'จัดสรรปันส่วนผสม'สูตรเลือกตั้ง 'ฉบับ 21 กรธ.'วัดดวง 'ประชามติ'

กระทู้ข่าว
เป็นอีกหนึ่งสูตรการเลือกตั้ง "ฉบับ 21 กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)" ที่เรียกเสียงคัดค้านจากแวดวงการเมืองได้ไม่น้อย สำหรับแนวคิดการทำให้คะแนนเลือกตั้งที่ประชาชนลงให้ทุกคะแนนมีความหมาย ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการได้มาซึ่งระบบการเลือกตั้งแบบ "จัดสรรปันส่วนผสม" (mixed member apportionment : mma) "ฉบับเมดอินไทยแลนด์"
          ซึ่งเป็นการนำรูปแบบการเลือกตั้งของหลายประเทศมาผสมผสานให้เหมาะกับการเมืองของประเทศไทย
          โดยสูตรการเลือกตั้งแบบนี้ จะเป็นการนำคะแนนของผู้ที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มารวมเป็นคะแนนของพรรค ก่อนที่จะนำไปคำนวนเพื่อหาจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (Party List)
          ขณะเดียวกัน ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตที่มีคะแนนเป็นลำดับที่ 1 ต้องมีคะแนนเสียงมากกว่าจำนวนผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งแต่ไม่ประสงค์ที่จะลงคะแนน หรือ "โหวตโน" ให้แก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย
          สูตรเลือกตั้งแบบ "จัดสรรปันส่วนผสม" ถือว่าระบบการเลือกตั้งแบบนี้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของ กรธ. ที่ต้องการตอบโจทย์ให้เสียงของประชาชนนับจากนี้ไปมีความหมาย เป็น เสียงสวรรค์ ได้รับการยอมรับนับถือทุกคะแนน
          โดยไม่ให้เกิดความรู้สึกว่าลงคะแนนไปแล้วคะแนนของตัวเองต้องสูญเปล่าหรือถูกทิ้งน้ำไปเหมือนระบบการเลือกตั้งแบบเดิมอีกต่อไป
          เรียกได้ว่าเป็นการเคารพเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง
          ขณะเดียวกัน ทาง กรธ. เชื่อมั่นว่าระบบการขเลือกตั้งแบบนี้ ประชาชนจะเข้าใจง่าย ไม่เกิดความสับสน เพราะเป็นการลงคะแนนด้วยบัตรเลือกตั้งแค่ใบเดียว
          แตกต่างจากระบบการเลือกตั้งแบบเดิมที่ต้องลงคะแนนใบบัตรเลือกตั้งถึง 2 ใบ และด้วยวิธีการที่ไม่ซับซ้อน จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเพิ่มมากขึ้นด้วย
          อีกทั้งระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมนี้ จะทำให้ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตและแบบบัญชีรายชื่อ ปรับพฤติกรรมการหาเสียงแบบใหม่
          จากเดิมทีผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตจะหาเสียงเพื่อให้ตัวเองได้รับเลือกตั้งเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนใจว่าพรรคที่ตัวเองสังกัดอยู่จะเป็นอย่างไร
          แต่ถ้าหากเป็นระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขตนอกจากจะหาเสียงเพื่อโปรโมตตัวเองแล้ว ยังต้องนำนโยบายของพรรคที่ตัวเองสังกัดอยู่ไปหาเสียงด้วย เพราะแม้จะไม่ได้รับเลือกตั้งแต่คะแนนของตัวเองก็ถูกยังนำไปเป็นคะแนนของพรรคเพื่อคำนวณหา ส.ส.บัญชีรายชื่ออีกต่อหนึ่งด้วย
          ส่วน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ก็ต้องปรับตัวใหม่เช่นกันคือจะนั่งอยู่เฉยๆ โดยไม่สนใจอะไรเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว จะต้องลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตหาเสียงและนำเสนอนโยบายของพรรคการเมืองที่ตัวเองสังกัด เช่นเดียวกับพรรคการเมืองก็ต้องปรับตัวเองใหม่เช่นกัน ไม่ควรปล่อยให้ผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตหาเสียง
          เพียงลำพังแบบเดิมๆ อีกต่อไป ต้องนำนโยบายของพรรคไปให้ผู้สมัครใช้หาเสียงเพื่อโปรโมตพรรคด้วย
          ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยระบบการเลือกตั้งแบบนี้จะไม่ทำให้ประเทศถูกตอกย้ำให้เป็นของพรรคใดพรรคหนึ่งอีกต่อไป เพราะต่อไปนี้ทุกจังหวัดจะมีคะแนนเสียงเอื้อต่อทุกพรรคการเมือง
          จนสามารถพูดได้ว่าคนทั้งประเทศสนับสนุนทุกพรรคมากบ้างน้อยบ้างสุดแล้วแต่กำลังศรัทธาของแต่ละพรรค
          ทว่า ภายหลังสูตรเลือกตั้ง "ฉบับเมดอินไทยทแลนด์" นำเสนอออกมา กลับถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าไม่มีความเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย
          เป็นการนำหลักการรองมาอยู่เหนือหลักการสำคัญ
          โดยเฉพาะการนำคะแนนของผู้แพ้มาคิดคำนวนเพื่อหาจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างชัดเจน
          เนื่องจากคะแนนของประชาชนที่เลือกผู้ชนะ ส.ส.แบบแบ่งเขต กลับถูกทิ้งไป ไม่ได้ถูกนำมาคิดคำนวณเหมือนคะแนนของผู้แพ้แต่อย่างใด
          ขณะที่พรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็ก ก็จะเสียโอกาสในการได้เก้าอี้ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพราะไม่สามารถส่งผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตได้ครบทุกเขตเลือกตั้งได้ แม้ว่า กรธ. จะออกมาให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม ยังไม่สะเด็ดน้ำดี เนื่องจากยังต้องรอฟังเสียงสะท้อน ทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน ข้อดี ข้อด้อย จากทุกๆ ฝ่ายก่อน
          แต่เหตุผลดังกล่าวดูเหมือนว่าจะไม่ทำให้เสียงคัดค้านจากเหล่าบรรดานักการเมือง พรรคการเมือง หรือนักวิชาการ ลดน้อยลงไปเลยากไล่เลียงเสียงสะท้อนจะพบว่ามีน้อยมากหที่จะเห็นสอดคล้องกับทาง กรธ. เริ่มจาก "สดศรี สัตยธรรม" อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับสูตรเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมเป็นคนแรกๆ ว่า การนำคะแนนเสียงของพรรคที่แพ้การเลือกตั้งมาคำนวณ เป็นการเปิดโอกาสให้พรรคเล็กเข้าไปมีที่นั่งในสภา เป็นการป้องกันพรรคการเมืองใหญ่ที่เคยได้คะแนนเสียงข้างมากในการบริหารงานอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทำให้รัฐบาลกลายเป็นรัฐบาลผสม
          ส่งผลทำให้การเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นไปได้ยาก อาจจะเปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีมาจากคนนอก หากไม่สามารถเลือกนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งได้ ดังนั้น เชื่อว่าการตัดตอนพรรคการเมืองใหญ่อาจจะเป็นปัญหาทางการเมืองในภายภาคหน้าแน่นอน
          ขณะที่ "ชูศักดิ์ ศิรินิล" ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาระบุว่า เป็นระบบที่ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยที่ถือเสียงข้างมากเป็นหลัก
          อีกทั้งแต่ละพรรคจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งไม่เท่ากัน การใช้ระบบนี้จะทำให้พรรคเล็กเสียเปรียบ ถ้าไม่ส่ง ส.ส.ในเขต ก็ไม่มีคะแนนไปคิดคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมทั้งเป็นการมัดมือชกประชาชน เนื่องจากประชาชนไม่มีโอกาสเลือกคนที่รักและเลือกพรรคที่ชอบไปพร้อมกันได้ จะกลายเป็นว่าประชาชนเลือกได้เฉพาะผู้สมัคร หรือเลือกพรรคนั้นเท่านั้น
          และเป็นการไม่เคารพการตัดสินใจของประชาชน เนื่องจากประชาชนที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งอาจชอบทั้งพรรคและมีความศรัทธาในตัวผู้สมัคร อยากได้ผู้สมัครเป็นผู้แทนราษฎรของตน
          ส่วนเสียงสะท้อนจากพรรคเก่าแก่อย่าง "นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม ว่า เป็นการไม่สะท้อนความต้องการของประชาชน
          และการให้ประชาชนลงคะแนนด้วยบัตรเลือกตั้งเพียง 1 ใบ อาจจะเกิดปัญหาได้ รวมทั้งมีความกังวลว่าเปอร์เซ็นต์การซื้อเสียงจะรุนแรงสูงมากขึ้น ถ้าเทียบกับระบบเยอรมัน เพราะหากจะใช้ระบบดังกล่าวก็ไม่ควรมีระบบบัญชีรายชื่อ
          อย่างไรก็ตาม จากท่าทีและน้ำเสียงของอพรรคการเมือง ที่สะท้อนออกมาในแนวทางคัดค้านระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม
          แต่ท่าทีของ กรธ. ก็ยังคงผลักดันระบบเลือกตั้งสูตรนี้
          พร้อมกับยืนยันว่าระบบการเลือกตั้งแบบนี้ไม่ทำให้พรรคการเมืองใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่เป็นการทำให้ประชาชนเป็นใหญ่ และทำให้คะแนนเสียงของประชาชนทุกคะแนนมีความหมาย
          ท้ายที่สุดแล้วร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 21 กรธ. จะบัญญัติให้มีระบบการเลือกตั้ง แบบ "จัดสรรปันส่วนผสม" มาวัดใจประชาชนในการทำประชามติชี้ขาดรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่

มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 พ.ย. 2558
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่