หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
เ อ็ ง ก อ . . . .กับเทศกาลไหว้พระจันทร์ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
กระทู้สนทนา
ไหว้พระจันทร์
จังหวัดชลบุรี
ภาพถ่าย
Canon EOS 60D
การตกแต่งรูปภาพ
“เอ็งกอ” เป็นศิลปะการแสดงของชาวจีน ที่มาพร้อมกับชาวจีนอบยพ ที่ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ร่วม 100 ปี และได้อนุรักษ์ศิลปะนี้มาตลอดหลายช่วงอายุบรรพบุรุษ ปัจจุบัน “เอ็งกอ” ได้กลายเป็นศิลปวัฒนธรรมของชาวอำเภอพนัสนิคมไปแล้ว และได้ร่วมกันจัดตั้ง “เอ็กกอ” ขึ้นมาก็เพื่อความสามัคคี และการออกกำลังกาย เป็นสำคัญ ต้นกำเนิดของเอ็งกอ ตามประวัติศาสตร์ของประเทศจีนกล่าวไว้ว่า ณ ที่เมืองหนึ่งของจีน มีพวกกบฎได้ทำการยึดเมือง และกระทำการไม่เหมาะสม จึงทำให้เหล่าขุนนาง เศรษฐี ประชาชน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ได้รวมพลังกัน เพื่อที่จะต่อสู้และต้องการให้เมืองที่ตนอาศัยอยู่ ได้กลับคืนมา จึงมีคนกลุ่มนี้ซึ่งรวมเอาบรรดาชนชั้นต่าง ๆ ร่วมแรงร่วมใจกัน และมีความสามัคคีกัน ได้คิดหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะเข้าเมืองโดยไม่ถูกพวกกบฏจับได้ และที่สำคัญคือต้องจำหน้าไม่ได้ คนกลุ่มนี้ จึงคิดการแสดงขึ้นมาชุดหนึ่ง ให้มีความแตกต่างกันกับการแสดงที่เป็นชุด “งิ้ว” และเรียงขานว่า “เอ็งกอ” และวันสำคัญก็มาถึง เหล่าคนกล้า ได้แต่งกายเป็นชุดรัดกุม เหมือนทหารที่ออกศึก ในรูปแบบการแสดงด้วยการเต้นตีไม้ สร้างความเร้าใจ ให้ผู้คนสนใจ ทำให้ทหารฝ่ายกบฏ แม้กระทั่งขุนนางกังฉิน ก็ไม่สามารถจำหน้าคนเหล่านี้ได้ เนื่องจากมีการวาดหน้าทั้งใบหน้า แต่งเติมสีสันที่ฉูดฉาด ประชาชนที่อยู่ในเมืองที่ทราบข่าวและเป็นพวกเดียวกัน ได้เตรียมซ่อน มีด ซ่อนดาบ ไว้ให้พวก “เอ็งกอ” เมื่อการแสดงเริ่มต้น ทุกคนต่างสนใจที่ชม แม้ขุนนางกังฉินก็ชื่นชม บรรดาพวกกบฏต่างก็ชื่นชม เมื่อการแสดงได้ล่วงเลยมาพอสมควร ก็ถึงเวลาที่ผู้กล้าทั้งหลายที่แสดง “เอ็งกอ” ได้เปลี่ยนมาเป็นคณะกู้เมือง และสามารถจับพวกกบฏ ขุนนางกังฉินได้ ที่สำคัญคือได้เมืองกลับคืนมาสำเร็จ
ตามประวัตินั้น คล้ายกับวีรบุรุษเขาเหลี่ยงซาน ซึ่งถ้าได้ศึกษาอย่างละเอียด จะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย แทรกอยู่อย่างมาก เช่น นักแสดงเอ็งกอ ได้แต่งหน้าและท่าทาง ให้เหมือน บู้ซ้ง, พระจีน และการแสดงแต่ละครั้งถ้าเป็นชุดสมบูรณ์ ต้องใช้ผู้แสดงจำนวน 108 คน แต่ในปัจจุบันเรามักจะเห็นไม่ครบ เนื่องจากการแสดง การเตรียมความพร้อมทั้งทางกาย จิตใจ เสื้อผ้านั้น ต้องอาศัยความร่วมมือหลายอย่าง อีกสาเหตุก็คือ การมีการแสดงเอ็งกอครบ จำนวน 108 คนนี้มักจะมีเหตุการณ์ณ์สูญเสียชีวิตของนักแสดงเอ็งกอเกิดขึ้น จึงทำให้ผู้แสดงมีจำนวนไม่ครบจนทุกวันนี้ และส่วนใหญ่ที่แสดงโชว์ หรือออกงานประเพณีต่าง ๆ มักจะมีผู้แสดงอย่างต่ำ 40 คนขึ้นไปเสมอ ซึ่งไม่รวมพวกตีล้อ เป่าเขาควาย ตีกลองใหญ่ ฉาบเล็ก ฯลฯ
ก่อนการฝึกซ้อม ต้องเชิญผู้ใหญ่ทำพิธีอัญเชิญเทพเจ้า ตามความเชื่อถือของชาวจีนคือ ต้นข้าว ที่เป็นต้นกำพร้า แต่มีสภาพสมบูรณ์ (เหตุผล เนื่องมาจากต้องการให้ต้นข้าวสามารถแตกหน่อ ออกกอเผยแพร่ได้) และแห่รอบตลาด เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจากนั้นนำไปประทับ ณ สถานที่ฝึกซ้อม มีโต๊ะบูชาเทพเจ้า และปักร่มไว้บนโต๊ะ (ร่มต้องเป็นร่มกระดาษที่คนจีนนิยมใช้) ให้นักแสดงกราบไหว้เคารพบูชา ทุกครั้ง และทุกวันต้องมีของมงคล โดยเฉพาะขนมจันอับ ผลไม้ มาไหว้บูชา น้ำดื่ม น้ำชา ต้องไม่ขาด การฝึกซ้อมจะเน้นกำลังของร่างกาย แขน ขา ทุกส่วนของร่างกาย ทั้งนี้เพื่อความพร้อมเพรียงและกระบวนท่าที่สวยงาม
ก่อนการแสดง ต้องนำขนมไหว้ของชาวจีน ที่เรียกว่า ง่วนก้วย นำมาไหว้และเต้นแสดงให้เทพเจ้าเห็น หลังจากนั้นนำขนมไหว้ ให้ผู้แสดงรับประทาน คนละเล็กละน้อย ทั้งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลในการแสดง ไม่ให้เกิดอุปสรรคใด ๆ เป็นการสร้างขวัญกำลังใจ และทุกครั้งที่กระทำตามนี้ ไม่เคยบังเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ที่ไม่ดีเลย
การแสดงจะใช้ผู้ถือธง (เปรียบเสมือนการให้สัญญาณในการรบ) โดยไม้ไผ่ทั้งลำและธงที่มีพื้นสีแดง ภาษาจีนอยู่กลางธงเป็นอักษรที่กล่าวถึง ชาวเม่งจื้อ (เม่งจื้อ แปลว่า เทพเจ้า) และมียอดโคมไฟ หรือที่เรียกว่า เต็งรั้ง ห้อยแขวนอยู่ที่ปลายยอดไม้ไผ่ มีนักแสดงที่เป็นผู้ถืองู คอยให้จังหวะในการแสดง และนักแสดงอื่น ๆ ก็จะเต้นประกอบจังหวะกันไป
จากหนังสือบันทึกโบราณ โจวหลี่ ระบุว่า พิธีเซ่นไหว้พระจันทร์ทั่วทั้งประเทศนั้น เริ่มขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งที่มาของพิธีในเทศกาลนี้มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับตำนานความฝันของกษัตริย์ถังหมิงหวง เสด็จประพาสพระราชวังบนดวงจันทร์ เรื่องเล่ามีอยู่ว่า ในกลางดึกของคืนเดือนเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 กษัตริย์ถังหมิงหวงบรรทมหลับไปแล้วทรงพระสุบินว่า พระองค์ลอยขึ้นไปเที่ยวชมพระราชวังบนดวงจันทร์ และได้พบเทพธิดาบนดวงจันทร์กำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงาม ในฝันนั้น พระองค์ทรงเพลิดเพลินและเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งเมื่อตื่นพระบรรทมและทรงโปรดให้พระสุบินนั้นเป็นความจริง จึงมีรับสั่งให้นางสนมแต่งตัวและร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาในฝัน
ตั้งแต่นั้นมาทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 พระองค์ก็รับสั่งให้จัดเครื่องเซ่นไหว้พระจันทร์และทอดพระเนตรความงามของพระจันทร์ไปพร้อมกับการร่ายรำของนางสนม
ที่มาของ Wording :
http://www.nmt.or.th/chonburi/phanatmuni/Lists/List57/AllItems.aspx
ทริปสวนผึ้งราชบุรี :
http://pantip.com/topic/32955775
จากอ่างขางสู่ใจกลางม่อนล้าน :
http://pantip.com/topic/34307221/
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
สี่นี้โป๊ยโจ่ยะ (时年八节) 8 เทศกาลสำคัญในหนึ่งปี และขนมแบบฉบับแต้จิ๋ว
สี่นี้โป๊ยโจ่ยะ (时年八节) 8 เทศกาลสำคัญในหนึ่งปี และขนมแบบฉบับแต้จิ๋ว อีกไม่ถึงเดือนดี ปี 2568 ก็กำลังจะผ่านพ้น หมดวันไหว้ขนมบัวลอยในวันที่ 21 ธ.ค.ที่จะถึงนี้ สารทต่างๆก็จะเริ่มทยอยเข้ามาพร้อมขนมฉบับแต้จ
good moments
🌜🌜🌜🌜เทพเจ้าผู้ทรงธรรม ( เปาบุ้นจิ้น ) สิ่งที่ได้ขาดหายไปจากสังคม 🌛🌛🌛🌛
Credit : http://printhaha.blogspot.com ชื่อจริง เปาเจิ่ง包拯 เกิด พ.ศ. 1542นครเหอเฟย์ มณฑลอานฮุย ประเทศจีน เสียชีวิตพ.ศ. 1605 (63 ปี)นครไคฟง มณฑลเหอหนาน ประเทศจีน งาน-อาชีพ ข้าราชการ(ทั้งฝ่ายพลเรือน
สมาชิกหมายเลข 2327047
แบบนี้พอมีราคาไหมครับ
odci_w
เย็นนี้ป้ากินอะไร : พาไปเที่ยวงานเอ็งกอที่พนัสนิคมจ้า ของกินเพียบบบ
งานมี3 วัน เมื่อวาน วันนี้ พรุ่งนี้ ก็เนาะใกล้บ้านแบบเดินถึง ก็เดินทุกวัน ของกินเยอะมากกกกก บรรยากาศคนเริ่มเยอะค่ะ วันนี้ได้ปลาตะเพียนต้มอ้อย เล็งตั้งแต่เมื่อวาน ขนมก็มีเยอะ แล้วก็ได้ห่อหมก
แก้วหนึ่งใบกับเบียร์สองขวด
หาดใหญ่ - ชุมชนชาวจีน
ชาวจีนในหาดใหญ่มาจากไหน ? คนหาดใหญ่ ก็กากี่นั้งทั้งนั้นแหละ ‘แซ่ลิ้ม แซ่โอ้ว แซ่ตั้ง แซ่แต้ แซ่เตียว แซ่เอื้อ แซ่หวง แซ่เล้ง’ ‘กากี่นั้งนะ กากากี่นั้งนะ พวกนะเรากากี่นั้งนะ กากี
สมาชิกหมายเลข 8573832
'งามบุปผาสกุณา' ชอบพระเอกมาก หลี่เซี่ยน แสดงเก่งจริง
"เจี่ยงฉางหยาง" (รับบทโดย หลี่เซี่ยน) ขึ้นชื่อว่าเป็นขุนนางเสเพล มีฉายานามกังฉินอันดับหนึ่งของแผ่นดิน แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นขุนนางคนสนิทของฮ่องเต้ เขาเพียงซ่อนกา
บทเพลงกลางเมฆา
จากพนัสนิคมชลบุรี ไปไหว้ไอ้ไข่นครศรีธรรมราช
อยากขอคำแนะนำ ระหว่างรถทัว รถไฟ กับมอไซค์ จากพนัสนิคมชลบุรี ไปนครศรีธรรมราช เลือกวิธีไหนดีครับ
สมาชิกหมายเลข 5994897
##### พวกขุนนางโกงกินแต่ภักดีต่อกษัตริย์ ถือว่าเป็นตงฉินหรือกังฉิน #####
คือ พวกที่ชัดเจนว่าไม่คิดล้มเจ้าแน่นอน หนุนฮ่องเต้เต็มตัว เป็นมือเป็นเท้าคอยกำจัดพวกที่คิดล้มเจ้าให้ด้วย เรียกว่าเป็นเสาหลักค้ำบัลลังก์เลย แต่ก็แอบใช้อำนาจหน้าที่หาผลประโยชน์ไปด้วย เอื้อประโยชน์พวกพ
เจ้าเจ้ยเจื้อยแจ้ว
สุเทพ:ฉินฮุ่ย กลับชาติมาเกิด
ฉินฮุ่ยขุนนางกังฉิน ผู้ซึ่งประจบสอพลอฮ่องเต้ซ่งเกาจงจนได้ดำรงตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี จึงกราบทูลต่อองค์ฮ่องเต้ว่าทัพของงักฮุยนั้นเป็นอุปสรรคต่อการเจรจาสงบศึกกับเผ่าจิน ด้านฮ่องเต้ซ่งเกาจง ก็เชื่อในคำของฉ
สมาชิกหมายเลข 1145345
กังฉินคนไหนในประวัติศาสตร์จีน ที่ชั่วร้าย บัดซบที่สุดครับ
แบบเป็นขุนนางสร้างแต่เรื่องบรรลัยในแผ่นดิน โกงกินสารพัด แถมฮ่องเต้ให้ท้ายแบบสุดลิ่มทิ่มประตู แถมรวยอู้ฟู่มากๆ มีใครบ้างครับที่สุดยอดนรกส่งมาเกิดเพื่อผลาญราชวงศ์นั้นๆครับ
สมาชิกหมายเลข 2632417
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ไหว้พระจันทร์
จังหวัดชลบุรี
ภาพถ่าย
Canon EOS 60D
การตกแต่งรูปภาพ
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 100
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
เ อ็ ง ก อ . . . .กับเทศกาลไหว้พระจันทร์ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี
“เอ็งกอ” เป็นศิลปะการแสดงของชาวจีน ที่มาพร้อมกับชาวจีนอบยพ ที่ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ร่วม 100 ปี และได้อนุรักษ์ศิลปะนี้มาตลอดหลายช่วงอายุบรรพบุรุษ ปัจจุบัน “เอ็งกอ” ได้กลายเป็นศิลปวัฒนธรรมของชาวอำเภอพนัสนิคมไปแล้ว และได้ร่วมกันจัดตั้ง “เอ็กกอ” ขึ้นมาก็เพื่อความสามัคคี และการออกกำลังกาย เป็นสำคัญ ต้นกำเนิดของเอ็งกอ ตามประวัติศาสตร์ของประเทศจีนกล่าวไว้ว่า ณ ที่เมืองหนึ่งของจีน มีพวกกบฎได้ทำการยึดเมือง และกระทำการไม่เหมาะสม จึงทำให้เหล่าขุนนาง เศรษฐี ประชาชน ไม่ว่าจะยากดีมีจน ได้รวมพลังกัน เพื่อที่จะต่อสู้และต้องการให้เมืองที่ตนอาศัยอยู่ ได้กลับคืนมา จึงมีคนกลุ่มนี้ซึ่งรวมเอาบรรดาชนชั้นต่าง ๆ ร่วมแรงร่วมใจกัน และมีความสามัคคีกัน ได้คิดหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะเข้าเมืองโดยไม่ถูกพวกกบฏจับได้ และที่สำคัญคือต้องจำหน้าไม่ได้ คนกลุ่มนี้ จึงคิดการแสดงขึ้นมาชุดหนึ่ง ให้มีความแตกต่างกันกับการแสดงที่เป็นชุด “งิ้ว” และเรียงขานว่า “เอ็งกอ” และวันสำคัญก็มาถึง เหล่าคนกล้า ได้แต่งกายเป็นชุดรัดกุม เหมือนทหารที่ออกศึก ในรูปแบบการแสดงด้วยการเต้นตีไม้ สร้างความเร้าใจ ให้ผู้คนสนใจ ทำให้ทหารฝ่ายกบฏ แม้กระทั่งขุนนางกังฉิน ก็ไม่สามารถจำหน้าคนเหล่านี้ได้ เนื่องจากมีการวาดหน้าทั้งใบหน้า แต่งเติมสีสันที่ฉูดฉาด ประชาชนที่อยู่ในเมืองที่ทราบข่าวและเป็นพวกเดียวกัน ได้เตรียมซ่อน มีด ซ่อนดาบ ไว้ให้พวก “เอ็งกอ” เมื่อการแสดงเริ่มต้น ทุกคนต่างสนใจที่ชม แม้ขุนนางกังฉินก็ชื่นชม บรรดาพวกกบฏต่างก็ชื่นชม เมื่อการแสดงได้ล่วงเลยมาพอสมควร ก็ถึงเวลาที่ผู้กล้าทั้งหลายที่แสดง “เอ็งกอ” ได้เปลี่ยนมาเป็นคณะกู้เมือง และสามารถจับพวกกบฏ ขุนนางกังฉินได้ ที่สำคัญคือได้เมืองกลับคืนมาสำเร็จ
ตามประวัตินั้น คล้ายกับวีรบุรุษเขาเหลี่ยงซาน ซึ่งถ้าได้ศึกษาอย่างละเอียด จะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย แทรกอยู่อย่างมาก เช่น นักแสดงเอ็งกอ ได้แต่งหน้าและท่าทาง ให้เหมือน บู้ซ้ง, พระจีน และการแสดงแต่ละครั้งถ้าเป็นชุดสมบูรณ์ ต้องใช้ผู้แสดงจำนวน 108 คน แต่ในปัจจุบันเรามักจะเห็นไม่ครบ เนื่องจากการแสดง การเตรียมความพร้อมทั้งทางกาย จิตใจ เสื้อผ้านั้น ต้องอาศัยความร่วมมือหลายอย่าง อีกสาเหตุก็คือ การมีการแสดงเอ็งกอครบ จำนวน 108 คนนี้มักจะมีเหตุการณ์ณ์สูญเสียชีวิตของนักแสดงเอ็งกอเกิดขึ้น จึงทำให้ผู้แสดงมีจำนวนไม่ครบจนทุกวันนี้ และส่วนใหญ่ที่แสดงโชว์ หรือออกงานประเพณีต่าง ๆ มักจะมีผู้แสดงอย่างต่ำ 40 คนขึ้นไปเสมอ ซึ่งไม่รวมพวกตีล้อ เป่าเขาควาย ตีกลองใหญ่ ฉาบเล็ก ฯลฯ
ก่อนการฝึกซ้อม ต้องเชิญผู้ใหญ่ทำพิธีอัญเชิญเทพเจ้า ตามความเชื่อถือของชาวจีนคือ ต้นข้าว ที่เป็นต้นกำพร้า แต่มีสภาพสมบูรณ์ (เหตุผล เนื่องมาจากต้องการให้ต้นข้าวสามารถแตกหน่อ ออกกอเผยแพร่ได้) และแห่รอบตลาด เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล หลังจากนั้นนำไปประทับ ณ สถานที่ฝึกซ้อม มีโต๊ะบูชาเทพเจ้า และปักร่มไว้บนโต๊ะ (ร่มต้องเป็นร่มกระดาษที่คนจีนนิยมใช้) ให้นักแสดงกราบไหว้เคารพบูชา ทุกครั้ง และทุกวันต้องมีของมงคล โดยเฉพาะขนมจันอับ ผลไม้ มาไหว้บูชา น้ำดื่ม น้ำชา ต้องไม่ขาด การฝึกซ้อมจะเน้นกำลังของร่างกาย แขน ขา ทุกส่วนของร่างกาย ทั้งนี้เพื่อความพร้อมเพรียงและกระบวนท่าที่สวยงาม
ก่อนการแสดง ต้องนำขนมไหว้ของชาวจีน ที่เรียกว่า ง่วนก้วย นำมาไหว้และเต้นแสดงให้เทพเจ้าเห็น หลังจากนั้นนำขนมไหว้ ให้ผู้แสดงรับประทาน คนละเล็กละน้อย ทั้งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลในการแสดง ไม่ให้เกิดอุปสรรคใด ๆ เป็นการสร้างขวัญกำลังใจ และทุกครั้งที่กระทำตามนี้ ไม่เคยบังเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ที่ไม่ดีเลย
การแสดงจะใช้ผู้ถือธง (เปรียบเสมือนการให้สัญญาณในการรบ) โดยไม้ไผ่ทั้งลำและธงที่มีพื้นสีแดง ภาษาจีนอยู่กลางธงเป็นอักษรที่กล่าวถึง ชาวเม่งจื้อ (เม่งจื้อ แปลว่า เทพเจ้า) และมียอดโคมไฟ หรือที่เรียกว่า เต็งรั้ง ห้อยแขวนอยู่ที่ปลายยอดไม้ไผ่ มีนักแสดงที่เป็นผู้ถืองู คอยให้จังหวะในการแสดง และนักแสดงอื่น ๆ ก็จะเต้นประกอบจังหวะกันไป
จากหนังสือบันทึกโบราณ โจวหลี่ ระบุว่า พิธีเซ่นไหว้พระจันทร์ทั่วทั้งประเทศนั้น เริ่มขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งที่มาของพิธีในเทศกาลนี้มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับตำนานความฝันของกษัตริย์ถังหมิงหวง เสด็จประพาสพระราชวังบนดวงจันทร์ เรื่องเล่ามีอยู่ว่า ในกลางดึกของคืนเดือนเพ็ญ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 กษัตริย์ถังหมิงหวงบรรทมหลับไปแล้วทรงพระสุบินว่า พระองค์ลอยขึ้นไปเที่ยวชมพระราชวังบนดวงจันทร์ และได้พบเทพธิดาบนดวงจันทร์กำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงาม ในฝันนั้น พระองค์ทรงเพลิดเพลินและเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่ง กระทั่งเมื่อตื่นพระบรรทมและทรงโปรดให้พระสุบินนั้นเป็นความจริง จึงมีรับสั่งให้นางสนมแต่งตัวและร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาในฝัน
ตั้งแต่นั้นมาทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 พระองค์ก็รับสั่งให้จัดเครื่องเซ่นไหว้พระจันทร์และทอดพระเนตรความงามของพระจันทร์ไปพร้อมกับการร่ายรำของนางสนม
ที่มาของ Wording : http://www.nmt.or.th/chonburi/phanatmuni/Lists/List57/AllItems.aspx
ทริปสวนผึ้งราชบุรี : http://pantip.com/topic/32955775
จากอ่างขางสู่ใจกลางม่อนล้าน :http://pantip.com/topic/34307221/