มันต้องทำอย่างไร ถึงจะพอลืมตาอ้างปาก หรือ มีชีวิตที่ดีขึ้นได้บ้าง เวลาก็เหลือน้อยเต็มที

ขอความกรุณา ถ้าจะให้ความเห็น โปรดตอบอย่างสมเหตุสมผล เท่าที่ตัวคุณจะพอทราบ อย่าตอบเชิงเสียดสี ดูแคลน เพราะหลายๆคน ก็กำลังประสบปัญหาชีวิต ดิ้นรน และ พยายามหาทางออกอยู่ อย่าเอาแต่ว่าด้วยคำพูด ทำนองว่า มองไม่ดี คิดไม่ดี คิดแบบนี้ เพราะบางที ที่ลงความเห็นกันมา ก็เป็นสิ่งที่ถูกปลูกฝัง ซึ่งไม่ตรงตามจริงอยู่ อย่าลืมว่าประสบการณ์ ชีวิต สิ่งแวดล้อมแต่ละคนไม่เหมือนกัน

*** ใครที่พอรู้วิธี เล็กๆน้อยๆ ก็โปรดชี้แนะแนวทาง ที่พอจะเป็นไปได้ อย่าเพียงเอาแต่บอก ตามหนังสือ ทฤษฎี ความเชื่อเฉยๆ เพราะ แต่ละคนมันเหมือนกัน ส่วนใครที่พอมีอยู่บ้างแล้ว อาจจะเสนอมุมอื่น เข้ามาประกอบ แล้วกระทู้นี้ จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคน ***

คนลำบาก กันเยอะมากนะ อย่างกระทู้นี้เขาไม่ได้ต้นทุนดี แต่พยายามได้ดี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ก่อนอื่น ขอให้ทำความเข้าใจ ดั่งนี้ก่อนว่า ชีวิตคนเรานั้น เกิดมามันไม่เท่ากันเลย ยิ่งยุคนี่แล้ว เห็นผู้คนมากมาย ที่เที่ยวแต่จะอวดอ้าง สรรพคุณว่า สำเร็จ มีชีวิตที่ดี มั่งคง ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าดูไปจริงๆแล้ว คนพวกนี้ มีต้นทุนชีวิตที่ดีทั้งนั้น บางคนฟังถึงตรงนี้ โปรดอย่าเที่ยวเอาแต่ว่า เอาแต่โทษนั่นนี่ คุณต้องเข้าใจด้วยนะว่า คนที่มีต้นทุนดี บ้านมีฐานะ เขาก็ย่อมจะมีโอกาส ได้รับการศึกษา ได้เรียนดีๆไปด้วย แถมยังมีรถ คอนโด ตั้งแต่ยังเรียน (พ่อแม่ซื้อให้) พอจบมา ถ้าไม่อยากเป็นลูกจ้าง ก็มาเป็นลูกเจ้าของได้เลย แล้วก็มาหลงระเริง ถึงความสำเร็จ ที่ตนเองไม่ได้สร้างเอง ขณะที่คนทั่วไป ปากกัดตีนถีบ ดิ้นรนให้ชีวิตอยู่รอดไปวันๆเท่านั้น

หลายๆคนคงจะเคยได้ยินมาบ้างว่า เราจะต้องหมั่นศึกษาหาความรู้ไว้เยอะๆ จึงจะสามารถจะมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ ซึ่งแหล่งความรู้ที่น่าจะถูกที่สุด ก็คือ หนังสือ นั่นเอง เพียงแต่ว่า หนังสือ เดี๋ยวนี้ ก็แพงมากมายเหลือเกิน ราคา 200-300 เข้าไปแล้ว เนื้อหาก็ไม่ได้เยอะแยะมาก อย่างการอ่านคนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะกี่เล่ม สุดท้ายก็ไม่รู้อยู่ดีว่า เขาทำอย่างไร รู้แค่ว่า บางคนตอนแรกอาจจะลำบาก แล้วอยู่ๆก็รวยขึ้นมา บางคนอาจจะฐานะดีอยู่แล้ว ก็เลยยิ่งทำให้รวยขึ้นอีก แล้วก็มีบางคนอาจจะเจอคนให้โอกาส หรือ มีอะไรเข้ามาในชีวิต แต่คงจะไม่มีใครจะโชคดี แบบนั้นได้ทุกคน เพราะถ้าหากเป็นแบบนั้นทุกคน คงจะรวยไปหมดแล้วสิ ด้วยเหตุนี้ จึงควรจะไปสนใจ คนที่สร้างตัวจากไม่มีอะไรมากกว่า ซึ่งเท่าที่สังเกตมา ถึงบางคนจะสำเร็จ แต่ชีวิตก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรมาก

ส่วนพวกที่เอาอิสระภาพ ความมั่งคั่ง ร่ำรวยมาอ้าง แล้วก็ขายคลอสราคาแพงๆ ให้ไปอบรม แล้วชีวิตจะเปลี่ยน ไปๆมาๆ กลายเป็นว่า คนที่เปลี่ยนคือ คนที่เสนอสิ่งเหล่านี้ มาตอบสนองความฝัน ในการมีชีวิตที่ดีของคนทั่วไป ที่ยังพอมีเงินจะไปจ่าย ค่าคลอส

ส่วนพวกที่บอกว่า ถ้าอยากจะทำธุรกิจส่วนตัว จะต้องหาประสบการณ์ก่อน แต่พอเอาเข้าจริงๆ โดยเฉพาะคนต้นทุนชีวิตที่ไม่ดี ก็แทบจะไม่ได้ประสบการณ์อะไรจากการเป็นลูกจ้างเลย วันๆก็ต้องทำซ้ำๆเดิมๆ เวลาในชีวิตก็ค่อยๆหมดไป เพื่อแลกกับ ค่าข้าว ค่าเดินทาง อันน้อยนิด ไปใช้ในการไปทำให้เจ้าของบริษัท แล้วถ้าดีหน่อย เขาก็ปรับเงิน ปรับตำแหน่งให้ แต่สุดท้ายสิ่งเหล่านี้ มันก็แค่เปลือก ที่หลอกให้คนติดอยู่กับองค์กร ซึ่งพอเขาจะต้องการลดต้นทุน หรือ ต้องการจ้างคนใหม่ ที่เงินเดือนน้อยกว่า เขาก็จะหาทางบีบให้ออก ซึ่งถ้าว่าไปจริงๆชีวิตลูกจ้างไม่มีอิสระเลย ถ้าไม่ใช่ลูกหลานเจ้าของบริษัทด้วยแล้ว

แล้วก็ยังเห็นหลายๆคน ที่เป็นลูกจ้างเขาไปจนทำไม่ไหว หรือ เขาให้ออก เพราะอายุเยอะ เงินเดือนเยอะ สุดท้าย ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป จากนั้นก็มาจบสภาพที่เป็นคนแก่ ค่อยๆหมดหวัง หายใจทิ้งไปวันๆ แล้วก็ตายจากโลกไป แล้วแบบนี้ จะต้องทำอย่างไร ถึงจะมีชีวิตที่ดี อิสระภาพ และ ใช้เวลาในชีวิตไปทำในสิ่งที่ชอบได้

หมายเหตุ :: ประเด็นที่หลายๆคนลงความเห็นมา ก็เป็นเรื่องที่พอจะเห็นแล้วเข้าใจอยู่บ้างแล้ว เพราะชีวิตมันมีหลายมุม อย่างคนต้องทุนดี พ่อแม่สปอยด์มาก เขาก็ย่อมจะไม่เข้าใจถึงความลำบาก ข้นแค้นอะไรนัก ขณะที่คนที่เคยลำบาก หรือ มีชีวิตที่ไม่ค่อยดี จะเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่นมากกว่า ส่วนที่บอกว่า ทุกอย่างอยู่ที่คิด คิดดีชีวิตจะดี ก็เห็นไม่มีใครจะตอบได้เลยว่า คิดแล้ว จะต้องทำอย่างไร ถ้าไม่สำเร็จ หรือ ไม่ได้จะทำแบบไหนต่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 15
ถ้าไม่มีโรคประจำตัวก็นับว่าโชคดีอย่างหนึ่งแล้วครับ ลองทำใจให้สงบดูครับ อยู่กับปัจจุบันขณะวันละนิดวันละหน่อย ถ้าไม่เคยนั่งสมาธิก็แค่ให้รู้ตัวว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ หายใจเข้าหรือออก ประมาณนี้ครับ ปลีกตัวออกจากความเครียดที่รุมเร้าก่อนครับ

ปัญหา อุปสรรค ความเครียดมันเหมือนภูเขาครับ ยิ่งเข้าใกล้มันยิ่งใหญ่ครับ ไม่ได้ให้หนีปัญหานะครับ เพียงแต่อยากให้ลองหันหลังให้ภูเขาลูกใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าสักพัก สงบจิตใจ ให้กำลังใจตัวเอง หยุดคิดเรื่องร้ายๆ เมื่อรู้สึกดีขึ้นแล้ว ค่อยหันกลับไปหาภูเขาลูกนั้นใหม่ มองมันตามความจริงครับ อย่าให้กำลังใจด้วยการหลอกตัวเอง อย่าบั่นทอนจิตใจด้วยการมองมันในแง่ร้าย มองมันด้วยความจริง แล้วค่อยๆ หาทางข้ามเขาไปให้ได้ครับ วิ่งไม่ไหวก็เดิน เดินไม่ไหวก็คลาน เหนื่อยก็พักก่อน แต่อย่ายอมแพ้ครับ ท่องไว้ครับ ทุกเรื่องราว "มันจะผ่านไป" เคยสุขยังทุกข์ได้ เมื่อทุกข์ก็ต้องกลับไปสุขได้ มันเวียนอยู่อย่างนี้แหละครับ ไม่มีอะไรแน่นอน

The pessimist complains about the wind;
the optimist expects it to change;
the realist adjusts the sails.
- William Arthur Ward

คนมองโลกในแง่ร้ายบ่นเรื่องลม
คนมองโลกในแง่ดีหวังว่าลมจะเปลี่ยนทิศ
คนที่อยู่กับความจริงปรับใบเรือ
- วิลเลียม อาร์เธอร์ วอร์ด

ชีวิตยังมีพรุ่งนี้เสมอครับ สู้ๆ ครับ ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่