ยอดไลค์มา 200 นิดๆ แต่ก็ขายไม่ได้ >_<
8. ผ่านไป 6 เดือน เปิดร้านออนไลน์ได้ประมาณ 2-6 เดือน ขายได้เดือนละ 1-2 ชิ้น T^T
9. ตัดสินใจทำโฆษณากับ Facebook วันละ 100 วัน ต่อวัน ลงทุนไป 28 วัน เท่ากับจ่ายค่าโฆษณาไป 2,800 ยอดไลค์พุ่งกระฉูด จาก 200 เป็น 4,000 กว่าไลค์ และขายได้ทุกวันตั้งแต่โฆษณาวันที่ 2
10. พอเริ่มขายได้เยอะ ก็เริ่มสต็อก กล่อง ปณ. สั่งมาจาก เพจที่ขายกล่อง ปณ. ราคาถูกมากๆ กล่องละ 2 – 20 บาท แถมคุณภาพเริ่ดอีกด้วยค่ะ
11. ทำโฆษณาอยู่ประมาณ 2 เดือนครึ่ง (วันละ 100 บาท) ก็เลิกทำค่ะ (เพิ่งหยุดโฆษณาไปเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน) ยอดไลค์อยู่ที่ 2 หมื่นกว่าๆ เพราะตอนนี้เริ่มอยู่ตัวแล้ว รายได้ต่อเดือนประมาณ 95,000 – 130,000 บาท ต่อเดือน กำไรไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท ค่ะ
ยอดไลค์ปัจจุบัน (18/11/2558)
12. ในเว็บไซด์ที่เราลงกับ lnwshop ไม่ค่อยมีลูกค้ามาสั่งของเท่าไร เพราะเราเน้นโฆษณากับ Facebook อย่างเดียว เคยอ่านการทำ SEO เพื่อโปรโมทเว็บให้ติดอันดับ google แต่ลงทุนแพงมากค่ะ ประมาณหลักหมื่นได้ เราเลยทำโฆษณาแค่ใน Facebook แค่นี้เราก็อยู่ต่อไปได้ละ 55+
เนื่องจากเราทำงานประจำ และ ขายของออนไลน์คนเดียวเลยมีวิธีจัดระบบ ดังนี้ (เป็นข้อแนะนำสำหรับคนที่ทำงานประจำและขายของออนไลน์ค่ะ)
1. ตัดรอบโอนเงิน เวลา 17.00 น. ทุกวัน ส่งของวันถัดไป เลยเวลาที่กำหนดส่งวันมะรืน เลิกงานกลับบ้านเราจะได้ใช้เวลาไปกับการแพ็คของเตรียมส่ง ไม่ต้องคอยรอยอดโอนเงินทั้งคืน ไม่งั้นเหนื่อยค่ะ ทำแบบนี้จะได้เป็นเวลา เป็นระบบด้วย
2. การส่งของ ตอนแรกๆออกไปส่งของทุกวัน ตอนพักกลางวัน เวลา 12.00-13.00 น. (เหนื่อยมากๆ ทำเวลาสุดๆ บางวันแทบไม่ได้กินข้าว T^T)หรือไม่ก็ฝาก แมสเสจเจอร์บริษัทไปส่ง แต่ตอนนี้คุณพ่อ เกษียณจากงานราชการแล้ว ก็เลยบังคับคุณพ่อไปส่งให้ทุกวันค่ะ สบายขึ้นมานิดนึง 5555+
รอบส่งวันที่ 18 พ.ย. 58 บิลของวันนี้ ขายได้ประมาณ 20,650 บาท (วันนี้ขายดีค่ะ ^^)
3. โอนเงินภายใน 1 วันหลังจากสั่งสินค้า ถ้าไม่โอนยกเลิกออเดอร์ทันทีค่ะ
เทคนิคขายของ / บริการประทับใจ ^^
1. ตั้งราคาสินค้าต่ำกว่าท้องตลาดประมาณ 20-40% เช่น ต้นทุน 100.- ราคาขาย 300.- จัดโปรโมชั่นลดเหลือ 250.- แน่นอนว่าต้องสำรวจคู่แข่ง ที่ขายสินค้าประเภทเดียวกันด้วย เรทราคาไม่ควรแพงกว่าราคาขายทั่วไปมากค่ะ เพราะจะทำให้สินค้าขายยาก สมมติ เราเป็นลูกค้า เจอร้านที่ขายของแบบเดียวกัน แต่อีกร้านถูกกว่า เราก็อยากจะซื้อของร้านนั้น จริงมั้ยคะ
2. รูปภาพสินค้าไม่ควรถ่ายออกมาเวอร์จนเกินไป ไม่ใส่ข้อมูลสินค้าเกินกว่าคุณภาพ ลูกค้าสั่งครั้งแรกอาจจะผิดหวัง แทนที่จะเป็นลูกค้าประจำกลับหายไปเลย
3. การจัดส่งสินค้า ควรส่งให้เร็วไม่เกินวันถัด หรือ อาจจะกำหนดเงื่อนไขต่างๆขึ้นมา เพื่อทำงานให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น เช่น ร้านของเรา โอนเงินภายในวันที่ ก่อน 17.00 จัดส่งสินค้าวันถัดไป หลังเวลาจัดส่งวันมะรืน
4. กำหนดราคาจัดส่งสินค้า ไม่ควรแพงมากจนเกินไป (เราส่งกับ ปณ.ไทยค่ะ) โดยปกติร้านของเราจะ เริ่มต้น ลงทะเบียนธรรมดา 30 บาท และ EMS 60 บาท ค่ะ บางร้านอาจจะบวกกำไรจากค่าจัดส่ง คิดซะแพงเวอร์ ลูกค้าก็ไม่อยากซื้อนะคะ
5. ความเร็วในการจัดส่งของ ปณ. พัสดุธรรม 3-7 วัน / ลงทะเบียนธรรมดา 2-5 วัน / EMS 2-4 วัน
6. การพูดคุย / ตอบคำถามลูกค้า แน่นอนว่าทุกร้านต้องเคยพบเจอลูกค้าที่ทำให้ปวดหัวไม่ใช่น้อย สั่งของไม่โอนเงินบ้างล่ะ เรื่องมากบ้างล่ะ ถามเยอะแยะแต่สุดท้ายไม่ซื้อ พ่อค้าแม่ค้าคนอื่นเราไม่รู้นะคะว่ามีวิธัจัดการปัญหานี้ยังไง แต่สำหรับเรา ไม่เคยด่าลูกค้าค่ะ ลูกค้าจัดเต็มแค่ไหน ก็ไม่เคยต่อปากต่อคำ สั่งของมาแต่ไม่โอน ก็ไม่ตามค่ะ มีเงื่อนไข 1 วันไม่โอน ยกเลิกออเดอร์ ก็ยกเลิกไป แต่ไม่ใช่ว่าเราแคร์ลูกค้าหรืออะไรนะคะ ถ้ามีลูกค้าบอกว่า แพงจัง ลดราคาอีกได้มั้ย โอนตอนเช้าส่งของเลยได้มั้ย ถ้าเราไม่ทำตามก็จะไม่ซื้อ เราจะตอบไปเลยว่า “ถ้าลูกค้าไม่สะดวกสั่งซื้อสินค้า ก็ไม่เป็นค่ะ” จบแบบสวยๆค่ะ 555+
7. ความประทับใจสำหรับลูกค้า เราคิดว่ามีปัจจัยหลายๆอย่างรวมกัน เช่น พูดจาดี ส่งของไว สินค้าตรงตามต้องการ คุณภาพตามที่ลงไว้ และราคาไม่ได้แพงเวอร์ ยิ่งลูกค้าประทับใจบริการเท่าไร ก็มีโอกาสที่จะกลับมาซื้อสินค้ากับเราอีกครั้ง ^^
8. รีวิวสินค้า ถ้ามีลูกค้าส่งรีวิวมา เราจะแคปหน้าจออัพลงเพจร้านตลอดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือค่ะ
9. การสร้างความน่าเชื่อถือ ลูกค้าหลายๆคนกลัวโดนโกง วิธีโดยทั่วไปก็อาจะหาข้อมูลใน google ติดตามรีวิว กระแสตอบรับ ตอนแรกเราก็ไม่มีอะไรมาค้ำประกันค่ะว่าเราจะไม่โกง ร้านก็เป็นแค่เพจใน Facebook ถึงจะลงรูปรีวิวจากลูกค้าคนอื่นๆก็ใช่ว่าจะเชื่อถือได้ โชคดีที่เราทำเว็บกับ lnwshop เอาไว้ นับว่าเป็นเว็บขายของที่ดีและมีคุณภาพมากค่ะ เพราะทางเว็บจะมีระบบลงทะเบียนร้านค้า โดยส่งสำเนาบัตรประชาชน เลขบัญชีธนาคาร สำเนาทะเบียนพาณิชย์ (จะส่งเอกสารให้เว็บหรือไม่ส่งก็ได้ ไม่บังคับส่ง) ซึ่งเราได้ทำการส่งเอกสารให้กับทางเว็บเรียบร้อยแล้ว และนี่แหล่ะคือการยืนยันตัวตน ถ้าเราโกงจริงๆก็สามารถขอข้อมูลพ่อค้าแม่ค้าจากเว็บนี้เพื่อดำเนินคดีได้ เพราะฉะนั้นเราจะไม่มีวันโกงลูกค้าค่ะ ไม่อยากติดคุก 555+ (ขำๆน้า)
ก็...ไม่รู้จะเขียนอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว ไม่รู้ว่าตกหล่นอะไรตรงไหนมั้ย ยังไงก็ขอบคุณไว้ล่วงหน้าสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ หวังว่าจะเป็นแนวทางและมีประโยชน์บ้างสักเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี แล้วก็ขอให้เพื่อนๆที่กำลังจะเปิดร้านค้าออนไลน์ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยๆ เงินทองไหลมาเทมา จ้า ^O^
ขายของออนไลน์(จนประสบความสำเร็จ) สไตล์เรา ^^
เนื้อหาแบ่งเป็น 3 ตอนใหญ่ๆนะคะ (ถ้าขี้เกียจอ่าน อ่านตอนที่ 3 ก็ได้ค่ะ ตอนที่ 1-2 พร่ำเพ้อล้วนๆ 5555+)
ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่า ตูนเริ่มขายของออนไลน์ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 เหตุผลหลักๆก็คือ อยากมีรายได้เสริม และคิดว่าการขายของออนไลน์ก็ง่ายดี ไม่ต้องไปเช่าพื้นที่ขายของตามตลาดนัด แค่ขายทางออนไลน์ ง่ายๆ สบายๆ พอมีลูกค้าสั่งซื้อ โอนเงิน ก็จัดเตรียมส่งของได้เลย
แต่!!!!!ปัญหาอันใหญ่หลวงก็คือ อยากขายแต่ไม่มีเงินลงทุน และ ความจริงมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น!!(ถ้าไม่มีเงินลงทุนเลย)
ตอนที่ 1 :: ไม่มีเงินลงทุน / งบน้อย (งบ 0 – 500 บาท)
ตอนนั้นยังเป็นนักศึกษา ไม่มีงานทำ เงินเก็บก็ไม่มีเลย เพราะเรียนอย่างเดียว แต่อยากหารายได้เสริม ก็เลยใช้วิธี สมัครตัวแทนจำแทนจำหน่าย ค่ะ ส่วนวิธีขายของออนไลน์ก็เริ่มจาก ตั้งเพจร้านใน Facebook
สรุป!!
เริ่มต้นขายของออนไลน์ครั้งแรก (ไม่มีเงินลงทุนเลย)
ขั้นตอนวิธีขายของออนไลน์
1. สมัครตัวแทนจำหน่าย **ตอนนั้นสมัครขาย คสอ.เกาหลี (ตามกระแส) เสียค่าสมัคร 200 บาท ต่อ 1 ปี
2. ตั้งเพจร้าน Facebook เพื่อขายของ
3. ทำเว็บขายของกับ www.lnwshop.com
4. การโฆษณา ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ มีแต่เชิญเพื่อนๆมากดไลค์ กดแชร์
ผลสรุปคือ ผ่านไปนับเดือน ยังขายของไม่ได้เลยค่ะ ท้อแท้มาก ยอดไลค์ก็แค่ 100 กว่าๆ ผ่านไปประมาณ 3 เดือน เลิกขายค่ะ เจ๊งสนิท!! แต่ไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรมาก เสียแค่ค่าสมัครตัวแทนจำหน่าย 200 T^T
หมายเหตุ :: มันยากตรงที่การโปรโมทเนี่ยแหล่ะ เพราะเป็นร้านเปิดใหม่ ยอดไลค์น้อย ไม่มีคนรู้จัก ทำให้ดูขาดความน่าเชื่อถือ ลูกค้าไม่กล้าซื้อเพราะไม่รู้ว่าเราไว้ใจได้หรือเปล่า กลัวโดนโกง
ตอนที่ 2 :: ตัดสินใจวางงบลงทุน / เริ่มขายได้
เอาใหม่อีกครั้ง!! (หลังจากเว้นช่วงไปเกือบ 1 ปี)
เริ่ม มกราคม ปี พ.ศ. 2558
ตอนนี้เริ่มมีเงินเก็บ และทำงานประจำแล้ว เลยคิดจะขายของออนไลน์อีกครั้ง และครั้งนี้จะสต๊อกสินค้าเอง รับของมาจาก สำเพ็ง (ตลาดตอนกลางคืน ของถูกมากๆค่ะ ^^) ที่ยังไม่เข็ดเพราะมั่นใจว่า ถ้าเราตั้งใจจริงก็ต้องขายได้!! ลงทุนไปครั้งแรก 4,500 บาท (เฉพาะค่าสินค้า) หลังจากรับสินค้าขายส่งมาแล้ว ก็ทำการถ่ายรูปสินค้า ทำรายการสินค้าทุกอย่างใน Excel ตั้งเพจร้านขึ้นมาใหม่ และ ทำเว็บร้านกับ lnwshop เหมือนเดิม อัพรูปสินค้าลงพร้อมใส่ข้อมูล ราคา เชิญชวนเพื่อนๆมากดไลค์บ้างล่ะ แลกไลค์ร้านอื่นบ้างล่ะ ได้ยอดไลค์มาประมาณ 200 ไลค์ ผ่านไปประมาณ 4-6 เดือน มีลูกค้ามาสอบถามบ้าง แต่ก็ขายได้แค่ 1-2 ชิ้น / เดือน เศร้าค่ะเศร้า T^T
สุดท้ายตัดสินใจ ทำโฆษณากับ Facebook!!
หลังจากทำโฆษณา วันละ 100 บาท สรุปยอดไลค์ใน 1 วัน ประมาณ 50-130 ไลค์ (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสินค้าที่ขายและปัจจัยอื่นๆ) สรุปค่าโฆษณาทั้งหมด 2,800 บาท เราได้ยอดไลค์เพิ่มมาเป็น 4,261 และทำการหยุดโฆษณาค่ะ พอหยุดปุ๊บ คนเข้ามากดไลค์ประมาณ 1-2 คน ต่อ สัปดาห์ (-*- เงิบบบ) แต่ก็คุ้มมากค่ะ กับการเสียค่าโฆษณาครั้งนี้ (จ่ายค่าโฆษณา 28 วัน ตีเป็น 1 เดือน) เราขายของได้ทุกวัน ยอดขายวันละประมาณ 500 บาท ในช่วงแรกๆ ผ่านไปสัก 1 สัปดาห์ ยอดขายอยู่ที่วันละ 500 – 3,000(ขึ้นอยู่กับสินค้าที่ขายได้) ขายของได้เรื่อยๆ เริ่มมีรายได้เข้ามา พอของหมดก็ซื้อมาเติมสต็อก สรุปยอดขายเดือนนั้นหลังจากทำโฆษณามา 28 วัน รายได้ทั้งหมดประมาณ 4 หมื่นกว่าบาท (นับว่าดีมากๆสำหรับเรา)หลังจากนั้นเราก็ทำโฆษณาโปรโมทเพจมาเรื่อยๆค่ะ วันละ 100 บาท บางทีก็โฆษณาโพสบางโพส ครั้งละ 50 บาท คิดซะว่าเป็นค่าเช่าพื้นที่ขายของ ^^ ตอนนี้รายได้ค่อนข้างดีเยี่ยมเลยค่ะ เริ่มขายของออนไลน์แบบสต็อกของ ตั้งแต่เดือน มกราคม 2558 แต่ก็ขายไม่ค่อยจะได้ เริ่มทำโฆษณาวันละ 100 บาท ประมาณเดือน กรกฎาคม 2558 – จนถึงปัจจุบัน (18 พ.ย. 58)
ตอนนี้ได้รายได้ต่อเดือน ประมาณ 6.5 หมื่น ถึง 9 หมื่นบาท (ยังไม่หักค่าโฆษณา ค่ากล่อง ปณ. ค่าจัดส่ง และรายจ่ายอื่นๆนะคะ)
กำไร ณ ปัจจุบัน ไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นค่ะ
สำหรับบางท่านอาจจะมองว่าน้อยไป แต่สำหรับเรานับว่าประสบความสำเร็จแล้วค่ะ ^O^// ที่เล่ามาทั้งหมดจากประสบการณ์จริงล้วนๆ พร่ำเพ้อมายาวมากๆ คิดว่าน่าจะมีประโยชน์หรือเป็นแรงผลักดันให้กับใครหลายๆคน(หรือเปล่าไม่แน่ใจ 555+) ต่อไปมาอ่าน :: สรุปวิธีเปิดร้านค้าออนไลน์ของเราดีกว่าค่ะ ^^
ตอนที่ 3 :: เปิดร้านค้าออนไลน์จนประสบความสำเร็จ สไตล์เรา
เปิดร้านค้าออนไลน์!!
1. ตั้งงบลงทุน สำหรับเราตั้งงบไว้ที่ 3,000 – 10,000 บาท (แน่นอนว่าการลงทุนจะต้องมีเงินออมเก็บไว้ 2 เท่าจะดีกว่าค่ะ)
2. เลือกประเภทสินค้าที่จะขาย
3. เมื่อเลือกสินค้าได้แล้ว หาแหล่งขายส่ง
4. ซื้อสินค้าตามงบที่ลงทุน (รอบแรก เราลงทุนไป 4,500) ตอนนี้ยังไม่สต็อก กล่อง ปณ. ค่ะ
5. ถ่ายรูปสินค้า เตรียมทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย-เงินลงทุน และทำข้อมูลใน Excel ระบุรายการต่างๆ เพื่อใช้ในการขาย เช่น
- รายการสินค้า / ประเภทสินค้า / ต้นทุน / ราคาขาย / กำไร / ส่วนลด (ที่สามารถลดได้) / จำนวนสต็อก / น้ำหนักสินค้า (สำหรับเราไว้คำนวณค่าน้ำหนัก จัดส่ง ปณ.)
6. ตั้งเพจร้าน และ สร้างเว็บหน้าร้านกับ www.lnwshop.com ลงรูปภาพ ข้อมูล ราคาสินค้า
7. เชิญเพื่อนๆมากดไลค์ แลกไลค์ร้านอื่นๆ ได้ยอดไลค์มา 200 นิดๆ แต่ก็ขายไม่ได้ >_<
8. ผ่านไป 6 เดือน เปิดร้านออนไลน์ได้ประมาณ 2-6 เดือน ขายได้เดือนละ 1-2 ชิ้น T^T
9. ตัดสินใจทำโฆษณากับ Facebook วันละ 100 วัน ต่อวัน ลงทุนไป 28 วัน เท่ากับจ่ายค่าโฆษณาไป 2,800 ยอดไลค์พุ่งกระฉูด จาก 200 เป็น 4,000 กว่าไลค์ และขายได้ทุกวันตั้งแต่โฆษณาวันที่ 2
10. พอเริ่มขายได้เยอะ ก็เริ่มสต็อก กล่อง ปณ. สั่งมาจาก เพจที่ขายกล่อง ปณ. ราคาถูกมากๆ กล่องละ 2 – 20 บาท แถมคุณภาพเริ่ดอีกด้วยค่ะ
11. ทำโฆษณาอยู่ประมาณ 2 เดือนครึ่ง (วันละ 100 บาท) ก็เลิกทำค่ะ (เพิ่งหยุดโฆษณาไปเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อน) ยอดไลค์อยู่ที่ 2 หมื่นกว่าๆ เพราะตอนนี้เริ่มอยู่ตัวแล้ว รายได้ต่อเดือนประมาณ 95,000 – 130,000 บาท ต่อเดือน กำไรไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท ค่ะ
ยอดไลค์ปัจจุบัน (18/11/2558)
12. ในเว็บไซด์ที่เราลงกับ lnwshop ไม่ค่อยมีลูกค้ามาสั่งของเท่าไร เพราะเราเน้นโฆษณากับ Facebook อย่างเดียว เคยอ่านการทำ SEO เพื่อโปรโมทเว็บให้ติดอันดับ google แต่ลงทุนแพงมากค่ะ ประมาณหลักหมื่นได้ เราเลยทำโฆษณาแค่ใน Facebook แค่นี้เราก็อยู่ต่อไปได้ละ 55+
เนื่องจากเราทำงานประจำ และ ขายของออนไลน์คนเดียวเลยมีวิธีจัดระบบ ดังนี้ (เป็นข้อแนะนำสำหรับคนที่ทำงานประจำและขายของออนไลน์ค่ะ)
1. ตัดรอบโอนเงิน เวลา 17.00 น. ทุกวัน ส่งของวันถัดไป เลยเวลาที่กำหนดส่งวันมะรืน เลิกงานกลับบ้านเราจะได้ใช้เวลาไปกับการแพ็คของเตรียมส่ง ไม่ต้องคอยรอยอดโอนเงินทั้งคืน ไม่งั้นเหนื่อยค่ะ ทำแบบนี้จะได้เป็นเวลา เป็นระบบด้วย
2. การส่งของ ตอนแรกๆออกไปส่งของทุกวัน ตอนพักกลางวัน เวลา 12.00-13.00 น. (เหนื่อยมากๆ ทำเวลาสุดๆ บางวันแทบไม่ได้กินข้าว T^T)หรือไม่ก็ฝาก แมสเสจเจอร์บริษัทไปส่ง แต่ตอนนี้คุณพ่อ เกษียณจากงานราชการแล้ว ก็เลยบังคับคุณพ่อไปส่งให้ทุกวันค่ะ สบายขึ้นมานิดนึง 5555+
3. โอนเงินภายใน 1 วันหลังจากสั่งสินค้า ถ้าไม่โอนยกเลิกออเดอร์ทันทีค่ะ
เทคนิคขายของ / บริการประทับใจ ^^
1. ตั้งราคาสินค้าต่ำกว่าท้องตลาดประมาณ 20-40% เช่น ต้นทุน 100.- ราคาขาย 300.- จัดโปรโมชั่นลดเหลือ 250.- แน่นอนว่าต้องสำรวจคู่แข่ง ที่ขายสินค้าประเภทเดียวกันด้วย เรทราคาไม่ควรแพงกว่าราคาขายทั่วไปมากค่ะ เพราะจะทำให้สินค้าขายยาก สมมติ เราเป็นลูกค้า เจอร้านที่ขายของแบบเดียวกัน แต่อีกร้านถูกกว่า เราก็อยากจะซื้อของร้านนั้น จริงมั้ยคะ
2. รูปภาพสินค้าไม่ควรถ่ายออกมาเวอร์จนเกินไป ไม่ใส่ข้อมูลสินค้าเกินกว่าคุณภาพ ลูกค้าสั่งครั้งแรกอาจจะผิดหวัง แทนที่จะเป็นลูกค้าประจำกลับหายไปเลย
3. การจัดส่งสินค้า ควรส่งให้เร็วไม่เกินวันถัด หรือ อาจจะกำหนดเงื่อนไขต่างๆขึ้นมา เพื่อทำงานให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น เช่น ร้านของเรา โอนเงินภายในวันที่ ก่อน 17.00 จัดส่งสินค้าวันถัดไป หลังเวลาจัดส่งวันมะรืน
4. กำหนดราคาจัดส่งสินค้า ไม่ควรแพงมากจนเกินไป (เราส่งกับ ปณ.ไทยค่ะ) โดยปกติร้านของเราจะ เริ่มต้น ลงทะเบียนธรรมดา 30 บาท และ EMS 60 บาท ค่ะ บางร้านอาจจะบวกกำไรจากค่าจัดส่ง คิดซะแพงเวอร์ ลูกค้าก็ไม่อยากซื้อนะคะ
5. ความเร็วในการจัดส่งของ ปณ. พัสดุธรรม 3-7 วัน / ลงทะเบียนธรรมดา 2-5 วัน / EMS 2-4 วัน
6. การพูดคุย / ตอบคำถามลูกค้า แน่นอนว่าทุกร้านต้องเคยพบเจอลูกค้าที่ทำให้ปวดหัวไม่ใช่น้อย สั่งของไม่โอนเงินบ้างล่ะ เรื่องมากบ้างล่ะ ถามเยอะแยะแต่สุดท้ายไม่ซื้อ พ่อค้าแม่ค้าคนอื่นเราไม่รู้นะคะว่ามีวิธัจัดการปัญหานี้ยังไง แต่สำหรับเรา ไม่เคยด่าลูกค้าค่ะ ลูกค้าจัดเต็มแค่ไหน ก็ไม่เคยต่อปากต่อคำ สั่งของมาแต่ไม่โอน ก็ไม่ตามค่ะ มีเงื่อนไข 1 วันไม่โอน ยกเลิกออเดอร์ ก็ยกเลิกไป แต่ไม่ใช่ว่าเราแคร์ลูกค้าหรืออะไรนะคะ ถ้ามีลูกค้าบอกว่า แพงจัง ลดราคาอีกได้มั้ย โอนตอนเช้าส่งของเลยได้มั้ย ถ้าเราไม่ทำตามก็จะไม่ซื้อ เราจะตอบไปเลยว่า “ถ้าลูกค้าไม่สะดวกสั่งซื้อสินค้า ก็ไม่เป็นค่ะ” จบแบบสวยๆค่ะ 555+
7. ความประทับใจสำหรับลูกค้า เราคิดว่ามีปัจจัยหลายๆอย่างรวมกัน เช่น พูดจาดี ส่งของไว สินค้าตรงตามต้องการ คุณภาพตามที่ลงไว้ และราคาไม่ได้แพงเวอร์ ยิ่งลูกค้าประทับใจบริการเท่าไร ก็มีโอกาสที่จะกลับมาซื้อสินค้ากับเราอีกครั้ง ^^
8. รีวิวสินค้า ถ้ามีลูกค้าส่งรีวิวมา เราจะแคปหน้าจออัพลงเพจร้านตลอดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือค่ะ
9. การสร้างความน่าเชื่อถือ ลูกค้าหลายๆคนกลัวโดนโกง วิธีโดยทั่วไปก็อาจะหาข้อมูลใน google ติดตามรีวิว กระแสตอบรับ ตอนแรกเราก็ไม่มีอะไรมาค้ำประกันค่ะว่าเราจะไม่โกง ร้านก็เป็นแค่เพจใน Facebook ถึงจะลงรูปรีวิวจากลูกค้าคนอื่นๆก็ใช่ว่าจะเชื่อถือได้ โชคดีที่เราทำเว็บกับ lnwshop เอาไว้ นับว่าเป็นเว็บขายของที่ดีและมีคุณภาพมากค่ะ เพราะทางเว็บจะมีระบบลงทะเบียนร้านค้า โดยส่งสำเนาบัตรประชาชน เลขบัญชีธนาคาร สำเนาทะเบียนพาณิชย์ (จะส่งเอกสารให้เว็บหรือไม่ส่งก็ได้ ไม่บังคับส่ง) ซึ่งเราได้ทำการส่งเอกสารให้กับทางเว็บเรียบร้อยแล้ว และนี่แหล่ะคือการยืนยันตัวตน ถ้าเราโกงจริงๆก็สามารถขอข้อมูลพ่อค้าแม่ค้าจากเว็บนี้เพื่อดำเนินคดีได้ เพราะฉะนั้นเราจะไม่มีวันโกงลูกค้าค่ะ ไม่อยากติดคุก 555+ (ขำๆน้า)
ก็...ไม่รู้จะเขียนอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว ไม่รู้ว่าตกหล่นอะไรตรงไหนมั้ย ยังไงก็ขอบคุณไว้ล่วงหน้าสำหรับทุกคอมเม้นท์นะคะ หวังว่าจะเป็นแนวทางและมีประโยชน์บ้างสักเสี้ยวหนึ่งก็ยังดี แล้วก็ขอให้เพื่อนๆที่กำลังจะเปิดร้านค้าออนไลน์ประสบความสำเร็จ ร่ำรวยๆ เงินทองไหลมาเทมา จ้า ^O^