จขกท.แม่บ้านไทยในเมืองเซนได ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น (Tohoku)จับพลัดจับผลูมาอยู่เมืองนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ เป็นเพราะไปเจอกับสามีที่เป็นเพื่อนนักเรียนตอนเรียนอยู่ที่เมืองฝรั่ง พอเรียนจบก็ตามต้อยมาอยู่เซนไดอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ตอนมาอยู่ใหม่ๆลำบากมากเพราะไม่รู้ภาษา ไม่รู้วัฒนธรรม จากที่เคยอยู่เมืองฝรั่งที่มีความเป็นตัวตนสูง พูดอะไรทำอะไรได้อย่างตรงไปตรงมา แต่ที่ญี่ปุ่นจะพูดอะไร จะทำอะไร คิดให้ดีเสียหลายตลบ เนื่องด้วยคนญี่ปุ่นมีความอ่อนไหวมากเรื่องคำพูดและการกระทำและมนุษย์สัมพันธ์
ความละเอียดอ่อนในเรื่องปฏิสัมพันธ์มนุษย์ให้ทั้งความสุขและความครียดพร้อมๆกัน เรื่องความเครียดนั้นไว้เล่าวันหลัง กระทู้นั้ขอเล่าเรื่องความสุขสัก 1 เรื่องจากบรรดาหลายๆเรื่องที่มากมายนับไม่ถ้วน เรื่องนี้มีธีมเป็นเรื่องของดอกไม้
บ้านที่จขกท.อยู่นั้นอยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งในเมืองเซนได บ้านอยู่ติดถนน มีที่จอดรถ 2 คัน ซึ่งรถของสามีและของจขกท.ก็เข้าๆออกๆกันวันละหลายรอบ พื้นถนนเป็นยางแอสฟัลต์ ทางเข้าที่จอดรถมีเหล็กทำเป็นเนินขึ้น ดูแล้วแข็งทื่อ ไม่มีชีวิตชีวา แต่อยู่มาวันหนึ่ง มีวัชพืชต้นเล็กๆคล้ายๆหญ้ามาแทรกขึ้นที่รอยต่อของถนนกับเนินเหล็กมุมหนึ่งของทางเข้าโรงรถ จขกท.คิดว่าเดี๋ยวมีเวลาจะทึ้งมันออกเสีย แต่ก็ไม่มีเวลาเสียที พอ 2-3 วันต่อมา มีอีกต้นโผล่ขึ้นมาที่อีกมุม คราวนี้มีทั้งมุมซ้ายและขวาเลย ...เอาไว้ก่อน ตอนนี้ยังยุ่งอยู่
เวลาผ่านไปสักเท่าไรก็จำไม่ได้เพราะยุ่งๆ วัชพืช 2 ต้นนั้นค่อยๆโต สูงขึ้นๆ จนกระทั่งมีดอกตูมๆออกมาให้เห็น เอ..ดอกอะไร.. จขกท.มองดอกตูมที่ยาวรีและอวบๆ แล้วคิดว่าไม่เหมือนดอกหญ้าข้างทาง ก็เลยปล่อยรอดู และแล้วเช้าวันหนึ่ง เมื่อจะไปขึ้นรถจึงได้เห็นว่าดอกนั้นบานแฉ่งอวดโฉมให้เห็นว่ามันคือดอกลิลลี่ภูเขา (ヤマユリ, Lilium auratum) สวยและมีกลิ่นหอมด้วย โอ้โฮ แถมยังบานพร้อมๆกันทั้ง 2 ต้น ดูแล้วเหมือนแจกันดอกไม้ประดับ 2 ข้างโรงรถเลย

เป็นไปได้อย่างไรที่ดอกไม้บอบบาง ที่ขึ้นแต่ในที่ๆมีอากาศสะอาด บริสุทธ์เช่นตามภูเขา จะโผล่ขึ้นมาจากรอยต่อยางมะตอยกับเหล็กกล้ามุมที่จอดรถที่ติดถนนเช่นนี้ คนที่เดินผ่านไปมาแทบจะทุกคน จะมาหยุดมองชม และทึ่งกับดอกไม้ราคาสูง ที่ดันต้นเรียวบอบบางออกมาบานอย่างงดงามหน้าบ้านจขกท.นี้กัน คนญี่ปุ่นชอบอะไรแบบนี้แหละค่ะ เพราะมันตรงกับปรัชญาวัฒนธรรมของเขาอย่างไรอย่างนั้น "สู้ชีวิต อดทน ถ่อมตัว อ่อนโยน" เหมือนกับเจ้าดอกลิลลี่ที่ดันตนเองออกมาในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ จขกท.ออกมาหน้าบ้านทีไร คนก็จะทักชมเจ้าดอกไม้ต้นเล็กๆ นี้กัน นอกจากนั้นหลายๆคนก็ขอเมล็ดไปเพาะพันธ์ุด้วย

หลายเดือนผ่านไป เมืองเซนไดทำการเปลี่ยนท่อก๊าสใต้ดิน ทำให้มีการต้องขุดถนนกันทั่วทั้งเมือง ถนนหน้าบ้านจขกท. ก็มีการก่อสร้างใหญ่ด้วย เขามาตั้งกองก่อสร้างหน้าบ้านอยู่หลายอาทิตย์เหมือนกัน เมื่อการก่อสร้างเสร็จ ตามธรรมเนียมคนก่อสร้างญี่ปุ่นก็จะต้องเก็บกวาดอุปกรณ์ก่อสร้างเครื่องมือทั้งหมด และไม่เพียงเท่านั้นเขาทำความสะอาดหน้าบ้านให้อย่างเกลี้ยงเกลาด้วย น่าชื่นใจไหมคะ
เย็นวันที่การเปลี่ยนท่อแก๊สบนถนนหน้าบ้านจขกท.เสร็จ คนงานก็มากดกริ่งลา บอกว่าได้มาสร้างความรำคาญส่งเสียงดัง และปล่อยฝุ่นควันอยู่เสียหลายอาทิตย์ ตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณที่อุตส่าห์อดทน หน้าบ้านได้เคลียร์ทำความสะอาดให้ด้วยแล้ว ขอเชิญเช็คดูได้ พอพวกเขากลับไปได้สักพัก จขกท.ออกไปดู ก็เห็นหน้าบ้านสะอาดเรียบจริงๆ ไม่มีเศษอะไรเหลือทิ้งไว้แม้แต่นิดเดียว ..แต่แล้วก็ใจหายวูบ ต้นลิลลี่ก็ถูกเก็บกวาดไป ไม่เหลือด้วยเหมือนกัน
เนื่องจากตอนนั้นไม่ใช่ฤดูลิลลี่ออกดอก พวกเขาคงคิดว่าเป็นต้นหญ้าวัชพืช จึงช่วยกันถอนทิ้งให้ จขกท.อาดูรมาก แต่ดูเหมือนไม่ใช่จขกท.คนเดียว เพื่อนบ้านที่เดินผ่านไปมาก็ทักด้วยว่า น่าเสียดายนะ ทำให้รู้ว่าหลายๆคนก็สังเกตุเห็นและอ่อนไหวกับเรื่องนี้เหมือนกัน
เกือบปีผ่านไป ถึงฤดูที่ดอกลิลลี่ใกล้จะเวียนมาถึง (ก.ค.-ส.ค) มีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน จขกท.เปิดประตูรับ พบว่าเป็นลุงแก่ๆที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ลุงพูดว่า น่าเสียดายนะที่หน้าบ้านคุณไม่มีต้นลิลลี่แล้ว และยื่นถุงพลาสติคเล็กๆให้พลางพูดว่า นี่เป็นเมล็ดดอกลิลลี่ที่ได้พันธ์ุมาจากดอกลิลลี่หน้าบ้านคุณเมื่อปีก่อน ตอนนี้ที่บ้านตัวเองโปรยไว้จนขึ้นเต็มไปหมดเลยเอามาแบ่งให้ ตอนนี้ใครๆก็ปลูกดอกลิลลี่กัน ขึ้นกันทั่วหมู่บ้านเลย
จริงๆด้วย จขกท.ลองเดินดูในหมู่บ้าน ไม่ใช่แต่เพียงในบ้านคน แต่ตามข้างทาง ตามที่ว่างรกร้าง ก็มีต้นลิลลี่ที่เคยขึ้นที่บ้านจขกท.ไปทั่ว ซึ่งไม่เคยมีภาพอย่างนี้มาก่อน จขกท.เบิ่งตากว้างมองดอกไม้ป่าที่ขึ้นรอบๆตัว และตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าความสุขของเราสามารถเกิดขึ้นได้จากการคิดถึงกันและกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้เอง ความสงบในสังคมชุมชนญี่ปุ่นเริ่มต้นจากจุดเล็กๆตรงนี้ก็เป็นได้ ทุกครั้งที่เดินกลับบ้าน เห็นดอกลิลลี่ขึ้นข้างทางแล้วอดคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ จึงนำมาเล่าแบ่งปันค่ะ
ลิลลี่ภูเขา น้ำใจเพื่อนบ้านในชุมชนญี่ปุ่น
ความละเอียดอ่อนในเรื่องปฏิสัมพันธ์มนุษย์ให้ทั้งความสุขและความครียดพร้อมๆกัน เรื่องความเครียดนั้นไว้เล่าวันหลัง กระทู้นั้ขอเล่าเรื่องความสุขสัก 1 เรื่องจากบรรดาหลายๆเรื่องที่มากมายนับไม่ถ้วน เรื่องนี้มีธีมเป็นเรื่องของดอกไม้
บ้านที่จขกท.อยู่นั้นอยู่ในชุมชนแห่งหนึ่งในเมืองเซนได บ้านอยู่ติดถนน มีที่จอดรถ 2 คัน ซึ่งรถของสามีและของจขกท.ก็เข้าๆออกๆกันวันละหลายรอบ พื้นถนนเป็นยางแอสฟัลต์ ทางเข้าที่จอดรถมีเหล็กทำเป็นเนินขึ้น ดูแล้วแข็งทื่อ ไม่มีชีวิตชีวา แต่อยู่มาวันหนึ่ง มีวัชพืชต้นเล็กๆคล้ายๆหญ้ามาแทรกขึ้นที่รอยต่อของถนนกับเนินเหล็กมุมหนึ่งของทางเข้าโรงรถ จขกท.คิดว่าเดี๋ยวมีเวลาจะทึ้งมันออกเสีย แต่ก็ไม่มีเวลาเสียที พอ 2-3 วันต่อมา มีอีกต้นโผล่ขึ้นมาที่อีกมุม คราวนี้มีทั้งมุมซ้ายและขวาเลย ...เอาไว้ก่อน ตอนนี้ยังยุ่งอยู่
เวลาผ่านไปสักเท่าไรก็จำไม่ได้เพราะยุ่งๆ วัชพืช 2 ต้นนั้นค่อยๆโต สูงขึ้นๆ จนกระทั่งมีดอกตูมๆออกมาให้เห็น เอ..ดอกอะไร.. จขกท.มองดอกตูมที่ยาวรีและอวบๆ แล้วคิดว่าไม่เหมือนดอกหญ้าข้างทาง ก็เลยปล่อยรอดู และแล้วเช้าวันหนึ่ง เมื่อจะไปขึ้นรถจึงได้เห็นว่าดอกนั้นบานแฉ่งอวดโฉมให้เห็นว่ามันคือดอกลิลลี่ภูเขา (ヤマユリ, Lilium auratum) สวยและมีกลิ่นหอมด้วย โอ้โฮ แถมยังบานพร้อมๆกันทั้ง 2 ต้น ดูแล้วเหมือนแจกันดอกไม้ประดับ 2 ข้างโรงรถเลย
เป็นไปได้อย่างไรที่ดอกไม้บอบบาง ที่ขึ้นแต่ในที่ๆมีอากาศสะอาด บริสุทธ์เช่นตามภูเขา จะโผล่ขึ้นมาจากรอยต่อยางมะตอยกับเหล็กกล้ามุมที่จอดรถที่ติดถนนเช่นนี้ คนที่เดินผ่านไปมาแทบจะทุกคน จะมาหยุดมองชม และทึ่งกับดอกไม้ราคาสูง ที่ดันต้นเรียวบอบบางออกมาบานอย่างงดงามหน้าบ้านจขกท.นี้กัน คนญี่ปุ่นชอบอะไรแบบนี้แหละค่ะ เพราะมันตรงกับปรัชญาวัฒนธรรมของเขาอย่างไรอย่างนั้น "สู้ชีวิต อดทน ถ่อมตัว อ่อนโยน" เหมือนกับเจ้าดอกลิลลี่ที่ดันตนเองออกมาในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ จขกท.ออกมาหน้าบ้านทีไร คนก็จะทักชมเจ้าดอกไม้ต้นเล็กๆ นี้กัน นอกจากนั้นหลายๆคนก็ขอเมล็ดไปเพาะพันธ์ุด้วย
หลายเดือนผ่านไป เมืองเซนไดทำการเปลี่ยนท่อก๊าสใต้ดิน ทำให้มีการต้องขุดถนนกันทั่วทั้งเมือง ถนนหน้าบ้านจขกท. ก็มีการก่อสร้างใหญ่ด้วย เขามาตั้งกองก่อสร้างหน้าบ้านอยู่หลายอาทิตย์เหมือนกัน เมื่อการก่อสร้างเสร็จ ตามธรรมเนียมคนก่อสร้างญี่ปุ่นก็จะต้องเก็บกวาดอุปกรณ์ก่อสร้างเครื่องมือทั้งหมด และไม่เพียงเท่านั้นเขาทำความสะอาดหน้าบ้านให้อย่างเกลี้ยงเกลาด้วย น่าชื่นใจไหมคะ
เย็นวันที่การเปลี่ยนท่อแก๊สบนถนนหน้าบ้านจขกท.เสร็จ คนงานก็มากดกริ่งลา บอกว่าได้มาสร้างความรำคาญส่งเสียงดัง และปล่อยฝุ่นควันอยู่เสียหลายอาทิตย์ ตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขอบคุณที่อุตส่าห์อดทน หน้าบ้านได้เคลียร์ทำความสะอาดให้ด้วยแล้ว ขอเชิญเช็คดูได้ พอพวกเขากลับไปได้สักพัก จขกท.ออกไปดู ก็เห็นหน้าบ้านสะอาดเรียบจริงๆ ไม่มีเศษอะไรเหลือทิ้งไว้แม้แต่นิดเดียว ..แต่แล้วก็ใจหายวูบ ต้นลิลลี่ก็ถูกเก็บกวาดไป ไม่เหลือด้วยเหมือนกัน
เนื่องจากตอนนั้นไม่ใช่ฤดูลิลลี่ออกดอก พวกเขาคงคิดว่าเป็นต้นหญ้าวัชพืช จึงช่วยกันถอนทิ้งให้ จขกท.อาดูรมาก แต่ดูเหมือนไม่ใช่จขกท.คนเดียว เพื่อนบ้านที่เดินผ่านไปมาก็ทักด้วยว่า น่าเสียดายนะ ทำให้รู้ว่าหลายๆคนก็สังเกตุเห็นและอ่อนไหวกับเรื่องนี้เหมือนกัน
เกือบปีผ่านไป ถึงฤดูที่ดอกลิลลี่ใกล้จะเวียนมาถึง (ก.ค.-ส.ค) มีคนมากดกริ่งหน้าบ้าน จขกท.เปิดประตูรับ พบว่าเป็นลุงแก่ๆที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ลุงพูดว่า น่าเสียดายนะที่หน้าบ้านคุณไม่มีต้นลิลลี่แล้ว และยื่นถุงพลาสติคเล็กๆให้พลางพูดว่า นี่เป็นเมล็ดดอกลิลลี่ที่ได้พันธ์ุมาจากดอกลิลลี่หน้าบ้านคุณเมื่อปีก่อน ตอนนี้ที่บ้านตัวเองโปรยไว้จนขึ้นเต็มไปหมดเลยเอามาแบ่งให้ ตอนนี้ใครๆก็ปลูกดอกลิลลี่กัน ขึ้นกันทั่วหมู่บ้านเลย
จริงๆด้วย จขกท.ลองเดินดูในหมู่บ้าน ไม่ใช่แต่เพียงในบ้านคน แต่ตามข้างทาง ตามที่ว่างรกร้าง ก็มีต้นลิลลี่ที่เคยขึ้นที่บ้านจขกท.ไปทั่ว ซึ่งไม่เคยมีภาพอย่างนี้มาก่อน จขกท.เบิ่งตากว้างมองดอกไม้ป่าที่ขึ้นรอบๆตัว และตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกว่าความสุขของเราสามารถเกิดขึ้นได้จากการคิดถึงกันและกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้เอง ความสงบในสังคมชุมชนญี่ปุ่นเริ่มต้นจากจุดเล็กๆตรงนี้ก็เป็นได้ ทุกครั้งที่เดินกลับบ้าน เห็นดอกลิลลี่ขึ้นข้างทางแล้วอดคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ จึงนำมาเล่าแบ่งปันค่ะ