ความรัก 6 ปี โดนบอกเลิกเพราะเวรกรรม หรือเราดูแลเธอไม่ดีพอ

แนะนำตัวก่อนนะครับ ผมเป็นมือใหม่หัดตั้งกระทู้ ขอออกตัวให้แฟนเก่าก่อนนะครับ เธอเป็นคนดีอย่าอ่านแต่หัวกระทู้แล้วด่าแฟนเก่าผมนะครับ ส่วนผมมันคนเลวอยากด่าเต็มที่นะครับ แต่ก่อนด่าอ่านให้จบก่อนนะครับ เรื่องยาวมากเหมือนกัน ตอนนี้เปิดเพลง it will rain-bruno mars รอบที่ล้านแปด

จุดประสงค์ของการตั้งกระทู้นี้คืออยากระบายอะไรให้สบายใจซักอย่างเลยตั้งกระทู้ครับ และอยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคู่รักกันทุกคู่ด้วยนะครับ
ส่วนเรื่องเวลา 6 ปี ผมก็เสียดายนะครับ ใครจะไม่เสียดาย ซึ่งผมก็เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังครับ แล้วเพื่อนก็พูดกับผมประโยคหนึ่งซึ่งผมชอบมาก

**** "เรื่องความรัก เวลามันไม่ช่วย ส้น_ีน อะไรหรอก"

ขอเล่าตั้งแต่เริ่มต้นเลยนะครับ ย้อนไปสมัยเรียนมัธยม ผมมีแฟนคนหนึ่งครับ เธอเป็นคนน่ารักครับ ผมจีบเธอก่อนเป็นรุ่นน้องน้อยกว่า 1 ปีครับ ขอเรียกว่า "น้องA" นะครับ รักกันกุ๊กกิ๊กทั่วไปตามประสาวัยรุ่น แต่รักกันมากเลยนะครับ คบกันตอนผมอยู่ ม.5 จนผมเข้ามหาวิทยาลัยครับ ผมเข้าเรียนวิศวะที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านองครักษ์ บอกก่อนเลยนะครับ ช่วงนี้ผมเลวมากถึงที่สุด ผมจีบสาวไปทั่วเลยครับเกือบทุกคณะ คบผู้หญิงซ้อนกัน 3-4 คน รวมทั้งน้องA ที่อยู่โรงเรียนสมัยมัธยมด้วย แต่น้องA ผมคบจริงจังสุด เธอนิสัยดีน่ารักแต่เธอเป็นคนจู้จี้จุกจิกครับ ไม่ให้ผมไปกินเหล้าสังสรรค์กับเพื่อน ให้โทรหาตลอด ซึ่งผมก็แอบไปได้อยู่ดี แล้วอยู่มาวันหนึ่งครับ มีผู้หญิงมาเข้าจีบซึ่งผมก็เล่นด้วย ขอเรียกผู้หญิงคนนี้ว่า B นะครับ เธอไม่รู้ว่าผมมีแฟนอยู่แล้ว เธอเป็นคนง่ายๆคุยกันง่ายๆ ปล่อยผมอิสระ ใช้ชีวิตที่อยากจะเป็นครับ ผมจึงรู้สึกดีกับเธออย่างมาก ผมคบซ้อนกับกันแบบจริงจังตอนเทอมปลาย มีผู้หญิงอยู่ 2 คนครับคือ น้องA และ B ซึ่งน้องA และ B ไม่รู้ว่าผมคบซ้อน อ่านมาตอนนี้ผมนี่เลวมากเลยใช่ไหมครับ คุยโทรศัพท์กัน 2 คน ตอนนั้นผมไม่มีเฟสบุ๊คนะครับมันยังไม่ฮิต คบซ้อนกันไปเรื่อย

จนกระทั้งขึ้นปี 2 น้องA สอบติดมหาลัยที่ผมเรียนอยู่ซึ่งต้องย้ายมาอยู่หอที่องครักษ์ ในปีแรกและย้ายไปเรียนที่กรุงเทพในปี 2-4 หลายๆคนคิดว่าผมคงงานเข้าแล้วช่วงนี้ แต่ผมบอกเลยครับว่าไม่ใช่  Bพอขึ้นปี2 ก็ต้องย้ายไปอยู่ในกรุงเทพเหมือนกัน ซึ่งในช่วงนี้ก็คบซ้อนกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเข้าเทอมปลายครับ Bจับได้ว่าผมมีน้องA ช่วงนั้นนี่ผมวิ้งไปเลยครับ ทำอะไรไม่ถูกเป๋ไปพักนึง ทำผู้หญิงที่รักเสียใจมันก็รู้สึกแย่นะครับ ถึงผมจะเลวก็เหอะ ตอนนี้อยู่กับเพื่อนครับอย่างเดียวเลยครับ แต่ผมก็ยังเจอกับB อยู่นะครับแต่ไม่ได้เป็นแฟนกัน ซึ่งในใจผมตอนนั้นก็คิดแล้วครับว่าไปกันไม่รอดแต่เราก็ยังอยากยื้อเค้าไว้อยู่ เห็นแก่ตัวมากครับ พยายามให้Bมาหาที่องครักษ์ ไปหาBบ้างที่กรุงเทพ พยายามรักษาระยะห่างให้เท่าเดิมไว้ครับ ซึ่งBก็บอกกับผมว่ายังรักอยู่แต่เป็นแฟนผมไม่ได้ เพราะผมมีแฟนอยู่แล้ว แล้วอยู่มาวันหนึ่งครับ น้องA จับได้ว่าผมกิ๊กกั๊กกับBอยู่ ตอนนั้นนี่ทำอะไรไม่ถูกเลยครับเหมือนกำลังจะเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดอะไรไปซักอย่าง ผมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับน้องA ซึ่งตอนนี้ผมก็ห่างกันB ซักพัก

พอขึ้นปี3 ครับ น้องAย้ายเข้าไปอยู่ในกรุงเทพและผมเป็นวิศวะก็ยังอยู่ที่องครักษ์ ช่วงนั้นผมเหงามากครับ แต่ไม่อยากจีบใครเพราะปวดหัวครับแค่นี้ก็แย่แล้ว เลยเข้าชุมนุมเกี่ยวกับทำรถแข่งฟอมูล่าช่วยผมได้มาก จนกระทั่งวันหนึ่งครับ ทนความเหงาไม่ไหวผมตัดสินใจกลับมาคุยกับB อีกครั้งครับ เวลาคุยกันผมรู้สึกดีกับผู้หญิงคนนี้มากว่าน้องA ครับ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมไปกินเหล้าเป็นการกินเหล้าที่เปลี่ยนชีวิตผมไปตลอดกาล ผมกินกันเยอะครับ จนมีรุ่นน้องผู้หญิงที่ผมไม่สนิทด้วยมากในตอนนั้น ด่าผมเสียเลยครับเละเป็นน้ำ ถ้าเป็นผู้ชายคงซัดกันไปแล้ว แต่ผมก็นั่งฟังน้องเค้าด่าครับ จนมีประโยคหนึ่งผมจำได้ยันทุกวันนี้คือ "พี่..... ดีทุกอย่างยกเว้นเรื่องผู้หญิง" ผมนี่งงเลยครับชื่อเสียงผมแมร่งไปไหนต่อไหน กระฉ่อนมาก ผมกลับมานอนคิดเลยครับ จะทำอย่างไรกับชีวิตดี เครียดไปพักนึงเลยครับ จนมาคุยเรื่องนี้กับเพื่อนที่ชมรมส่วนใหญ่เป็นผู้ชายความคิดไม่ได้หนีจากผมมากมาย แต่มีคนหนึ่งครับเป็นผู้หญิงเธอพูดกับผมประโยคหนึ่งว่า
"ถ้าเกิดจะเลือกผู้หญิง 2คน ให้เลือกคนที่มาทีหลัง ถ้ารักคนแรกจริง จะไม่มีคนที่สอง"


ผมนั่งคิดทบทวนอยู่พักใหญ่ครับ จนผมเลือกที่จะคบกับB แบบจริงจัง ผมเลยโทรไปบอกเลิกน้องA ครับ คุยกันนานมากจนสรุปสุดท้ายคือเลิกกันครับ ประโยคเด็ดปิดท้ายของน้องAคือ

"A ขอ อโหสิกรรมให้พี่นะคะ Aว่ามันเป็นเวรกรรมที่Aทำไว้เมื่อก่อน Aเคยทำให้รุ่นพี่คนนึงเสียใจทั้งที่เค้าไม่ได้ทำอะไร Aขอ อโหสิกรรม อย่าให้พี่เจอแบบ A เลย" ผมก็จำประโยคนี้มาทุกวันนี้


ช่วงปี3 เทอมปลายถึงปี4 ผมมีความสุขมากครับที่ได้อยู่กับเธอคนนี้ ไม่คิดจะมีคนใหม่เลยในหัวครับ ผมตัดสินใจจะเป็นคนใหม่จะรักแค่ผู้หญิงคนนี้คนเดียวครับ ผมรู้สึกแย่มากกับการหักอกผู้หญิง มันไม่รู้สึกดีหรอกนะครับ คนบอกเลิกก้อเจ็บเหมือนแต่วันนี้ผมเข้าใจครับยังไงคนโดนบอกเลิกแมร่งก็เจ็บกว่าอยู่ดี

*** ความรักมันเหมือนการใช้นิ้วดึงหนังยางครับ หากยอมผ่อนให้กันมันก็ไม่เจ็บอยู่กันไปได้ แต่หากยื้อใส่กันต่างคนต่างดึงมันก็เจ็บทั้งคู่ครับ คนเจ็บคือคนที่ไม่ปล่อย แต่หากปล่อยไปเจ็บทั้งคู่ครับ แต่เจ็บกว่าคือคนที่โดนปล่อย

ช่วงชีวิตของผมตอนนั้นนี่ทุกอย่างดีไปหมดครับ เรื่องเพื่อน เรื่องเรียน เรื่องครอบครัว ก็ดีทุกอย่าง ผมช่วยเธอ เธอช่วยผมผ่านอุปสรรคต่างๆ นาๆ ที่เข้ามาในชีวิต ผมช่วยเรื่องทีสิสเธอ เธอช่วยเรื่องโปรเจ็คผม แล้วก็จบกันมาด้วยกันภายใน 4 ปีครับ เรื่องต่อจากนี้ไปจะเข้มข้นมากขึ้นครับ

เข้าสู่วัยทำงานครับ บ้านของเธอนั้นพอมีฐานะ เธอจึงไปทำธุรกิจกับที่บ้านครับ ส่วนผมมันคนธรรมดาทั่วไปก็คงต้องหางานทำครับ แต่โชคดีที่ผมได้ทุนเรียนต่อปริญญาโทวิศวะของกระทรวงวิทย์ขึ้นตรงกับ ม.เกษตร และมหาลัยญี่ปุ่นครับ ช่วงนี้เราก็มีเวลาให้กันอยู่นะครับอย่าคิดว่าไม่มีเวลา เที่ยวกันตลอดครับ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พามาที่บ้านผมบ่อยมาก ญาติผู้ใหญ่ของผมทุกคนรู้สึกชอบผู้หญิงคนนี้มากครับ ขอแบ่งเล่าก่อนนะครับขอเล่าชีวิตผมก่อน ผมพยายามจบปริญญาโทใบนี้ให้ได้ภายใน 2 ปี เนื่องจากเป็นทุนที่เรียนเต็มเวลา ผมจึงไม่สามารถหางานได้ครับ พอขึ้นปี2 ผมก็ทำทีสิส หากใครได้เรียนป.โท จะรู้ว่ามันคือที่สุดขนาดไหน โปรเจคตอนป.ตรีนี่ ขนมไปเลยครับ ทีสิสค่อนข้างหนักมาก ซึ่งตอนนั้นผมอาจจะไม่มีเวลาให้เธอหรือไม่ก็ไม่ทราบครับ จนผมจบ ป.โท ภายในระยะเวลาสองปีครับอย่างสาหัสมากครับ ต่อไปผมจะเล่าเรื่องของเธอนะครับ เธอทำงานที่บ้านได้ซักพักประมาน 1 ปี เธอก็เปิดร้านขายข้าวครับ ผมสนับสนุนความคิดเธอครับ เธอทำในสิ่งที่ชอบ ผมก็โอเคครับ สำหรับผมความรักของเราค่อนข้างแฮปปี้มากครับ

วันที่ 1 พย. เป็นวันครบรอบเดือนของเราครับ เราจะบอกรักกันเที่ยงคืนทุกวันที่1 ของเดือนครับ ผมให้ความสำคัญกับคำว่ารักครับ ไม่พูดพร่ำเพรื่อ จะพูดต่อเมื่อวันสำคัญเท่านั้นหรือโอกาสพิเศษหรือเวลาอยากจะบอกจริงๆแค่นั้นครับ คืนนั้นปกติดีมากครับบอกรักกันแล้วนอน วันนั้นเราไม่ได้เจอกันผมไปทำบุญกฐินที่นครนายกครับ กลับมาก็เย็นเลยครับ เธอแปลกไปครับวันนี้ไม่คุยกับผม ปิดเครื่อง บอกว่าโทรศัพท์เสียจะเอาไปซ่อมครับ ผมรอเธอจนกลางคืนครับผมยังติดต่อเธอไม่ได้ จนเธอส่งข้อความมาบอกเลิกผมครับ ทางไลน์ โทรไปผมไม่รับครับ ผมไม่ได้เอะใจอะไรครับ นึกว่าเพื่อนเธอแกล้งอยู่เลย จนกระทั่งตี 1 เธอส่งไลน์มาบอกเหตุผลของการเลิกกันครับ หลักๆคือผมไม่แคร์เธอและไม่มีอนาคตครับ ผมจะลงให้ตอนท้ายนะครับยาวมาก ผมเพิ่งมาเห็นตอนเช้าครับ ผมก็ขับรถไปหาเธอที่ร้านข้าวครับว่าจะคุยให้เคลีย คุยกันได้ซักพักครับ ผมพยายามจะโอกาสแก้ตัวซึ่งเธอก็ไม่ให้ครับ เธอบอกว่า 6 ปี มันพิสูจน์มามากพอแล้วครับ ผมนั่งคุยกับคุณแม่ของเธอ แม่เธอบอกว่า ผมไม่มาช่วยเธอทำร้านที่เธอเปิด ไม่มีอนาคตจบมาแล้วไม่ยอมหางานอย่างตั้งใจจริง และมีครอบครัวมาเกี่ยวนิดหน่อยครับ

ซึงผมส่งเล่มทีสิสปลายเดือนสิงหาคม แต่มีโปรเจคที่ต้องทำต่อให้จบกับกระทรวงวิทย์ซึ่งจะเสร็จวันที่ 2 พย. วันนี้ที่เธอบอกเลิกพอดี แล้วกะจะมาช่วยเธอพอดีแต่มานสายไป ซึ่งต้นเดือนตุลาคม ผมก็เริ่มหางานด้านที่ผมอยากจะทำ ขอเลือกงงานหน่อยเพราะอยากอยู่นานๆ สอบโทอิค สอบ กว. ครับ นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเธอไม่เห็นที่ผมอยากสร้างครอบครัวร่วมกันกับเธอครับ เธอไม่โอกาสผมแก้ตัวปรับเปลี่ยนใดๆ ทั้งนั้นครับ

สุดท้ายผมเลยบอกให้เธอมองตาแล้วบอกว่าไม่รักผมแล้ว ผมจะไปครับ แล้วเธอก็บอกครับว่าเธอไม่รักผมแล้ว ช็อตนี้ผมนี้ช็อคเลยครับ เหมือนโดนรถชนอ่ะครับ แต่ผมก็เข้าใจเธอนะครับ แล้วผมก็เดินออกมาครับ ผมไปหาเพื่อนนั่งคุยกัน ผมเลยพิมพ์ข้อความไปหาครั้งสุดท้ายว่า

"เราขอ อโหสิกรรมให้เทอนะ เราว่ามันเป็นเวรกรรมที่เราทำไว้เมื่อก่อน 6 ปีก่อน ทำให้รุ่นน้องคนนึงเสียใจทั้งที่เค้าไม่ได้ทำอะไร เราขอ อโหสิกรรมให้ อย่าให้เธอเจอแบบเราเลย"


***ผมอยากจะฝากคู่รักทุกคู่นะครับ มีอะไรคุยกัน ให้โอกาสตัวเค้าปรับเปลี่ยนแก้ไขซึ่ง ถ้าเค้ารักคุณเค้าทำได้ทุกอย่างครับ ผมเชื่ออย่างนั้น

ขอบคุณที่อ่านมาจนจบนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่