***** ใครไม่อยากอ่านยาว สรุปว่า 'พนักงานขายขอร้อง ขอแบตตัวลองของร้านที่ติดไปด้วยคืนจากลูกค้า แล้วลูกค้าทำเนียนเงียบ' ครับผม *****
เมื่อประมาณเดือนเมษายนของเมื่อสองปีก่อน ณ ร้านค้าแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพหรือปริมณฑลนี่แหละ
พนักงานขายคนหนึ่ง ได้กระทำการโดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ลืมนำแบตเตอรี่ตัวลอง 'ของทางร้าน' ออกจากกล้องของท่านลูกค้าท่านหนึ่ง หลังจากที่ทดสอบคุณภาพสินค้าเสร็จเรียบร้อย จนกระทั่งท่านลูกค้าได้นำกล้องออกจากร้านไปเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมง
สินค้าดังกล่าว คือกล้องยี่ห้อ CAN*N รุ่น 7ลบด้วย1 ดี ซื้อเฉพาะบอดี้ โดยท่านลูกค้าผู้มีอุปการคุณ คล้ายจะมีนามว่า ณ.พ. นามสกุล กษ.ส.ร.ก. ชื่อเล่นคิดว่าชื่อ คุณ อ. ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำงานอยู่ในบริษัทอะไรสักอย่างเกี่ยวกับความสว่างชื่อ ล.ต.จ. หรือเปล่า
เนื่องด้วยค่าตอบแทนจากการขายกล้องเป็นเงินหลักร้อยต้น ๆ ไม่สามารถชดเชยค่าแบตเตอรี่มูลค่าเกือบสี่พันหย่อนสิบบาทที่ต้องจ่ายคืนให้กับทางร้านได้อย่างแน่นอน พนักงานคนดังกล่าวจึงได้รีบติดต่อท่านลูกค้าตามเบอร์โทรในฐานข้อมูล แต่ไม่สามารถติดต่อได้
จากนั้นด้วยความร้อนใจ พนักงานคนดังกล่าวจึงได้พยายามสืบค้นในระบบอินเทอร์เน็ต จนพบช่องทางติดต่อกับท่านลูกค้าผ่านทาง ฟ.บ. และได้ทำการส่งข้อความมีเนื้อหาประมาณว่า ขออภัยที่ต้องถือวิสาสะรบกวนติดต่อเป็นการส่วนตัว และขออภัยที่ได้กระทำการโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ แต่ด้วยความจำเป็น เกรงว่าจะโดนลงโทษทางวินัยบริษัท หรืออาจถึงขั้นพักงาน จึงอยากจะขอความกรุณานัดพบท่านลูกค้า ตามแต่วันและเวลาที่ท่านลูกค้าจะสะดวก เพื่อเดินทางไปนำแบตเตอรี่กลับคืนมาด้วยตนเอง มิให้เกิดความเดือดร้อนลำบากระคายเคืองจิตใจแก่ท่านลูกค้าแต่ประการใดอีก
เวลาผ่านไป 1 วัน 3 วัน 7 วัน จนกระทั่ง 2 อาทิตย์ก็แล้ว ทุกอย่างเงียบสนิท จนในที่สุดเวลาผ่านไปครบ 1 เดือน พนักงานคนดังกล่าวจึงตัดสินใจส่งข้อความไปหาท่านลูกค้าอีกครั้ง ด้วยเนื้อหาคล้ายเดิม และสำเนาส่งอีกข้อความไปหาสุภาพสตรีอีกท่านหนึ่งที่คิดว่าเป็นคนรักของท่านลูกค้า ซึ่งเดินทางมาด้วยกันในวันที่ซื้อสินค้าด้วย เผื่อว่าครั้งแรกท่านลูกค้าจะไม่เห็น ไม่ได้อ่าน ไม่ได้สังเกต และที่ต้องทิ้งระยะเวลานั้นเพื่อป้องกันความรู้สึกว่าถูกจี้ถูกเร่ง อันอาจจะเกิดแก่ท่านลูกค้าจนมีความน้อยเนื้อต่ำใจหรือหงุดหงิดรำคาญได้
เวลาผ่านไปอีก จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 เดือน มาจนกระทั่งวันนี้ 2 ปีกว่า ๆ แล้ว ทุกอย่างคงเดิม ท่านลูกค้าทั้งสองยังคงนิ่งสงบ แต่ที่หน้า ฟ.บ. ของท่านลูกค้าทั้งสองท่านยังคงมีความเคลื่อนไหวอยู่เป็นปกติ ซึ่งหลังจากที่ได้ส่งข้อความไปครั้งแรกแต่ไม่มีการตอบกลับข้อความใด ๆ เป็นเวลาไม่นานนัก ก็มีอัลบั้มภาพชื่ออ่านคล้าย ๆ ว่า "ธริปฬองกร้องหมั่ย" ถูกแสดงขึ้นมาในหน้าฟีด แบตฟรีน่าจะใช้ดี เห็นแล้วก็ปลื้มใจ
ในที่สุด พนักงานผู้ประมาทเลินเล่อได้ทำใจ วางอุเบกขา ล้วงค่าข้าวและเงินซึ่งเตรียมไว้ส่งให้ที่บ้านออกมาจากกระเป๋า และนับจ่ายค่าแบตเตอรี่ก้อนใหม่คืนให้ทางร้านด้วยตัวเอง ก็แน่ล่ะ มันเป็นความผิดพลาดของตัวเอง
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราควรมีสติ ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท อันจะเป็นเหตุนำมาซึ่งความ

ได้
และก็ควรจะมีความเมตตา รวมถึงไม่ควรขาดซึ่งหิริโอตัปปะ(ความละอายต่อบาป) อันอาจเป็นเหตุให้สภาวะจิตถดถอยสู่เบื้องต่ำ
ไม่ควรเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนจนไม่แยแสต่อความเดือดร้อนของผู้อื่น ไม่ว่าจะโดยตีเนียน หรือโดยสภาพผิวหน้ามีความฝืดสูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ดูแล้วก็ไม่ได้มีความลำบากหรือสิ้นไร้ไม้ตอกใด ๆ แต่กลับคอยจ้องจะหาประโยชน์รีดเลือดกับปูหรือคนที่มิได้สบายเท่าตน
จะทำอะไรก็มองภาพกว้าง ๆ คิดเผื่อว่าการกระทำใด ๆ ก็ดี หากอาจก่อความเดือดร้อน อับอาย ต่อตนเอง คนใกล้ตัว คนที่เรารักได้ ก็ควรหลีกเลี่ยงเสีย
หลังการตั้งกระทู้นี้ พนักงานผู้ประมาทเลินเล่อได้กล่าวขออโหสิกรรม โดยไม่มีเจตนาต้องการแบตเตอรี่ที่ใช้ฟรีมา 2 ปีคืน หรือเงินชดเชยใด ๆ ดังนั้นใครก็ตามไม่ต้องติดต่อมา เพราะพนักงานผู้นั้นได้ลาออกจากร้านไปแล้ว ไม่งั้นก็คงไม่กล้ามาเบิกความเอาตอนนี้
ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อเป็นอุทาหรณ์ แก่ปุถุชนทั้งหลาย ซึ่งมีความผิดพลาดได้ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะด้วยความประมาท ความโลภ ฯลฯ
สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า เรื่องในกระทู้นี้เป็นเรื่องที่สมมติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ที่มีอยู่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น
ทั้งมิได้มีความตั้งใจพาดพิงบุคคลใดเป็นพิเศษ เป็นการเล่าเรื่องตามจินตนาการเท่านั้น อย่ามโนกันไปเองล่ะ
ขอทุกท่านได้โปรดใช้วิจารณญาณและเมตตาธรรมในการอ่านครับ
ถ้าพนักงานขายลืมเอาแบต 'ของร้าน' ออกจากกล้องตอนที่ลองเสร็จ แล้วหลังจากนั้นติดต่อมาเพื่อขอคืน ทุกท่านจะยอมคืนให้ไหมครับ
เมื่อประมาณเดือนเมษายนของเมื่อสองปีก่อน ณ ร้านค้าแห่งหนึ่งในเขตกรุงเทพหรือปริมณฑลนี่แหละ
พนักงานขายคนหนึ่ง ได้กระทำการโดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้ลืมนำแบตเตอรี่ตัวลอง 'ของทางร้าน' ออกจากกล้องของท่านลูกค้าท่านหนึ่ง หลังจากที่ทดสอบคุณภาพสินค้าเสร็จเรียบร้อย จนกระทั่งท่านลูกค้าได้นำกล้องออกจากร้านไปเป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 2-3 ชั่วโมง
สินค้าดังกล่าว คือกล้องยี่ห้อ CAN*N รุ่น 7ลบด้วย1 ดี ซื้อเฉพาะบอดี้ โดยท่านลูกค้าผู้มีอุปการคุณ คล้ายจะมีนามว่า ณ.พ. นามสกุล กษ.ส.ร.ก. ชื่อเล่นคิดว่าชื่อ คุณ อ. ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำงานอยู่ในบริษัทอะไรสักอย่างเกี่ยวกับความสว่างชื่อ ล.ต.จ. หรือเปล่า
เนื่องด้วยค่าตอบแทนจากการขายกล้องเป็นเงินหลักร้อยต้น ๆ ไม่สามารถชดเชยค่าแบตเตอรี่มูลค่าเกือบสี่พันหย่อนสิบบาทที่ต้องจ่ายคืนให้กับทางร้านได้อย่างแน่นอน พนักงานคนดังกล่าวจึงได้รีบติดต่อท่านลูกค้าตามเบอร์โทรในฐานข้อมูล แต่ไม่สามารถติดต่อได้
จากนั้นด้วยความร้อนใจ พนักงานคนดังกล่าวจึงได้พยายามสืบค้นในระบบอินเทอร์เน็ต จนพบช่องทางติดต่อกับท่านลูกค้าผ่านทาง ฟ.บ. และได้ทำการส่งข้อความมีเนื้อหาประมาณว่า ขออภัยที่ต้องถือวิสาสะรบกวนติดต่อเป็นการส่วนตัว และขออภัยที่ได้กระทำการโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญ แต่ด้วยความจำเป็น เกรงว่าจะโดนลงโทษทางวินัยบริษัท หรืออาจถึงขั้นพักงาน จึงอยากจะขอความกรุณานัดพบท่านลูกค้า ตามแต่วันและเวลาที่ท่านลูกค้าจะสะดวก เพื่อเดินทางไปนำแบตเตอรี่กลับคืนมาด้วยตนเอง มิให้เกิดความเดือดร้อนลำบากระคายเคืองจิตใจแก่ท่านลูกค้าแต่ประการใดอีก
เวลาผ่านไป 1 วัน 3 วัน 7 วัน จนกระทั่ง 2 อาทิตย์ก็แล้ว ทุกอย่างเงียบสนิท จนในที่สุดเวลาผ่านไปครบ 1 เดือน พนักงานคนดังกล่าวจึงตัดสินใจส่งข้อความไปหาท่านลูกค้าอีกครั้ง ด้วยเนื้อหาคล้ายเดิม และสำเนาส่งอีกข้อความไปหาสุภาพสตรีอีกท่านหนึ่งที่คิดว่าเป็นคนรักของท่านลูกค้า ซึ่งเดินทางมาด้วยกันในวันที่ซื้อสินค้าด้วย เผื่อว่าครั้งแรกท่านลูกค้าจะไม่เห็น ไม่ได้อ่าน ไม่ได้สังเกต และที่ต้องทิ้งระยะเวลานั้นเพื่อป้องกันความรู้สึกว่าถูกจี้ถูกเร่ง อันอาจจะเกิดแก่ท่านลูกค้าจนมีความน้อยเนื้อต่ำใจหรือหงุดหงิดรำคาญได้
เวลาผ่านไปอีก จาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 เดือน มาจนกระทั่งวันนี้ 2 ปีกว่า ๆ แล้ว ทุกอย่างคงเดิม ท่านลูกค้าทั้งสองยังคงนิ่งสงบ แต่ที่หน้า ฟ.บ. ของท่านลูกค้าทั้งสองท่านยังคงมีความเคลื่อนไหวอยู่เป็นปกติ ซึ่งหลังจากที่ได้ส่งข้อความไปครั้งแรกแต่ไม่มีการตอบกลับข้อความใด ๆ เป็นเวลาไม่นานนัก ก็มีอัลบั้มภาพชื่ออ่านคล้าย ๆ ว่า "ธริปฬองกร้องหมั่ย" ถูกแสดงขึ้นมาในหน้าฟีด แบตฟรีน่าจะใช้ดี เห็นแล้วก็ปลื้มใจ
ในที่สุด พนักงานผู้ประมาทเลินเล่อได้ทำใจ วางอุเบกขา ล้วงค่าข้าวและเงินซึ่งเตรียมไว้ส่งให้ที่บ้านออกมาจากกระเป๋า และนับจ่ายค่าแบตเตอรี่ก้อนใหม่คืนให้ทางร้านด้วยตัวเอง ก็แน่ล่ะ มันเป็นความผิดพลาดของตัวเอง
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราควรมีสติ ตั้งมั่นอยู่ในความไม่ประมาท อันจะเป็นเหตุนำมาซึ่งความ
และก็ควรจะมีความเมตตา รวมถึงไม่ควรขาดซึ่งหิริโอตัปปะ(ความละอายต่อบาป) อันอาจเป็นเหตุให้สภาวะจิตถดถอยสู่เบื้องต่ำ
ไม่ควรเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตนจนไม่แยแสต่อความเดือดร้อนของผู้อื่น ไม่ว่าจะโดยตีเนียน หรือโดยสภาพผิวหน้ามีความฝืดสูง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่ดูแล้วก็ไม่ได้มีความลำบากหรือสิ้นไร้ไม้ตอกใด ๆ แต่กลับคอยจ้องจะหาประโยชน์รีดเลือดกับปูหรือคนที่มิได้สบายเท่าตน
จะทำอะไรก็มองภาพกว้าง ๆ คิดเผื่อว่าการกระทำใด ๆ ก็ดี หากอาจก่อความเดือดร้อน อับอาย ต่อตนเอง คนใกล้ตัว คนที่เรารักได้ ก็ควรหลีกเลี่ยงเสีย
หลังการตั้งกระทู้นี้ พนักงานผู้ประมาทเลินเล่อได้กล่าวขออโหสิกรรม โดยไม่มีเจตนาต้องการแบตเตอรี่ที่ใช้ฟรีมา 2 ปีคืน หรือเงินชดเชยใด ๆ ดังนั้นใครก็ตามไม่ต้องติดต่อมา เพราะพนักงานผู้นั้นได้ลาออกจากร้านไปแล้ว ไม่งั้นก็คงไม่กล้ามาเบิกความเอาตอนนี้
ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพื่อเป็นอุทาหรณ์ แก่ปุถุชนทั้งหลาย ซึ่งมีความผิดพลาดได้ด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะด้วยความประมาท ความโลภ ฯลฯ
สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอยืนยันว่า เรื่องในกระทู้นี้เป็นเรื่องที่สมมติขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์ที่มีอยู่จริงใด ๆ ทั้งสิ้น
ทั้งมิได้มีความตั้งใจพาดพิงบุคคลใดเป็นพิเศษ เป็นการเล่าเรื่องตามจินตนาการเท่านั้น อย่ามโนกันไปเองล่ะ
ขอทุกท่านได้โปรดใช้วิจารณญาณและเมตตาธรรมในการอ่านครับ