อ้างถึง หนังสือ สรส.
ความคืบหน้าในการผลักดัน “การปรับค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ” ฉบับที่ 2
ตามที่สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ร่วมกับกลุ่มประสานงานบุคคลรัฐวิสาหกิจ (กบร.)
ผลักดันให้มีการปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจเพิ่ม 1 ขั้น สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้โครงสร้างบัญชีเงินเดือนแบบขั้น
หรือร้อยละ 4 ของอัตราเงินเดือน สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้โครงสร้างบัญชีเงินเดือนแบบช่วง หรือร้อยละ หรือเปอร์เซ็นต์
ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2557 เท่ากันทุกตำแหน่ง
ซึ่งที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาสภาพการจ้างของรัฐวิสาหกิจในคราววันที่ 14 กันยายน 2558
เห็นชอบแนวทางกำหนดให้สามารถดำเนินการได้ให้มีผลกับลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนไม่เกิน 43,850 บาท
ส่วนลูกจ้างฯ ที่มีเงินเดือนเกินกว่านี้ให้มีการหาแนวทางที่เหมาะสมและให้สอดคล้องกับข้อเสนอที่สมาพันธ์
แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และกลุ่มประสานงานบุคคลรัฐวิสาหกิจ (กบร.) เสนอให้ได้รับ
ทุกตำแหน่งโดยไม่เลือกปฏิบัติ จนนำไปสู่การให้นำเข้าสู่การพิจารณาในคณะอนุกรรมการฯ
ในส่วนของลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนเกินกว่า 43,850 บาท
จนเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาสภาพการจ้างของรัฐวิสาหกิจ
ได้พิจารณาเพิ่มเติมในส่วนของแนวทางการปรับเงินเดือนลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนเกินกว่า 43,850 บาท
ซึ่งที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ได้เห็นชอบแนวทางในการดำเนินการ ดังนี้
1. ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่ใช้โครงสร้างบัญชีเงินเดือนแบบขั้น ที่มีเงินเดือนเกินกว่า 43,850 บาท
ให้รัฐวิสาหกิจสามารถปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างได้ครึ่งขั้น
2. ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่ใช้โครงสร้างบัญชีเงินเดือนแบบช่วง หรือร้อยละ หรือเปอร์เซ็นต์
ที่มีเงินเดือน เกินกว่า 43,850 บาท ให้รัฐวิสาหกิจสามารถปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างเป็นขั้นบันได คือ
- ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนเกินกว่า 43,850 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ให้รัฐวิสาหกิจสามารถปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างร้อยละ 2
- ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนเกินกว่า 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ให้รัฐวิสาหกิจสามารถปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างร้อยละ 1
- ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนเกินกว่า 200,000 บาท ขึ้นไป ให้รัฐวิสาหกิจสามารถปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างร้อยละ 0.5
พร้อมให้สอบถามข้อมูลแต่ละรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของรัฐวิสาหกิจเอง หรือต้องใช้งบประมาณ
ของรัฐบาลในการปรับเป็นสัดส่วนเท่าไร และนำมาพิจารณาอีกครั้งในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาสภาพการจ้าง
ของรัฐวิสาหกิจคราวต่อไป เพื่อสรุปให้คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) พิจารณาเห็นชอบ
และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ต่อไป
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) พร้อมที่จะเดินหน้าผลักดันเรื่องนี้ให้ปรากฏผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว
เพื่อขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องคนงานในรัฐวิสาหกิจที่ต้องตรากตรำจัดทำบริการสาธารณะเพื่อชาติและประชาชน
อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดีขึ้นเพื่อความผาสุกของประชาชน
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)
20 ตุลาคม 2558
---
ดังนั้น ในเมื่อสิทธิ์เกิดตั้งแต่วันที่มีผล คือ วันที่ 1 ธันวาคม 2557 ผู้ลาออกผู้นั้นย่อมมีสิทธิ์ในเงินตกเบิก ใช่ไหมครับ
[ฝากสอบถาม] กรณีลาออกรัฐวิสาหกิจ แล้วมีเงินตกเบิกย้อนหลัง ผู้ลาออก (ไปแล้ว) จะมีสิทธิ์เรียกร้องเงินตกเบิกนั้น หรือไม่
ความคืบหน้าในการผลักดัน “การปรับค่าจ้างของลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ” ฉบับที่ 2
ตามที่สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ร่วมกับกลุ่มประสานงานบุคคลรัฐวิสาหกิจ (กบร.)
ผลักดันให้มีการปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจเพิ่ม 1 ขั้น สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้โครงสร้างบัญชีเงินเดือนแบบขั้น
หรือร้อยละ 4 ของอัตราเงินเดือน สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ใช้โครงสร้างบัญชีเงินเดือนแบบช่วง หรือร้อยละ หรือเปอร์เซ็นต์
ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2557 เท่ากันทุกตำแหน่ง
ซึ่งที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาสภาพการจ้างของรัฐวิสาหกิจในคราววันที่ 14 กันยายน 2558
เห็นชอบแนวทางกำหนดให้สามารถดำเนินการได้ให้มีผลกับลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนไม่เกิน 43,850 บาท
ส่วนลูกจ้างฯ ที่มีเงินเดือนเกินกว่านี้ให้มีการหาแนวทางที่เหมาะสมและให้สอดคล้องกับข้อเสนอที่สมาพันธ์
แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) และกลุ่มประสานงานบุคคลรัฐวิสาหกิจ (กบร.) เสนอให้ได้รับ
ทุกตำแหน่งโดยไม่เลือกปฏิบัติ จนนำไปสู่การให้นำเข้าสู่การพิจารณาในคณะอนุกรรมการฯ
ในส่วนของลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนเกินกว่า 43,850 บาท
จนเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2558 ที่ผ่านมาที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาสภาพการจ้างของรัฐวิสาหกิจ
ได้พิจารณาเพิ่มเติมในส่วนของแนวทางการปรับเงินเดือนลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนเกินกว่า 43,850 บาท
ซึ่งที่ประชุมคณะอนุกรรมการฯ ได้เห็นชอบแนวทางในการดำเนินการ ดังนี้
1. ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่ใช้โครงสร้างบัญชีเงินเดือนแบบขั้น ที่มีเงินเดือนเกินกว่า 43,850 บาท
ให้รัฐวิสาหกิจสามารถปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างได้ครึ่งขั้น
2. ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่ใช้โครงสร้างบัญชีเงินเดือนแบบช่วง หรือร้อยละ หรือเปอร์เซ็นต์
ที่มีเงินเดือน เกินกว่า 43,850 บาท ให้รัฐวิสาหกิจสามารถปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างเป็นขั้นบันได คือ
- ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนเกินกว่า 43,850 บาท แต่ไม่เกิน 100,000 บาท ให้รัฐวิสาหกิจสามารถปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างร้อยละ 2
- ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนเกินกว่า 100,000 บาท แต่ไม่เกิน 200,000 บาท ให้รัฐวิสาหกิจสามารถปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างร้อยละ 1
- ลูกจ้างในรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนเกินกว่า 200,000 บาท ขึ้นไป ให้รัฐวิสาหกิจสามารถปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างร้อยละ 0.5
พร้อมให้สอบถามข้อมูลแต่ละรัฐวิสาหกิจเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของรัฐวิสาหกิจเอง หรือต้องใช้งบประมาณ
ของรัฐบาลในการปรับเป็นสัดส่วนเท่าไร และนำมาพิจารณาอีกครั้งในการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาสภาพการจ้าง
ของรัฐวิสาหกิจคราวต่อไป เพื่อสรุปให้คณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) พิจารณาเห็นชอบ
และนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ ต่อไป
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) พร้อมที่จะเดินหน้าผลักดันเรื่องนี้ให้ปรากฏผลสัมฤทธิ์โดยเร็ว
เพื่อขวัญกำลังใจให้กับพี่น้องคนงานในรัฐวิสาหกิจที่ต้องตรากตรำจัดทำบริการสาธารณะเพื่อชาติและประชาชน
อีกทั้งยังเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ดีขึ้นเพื่อความผาสุกของประชาชน
สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)
20 ตุลาคม 2558
---
ดังนั้น ในเมื่อสิทธิ์เกิดตั้งแต่วันที่มีผล คือ วันที่ 1 ธันวาคม 2557 ผู้ลาออกผู้นั้นย่อมมีสิทธิ์ในเงินตกเบิก ใช่ไหมครับ