มีอยู่สภาวะหนึ่งครับ ที่พึ่งเกิดกับผมเมื่อไม่กี่10วันที่ผ่านมา ในคณะที่กำลังพิจารณาตัวผ่องใสสว่างไสวอยู่นั้น ว่าเป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตน พิจารณาจนกระทั้งหลับไป แล้วจู่ๆจิตมันมาตื่นเองอัตตโนมัติตอนกลางคืน ณ เวลานั้นรู้สึกว่า มันไม่มีตัวตน แล้วจิตมันจดจ่ออยู่กับแสงสว่าง แล้วแสงสว่างมันมีอาการหวั่นไหว เหมือนกับว่าใจหัวใจนี้จะทล่มทลายลงไป แล้วมันก็พิจารณาของมันเอง ว่าสิ่งนี้เป็นทุกข์ สิ่งนี้เป็นอนัตตา จิตใจดวงนี้ได้แต่สว่างไสวจ้าแล้วมีอาการสนั่นหวั่นไหว เหมือนกับว่าโลกธาตุนี้จะระเบิดจะพังทลายในหัวใจ ในคณะที่กำลังจิตกำลังพิจารณาอยู่นั้น จู่ๆก็มีนิมิตแทรก ปรากฏว่า มีผู้หญิงคนหนึ่ง จะเอามีดมาแทงที่ตาทั้งสองข้าง ด้วยเหตุที่ ณ นิมิตตอนนั้น ใจมันยังบอกว่ายังตายตอนนี้ไม่ได้ มันก็หาอุบายวิธี พยายามหลีกหนีผู้หญิงคนนั้นด้วยวิธีการต่างๆทั้ง เหาะหนีก็ไม่พ้น จนกระทั้งผู้หญิงคนนั้นมายืนตรงหน้าแล้วทำท่าจเอามีดมาแทงลงที่ตาทั้งสองข้าง ตอนนั้นจิตมันยอมตายแล้ว มันคิดว่าไหนๆก็จะต้องตาย มันเลยบอกกับผู้หญิงในนิมิตไปว่า ไหนๆผมก็จะตายแล้ว ช่วยเอามีดมาแทงกลางหัวใจผมที่ ผมตายแล้วผมจะได้นิพพานสักที ในคณะพูดผมก็จับมือผู้หญิงคนนั้นเอามีดมาจอลงกลางใจที่อก แล้วผมก็หลับตาปลงความตาย แต่ผู้หญิงในนิมิตนั้น พอเอาเข้าจริงๆก็ไม่กล้าเอามีดมาแทงกลางใจ แล้วได้ยิ้มลงกราบแล้วก็หายไป ผมก็ตื่นขึ้นมาทันทีเหมือนกัน ก็ได้นอนพิจารณาว่า จิตดวงนี้มันยอมตายได้จริงๆ แสดงว่าความกลัวตายของเราหมดไปจากใจแล้ว ชนะความตายได้เสียที ผมมานั่งตรองดูได้ความว่า ในคณะที่จิตกำลังสว่างไสวจ้าสะเทื่อนหวั่นไหวนั้น มีธรรมผุดขึ้นมาพิจารณาเอง ตอนนั้นถ้าวาสนาผมมันเต็มภูมิ คงไม่มีนิมิตมาแทรกแน่แท้ ความสว่างไสวคงสลายดับสิ้นไปแน่ ด้วยเหตุนี้ผมจึงมาหาความรู้เพิ่ม ในการกำจัดตัวผ่องใสนี้ โชคดีตอนนี้ได้ทางออกแล้ว ผมจะเจริญรอยตามหลวงตามหาบัว เพราะท่านอธิบายสภาวะนี้ได้แจ่มแจ้งในใจนัก
แบบนี้ใช่จิตรวมไหม