แพทย์สะท้อนพฤติกรรมหนุ่ม-สาว
คลั่งความงาม-เสพติดการศัลยกรรม
"ศัลยกรรมความงาม"ยังคงเป็นเทรนด์ฮอต โดยเฉพาะในโลกออนไลน์เรื่องของศัลยกรรมทุกจุดบนร่างกาย อิทธิพลจากสื่อที่มากมายขณะนี้ เชื่อหรือไม่ว่า กลายเป็นข้อมูลที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต
ลองมาดูกันว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นพ.ชลธิศสินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทยและศัลยแพทย์ ลิสต์มานี้ ตรงกับตัวคุณบ้างหรือเปล่า
มองศัลยแพทย์เหมือนช่างเสริมสวยใน"บิวตี้ซาลอน"พฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าการพบศัลยแพทย์เพื่อทำศัลยกรรมความงามนั้นก็เหมือนๆ กับการเข้าร้านเสริมสวย มีแค่ภาพดาราที่ชอบมาด้วยก็สวยได้แล้ว ซึ่งความจริง "ศัลยกรรมความงาม" นั้นไม่ใช่การก๊อบปี้รูปหน้าของใครๆ มาวางไว้บนใบหน้าตนเองได้ เพราะโครง สร้างใบหน้าของแต่ละคนแตกต่างกัน หากไม่ศึกษาข้อมูลก่อนการทำศัลยกรรมย่อม เกิดผลกระทบ
พฤติกรรม "คลั่ง" โฆษณา เสริมจมูกสไตล์เกาหลี จูงใจหนุ่มสาว ที่อยากดูดีด้วยมีดหมอ สื่อออนไลน์จึงถูกใช้เป็นช่องทางโหมกระแสสวยด้วยศัลยกรรม แต่ในไทยยังขาดการควบคุมที่จริงจัง สื่อออนไลน์จึงถูกใช้เป็นช่องทางมอมเมาผู้บริโภคมากที่สุด หากไม่ตั้งสติในการเสพข่าวสาร ผลกระทบก็จะตามมา
เสพติด "มีดหมอ" พฤติกรรม "เสพติดการทำศัลยกรรม" หลายคนอยากสวยจนไม่รู้จักความพอดี อย่างที่เราเห็นคนดังหลายคนหน้าพัง ขณะที่คนไข้บางคนอาจเครียดสะสม ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า Body Dysmorphic Disorder โรควิตกกังวลไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตัวเอง ส่วนใหญ่จะไม่ไปพบจิตแพทย์ แต่จะเลือกพบศัลยแพทย์
พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปมองว่าการศัลยกรรมเป็นเรื่องง่ายจึงทำให้ตัดสินใจทำโดยขาดการศึกษาข้อมูลก่อนและขณะนี้ตลาดศัลยกรรมความงามในไทยเติบโตสูงมากแต่สิ่งที่สวนทาง คือการพัฒนาด้านการรักษาของแพทย์ จึงเกิดเคสที่ผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อจากความผิดพลาด หลังเข้ารับการทำศัลยกรรมความงามมากมาย
นอกจากนี้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของไทยยังไม่สามารถเยียวยาให้เหยื่อได้รับการชดเชยอย่างเหมาะสมบทลงโทษแพทย์และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ยังไม่รุนแรงพอ เจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายก็ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีด้านนี้อย่างดีพอ ส่วนกฎหมายของแพทย สภานั้น ก็ยังลงไปไม่ถึงเรื่องการโฆษณา ชวนเชื่อ
จึงควรเร่งวางรากฐานความรู้ให้กับแพทย์เพื่อพัฒนาคุณภาพด้านการรักษาและให้บริการรองรับการเติบโตของตลาดศัลยกรรมความงามโดยขณะนี้ทางสมาคมกำลังร่วมมือกับสถาบันต่างๆจัดสัมมนาให้ความรู้กับแพทย์ไทยอย่างจริงจัง และเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาให้ความรู้
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1444459756
แพทย์สะท้อนพฤติกรรมหนุ่ม-สาว คลั่งความงาม-เสพติดการศัลยกรรม
แพทย์สะท้อนพฤติกรรมหนุ่ม-สาว
คลั่งความงาม-เสพติดการศัลยกรรม
"ศัลยกรรมความงาม"ยังคงเป็นเทรนด์ฮอต โดยเฉพาะในโลกออนไลน์เรื่องของศัลยกรรมทุกจุดบนร่างกาย อิทธิพลจากสื่อที่มากมายขณะนี้ เชื่อหรือไม่ว่า กลายเป็นข้อมูลที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต
ลองมาดูกันว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคที่นพ.ชลธิศสินรัชตานันท์ นายกสมาคมศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าแห่งประเทศไทยและศัลยแพทย์ ลิสต์มานี้ ตรงกับตัวคุณบ้างหรือเปล่า
มองศัลยแพทย์เหมือนช่างเสริมสวยใน"บิวตี้ซาลอน"พฤติกรรมของผู้บริโภคส่วนใหญ่มองว่าการพบศัลยแพทย์เพื่อทำศัลยกรรมความงามนั้นก็เหมือนๆ กับการเข้าร้านเสริมสวย มีแค่ภาพดาราที่ชอบมาด้วยก็สวยได้แล้ว ซึ่งความจริง "ศัลยกรรมความงาม" นั้นไม่ใช่การก๊อบปี้รูปหน้าของใครๆ มาวางไว้บนใบหน้าตนเองได้ เพราะโครง สร้างใบหน้าของแต่ละคนแตกต่างกัน หากไม่ศึกษาข้อมูลก่อนการทำศัลยกรรมย่อม เกิดผลกระทบ
พฤติกรรม "คลั่ง" โฆษณา เสริมจมูกสไตล์เกาหลี จูงใจหนุ่มสาว ที่อยากดูดีด้วยมีดหมอ สื่อออนไลน์จึงถูกใช้เป็นช่องทางโหมกระแสสวยด้วยศัลยกรรม แต่ในไทยยังขาดการควบคุมที่จริงจัง สื่อออนไลน์จึงถูกใช้เป็นช่องทางมอมเมาผู้บริโภคมากที่สุด หากไม่ตั้งสติในการเสพข่าวสาร ผลกระทบก็จะตามมา
เสพติด "มีดหมอ" พฤติกรรม "เสพติดการทำศัลยกรรม" หลายคนอยากสวยจนไม่รู้จักความพอดี อย่างที่เราเห็นคนดังหลายคนหน้าพัง ขณะที่คนไข้บางคนอาจเครียดสะสม ซึ่งทางการแพทย์เรียกว่า Body Dysmorphic Disorder โรควิตกกังวลไม่ชอบรูปร่างหน้าตาตัวเอง ส่วนใหญ่จะไม่ไปพบจิตแพทย์ แต่จะเลือกพบศัลยแพทย์
พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปมองว่าการศัลยกรรมเป็นเรื่องง่ายจึงทำให้ตัดสินใจทำโดยขาดการศึกษาข้อมูลก่อนและขณะนี้ตลาดศัลยกรรมความงามในไทยเติบโตสูงมากแต่สิ่งที่สวนทาง คือการพัฒนาด้านการรักษาของแพทย์ จึงเกิดเคสที่ผู้บริโภคตกเป็นเหยื่อจากความผิดพลาด หลังเข้ารับการทำศัลยกรรมความงามมากมาย
นอกจากนี้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของไทยยังไม่สามารถเยียวยาให้เหยื่อได้รับการชดเชยอย่างเหมาะสมบทลงโทษแพทย์และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องก็ยังไม่รุนแรงพอ เจ้าหน้าที่ด้านกฎหมายก็ไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินคดีด้านนี้อย่างดีพอ ส่วนกฎหมายของแพทย สภานั้น ก็ยังลงไปไม่ถึงเรื่องการโฆษณา ชวนเชื่อ
จึงควรเร่งวางรากฐานความรู้ให้กับแพทย์เพื่อพัฒนาคุณภาพด้านการรักษาและให้บริการรองรับการเติบโตของตลาดศัลยกรรมความงามโดยขณะนี้ทางสมาคมกำลังร่วมมือกับสถาบันต่างๆจัดสัมมนาให้ความรู้กับแพทย์ไทยอย่างจริงจัง และเชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาให้ความรู้
ข่าวจาก : มติชนออนไลน์
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1444459756