สวัสดีครับ กระทู้นี้เกิดขึ้นเพราะผมไปทำธุระที่กรุงเทพฯแล้วเสร็จก่อนกำหนด ความคิดที่จะเที่ยวจึงเกิดขึ้น แล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงปลายฝนต้นหนาว ที่ร่ำลือกันว่าเป็นช่วงที่หมอกบนดอยสวยมาก ไม่รอช้าครับมุ่งหน้าสู่สถานีรถไฟกรุงเทพทันที
**รูปอาจไม่สวย,มีเบลอบ้างต้องขออภัยนะครับ**
**ไม่ได้เตรียมตัวที่จะทำกระทู้รูปบางที่อาจจะไม่มีนะครับ**
มาถึงสถานีรถไฟกรุงเทพเวลาประมาณบ่ายโมง เดินไปรับตั๋วที่ห้องขายตั๋วพร้อมบัตรประชาชน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้รถไฟฟรีจากกรุงเทพ-เชียงใหม่มีวันละเที่ยวก็คือขบวน 109 ออกจากกรุงเทพ 13.45 น. ถึง เชียงใหม่ 04.05 น.

เมื่อได้ตํ๋วก็เดินหาขนวนรถได้เลย เดินไปถ่ายรูปไป

รถไฟขบวน109 ที่จอดประจำก็คือชานชาลาที่10

เมื่อขึ้นมาบนขบวนรถเดินหาที่นั่งที่ระบุในตั๋วได้เลยครับ

แต่แล้วปัญหาเบสิคของประเทศไทยก็เกิดขึ้น เมื่อมีหญิงกลางคนนั่งที่ผมอยู่พอเข้าไปบอกว่านี่คือที่ผม ก็ได้คำตอบว่า "ที่ว่างตั้งเยอะไปนั่งที่อื่นสิ่ ฉันวางของเรียบร้อยแล้ว" เนื่องจากไม่อยากมีปัญหาผมจึงหาที่นั่งอื่น

นั่งได้สักพักรถก็เคลื่อนตัวออก จนมาถึงสถานีบางซื่อความซวยจึงมาเยือน เพราะเจ้าของที่ๆผมนั่งเดินมมายื่นตั๋วให้ผมอ่านแล้วทำท่าทางไม่พอใจ ผมเลยต้องรีบเก็บของลุกออกมาทันที ที่นั่งตอนนี้เต็มหมดเพราะรถอีกขบวนเสียคนจึงย้ายมาขบวนนี้กันหมด และแล้วก็ตัดสินใจ บันไดนี่แหล่ะสบายสุด

ระหว่างนั่งก็ถ่ายรูปไปชิวๆ


ลุงคนนี้นั่งมาพร้อมผมแกลงที่สถานีนครสวรรค์

ถึงสถานีนครสวรรค์ประมาณ6โมงกว่ารถช้านิดหน่อย

จากนั่นก็นั่งชมวิวมาเรื่อยๆจนถึงสถานีขุนตาน ตี3กว่าๆช้าประมาณ20นาที

และแล้วเราก็มาถึงสถานีเชียงใหม่สถานีปลายทางของเราเวลาประมาณตี4.35 ช้าประมาณ 30นาที อากาศก็ประมาณ 20 กว่ากำลังดี

จากนั้นก็เดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในสถานีจะมีห้องอาบน้ำค่าบริการ10บาท เสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาหน้าสถานีจะมีเซเว่นอยู่ครับหาน้ำดื่มก่อนออกมาถามหาที่เช่ารถกับพี่คนขับรถแดง บอกว่าตอนนี้ยังไม่มีที่ไหนเปิดหรอกส่วนใหญ่จะเปิดประมาณ 8-9 โมง ผมก็เลยนั่งรถแดงไปหาอะไรกินแถวๆกาดประตูเชียงใหม่ ของกินค่อนข้างเยอะคับผมเลือกกินโจ๊กร้อนๆ อร่อยดีเหมือนกัน
**ไม่ได้ถ่ายรูปนะครับขออภัยด้วย งัวเงียมากฮ่าๆๆ**
จากนั้นก็นั่งเล่นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็เจอร้านเช่ารถเปิด 8.00 น. อยู่ตรงข้ามกาดสวนแก้ว ด้วยความมีหวังว่าคงจะเปิดร้านก่อนก็เลยนั่งรถแดงไปลงหน้ากาดสวนแก้ว มาถึงหน้ากาดสวนแก้วก็ประมาณ 6.30 น. แล้วก็เดินมานั่งรออยู่ที่หน้าร้าน

7.30 น. หมอกเริ่มมาคลุมยอดดอยสุเทพ

8.00 น. พี่ที่ผมคาดว่าเป็นเจ้าของร้าน ก็มาถึง **ตรงเวลาจริงๆ ฮ่าๆๆ**

ไม่รอช้าตรับผมรีบเดินตามเข้ามาทำการเช่ารถผมเลือกเกียร์ธรรมดาราคา 200บาทไม่มีมัดจำแต่ยึดบัตรประชาชนไว้ แนะนำว่าเติมน้ำมันให้เรียบร้อยหลังจากที่ได้รับรถ ผมเติมไป50บาท จากนั้นก็ลุยกันเลยย
จุดพักแรกเราก็ได้เห็นวิวเมืองเชียงใหม่

แล้วก็ขับมาเรื่อยๆ

เนื่องจากทริปนี้ผมไปโดยไม่ได้หาข้อมูลอะไรมากก็เลยขับมอไซต์ไปเรื่อยๆ


แล้วก็มาเจอกับป้ายนี้**ขออภัยนะครับเบลอไปเยอะเลยฮ่าๆๆ**

ขับผ่านมาเรื่อยๆจนมาหยุดที่สุดถนนปูนจะพบกับศาลานี้ มีป้ายเขียนว่าจุดชมวิวเชียงใหม่แต่หมอกหนามากมองอะไรไม่เห็น อากาศประมาณ20องศา แต่ชื้นมากๆ

ตรงข้ามกันมีหอพระ**เรียกผิดขออภัยนะครับ**

หลังจากนั่งพัก ถ่ายรูปเล่นซักพักก็ย้อนกลับทางเดิมแต่หมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ


ย้อนลงมาก็มาเจอกับกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งกำลังถ่ายรูปกันอยู่

เมื่อพวกพี่ๆเดินออกไปผมก็เข้าไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

เนื่องจากไปคนเดียวการถ่ายรูปตัวเองในมุมกว้างก็ต้องวางกล้องไว้กับพื้นฮ่าๆๆ

หลังถ่ายรูปจนพอใจ ก็เดินมาซื้อของฝาก

จากนั้นก็ขับมอไซตืย้อนลงมาเรื่อยๆทางเดิม

หมอกหนามากๆ



ขับลงมาเรื่อยๆจนมาถึงพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์


การจะเข้าชมนั้นจะต้องแต่งกายให้เรียบร้อยแต่ผมใส่รองเท้าแตะจึงไม่ได้เข้า ตรงข้ามกันจะมีร้านอาหาร ร้านของฝาก และห้องน้ำ

หลังจากเข้าห้องน้ำ ซื้อของฝากเรียบร้อย ดูนาฬิกาบ่ายโมงกว่าแล้วจึงขับลงมาโดยผ่านวัดพระธาุดอยสุเทพ และอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ที่คนเยอะมากๆทั้งสองที่ แต่เนื่องจากรถไฟออกบ่าย3.30 และยังไม่ได้ซื้อตั๋ว เลยไม่ได้แวะ
ลงมาเกือบถึงพื้นราบหมอกเริ่มจาง

แวะถ่ายวิวเมืองอีกซักรูป

เมื่อลงมาถึงในเมืองความรู้สึกแรกคือหิวมากครับ ขับรถวนหาร้านข้าวซอยอยู่ซักพัก **ไม่มีรูปนะครับหิวมากฮ่าๆๆขออภัยอีกครั้ง**
พอกินเสร็จก็รีบขับมอไซต์ไปจองตั๋วรถไฟก็คือขบวน52 ออกจากเชียงใหม่ 15.30น.

จากนั้นก็เอารถไปคืนและรับบัตรประชาชนคืน เมื่อเรียบร้อยก็นั่งรถแดงจากหน้าร้านมาลงสถานีรถไฟ
รถไฟมาจอดรอเรียบร้อย

เดินถ่ายรูปเล่นไปพรางๆระหว่างรอรถออก

ไม่นานก็ได้เวลารถออก

ฝนตกเล็กน้อยเราจึงได้รูปนี้มา

ระหว่างทางจะมีอาหารขายตลอดไม่หิวแน่นอน
ถึงนครลำปางเกือบๆ6โมง

จากนั้นก็หลับยาวมารู้ตัวก็ใกล้จะถึงบ้าน และแล้วก็มาถึงจุดสิ้นสุดของทริป ณ สถานีรถไฟลพบุรี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้บ้านจขกท.เวลาประมาณตี3
ถือเป็นการจบทริปแบบสมบูรณ์แบบ ส่วนค่าใช้จ่าจะมาสรุปอีกรอบนะครับ
**ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ**
[CR] ลุยเดี่ยวทริปสั้นวันเดียว นั่งรถไฟไปแอ่วเชียงใหม่
**รูปอาจไม่สวย,มีเบลอบ้างต้องขออภัยนะครับ**
**ไม่ได้เตรียมตัวที่จะทำกระทู้รูปบางที่อาจจะไม่มีนะครับ**
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อได้ตํ๋วก็เดินหาขนวนรถได้เลย เดินไปถ่ายรูปไป
รถไฟขบวน109 ที่จอดประจำก็คือชานชาลาที่10
เมื่อขึ้นมาบนขบวนรถเดินหาที่นั่งที่ระบุในตั๋วได้เลยครับ
แต่แล้วปัญหาเบสิคของประเทศไทยก็เกิดขึ้น เมื่อมีหญิงกลางคนนั่งที่ผมอยู่พอเข้าไปบอกว่านี่คือที่ผม ก็ได้คำตอบว่า "ที่ว่างตั้งเยอะไปนั่งที่อื่นสิ่ ฉันวางของเรียบร้อยแล้ว" เนื่องจากไม่อยากมีปัญหาผมจึงหาที่นั่งอื่น
นั่งได้สักพักรถก็เคลื่อนตัวออก จนมาถึงสถานีบางซื่อความซวยจึงมาเยือน เพราะเจ้าของที่ๆผมนั่งเดินมมายื่นตั๋วให้ผมอ่านแล้วทำท่าทางไม่พอใจ ผมเลยต้องรีบเก็บของลุกออกมาทันที ที่นั่งตอนนี้เต็มหมดเพราะรถอีกขบวนเสียคนจึงย้ายมาขบวนนี้กันหมด และแล้วก็ตัดสินใจ บันไดนี่แหล่ะสบายสุด
ระหว่างนั่งก็ถ่ายรูปไปชิวๆ
ลุงคนนี้นั่งมาพร้อมผมแกลงที่สถานีนครสวรรค์
ถึงสถานีนครสวรรค์ประมาณ6โมงกว่ารถช้านิดหน่อย
จากนั่นก็นั่งชมวิวมาเรื่อยๆจนถึงสถานีขุนตาน ตี3กว่าๆช้าประมาณ20นาที
และแล้วเราก็มาถึงสถานีเชียงใหม่สถานีปลายทางของเราเวลาประมาณตี4.35 ช้าประมาณ 30นาที อากาศก็ประมาณ 20 กว่ากำลังดี
จากนั้นก็เดินไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในสถานีจะมีห้องอาบน้ำค่าบริการ10บาท เสร็จเรียบร้อยก็เดินออกมาหน้าสถานีจะมีเซเว่นอยู่ครับหาน้ำดื่มก่อนออกมาถามหาที่เช่ารถกับพี่คนขับรถแดง บอกว่าตอนนี้ยังไม่มีที่ไหนเปิดหรอกส่วนใหญ่จะเปิดประมาณ 8-9 โมง ผมก็เลยนั่งรถแดงไปหาอะไรกินแถวๆกาดประตูเชียงใหม่ ของกินค่อนข้างเยอะคับผมเลือกกินโจ๊กร้อนๆ อร่อยดีเหมือนกัน
**ไม่ได้ถ่ายรูปนะครับขออภัยด้วย งัวเงียมากฮ่าๆๆ**
จากนั้นก็นั่งเล่นหาข้อมูลไปเรื่อยๆ ก็เจอร้านเช่ารถเปิด 8.00 น. อยู่ตรงข้ามกาดสวนแก้ว ด้วยความมีหวังว่าคงจะเปิดร้านก่อนก็เลยนั่งรถแดงไปลงหน้ากาดสวนแก้ว มาถึงหน้ากาดสวนแก้วก็ประมาณ 6.30 น. แล้วก็เดินมานั่งรออยู่ที่หน้าร้าน
7.30 น. หมอกเริ่มมาคลุมยอดดอยสุเทพ
8.00 น. พี่ที่ผมคาดว่าเป็นเจ้าของร้าน ก็มาถึง **ตรงเวลาจริงๆ ฮ่าๆๆ**
ไม่รอช้าตรับผมรีบเดินตามเข้ามาทำการเช่ารถผมเลือกเกียร์ธรรมดาราคา 200บาทไม่มีมัดจำแต่ยึดบัตรประชาชนไว้ แนะนำว่าเติมน้ำมันให้เรียบร้อยหลังจากที่ได้รับรถ ผมเติมไป50บาท จากนั้นก็ลุยกันเลยย
จุดพักแรกเราก็ได้เห็นวิวเมืองเชียงใหม่
แล้วก็ขับมาเรื่อยๆ
เนื่องจากทริปนี้ผมไปโดยไม่ได้หาข้อมูลอะไรมากก็เลยขับมอไซต์ไปเรื่อยๆ
แล้วก็มาเจอกับป้ายนี้**ขออภัยนะครับเบลอไปเยอะเลยฮ่าๆๆ**
ขับผ่านมาเรื่อยๆจนมาหยุดที่สุดถนนปูนจะพบกับศาลานี้ มีป้ายเขียนว่าจุดชมวิวเชียงใหม่แต่หมอกหนามากมองอะไรไม่เห็น อากาศประมาณ20องศา แต่ชื้นมากๆ
ตรงข้ามกันมีหอพระ**เรียกผิดขออภัยนะครับ**
หลังจากนั่งพัก ถ่ายรูปเล่นซักพักก็ย้อนกลับทางเดิมแต่หมอกหนาขึ้นเรื่อยๆ
ย้อนลงมาก็มาเจอกับกลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งกำลังถ่ายรูปกันอยู่
เมื่อพวกพี่ๆเดินออกไปผมก็เข้าไปถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
เนื่องจากไปคนเดียวการถ่ายรูปตัวเองในมุมกว้างก็ต้องวางกล้องไว้กับพื้นฮ่าๆๆ
หลังถ่ายรูปจนพอใจ ก็เดินมาซื้อของฝาก
จากนั้นก็ขับมอไซตืย้อนลงมาเรื่อยๆทางเดิม
หมอกหนามากๆ
ขับลงมาเรื่อยๆจนมาถึงพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์
การจะเข้าชมนั้นจะต้องแต่งกายให้เรียบร้อยแต่ผมใส่รองเท้าแตะจึงไม่ได้เข้า ตรงข้ามกันจะมีร้านอาหาร ร้านของฝาก และห้องน้ำ
หลังจากเข้าห้องน้ำ ซื้อของฝากเรียบร้อย ดูนาฬิกาบ่ายโมงกว่าแล้วจึงขับลงมาโดยผ่านวัดพระธาุดอยสุเทพ และอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย ที่คนเยอะมากๆทั้งสองที่ แต่เนื่องจากรถไฟออกบ่าย3.30 และยังไม่ได้ซื้อตั๋ว เลยไม่ได้แวะ
ลงมาเกือบถึงพื้นราบหมอกเริ่มจาง
แวะถ่ายวิวเมืองอีกซักรูป
เมื่อลงมาถึงในเมืองความรู้สึกแรกคือหิวมากครับ ขับรถวนหาร้านข้าวซอยอยู่ซักพัก **ไม่มีรูปนะครับหิวมากฮ่าๆๆขออภัยอีกครั้ง**
พอกินเสร็จก็รีบขับมอไซต์ไปจองตั๋วรถไฟก็คือขบวน52 ออกจากเชียงใหม่ 15.30น.
จากนั้นก็เอารถไปคืนและรับบัตรประชาชนคืน เมื่อเรียบร้อยก็นั่งรถแดงจากหน้าร้านมาลงสถานีรถไฟ
รถไฟมาจอดรอเรียบร้อย
เดินถ่ายรูปเล่นไปพรางๆระหว่างรอรถออก
ไม่นานก็ได้เวลารถออก
ฝนตกเล็กน้อยเราจึงได้รูปนี้มา
ระหว่างทางจะมีอาหารขายตลอดไม่หิวแน่นอน
ถึงนครลำปางเกือบๆ6โมง
จากนั้นก็หลับยาวมารู้ตัวก็ใกล้จะถึงบ้าน และแล้วก็มาถึงจุดสิ้นสุดของทริป ณ สถานีรถไฟลพบุรี[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เวลาประมาณตี3
ถือเป็นการจบทริปแบบสมบูรณ์แบบ ส่วนค่าใช้จ่าจะมาสรุปอีกรอบนะครับ
**ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยนะครับ**