เมื่อวันที่ 7 พ.ย. กรุงเทพโพล
โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง
“ประชาชนคิดอย่างไรกับแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่
ระบบจัดสรรปันส่วนผสม”โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,229 คน ระหว่างวันที่
3-5 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 86.9
เห็นด้วยมากที่สุดกับข้อดีของแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่ในประเด็น
“การใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวทำให้เข้าใจง่ายในการลงคะแนน”
รองลงมาร้อยละ 81.0
เห็นด้วยกับประเด็น
“คุณสมบัติของผู้ที่ลงสมัครเลือกตั้งที่กำหนดให้ใครที่ทุจริตการเลือกตั้งจะถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต”
ร้อยละ 69.8 เห็นด้วยกับประเด็น
“การเลือกตั้งระบบใหม่เป็นการคำนึงถึงคะแนนของประชาชนทุกเสียงที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
โดยคะแนนเสียงที่ไม่ได้รับเลือกจะไม่ถูกตัดทิ้งไป”
ร้อยละ 69.6 เห็นด้วยกับประเด็น
“การเลือกตั้งระบบใหม่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง เพราะถึงแม้ว่า
ส.ส.ที่ตนเลือกไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ยังสามารถเอาไปนับรวมในระบบบัญชีรายชื่อได้”
และร้อยละ
64.5 เห็นด้วยกับประเด็น “การเลือกตั้งระบบใหม่เป็นวิธีการปรองดอง
คือให้คะแนนเฉลี่ยกับทุกพรรคการเมืองตามสมควร”
เมื่อถามถึงความชอบระหว่างการเลือกตั้งรูปแบบเก่าที่ทำให้มีรัฐบาลที่เข้มแข็งแต่ไม่ได้นำคะแนนเสียงทุกเสียงของประชาชนมาใช้
กับแนวคิดแบบใหม่ที่อาจทำให้มีรัฐบาลผสมหลายพรรค แต่นำคะแนนเสียงทุกเสียงมาใช้ พบว่า ร้อยละ 61.9
ชอบแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่ "ระบบจัดสรรปันส่วนผสม” มากกว่า ขณะที่ร้อยละ 27.4
ชอบการเลือกตั้งระบบเดิมมากกว่า ที่เหลือร้อยละ 10.7 ไม่แน่ใจ
ส่วนการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น
ส่วนใหญ่ร้อยละ 73.4 ต้องการเลือกนายกรัฐมนตรีได้เองโดยตรง ขณะที่ร้อยละ 21.8 ต้องการเลือกโดยผ่าน
ส.ส.ในสภาฯ และร้อยละ 4.8 ไม่แน่ใจ
ที่มา:
http://www.prachachat.net
กรุงเทพโพล เผย ปชช.หนุนเลือกตั้งระบบใหม่-ตัดสิทธินักการเมืองโกงตลอดชีพ
โดยศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง
“ประชาชนคิดอย่างไรกับแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่
ระบบจัดสรรปันส่วนผสม”โดยเก็บข้อมูลจากประชาชนทุกภูมิภาคทั่วประเทศ จำนวน 1,229 คน ระหว่างวันที่
3-5 พ.ย.ที่ผ่านมา พบว่า
ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 86.9
เห็นด้วยมากที่สุดกับข้อดีของแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่ในประเด็น
“การใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวทำให้เข้าใจง่ายในการลงคะแนน”
รองลงมาร้อยละ 81.0
เห็นด้วยกับประเด็น
“คุณสมบัติของผู้ที่ลงสมัครเลือกตั้งที่กำหนดให้ใครที่ทุจริตการเลือกตั้งจะถูกตัดสิทธิตลอดชีวิต”
ร้อยละ 69.8 เห็นด้วยกับประเด็น
“การเลือกตั้งระบบใหม่เป็นการคำนึงถึงคะแนนของประชาชนทุกเสียงที่ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง
โดยคะแนนเสียงที่ไม่ได้รับเลือกจะไม่ถูกตัดทิ้งไป”
ร้อยละ 69.6 เห็นด้วยกับประเด็น
“การเลือกตั้งระบบใหม่ช่วยกระตุ้นให้ประชาชนออกมาเลือกตั้ง เพราะถึงแม้ว่า
ส.ส.ที่ตนเลือกไม่ได้รับเลือกตั้ง แต่ยังสามารถเอาไปนับรวมในระบบบัญชีรายชื่อได้”
และร้อยละ
64.5 เห็นด้วยกับประเด็น “การเลือกตั้งระบบใหม่เป็นวิธีการปรองดอง
คือให้คะแนนเฉลี่ยกับทุกพรรคการเมืองตามสมควร”
เมื่อถามถึงความชอบระหว่างการเลือกตั้งรูปแบบเก่าที่ทำให้มีรัฐบาลที่เข้มแข็งแต่ไม่ได้นำคะแนนเสียงทุกเสียงของประชาชนมาใช้
กับแนวคิดแบบใหม่ที่อาจทำให้มีรัฐบาลผสมหลายพรรค แต่นำคะแนนเสียงทุกเสียงมาใช้ พบว่า ร้อยละ 61.9
ชอบแนวคิดการเลือกตั้งแบบใหม่ "ระบบจัดสรรปันส่วนผสม” มากกว่า ขณะที่ร้อยละ 27.4
ชอบการเลือกตั้งระบบเดิมมากกว่า ที่เหลือร้อยละ 10.7 ไม่แน่ใจ
ส่วนการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น
ส่วนใหญ่ร้อยละ 73.4 ต้องการเลือกนายกรัฐมนตรีได้เองโดยตรง ขณะที่ร้อยละ 21.8 ต้องการเลือกโดยผ่าน
ส.ส.ในสภาฯ และร้อยละ 4.8 ไม่แน่ใจ
ที่มา: http://www.prachachat.net