หลายคนไม่ได้มีโอกาส ได้รับการศึกษา โอกาสที่ดี ก็ต้องเรียนตามมีตามเกิด
ได้อะไรก็ต้องทำไว้ก่อน ยิ่งถ้ายากจนมากๆ ก็จะยิ่งเจอแต่เรือ่งกระทบอึดอัด
เจ็บป่วยที ก็ต้องประคองชีวิตให้หายเอง แล้วไหนเจอผุ้ใหญ่เอาเปรียบอีก
แบบประมาณว่า ไม่ได้ส่งเสริมให้กำลังใจอะไร ก็เอาแต่จิ๊กหัวใช้
เรียกร้องนั่นนี่ ทั้งที่ไม่ได้เคยจะคิดให้หรือช่วยเหลืออะไรเลย
ขณะที่สังคมพวกลูกคนรวยก็เอาแต่บอกทำบุญ (ทำทีเป็นแสน)
แล้วชีวิตจะเจริญ สุดท้ายก็กลายเป็นเเต่เอาหน้า อวดอวยกันเอง
ซึ่งพวกที่บ้านมีฐานะ ก็มักจะมีชีวิตดีกว่า ประมาณว่า เรียนจบมา
ถ้าไม่อยากเป็นลูกจ้างก็ทำกิจการที่บ้าน หรือ ไม่ก็ถูกส่งไปเรียนเมืองนอก
กลับมา ก็ที่บ้านให้ทุนเปิดกิจการ ส่วนพวกจนๆ ก็ดิ้นรน ปากกัดตีนถีบ
เป็นลูกจ้างเขา ใช้แรงกาย แลกข้าวกิน ไม่ว่าจะธุรการ คลังสินค้า
store จัดซื้อ บางคนอาจจะโชคดีหน่อย นายจ้างส่งเสริม
แต่ก็ได้เต็มที่แค่หัวหน้าแผนก ซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่กว่าเจ้าของ
แล้วก็ทำซ้ำๆเดิมๆ จนทำไม่ไหว
ส่วนพวกลูกคนรวย มีฐานะ จบนอกมาก็ได้เป็นประธานกรรมการเลย
บางคนนี่ พ่อแม่ เปิดบริษัทให้เลย เพราะคิดว่า ลูกจะได้มีที่ทำกิน
หรือ ไม่ก็สร้างคอนโด หอพักให้ เพื่อที่ลูกหลานจะได้มีกินใช้
ขณะที่คนทั่วไป ก็ได้แต่ทนๆทำไปและอยู่กับองค์กรที่เขาได้รับเข้าไป
ให้นานที่สุด ใช้ชีวิตซ้ำๆ เช้าตื่น กลับเย็น นอนบ้านเก่าๆ หากมีเงินเหลือหน่อย
ก็ซื้อรถ คอนโด โทรศัพท์ แล้วก็บอกคนทั่วไปว่า ชีวิตสำเร็จแล้ว
ทั้งที่จริงๆก็แค่ มีชีวิตเพื่อใช้หนี้ และ รอความตายเท่านั้น
แล้วก็มีอีกพวกนีง ที่ปั้นตัวเองเป็นกูรู จัดคอร์สเก็บเงิน
พวกโลภๆอยากรวยเร็วๆ สุดท้ายเป็นไงหล่ะ ใครหล่ะที่จนลง
ไหนจะพวกเซียนอสังหาอีก ถ้าเขารวยมากๆแล้ว มาจัดสัมมนาทำไง
อย่าอ้างได้ไหมว่า แบ่งปันความรุ้ (เห็นคิดซะแพงเลย)
แล้วก็มีลูกๆหลานๆ หลายคนถูกผู้ใหญ่ บังคับชีวิตแบบอ้อมๆ เรียกร้องต่างๆ
ให้ทำนั่นนี่ ตามที่ตัวเองต้องการ เช่น ให้ซื้อบ้านใหญ่
แล้วก็เอาเงินเดือน มาให้เขาใช้ เนื่องจาก ส่งเสียไปเยอะมาก
ก็หวังจะสบายบ้าง ขณะที่ คนจำนวนไม่น้อย กินใช้ยังไม่พอ
แต่ก็มีลูกคนมีฐานะจำนวนน้อย ที่พอมองเห็นว่า ชีวิตหาสาระไม่ได้
เพราะเห็นว่า ดิ้นรนมากมาย แสวงหาสิ่งต่างๆ สุดท้ายก็ต้องเหนื่อย
ทั้งชีวิต ไม่พบความสุขทางใจแท้จริง
หรือไม่อยากใช้ชีวิตตามคนในสังคม ก็เลยทิ้งทางโลกออกบวชก็มี
ยังไงอย่าลืม เก็บหอมรอมริบไว้ ในยามจำเป็นบ้าง อาจจะไม่ได้เยอะแยะมาก
แต่ก็ยังดีกว่า ไม่มีอะไร เพราะถึงเวลานั้นจริงๆ อาจจะไม่มีใครช่วยเหลือเราเลยก็ได้
ปล.ไม่ต้องตกใจ หากมีเม้นต์ หยาบๆ คายๆ -ดัน คนพวกนี้มาจากห้องสินธร
ไม่มีความเห็นใจ เข้าใจ เพื่อนมนุษย์เลย วันๆดีแต่โลภ ด่าทอคนอื่น ไม่ต้องเชื่อไปสังเกตดูเองนะ
ปล.2 คนที่เข้ามาอ่าน คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหมด แต่สิ่งที่บอกอยู่ในเนื้อหา
มันคือ ความจริงที่เกิดขึ้นกับหลายๆคน ไม่ได้จะให้รุ้สึกแย่ลง แต่มันคือ สิ่งที่ต้องตระหนัก
เพราะทุกคนเกิดมาไม่เท่า ทุกคนต่างมีปัญหา (คนรวยก็มีปัญหา) ขอให้อดทนใช้ชีวิต
หาเวลาพัก และ อยู่กับตัวเองบ้าง อ่านกระทุ้อย่างมีวิจารณาญาน อะไรดี ก็นำมาปรับใช้
อะไรไม่ดี ไม่เหมาะกับตัวเองก็อย่าเอามา
ไม่รู้สึกเบื่อกันบ้างหรือไง ใช้ชีวิตซ้ำๆเดิมๆ
ได้อะไรก็ต้องทำไว้ก่อน ยิ่งถ้ายากจนมากๆ ก็จะยิ่งเจอแต่เรือ่งกระทบอึดอัด
เจ็บป่วยที ก็ต้องประคองชีวิตให้หายเอง แล้วไหนเจอผุ้ใหญ่เอาเปรียบอีก
แบบประมาณว่า ไม่ได้ส่งเสริมให้กำลังใจอะไร ก็เอาแต่จิ๊กหัวใช้
เรียกร้องนั่นนี่ ทั้งที่ไม่ได้เคยจะคิดให้หรือช่วยเหลืออะไรเลย
ขณะที่สังคมพวกลูกคนรวยก็เอาแต่บอกทำบุญ (ทำทีเป็นแสน)
แล้วชีวิตจะเจริญ สุดท้ายก็กลายเป็นเเต่เอาหน้า อวดอวยกันเอง
ซึ่งพวกที่บ้านมีฐานะ ก็มักจะมีชีวิตดีกว่า ประมาณว่า เรียนจบมา
ถ้าไม่อยากเป็นลูกจ้างก็ทำกิจการที่บ้าน หรือ ไม่ก็ถูกส่งไปเรียนเมืองนอก
กลับมา ก็ที่บ้านให้ทุนเปิดกิจการ ส่วนพวกจนๆ ก็ดิ้นรน ปากกัดตีนถีบ
เป็นลูกจ้างเขา ใช้แรงกาย แลกข้าวกิน ไม่ว่าจะธุรการ คลังสินค้า
store จัดซื้อ บางคนอาจจะโชคดีหน่อย นายจ้างส่งเสริม
แต่ก็ได้เต็มที่แค่หัวหน้าแผนก ซึ่งก็ไม่ได้ใหญ่กว่าเจ้าของ
แล้วก็ทำซ้ำๆเดิมๆ จนทำไม่ไหว
ส่วนพวกลูกคนรวย มีฐานะ จบนอกมาก็ได้เป็นประธานกรรมการเลย
บางคนนี่ พ่อแม่ เปิดบริษัทให้เลย เพราะคิดว่า ลูกจะได้มีที่ทำกิน
หรือ ไม่ก็สร้างคอนโด หอพักให้ เพื่อที่ลูกหลานจะได้มีกินใช้
ขณะที่คนทั่วไป ก็ได้แต่ทนๆทำไปและอยู่กับองค์กรที่เขาได้รับเข้าไป
ให้นานที่สุด ใช้ชีวิตซ้ำๆ เช้าตื่น กลับเย็น นอนบ้านเก่าๆ หากมีเงินเหลือหน่อย
ก็ซื้อรถ คอนโด โทรศัพท์ แล้วก็บอกคนทั่วไปว่า ชีวิตสำเร็จแล้ว
ทั้งที่จริงๆก็แค่ มีชีวิตเพื่อใช้หนี้ และ รอความตายเท่านั้น
แล้วก็มีอีกพวกนีง ที่ปั้นตัวเองเป็นกูรู จัดคอร์สเก็บเงิน
พวกโลภๆอยากรวยเร็วๆ สุดท้ายเป็นไงหล่ะ ใครหล่ะที่จนลง
ไหนจะพวกเซียนอสังหาอีก ถ้าเขารวยมากๆแล้ว มาจัดสัมมนาทำไง
อย่าอ้างได้ไหมว่า แบ่งปันความรุ้ (เห็นคิดซะแพงเลย)
แล้วก็มีลูกๆหลานๆ หลายคนถูกผู้ใหญ่ บังคับชีวิตแบบอ้อมๆ เรียกร้องต่างๆ
ให้ทำนั่นนี่ ตามที่ตัวเองต้องการ เช่น ให้ซื้อบ้านใหญ่
แล้วก็เอาเงินเดือน มาให้เขาใช้ เนื่องจาก ส่งเสียไปเยอะมาก
ก็หวังจะสบายบ้าง ขณะที่ คนจำนวนไม่น้อย กินใช้ยังไม่พอ
แต่ก็มีลูกคนมีฐานะจำนวนน้อย ที่พอมองเห็นว่า ชีวิตหาสาระไม่ได้
เพราะเห็นว่า ดิ้นรนมากมาย แสวงหาสิ่งต่างๆ สุดท้ายก็ต้องเหนื่อย
ทั้งชีวิต ไม่พบความสุขทางใจแท้จริง
หรือไม่อยากใช้ชีวิตตามคนในสังคม ก็เลยทิ้งทางโลกออกบวชก็มี
ยังไงอย่าลืม เก็บหอมรอมริบไว้ ในยามจำเป็นบ้าง อาจจะไม่ได้เยอะแยะมาก
แต่ก็ยังดีกว่า ไม่มีอะไร เพราะถึงเวลานั้นจริงๆ อาจจะไม่มีใครช่วยเหลือเราเลยก็ได้
ปล.ไม่ต้องตกใจ หากมีเม้นต์ หยาบๆ คายๆ -ดัน คนพวกนี้มาจากห้องสินธร
ไม่มีความเห็นใจ เข้าใจ เพื่อนมนุษย์เลย วันๆดีแต่โลภ ด่าทอคนอื่น ไม่ต้องเชื่อไปสังเกตดูเองนะ
ปล.2 คนที่เข้ามาอ่าน คุณไม่จำเป็นต้องเชื่อทั้งหมด แต่สิ่งที่บอกอยู่ในเนื้อหา
มันคือ ความจริงที่เกิดขึ้นกับหลายๆคน ไม่ได้จะให้รุ้สึกแย่ลง แต่มันคือ สิ่งที่ต้องตระหนัก
เพราะทุกคนเกิดมาไม่เท่า ทุกคนต่างมีปัญหา (คนรวยก็มีปัญหา) ขอให้อดทนใช้ชีวิต
หาเวลาพัก และ อยู่กับตัวเองบ้าง อ่านกระทุ้อย่างมีวิจารณาญาน อะไรดี ก็นำมาปรับใช้
อะไรไม่ดี ไม่เหมาะกับตัวเองก็อย่าเอามา