เริ่มต้นที่ดอนเมือง ขึ้นเครื่อง เวลา 5.55 นาฬิกา ถึงสนามบินอุดรธานี เวลา 6.55 โดยประมาณ
รูปทั้งหมดใช้กล้อง I PHONE 5 (พิมพ์ผิดพลาดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้)
ต่อรถไป บขส. อุดรธานี ด้วยรถตู้ ราคา 80 บาท นั่งรออยู่บนรถตู้กว่ารถตู้จะออกก็ประมาณ 15-20 นาที ( มีรถตู้ต่อจากสนามบินไปสะพานไทย – ลาว ในราคา 200 บาท )

ถึง บขส. อุดรธานีประมาณ 8.00 น.
( คิดว่าจะไม่ทันรถไปวังเวียงซ่ะแล้ว ) แต่โชคดี ซื้อตั๋วรถไปวังเวียง ได้คันที่ 2 ( คิดไว้ในใจว่าถ้าไม่ทันรถไปวังเวียงจะต่อรถตู้จาก บขส. ไปสะพานไทยลาว ราคา 50 บาท ) จากนั้นก็ไปซื้อเสบียงที่ 7-11 ขนมที่วังวียงราคา 2 เท่าของที่ฝั่งไทย ควรซื้อน้ำและขนมไปเผื่อไว้จะดีกว่า หลังจากซื้อของเสร็จก็มารอขึ้นรถ ระหว่างรอก็ทำการกรอกเอกสารเข้าประเทศลาวของทั้งฝั่งไทย และ ฝั่งลาว หลังจากรอไม่นานก็ได้ขึ้นรถ และไม่นานรถก็ออกจาก บขส.อุดรธานี มุ่งหน้าสู่ สะพานไทย – ลาว หนองคาย
จากนั้น เราก็ทำเรื่องเข้าประเทศโดยการตรวจเอกสารที่กรอกและประทับตราหนังสือเดินทาง จากนั้นก็ขึ้นรถคันเดิม พอข้ามไปฝั่งลาวแล้วเราก็เข้าคิวให้เจ้าหน้าที่ฝั่งลาวตรวจเอกสารเข้าประเทศและประทับตรา จากนั้นไปซื้อคีย์การด์ ( การด์ ถ้าไปวันเสาร์ – อาทิตย์ จะเสีย คนล่ะ 11000 กีบ ถ้าเป็นวันธรรมดาไม่เสียเงิน)
แล้วก็แลกเงินที่ช่องแลกเงิน อยู่ข้างๆ ด่านที่เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสาร
จากนั้นเดินทางเข้าสู่ประเทศลาวโดยใช้การด์ที่เราซื้อมา แล้วเดินมาขึ้นรถที่จอดรอเราอยู่ จากนั้นมุ่งหน้าสู่วังเวียง จากสะพานไทย – ลาว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 – 6 ชม . พอนั้งรถมาได้ซักประมาณ 2 ชม จะมีการจอดพักรถ ใช้เวลาในการพักรถ ประมาณ 20 นาที หลังจากนั้น ก็ยิงยาวถึงวังเวียงเลย ตอนที่เราไปถึงประมาณ 15.20 นาที พอถึง สถานีขนส่งวังเวียง ก็ซื้อตั๋วรถขากลับไว้เลย จากนั้น ก็รอรถมารับเข้าตัวเมืองวังเวียง ( เป็นรถรับส่งฟรี ) รถจะมาส่งในเมืองเราก็ walk in หาที่พักเนื่องจากเราไม่ได้จองที่พักมา เดินมาเรื่อยๆ เราก็เดินมาถึง จำปาลาว เกสเฮ้าส์
เข้าไปสอบถามราคา ได้คืนล่ะ 180,000 กีบ ได้พักเกสเฮ้าส์ฝั่งตรงข้ามจำปาลาว แต่เจ้าของเดียวกันโชคดีมีห้องว่าง 1 ห้องพอดี เป็นชั้น 1 วิวภูเขา
หลักจากเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเช่า จักรยาน คันล่ะ 10,000 กีบ ปั่นไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอสะพานอะไรไม่รู้ แต่สวยดีเลยเข้าไป เสียค่าผ่านทาง คันล่ะ 6,000 กีบ
เราก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ จากนั้นก็ปั่นไปต่อ จนถึง นาข้าวที่นักท่องเทียวต่างก็ชอบวิวตรงนี้
ถ่ายภาพพอสมควร จากนั้นก้อปั่นกลับที่พัก วันนี้อาหารเย็นทานที่ เกสเฮ้าส์ที่พัก เป็นอาหารตามสั่ง ราคาก็ประมาณ 15,000 – 23,000 กีบ
หลักจากททานข้าวเยนแล้วก็ซื้อ one day trip ของทาง เกสเฮ้าส์ ราคาคนล่ะ 130,000 กีบ ( ไปเข้าถ้ำน้ำ – ถ้ำช้าง – พายเรือคายัค 6 กิโล – บูลลากูล ) ถ้าไม่ไป บูลลากูล ราคาจะอยู่ที่ 100,000 กีบ พายเรือคายัค 20 กิโล จากนั้นก็เข้านอน
วันที่ 2 ตื่น 7 โมง ครึ่ง ราคาที่พักไม่รวมอาหารเช้า ดีน่ะที่ซื้อขนมปังมาจากฝั่งไทย ไม่งั้น อด
เหลือเงินแค่นี้ แลกเงินมา 4,500 (1,036,485 กีบ) ได้เรท 230.33
แล้วก็รอรถมารับไป one day trip เวลา 8.30 แล้วก็ขับวนรับสมาชิกอีกประมาณ 6 คน รวมแล้ว ทั้งคันจะมีสมาชิก 8 คนเป็นคนไทยทั้งหมด มีไกด์ เป็นคนท้องที่ 3 คน ที่แรกที่ไปคือ ถ้ำน้ำ และพอออกจากการลอดถ้ำน้ำก็ทานข้าวกลางวันที่นี่เลย ข้าวกลาววันก็จะมี ข้าวผัด ขนมปัง บาบีคิว และกล้วย
ระหว่างทางไปถ้ำ
สภาพทางไปถ้ำ
นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมงถึงสะพานข้ามไปถ้ำ
เดินผ่านสะพานและเดินผ่านคันนาก็จะถึงถ้ำน้ำ
น้ำใสและเย็นมากๆๆ
ใช้เวลาลอดถ่ำประมาณ 1 ชั่วโมง ออกมาก็กินข้าว
กินข้าวเสร็จ จากนั้นก็เดินย้อนออกมาเข้าถ้ำช้างไหว้พระขอพร
ถ้าใครซื้อ one day trip ไปเข้าถ้ำน้ำ – ถ้ำช้าง – พายเรือคายัค 20 กิโล จะเริ่มพายเรือที่นี้
แต่เราพายแค่ 6 กิโล เพราะต้องไปบลูลากูล
จากนั้นก็นั่งรถกลับเพื่อมาจุดเรื่มต้นพายเรือคายัค ระยะทาง 6 กิโลเมตร พายเรือมาเรื่อยๆ
จุดสิ้นสุดพายเรือ จะมีรถมารอรับไปบูลลากูลต่อ
สภาพทางไปบูลลากูล (ฝุ่นเยอะมากๆๆ)
ระหว่างทาง
นั่งรถประมาณ 30 นาทีก็ถึง......
ไกด์ จะให้เวลาเราประมาณ 2 ชม ในการเล่นน้ำที่นี่
เราก็เล่นน้ำได้ซักพัก ก็หิวข้าวก็ไปซื้อ ก๋วยเตี๋ยวทาน ราคาถ้วยล่ะ 20,000 กีบ พอทานเสร็จก็ได้เวลากลับพอดี
พอกลับมาถึงที่พักก็จัดแจงอาบน้ำเสร็จก็ไปเช่าจักรยานปั่นเก็บภาพไปรื่อยๆ และ ไปถ่ายรูปสะพานสีส้มที่ถ้ำจัง
ที่พักคืนที่สองพักที่เดิมแต่เปลี่ยนห้อง มาพักชั้นที่ 2
วิวหลังห้อง
ถ้ำจังปิด 17.00 น. ได้ถ่ายแค่ตรงสะพานสีส้ม
พอฟ้าเรื่อมมืดก้อปั่นกลับที่พัก พักซักแป็บ ก็ออกไปหาอะไรทานตอนเยนพอทานข้าวเสร็จก็เดินไปร้าน ซากุระ บาร์ ที่ร้านจะมีโปรโมชั่น เวลา 2 ทุ่ม – 3 ทุ่ม จะมีเหล้าฟรี ภายในร้านจะมีฝรั่ง กับเกาหลี เยอะมาก
ระหว่างเดินกลับที่พักแวะซื้อ เบอร์เกอร์ ราคา 25,000 กีบ มันใหญ่มากๆ กินด้วยกันสองคน
วันที่ 3 ตื่นเช้าเก็บกระเป๋ามารอรถ รถมารับ 9.00 น
มุ่งหน้าสู่นครหลวงเวียนจันทน์ เงินกีบที่แลกมาตอนนี้เหลือ 80,000 กีบ
ถึงสะพานฝั่งลาวแวะซื้อของฝาก
ปล. ค่าใช่จ่าย 4,500 แลกเงินกีบ (1,036,485 กีบ) ใช้จ่ายในวังเวียง 2 คน ค่าที่พัก ค่ากิน ค่า one day trip ค่ารถมาเวียงจันทน์ ค่าเช่าจักรยาน
เหลือ 80,000 กีบ แต่มาซื้อของฝากที่สะพานฝั่งลาวใช้เงินหมดเลย ต้องใช้เงินไทยด้วย
.... จบทริป....
[CR] วังเวียง 3 วัน 2 คืน (สองคน 4,500 บาท) ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน
รูปทั้งหมดใช้กล้อง I PHONE 5 (พิมพ์ผิดพลาดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้)
ต่อรถไป บขส. อุดรธานี ด้วยรถตู้ ราคา 80 บาท นั่งรออยู่บนรถตู้กว่ารถตู้จะออกก็ประมาณ 15-20 นาที ( มีรถตู้ต่อจากสนามบินไปสะพานไทย – ลาว ในราคา 200 บาท )
ถึง บขส. อุดรธานีประมาณ 8.00 น.
( คิดว่าจะไม่ทันรถไปวังเวียงซ่ะแล้ว ) แต่โชคดี ซื้อตั๋วรถไปวังเวียง ได้คันที่ 2 ( คิดไว้ในใจว่าถ้าไม่ทันรถไปวังเวียงจะต่อรถตู้จาก บขส. ไปสะพานไทยลาว ราคา 50 บาท ) จากนั้นก็ไปซื้อเสบียงที่ 7-11 ขนมที่วังวียงราคา 2 เท่าของที่ฝั่งไทย ควรซื้อน้ำและขนมไปเผื่อไว้จะดีกว่า หลังจากซื้อของเสร็จก็มารอขึ้นรถ ระหว่างรอก็ทำการกรอกเอกสารเข้าประเทศลาวของทั้งฝั่งไทย และ ฝั่งลาว หลังจากรอไม่นานก็ได้ขึ้นรถ และไม่นานรถก็ออกจาก บขส.อุดรธานี มุ่งหน้าสู่ สะพานไทย – ลาว หนองคาย
จากนั้น เราก็ทำเรื่องเข้าประเทศโดยการตรวจเอกสารที่กรอกและประทับตราหนังสือเดินทาง จากนั้นก็ขึ้นรถคันเดิม พอข้ามไปฝั่งลาวแล้วเราก็เข้าคิวให้เจ้าหน้าที่ฝั่งลาวตรวจเอกสารเข้าประเทศและประทับตรา จากนั้นไปซื้อคีย์การด์ ( การด์ ถ้าไปวันเสาร์ – อาทิตย์ จะเสีย คนล่ะ 11000 กีบ ถ้าเป็นวันธรรมดาไม่เสียเงิน)
แล้วก็แลกเงินที่ช่องแลกเงิน อยู่ข้างๆ ด่านที่เจ้าหน้าที่ตรวจเอกสาร
จากนั้นเดินทางเข้าสู่ประเทศลาวโดยใช้การด์ที่เราซื้อมา แล้วเดินมาขึ้นรถที่จอดรอเราอยู่ จากนั้นมุ่งหน้าสู่วังเวียง จากสะพานไทย – ลาว ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 – 6 ชม . พอนั้งรถมาได้ซักประมาณ 2 ชม จะมีการจอดพักรถ ใช้เวลาในการพักรถ ประมาณ 20 นาที หลังจากนั้น ก็ยิงยาวถึงวังเวียงเลย ตอนที่เราไปถึงประมาณ 15.20 นาที พอถึง สถานีขนส่งวังเวียง ก็ซื้อตั๋วรถขากลับไว้เลย จากนั้น ก็รอรถมารับเข้าตัวเมืองวังเวียง ( เป็นรถรับส่งฟรี ) รถจะมาส่งในเมืองเราก็ walk in หาที่พักเนื่องจากเราไม่ได้จองที่พักมา เดินมาเรื่อยๆ เราก็เดินมาถึง จำปาลาว เกสเฮ้าส์
เข้าไปสอบถามราคา ได้คืนล่ะ 180,000 กีบ ได้พักเกสเฮ้าส์ฝั่งตรงข้ามจำปาลาว แต่เจ้าของเดียวกันโชคดีมีห้องว่าง 1 ห้องพอดี เป็นชั้น 1 วิวภูเขา
หลักจากเก็บของเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว ก็ไปเช่า จักรยาน คันล่ะ 10,000 กีบ ปั่นไปเรื่อยๆ ก็ไปเจอสะพานอะไรไม่รู้ แต่สวยดีเลยเข้าไป เสียค่าผ่านทาง คันล่ะ 6,000 กีบ
เราก็เก็บภาพไปเรื่อยๆ จากนั้นก็ปั่นไปต่อ จนถึง นาข้าวที่นักท่องเทียวต่างก็ชอบวิวตรงนี้
ถ่ายภาพพอสมควร จากนั้นก้อปั่นกลับที่พัก วันนี้อาหารเย็นทานที่ เกสเฮ้าส์ที่พัก เป็นอาหารตามสั่ง ราคาก็ประมาณ 15,000 – 23,000 กีบ
หลักจากททานข้าวเยนแล้วก็ซื้อ one day trip ของทาง เกสเฮ้าส์ ราคาคนล่ะ 130,000 กีบ ( ไปเข้าถ้ำน้ำ – ถ้ำช้าง – พายเรือคายัค 6 กิโล – บูลลากูล ) ถ้าไม่ไป บูลลากูล ราคาจะอยู่ที่ 100,000 กีบ พายเรือคายัค 20 กิโล จากนั้นก็เข้านอน
วันที่ 2 ตื่น 7 โมง ครึ่ง ราคาที่พักไม่รวมอาหารเช้า ดีน่ะที่ซื้อขนมปังมาจากฝั่งไทย ไม่งั้น อด
เหลือเงินแค่นี้ แลกเงินมา 4,500 (1,036,485 กีบ) ได้เรท 230.33
แล้วก็รอรถมารับไป one day trip เวลา 8.30 แล้วก็ขับวนรับสมาชิกอีกประมาณ 6 คน รวมแล้ว ทั้งคันจะมีสมาชิก 8 คนเป็นคนไทยทั้งหมด มีไกด์ เป็นคนท้องที่ 3 คน ที่แรกที่ไปคือ ถ้ำน้ำ และพอออกจากการลอดถ้ำน้ำก็ทานข้าวกลางวันที่นี่เลย ข้าวกลาววันก็จะมี ข้าวผัด ขนมปัง บาบีคิว และกล้วย
ระหว่างทางไปถ้ำ
สภาพทางไปถ้ำ
นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมงถึงสะพานข้ามไปถ้ำ
เดินผ่านสะพานและเดินผ่านคันนาก็จะถึงถ้ำน้ำ
น้ำใสและเย็นมากๆๆ
ใช้เวลาลอดถ่ำประมาณ 1 ชั่วโมง ออกมาก็กินข้าว
กินข้าวเสร็จ จากนั้นก็เดินย้อนออกมาเข้าถ้ำช้างไหว้พระขอพร
ถ้าใครซื้อ one day trip ไปเข้าถ้ำน้ำ – ถ้ำช้าง – พายเรือคายัค 20 กิโล จะเริ่มพายเรือที่นี้
แต่เราพายแค่ 6 กิโล เพราะต้องไปบลูลากูล
จากนั้นก็นั่งรถกลับเพื่อมาจุดเรื่มต้นพายเรือคายัค ระยะทาง 6 กิโลเมตร พายเรือมาเรื่อยๆ
จุดสิ้นสุดพายเรือ จะมีรถมารอรับไปบูลลากูลต่อ
สภาพทางไปบูลลากูล (ฝุ่นเยอะมากๆๆ)
ระหว่างทาง
นั่งรถประมาณ 30 นาทีก็ถึง......
ไกด์ จะให้เวลาเราประมาณ 2 ชม ในการเล่นน้ำที่นี่
เราก็เล่นน้ำได้ซักพัก ก็หิวข้าวก็ไปซื้อ ก๋วยเตี๋ยวทาน ราคาถ้วยล่ะ 20,000 กีบ พอทานเสร็จก็ได้เวลากลับพอดี
พอกลับมาถึงที่พักก็จัดแจงอาบน้ำเสร็จก็ไปเช่าจักรยานปั่นเก็บภาพไปรื่อยๆ และ ไปถ่ายรูปสะพานสีส้มที่ถ้ำจัง
ที่พักคืนที่สองพักที่เดิมแต่เปลี่ยนห้อง มาพักชั้นที่ 2
วิวหลังห้อง
ถ้ำจังปิด 17.00 น. ได้ถ่ายแค่ตรงสะพานสีส้ม
พอฟ้าเรื่อมมืดก้อปั่นกลับที่พัก พักซักแป็บ ก็ออกไปหาอะไรทานตอนเยนพอทานข้าวเสร็จก็เดินไปร้าน ซากุระ บาร์ ที่ร้านจะมีโปรโมชั่น เวลา 2 ทุ่ม – 3 ทุ่ม จะมีเหล้าฟรี ภายในร้านจะมีฝรั่ง กับเกาหลี เยอะมาก
ระหว่างเดินกลับที่พักแวะซื้อ เบอร์เกอร์ ราคา 25,000 กีบ มันใหญ่มากๆ กินด้วยกันสองคน
วันที่ 3 ตื่นเช้าเก็บกระเป๋ามารอรถ รถมารับ 9.00 น
มุ่งหน้าสู่นครหลวงเวียนจันทน์ เงินกีบที่แลกมาตอนนี้เหลือ 80,000 กีบ
ถึงสะพานฝั่งลาวแวะซื้อของฝาก
ปล. ค่าใช่จ่าย 4,500 แลกเงินกีบ (1,036,485 กีบ) ใช้จ่ายในวังเวียง 2 คน ค่าที่พัก ค่ากิน ค่า one day trip ค่ารถมาเวียงจันทน์ ค่าเช่าจักรยาน
เหลือ 80,000 กีบ แต่มาซื้อของฝากที่สะพานฝั่งลาวใช้เงินหมดเลย ต้องใช้เงินไทยด้วย
.... จบทริป....
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น