คำพูดพวกนี้วิ่งวนอยู่ในหัวฉันตลอด ฉันเก็บมันไว้ในใจ ทั้งหมดนี้มันคือแรงผลักดันให้ฉันมีความพยายามมากขึ้น
ฉันเกิดมาจนเพราะเลือกเกิดไม่ได้ แต่ฉันดีใจที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่ อดมื้อกินมื้อ เป็นเด็กผอมเหมือนไม่ได้รับสารอาหารมาเลยยังงัยยังงั้น บ้านฉันอยู่อีสานกันดารก็จริง การศึกษางูๆปลาๆตามมีตามเกิด ของดีๆไม่ค่อยได้กิน แต่พ่อแม่ก็ให้ทุกอย่างเท่าที่ท่านทั้งสองคนหาได้ ทำทุกอย่างเพื่อฉันเท่าที่ทำได้ ยากจนแต่รวยความสุข
ในวันนึงชีวิตคนเรามันต้องเดินไปข้างหน้า มุ่งหน้าสู้แหล่งที่เจริญกว่าเพื่อการศึกษาต้องห่างพ่อแม่ต้องไปพึ่งพาอาศัยญาติพ่อ เพื่ออนาคตเพื่อการศึกษา ต้องบากหน้าไปขอให้เค้าช่วยเลี้ยงดูฉัน ให้ที่ซุกหัวนอน เพื่อข้าวเพื่ออาหาร เพียงเพราะพ่อแม่ไม่มีเงินมากพอจะส่งเสียให้เรียนเพราะน้องก็ต้องเรียนเช่นกัน ดังนั้นการที่ฉันไปอยู่กับญาติของพ่อจึงเป็นการแบ่งเบาภาระครอบครัวอีกทางนึง พ่อแม่บอกว่าถ้ามีเงินมากพอจะมารับกลับไปอยู่ด้วยกัน ให้อดทนตั้งใจเรียน แน่นอนการอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ ถึงจะเป็นญาติกัน แต่ฉันก็ไม่ใช่ลูกเค้า การดูแลก็เหมือนฉันเองที่ไปดูแลพวกเค้าทำงานบ้าน มันก็ไม่ต่างจากการไปเป็นเด็กรับใช้เพื่อแลกกับที่นอนแล้วข้าว และเงินไป ร.ร
ความรู้สึกนี้จะไม่เกิดเลย แต่กับกันมันจะกลายเป็นผู้มีพระคุณมากกว่า หากญาติของพ่อจะทำกับฉันเหมือนฉันเป็นหลานของเค้าจริงๆ ให้ลูกเค้านับถือฉันปฏิบัติต่อฉันเหมือนพี่ของเค้า หากแต่ทุกคนแสดงออกว่าฉันคือเด็กรับใช้ กินข้าวต้องรอให้เค้ากินอิ่มก่อน นอนทีหลังตื่นแต่เช้า ทำงานบ้านเสร็จถึงได้ทำการบ้าน ทุกคำพูดที่คอยตอกย้ำ "อยากเกิดมาจนก็ต้องทน ที่จริงไม่ต้องเรียนซะยังดีกว่า พ่อแม่ก็ไม่มีปัญญาส่งยังจะหวังให้ลูกเรียนสูงๆสู้ออกไปรับจ้าง ไปเป็นเด็กร้านอาหารมีเงินดีกว่าอีก จนยังไงก็จนอยู่วันยันค่ำนั้นละ ลำบากไปจนตายนั้นละ ไหนบอกจะส่งเงินมาไง เดือน พันสองพัน โธ่ สงสารหรอกนะเห็นแก่คนแก่ที่ขอให้เอามาเลี้ยงไม่งั้นไม่เอามาอยู่ด้วยหรอก" นี้เป็นคำพูดของญาติพ่อ ที่ฟังแล้วเจ็บจี๊ดอยู่ในใจ สักวันนึงฉันจะต้องรวยๆๆๆๆ ท่องอยู่แต่ยังนี้ ฉันอดทนจนเรียนจบ ม.6 ตัดสินใจทำงานเก็บเงินก้อนนึงย้ายออกจากบ้านนั้น ฉันลงทุนหาของมาขายเสริม จนเริ่มมีเงินเก็บและออกมาฮึดสู้ทำธุรกิจของตัวเองจนประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมาธุรกิจก็ล้มลุกคลุกคลานตามธรรมชาติ จนยืนหยัดอยู่ได้ พ่อแม่สบายขึ้น ชีวิตไม่ลำบากแล้ว มีอาหารดีๆกิน มีอาหารบำรุงร่างกายให้พ่อแม่ได้กิน
และแน่นอนญาติพ่อต้องบอกว่าถ้าไม่มีเค้าฉันคงไม่มีวันนี้ มันก็จริงความสำเร็จในวันนี้เพราะคำพูดของเค้าทำให้ฉันฮึดสู้ อดทน มีพลังไม่ย่อท้อ และได้ข้าวได้น้ำจากเค้า แต่ทั้งหมดนี้คนที่ทำให้ฉันประสบความสำเร็จอย่างนี้มาจากพ่อแม่ที่แม้จนก็เฝ้าอดทนเลี้ยงฉันมาคอยสอนสั่งให้ทำแต่สิ่งดีๆ วันที่ฉันอดพ่อแม่อดยิ่งกว่า วันที่ฉันเสียใจพ่อแม่เสียใจยิ่งกว่า ไม่เคยน้อยใจที่เกิดมาจน เพราะพ่อแม่ทำให้ฉันมีความสุขจนลืมความทุกข์ที่ลำบากยากเข็ญ
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นสักยี่สิบกว่าปีมาแล้ว สมัยนั้นถิ่นอีสานลำบากและทุรกันดารมาก สิ่งเหล่านี้ไม่เคยหายไปจากใจเลย ยังคงนึกถึงอยู่ตลอด คิดถึงทีรัยปัญหาที่เจออยู่ก็จะดูเล็กลงทันที ***ขออภัยหากแทกผิดหรือรบกวนจิตใจใคร**** จขกท แค่อยากนำแง่มุมอีกชีวิตนึงมาแชร์เผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังท้อแท้ ว่าอย่างน้อยต้องมีคนที่ลำบากมาดหมือนกัน
ฉันเกิดมาจน แล้วทำไมสักวันฉันจะรวยไม่ได้ พ่อแม่ฉันจน แล้วยังไง ทำไมฉันจะเป็นคนดีไม่ได้
ฉันเกิดมาจนเพราะเลือกเกิดไม่ได้ แต่ฉันดีใจที่สุดที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพ่อกับแม่ อดมื้อกินมื้อ เป็นเด็กผอมเหมือนไม่ได้รับสารอาหารมาเลยยังงัยยังงั้น บ้านฉันอยู่อีสานกันดารก็จริง การศึกษางูๆปลาๆตามมีตามเกิด ของดีๆไม่ค่อยได้กิน แต่พ่อแม่ก็ให้ทุกอย่างเท่าที่ท่านทั้งสองคนหาได้ ทำทุกอย่างเพื่อฉันเท่าที่ทำได้ ยากจนแต่รวยความสุข
ในวันนึงชีวิตคนเรามันต้องเดินไปข้างหน้า มุ่งหน้าสู้แหล่งที่เจริญกว่าเพื่อการศึกษาต้องห่างพ่อแม่ต้องไปพึ่งพาอาศัยญาติพ่อ เพื่ออนาคตเพื่อการศึกษา ต้องบากหน้าไปขอให้เค้าช่วยเลี้ยงดูฉัน ให้ที่ซุกหัวนอน เพื่อข้าวเพื่ออาหาร เพียงเพราะพ่อแม่ไม่มีเงินมากพอจะส่งเสียให้เรียนเพราะน้องก็ต้องเรียนเช่นกัน ดังนั้นการที่ฉันไปอยู่กับญาติของพ่อจึงเป็นการแบ่งเบาภาระครอบครัวอีกทางนึง พ่อแม่บอกว่าถ้ามีเงินมากพอจะมารับกลับไปอยู่ด้วยกัน ให้อดทนตั้งใจเรียน แน่นอนการอยู่กับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อแม่ ถึงจะเป็นญาติกัน แต่ฉันก็ไม่ใช่ลูกเค้า การดูแลก็เหมือนฉันเองที่ไปดูแลพวกเค้าทำงานบ้าน มันก็ไม่ต่างจากการไปเป็นเด็กรับใช้เพื่อแลกกับที่นอนแล้วข้าว และเงินไป ร.ร
ความรู้สึกนี้จะไม่เกิดเลย แต่กับกันมันจะกลายเป็นผู้มีพระคุณมากกว่า หากญาติของพ่อจะทำกับฉันเหมือนฉันเป็นหลานของเค้าจริงๆ ให้ลูกเค้านับถือฉันปฏิบัติต่อฉันเหมือนพี่ของเค้า หากแต่ทุกคนแสดงออกว่าฉันคือเด็กรับใช้ กินข้าวต้องรอให้เค้ากินอิ่มก่อน นอนทีหลังตื่นแต่เช้า ทำงานบ้านเสร็จถึงได้ทำการบ้าน ทุกคำพูดที่คอยตอกย้ำ "อยากเกิดมาจนก็ต้องทน ที่จริงไม่ต้องเรียนซะยังดีกว่า พ่อแม่ก็ไม่มีปัญญาส่งยังจะหวังให้ลูกเรียนสูงๆสู้ออกไปรับจ้าง ไปเป็นเด็กร้านอาหารมีเงินดีกว่าอีก จนยังไงก็จนอยู่วันยันค่ำนั้นละ ลำบากไปจนตายนั้นละ ไหนบอกจะส่งเงินมาไง เดือน พันสองพัน โธ่ สงสารหรอกนะเห็นแก่คนแก่ที่ขอให้เอามาเลี้ยงไม่งั้นไม่เอามาอยู่ด้วยหรอก" นี้เป็นคำพูดของญาติพ่อ ที่ฟังแล้วเจ็บจี๊ดอยู่ในใจ สักวันนึงฉันจะต้องรวยๆๆๆๆ ท่องอยู่แต่ยังนี้ ฉันอดทนจนเรียนจบ ม.6 ตัดสินใจทำงานเก็บเงินก้อนนึงย้ายออกจากบ้านนั้น ฉันลงทุนหาของมาขายเสริม จนเริ่มมีเงินเก็บและออกมาฮึดสู้ทำธุรกิจของตัวเองจนประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมาธุรกิจก็ล้มลุกคลุกคลานตามธรรมชาติ จนยืนหยัดอยู่ได้ พ่อแม่สบายขึ้น ชีวิตไม่ลำบากแล้ว มีอาหารดีๆกิน มีอาหารบำรุงร่างกายให้พ่อแม่ได้กิน
และแน่นอนญาติพ่อต้องบอกว่าถ้าไม่มีเค้าฉันคงไม่มีวันนี้ มันก็จริงความสำเร็จในวันนี้เพราะคำพูดของเค้าทำให้ฉันฮึดสู้ อดทน มีพลังไม่ย่อท้อ และได้ข้าวได้น้ำจากเค้า แต่ทั้งหมดนี้คนที่ทำให้ฉันประสบความสำเร็จอย่างนี้มาจากพ่อแม่ที่แม้จนก็เฝ้าอดทนเลี้ยงฉันมาคอยสอนสั่งให้ทำแต่สิ่งดีๆ วันที่ฉันอดพ่อแม่อดยิ่งกว่า วันที่ฉันเสียใจพ่อแม่เสียใจยิ่งกว่า ไม่เคยน้อยใจที่เกิดมาจน เพราะพ่อแม่ทำให้ฉันมีความสุขจนลืมความทุกข์ที่ลำบากยากเข็ญ
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นสักยี่สิบกว่าปีมาแล้ว สมัยนั้นถิ่นอีสานลำบากและทุรกันดารมาก สิ่งเหล่านี้ไม่เคยหายไปจากใจเลย ยังคงนึกถึงอยู่ตลอด คิดถึงทีรัยปัญหาที่เจออยู่ก็จะดูเล็กลงทันที ***ขออภัยหากแทกผิดหรือรบกวนจิตใจใคร**** จขกท แค่อยากนำแง่มุมอีกชีวิตนึงมาแชร์เผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังท้อแท้ ว่าอย่างน้อยต้องมีคนที่ลำบากมาดหมือนกัน