เ อ็ ง ก อ . . . .กับเทศกาลไหว้พระจันทร์ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี


“เอ็งกอ”  เป็นศิลปะการแสดงของชาวจีน  ที่มาพร้อมกับชาวจีนอบยพ  ที่ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในอำเภอพนัสนิคม  จังหวัดชลบุรี  ร่วม  100  ปี  และได้อนุรักษ์ศิลปะนี้มาตลอดหลายช่วงอายุบรรพบุรุษ  ปัจจุบัน “เอ็งกอ”  ได้กลายเป็นศิลปวัฒนธรรมของชาวอำเภอพนัสนิคมไปแล้ว  และได้ร่วมกันจัดตั้ง “เอ็กกอ” ขึ้นมาก็เพื่อความสามัคคี  และการออกกำลังกาย  เป็นสำคัญ  ต้นกำเนิดของเอ็งกอ  ตามประวัติศาสตร์ของประเทศจีนกล่าวไว้ว่า  ณ  ที่เมืองหนึ่งของจีน  มีพวกกบฎได้ทำการยึดเมือง  และกระทำการไม่เหมาะสม  จึงทำให้เหล่าขุนนาง  เศรษฐี  ประชาชน    ไม่ว่าจะยากดีมีจน  ได้รวมพลังกัน  เพื่อที่จะต่อสู้และต้องการให้เมืองที่ตนอาศัยอยู่  ได้กลับคืนมา  จึงมีคนกลุ่มนี้ซึ่งรวมเอาบรรดาชนชั้นต่าง ๆ ร่วมแรงร่วมใจกัน  และมีความสามัคคีกัน  ได้คิดหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะเข้าเมืองโดยไม่ถูกพวกกบฏจับได้  และที่สำคัญคือต้องจำหน้าไม่ได้  คนกลุ่มนี้  จึงคิดการแสดงขึ้นมาชุดหนึ่ง  ให้มีความแตกต่างกันกับการแสดงที่เป็นชุด “งิ้ว” และเรียงขานว่า  “เอ็งกอ”  และวันสำคัญก็มาถึง  เหล่าคนกล้า  ได้แต่งกายเป็นชุดรัดกุม  เหมือนทหารที่ออกศึก  ในรูปแบบการแสดงด้วยการเต้นตีไม้  สร้างความเร้าใจ  ให้ผู้คนสนใจ  ทำให้ทหารฝ่ายกบฏ  แม้กระทั่งขุนนางกังฉิน  ก็ไม่สามารถจำหน้าคนเหล่านี้ได้  เนื่องจากมีการวาดหน้าทั้งใบหน้า  แต่งเติมสีสันที่ฉูดฉาด  ประชาชนที่อยู่ในเมืองที่ทราบข่าวและเป็นพวกเดียวกัน  ได้เตรียมซ่อน  มีด  ซ่อนดาบ  ไว้ให้พวก  “เอ็งกอ”  เมื่อการแสดงเริ่มต้น  ทุกคนต่างสนใจที่ชม  แม้ขุนนางกังฉินก็ชื่นชม    บรรดาพวกกบฏต่างก็ชื่นชม  เมื่อการแสดงได้ล่วงเลยมาพอสมควร  ก็ถึงเวลาที่ผู้กล้าทั้งหลายที่แสดง “เอ็งกอ”  ได้เปลี่ยนมาเป็นคณะกู้เมือง  และสามารถจับพวกกบฏ  ขุนนางกังฉินได้  ที่สำคัญคือได้เมืองกลับคืนมาสำเร็จ

ตามประวัตินั้น  คล้ายกับวีรบุรุษเขาเหลี่ยงซาน  ซึ่งถ้าได้ศึกษาอย่างละเอียด  จะมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อย  แทรกอยู่อย่างมาก  เช่น  นักแสดงเอ็งกอ  ได้แต่งหน้าและท่าทาง  ให้เหมือน บู้ซ้ง, พระจีน  และการแสดงแต่ละครั้งถ้าเป็นชุดสมบูรณ์  ต้องใช้ผู้แสดงจำนวน  108  คน  แต่ในปัจจุบันเรามักจะเห็นไม่ครบ  เนื่องจากการแสดง  การเตรียมความพร้อมทั้งทางกาย  จิตใจ  เสื้อผ้านั้น  ต้องอาศัยความร่วมมือหลายอย่าง  อีกสาเหตุก็คือ  การมีการแสดงเอ็งกอครบ  จำนวน  108  คนนี้มักจะมีเหตุการณ์ณ์สูญเสียชีวิตของนักแสดงเอ็งกอเกิดขึ้น  จึงทำให้ผู้แสดงมีจำนวนไม่ครบจนทุกวันนี้  และส่วนใหญ่ที่แสดงโชว์  หรือออกงานประเพณีต่าง ๆ มักจะมีผู้แสดงอย่างต่ำ  40  คนขึ้นไปเสมอ  ซึ่งไม่รวมพวกตีล้อ  เป่าเขาควาย  ตีกลองใหญ่  ฉาบเล็ก ฯลฯ

ก่อนการฝึกซ้อม  ต้องเชิญผู้ใหญ่ทำพิธีอัญเชิญเทพเจ้า  ตามความเชื่อถือของชาวจีนคือ  ต้นข้าว  ที่เป็นต้นกำพร้า  แต่มีสภาพสมบูรณ์  (เหตุผล  เนื่องมาจากต้องการให้ต้นข้าวสามารถแตกหน่อ   ออกกอเผยแพร่ได้)  และแห่รอบตลาด  เมือง  เพื่อความเป็นสิริมงคล  หลังจากนั้นนำไปประทับ  ณ  สถานที่ฝึกซ้อม  มีโต๊ะบูชาเทพเจ้า  และปักร่มไว้บนโต๊ะ  (ร่มต้องเป็นร่มกระดาษที่คนจีนนิยมใช้)  ให้นักแสดงกราบไหว้เคารพบูชา  ทุกครั้ง  และทุกวันต้องมีของมงคล  โดยเฉพาะขนมจันอับ  ผลไม้  มาไหว้บูชา  น้ำดื่ม  น้ำชา  ต้องไม่ขาด  การฝึกซ้อมจะเน้นกำลังของร่างกาย  แขน  ขา ทุกส่วนของร่างกาย  ทั้งนี้เพื่อความพร้อมเพรียงและกระบวนท่าที่สวยงาม

            ก่อนการแสดง  ต้องนำขนมไหว้ของชาวจีน  ที่เรียกว่า  ง่วนก้วย  นำมาไหว้และเต้นแสดงให้เทพเจ้าเห็น  หลังจากนั้นนำขนมไหว้  ให้ผู้แสดงรับประทาน   คนละเล็กละน้อย  ทั้งนี้เพื่อเป็นสิริมงคลในการแสดง  ไม่ให้เกิดอุปสรรคใด ๆ  เป็นการสร้างขวัญกำลังใจ  และทุกครั้งที่กระทำตามนี้  ไม่เคยบังเกิดเหตุการณ์ใด ๆ ที่ไม่ดีเลย

            การแสดงจะใช้ผู้ถือธง  (เปรียบเสมือนการให้สัญญาณในการรบ)  โดยไม้ไผ่ทั้งลำและธงที่มีพื้นสีแดง  ภาษาจีนอยู่กลางธงเป็นอักษรที่กล่าวถึง  ชาวเม่งจื้อ  (เม่งจื้อ  แปลว่า  เทพเจ้า)  และมียอดโคมไฟ  หรือที่เรียกว่า  เต็งรั้ง  ห้อยแขวนอยู่ที่ปลายยอดไม้ไผ่  มีนักแสดงที่เป็นผู้ถืองู  คอยให้จังหวะในการแสดง  และนักแสดงอื่น ๆ ก็จะเต้นประกอบจังหวะกันไป

    จากหนังสือบันทึกโบราณ  โจวหลี่ ระบุว่า  พิธีเซ่นไหว้พระจันทร์ทั่วทั้งประเทศนั้น  เริ่มขึ้นในสมัยราชวงศ์ถัง  ซึ่งที่มาของพิธีในเทศกาลนี้มีส่วนเกี่ยวเนื่องกับตำนานความฝันของกษัตริย์ถังหมิงหวง  เสด็จประพาสพระราชวังบนดวงจันทร์  เรื่องเล่ามีอยู่ว่า  ในกลางดึกของคืนเดือนเพ็ญ  ขึ้น  15  ค่ำ  เดือน  8  กษัตริย์ถังหมิงหวงบรรทมหลับไปแล้วทรงพระสุบินว่า  พระองค์ลอยขึ้นไปเที่ยวชมพระราชวังบนดวงจันทร์  และได้พบเทพธิดาบนดวงจันทร์กำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงาม  ในฝันนั้น  พระองค์ทรงเพลิดเพลินและเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่ง  กระทั่งเมื่อตื่นพระบรรทมและทรงโปรดให้พระสุบินนั้นเป็นความจริง  จึงมีรับสั่งให้นางสนมแต่งตัวและร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาในฝัน          
               ตั้งแต่นั้นมาทุกวันขึ้น  15  ค่ำ  เดือน  8  พระองค์ก็รับสั่งให้จัดเครื่องเซ่นไหว้พระจันทร์และทอดพระเนตรความงามของพระจันทร์ไปพร้อมกับการร่ายรำของนางสนม






ที่มาของ Wording : http://www.nmt.or.th/chonburi/phanatmuni/Lists/List57/AllItems.aspx

ทริปสวนผึ้งราชบุรี : http://pantip.com/topic/32955775
จากอ่างขางสู่ใจกลางม่อนล้าน :http://pantip.com/topic/34307221/
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่