งงครับ การเลือกตั้ง 2562 ที่ว่า "พรรคที่ได้ส.ส.เขตมากจะได้ปาร์ตี้ลิสต์น้อย" คำนวณกันยังไง

Update

เข้าใจละครับ ผมคำนวณขาดกฏข้อนี้ไป ขอคุณ ค.ห. 2 มากครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ป.ล. กำลังเดาว่าคนที่คิดกฎข้อนี้เค้ามีจุดประสงค์อะไร

------------------------------------------------------------------------------

พยายามอ่านข้อดีข้อเสียของการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่กำลังจะใช้ เห็นนักวิชาการหลายท่านแสดงความเห็นว่าจะเป็นการเอื้อให้พรรคเล็กได้มี ส.ส. เพิ่มขึ้น และพรรคใหญ่ได้ ส.ส. ปาร์ตี้ลิตส์น้อยลง

ตัวอย่างเช่น ข้อความ จากเว็บนี้ https://thestandard.co/election-2561-and-voting-explained/ กล่าวว่า ...

*********************************
ขณะที่ ณัชชาภัทร อมรกุล นักวิชาการชำนาญการ สถาบันพระปกเกล้า รวบรวมข้อวิจารณ์ การเลือกตั้งระบบจัดสรรปันส่วนผสมไว้ดังนี้
...
4. ผลการเลือกตั้งอาจบิดเบือนเจตนารมณ์ของผู้ออกเสียง พรรคที่ได้เสียงข้างมากในเขตเลือกตั้ง อาจไม่ได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
5. ลดความสำคัญของการออกไปลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง เพราะจะไปหรือไม่ไปเลือกตั้งก็จะได้แต่พรรคที่มีคะแนนเสียงกลางๆ แม้คะแนนเสียงตัวเองจะไม่ได้ตกน้ำ แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาล
6. ผลการเลือกตั้งกระจายเป็นเบี้ยหัวแตก เพราะพรรคที่ได้รับ ส.ส. แบบแบ่งเขตมาก จะเหลือที่สำหรับ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อน้อยลง โอกาสในการก่อตั้งรัฐบาลจากพรรคผสมค่อนข้างสูง และการที่ไม่มีพรรคใดได้เสียงข้างมากอาจเปิดโอกาสให้บุคคลที่สาม หรือ ‘คนนอก’ เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี
*********************************

ส่วนเว็บนี้ https://news.mthai.com/politics-news/479500.html บอกว่า

*********************************
โดยนายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ปี 2540 ได้กล่าวสรุป ...
...
3. ทำให้พรรคที่ได้รับเลือกตั้ง ส.ส.เขตมีจำนวนมากเท่าไร โอกาสที่จะได้ที่นั่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อก็ลดน้อยลงเท่านั้น ซึ่งสวนทางกับความเป็นจริง
*********************************

ผมพยายามคิดตามแล้ว ไม่เห็นเป็นจริงดังว่าเลยครับ

ผมขอยกตัวอย่างข้อมูลง่ายๆ นะครับ สมมติว่าการเลือกตั้งมีข้อมูลดังนี้

1. จำนวนคะแนน vote ทั้งหมด 500 เสียง
2. พรรคการเมืองที่ลงสมัครได้แก่ ก. ข. ค. ง.
3. เขตเลือกตั้งทั้งหมดได้แก่ A B C D E แต่ละเขตมีคะแนน vote ทั้งหมด 100 เสียงเท่ากัน
4. จำนวนที่นั่งในสภา ทั้งหมด 10 เสียง แบ่งเป็น แบ่งเขต 5 ที่นั่ง และปาร์ตี้ลิสต์ 5 ที่นั่ง
5. คะแนน vote หลังจากปิดหีบเป็นดังตารางต่อไปนี้

-------  | -- A  -- | -- B  -- | -- C  -- | -- D  -- | -- E  -- |
-- ก. -- | -- 90 -- | -- 90 -- | -- 90 -- | -- 90 -- | -- 90 -- |
-- ข. -- | -- 5 -- | -- 4 -- | -- 10 -- | -- 0 -- | -- 5 -- |
-- ค. -- | -- 4 -- | -- 5 -- | -- 0 -- | -- 5 -- | -- 0 -- |
-- ง. -- | -- 1 -- | -- 1 -- | -- 0 -- | -- 5 -- | -- 5 -- |

จากตารางจะเห็นว่า พรรค ก. มีคะแนน vote 90 เสียงทุกๆ เขต

ลองคำนวณตามวิธีการในข่าว จะได้

1. จำนวนเสียงต่อ 1 ที่นั่ง = 500/10 = 50
2. จำนวน ส.ส. เขตของพรรค ก. = 5
3. คะแนน vote โดยรวมของพรรค ก. = 90 + 90 + 90 + 90 + 90 = 450
4. จำนวน ส.ส. พึงมีของพรรค ก. = 450/50 = 9
5. จำนวน ส.ส ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรค ก. = 9 - 5 = 4 คน

จะเห็นได้ว่า พรรคที่ได้ จำนวน ส.ส. เขต มาก ไม่ได้หมายความว่าจะได้ ปาร์ตี้ลิสต์น้อย แต่จำนวน ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ขึ้นอยู่กับคะแนน vote โดยรวมของทั้งประเทศ

อีกสักตัวอย่างนะครับ

-------  | -- A  -- | -- B  -- | -- C  -- | -- D  -- | -- E  -- |
-- ก. -- | -- 45 -- | -- 45 -- | -- 45 -- | -- 45 -- | -- 45 -- |
-- ข. -- | -- 50 -- | -- 50 -- | -- 0 -- | -- 0 -- | -- 50 -- |
-- ค. -- | -- 0 -- | -- 0 -- | -- 50 -- | -- 50 -- | -- 0 -- |
-- ง. -- | -- 5 -- | -- 5 -- | -- 5 -- | -- 5 -- | -- 5 -- |

พรรค ก. ได้ ส.ส. เขต 0 คน และได้ ปาร์ตี้ลิสต์ = ((45 + 45 + 45 + 45 + 45) / 50) - 0 = 4.5 --> ตีเป็น 4 คน
พรรค ข. ได้ ส.ส. เขต 3 คน และได้ ปาร์ตี้ลิสต์ = ((50 + 50 + 0 + 0 + 50) / 50) - 3 = 3 - 3 = 0 คน
พรรค ค. ได้ ส.ส. เขต 2 คน และได้ ปาร์ตี้ลิสต์ = ((0 + 0 + 50 + 50 + 0) / 50) - 3 = 2 - 3 = -1 --> ตีเป็น 0 คน
พรรค ค. ได้ ส.ส. เขต 0 คน และได้ ปาร์ตี้ลิสต์ = ((5 + 5 + 5 + 5 + 5) / 50) - 0 = 0.5 --> ตีเป็น 0 คน

จะเห็นว่า
1. พรรค ก. และ พรรค ค. ได้ ส.ส. เขต 0 คนเหมือนกัน แต่จำนวน ปาร์ตี้ลิสต์ต่างกัน เพราะคะแนน พรรค ก. มีคะแนนโดยรวมมากกว่า -- ซึ่งหมายความว่าข้อความที่ว่า พรรคที่ได้รับ ส.ส. แบบแบ่งเขตมาก จะเหลือที่สำหรับ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อน้อยลง นั้นไม่เป็นความจริง
2. การที่ พรรค ข. ได้ปาร์ตี้ลิสต์น้อย ไม่ได้เป็นเพราะมี ส.ส. เขตมาก แต่เป็นเพราะ จำนวน ส.ส. เขตมีสัดส่วนสอดคล้องกับคะแนน vote โดยรวมอยู่แล้ว
3. พรรค ก. แม้จะได้ ส.ส. เขต 0 คน แต่ได้เป็นพรรคที่จัดตั้งรัฐบาล ซึ่งก็สมเหตุสมผล เพราะ พรรคก็ได้คะแนนเสียงโดยรวมมากที่สุด มิได้ขัดกับหลักการเสียงข้างมากอย่างที่บางเว็บกล่าวไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ปล.

ผมลองคิดเล่นๆ โดยสมมติว่าไม่มีเรื่องพรรค พปชร สืบทอดอำนาจ, เรื่อง ส.ว. เลือกนายก และ หมายเลขจับสลาก -- ผมเห็นว่าการเลือกแบบจัดสรรปันส่วนแบบนี้มันก็มีเหตมีผลดีนะครับ ใช้แก้ปัญหาเสียง ข้างน้อยในระดับเขตที่พอนำมารวมกันแล้วกลับกลายเป็นเสียงข้างมากในระดับประเทศ ได้
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
4. จำนวนที่นั่งในสภา ทั้งหมด 10 เสียง แบ่งเป็น แบ่งเขต 5 ที่นั่ง และปาร์ตี้ลิสต์ 5 ที่นั่ง

ข้อผิดพลาดของคุณน่าจะอยู่ตรงนี้ครับ จากตัวอย่างแรก พรรค ก. ได้สส.เขตไป 5 ที่นั่งแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีคะแนนในส่วนปาร์ตี้ลิสต์อีก 4 คน แต่เป็นเพราะว่ามีส.ส.เขตแล้วเกิน 4 คน (จากจำนวนปาร์ตี้ลิสต์ที่มีสิทธิ์) จึงไม่มีสิทธิ์ำด้โควต้าของปาร์ตี้ลิสต์แม้แต่คนเดียว จำนวนทั้ง 5 ปาร์ตี้ลิสต์จะถูกนำไปให้พรรค ข ค ง  แทน จากตัวเลขที่มีก็จะได้ พรรคละ 5/3 ซึ่งคุณจะเห็นได้ว่าพรรค ข ค ง ไม่สมควรได้ส.ส.แม้แต่คนเดียว แต่ในกฎใหม่นี้ เขารวมกันแล้วมีเสียงเท่าเทียมกับพรรค ก. ที่ควรได้เสียงทั้งหมด.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่