จากการที่แทฮันนี่ แฝดคนโต มีอาการกระพริบตาบ่อยๆ และต้องเพ่งมองจอทีวีในระยะที่ใกล้ๆจึงจะสามารถมองเห็นได้ชัด
ทำให้คุณพ่อสังเกตุเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นค่ะ แล้วอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ผู้ปกครองจะมีวิธีการในการสังเกตสายตาของเด็กๆได้อย่างไร
เรามาลองทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆ ผ่านเกร็ดเล็กๆในกระทู้นี้ดูนะคะ
ภาวะสายตาที่ผิดปกติในเด็ก ในกรณีของแทฮัน
น้องแทฮันมีลักษณะของ
ภาวะสายตาพร่ามัวจากสายตาสั้น ร่วมกับภาวะขนตาขึ้นผิดรูป(ซึ่งทำให้น้องกระพริบตาบ่อยๆค่ะ)
เรามาทำความรู้จักกันโดยคร่าวๆ
ภาวะสายตาสั้น ในเด็ก
สาเหตุหลักๆ
-กรรมพันธุ์
-สิ่งแวดล้อม
หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน
การแก้ไข การรักษา
1 ใส่ Contact Lens ควรใช้ในเด็กที่โตแล้วและมีความรับผิดชอบ เพราะบางคนชอบใส่ Contact Lens เป็นแฟชั่น ไม่ดูแลรักษาความสะอาด จะทำให้เกิดภาวะตาอักเสบจากภูมิแพ้ หรืออักเสบติดเชื้อที่ตาได้ การใส่ Contact Lens ควรใส่ด้วยความระมัดระวัง และดูแลทำความสะอาดให้ดี
2.ผ่าตัดแก้ไขสายตาสั้น เช่น การใส่เลนส์เข้าภายในลูกตา หรือการใช้แสงเลเซอร์ (LASIK) ควรทำเมื่ออายุประมาณ 20 ปี ไปแล้วเพราะช่วงวัยนั้นสายตาสั้นเริ่มคงที่แล้ว
**อ้างอิง(ผศ.นพ.ธรรมนูญ สุรชาติกำธรกุล ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล)
ภาวะผิดปกติขนตาเก แยงตา และขึ้นผิดรูป
สาเหตุ
เกิดจากแนวขนตาชี้ผิดแนว ขนตาคนเราโดยปกติจะไม่ขึ้นแทงเข้าไปในลูกตา แต่ในบางคนที่มีความผิดปกติที่หนังตาบนหรือล่าง
จะทำให้เกิดการชี้ขึ้นของขนตาในมุมที่ผิดปกติออกไปค่ะ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการระบายเคืองนัยย์ตา และกระพริบตาบ่อยๆ
หรือส่วนหนึ่งเกิดจากหนังตาเคยเป็นแผล เกิดแผลเป็นรั้งขนตาให้ม้วนเข้าหากัน
การรักษา
-ถ้าเป็นไม่มากใช้วิธีถอนขนตาออก ประมาณ 6 - 8 สัปดาห์ขนตาจะงอกใหม่ก็ถอนซ้ำ
-การจี้ต่อมขนตาด้วยไฟฟ้า
-วิธีสุดท้ายคือผ่าตัดเอาหนังตาบริเวณขนตาที่แยงออก
**ทั้งหมดทำโดยจักษุแพทย์ที่มีความชำนาญค่ะ**

จะเห็นได้ว่าในกรณีของน้องแทฮัน เป็นเพียงแค่หนึ่งในความผิดปกติของสายตาในเด็กที่เราสามารถพบได้
ยังมีความผิดปกติของสายตาในเด็กที่ผู้ปกครอง รวมถึงผู้ใหญ่อย่างเราๆเองก็ควรทำความรู้จักเอาไว้เช่นกัน เรามารู้จักโรคทางตาในเด็กโดยรวมๆกันนะคะ
โรคตาที่พบได้มากในเด็กมีอะไรบ้าง
เด็กคลอดก่อนกำหนด: โรคจอประสาทตาเสื่อม
เด็กทารก: โรคต้อกระจก โรคต้อหิน และโรคที่มีความผิดปกติในส่วนหน้าของตา
เด็กก่อนวัยเรียน:โรคสายตาขี้เกียจ โรคตาเข และภาวะสายตาที่มากและไม่เท่ากัน
เด็กวัยเรียนอายุมากกว่า 6 ปี:ภาวะสายตาผิดปกติ
โรคสายตาขี้เกียจเป็นอย่างไร
โรคสายตาขี้เกียจเกิดจากการที่มีปัจจัยที่ทำให้ตาข้างนั้นๆ มองเห็นภาพไม่ชัดในช่วงอายุ 7 ปีแรก
ซึ่งเป็นช่วงที่มีพัฒนาการของการมองเห็น ส่งผลให้การรับภาพโดยสมองจากตาข้างดังกล่าวลดน้อยลง
ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข อาจส่งผลให้มีการมองเห็นลดลงอย่างถาวรได้
สาเหตุใดบ้างที่ทำให้เกิดโรคสายตาขี้เกียจ
สาเหตุที่พบบ่อยที่ทำให้เกิดโรคสายตาขี้เกียจ ได้แก่ โรคตาเข สายตาสั้น ยาว เอียง
โรคของจอประสาทตาและประสาทตา และโรคตาที่ทำให้เกิดการบดบังของการมองเห็น เช่น โรคต้อกระจก หนังตาตก เป็นต้น
ซึ่งบางโรคก็ยากที่จะสังเกตเห็น และบางครั้งเด็กก็ไม่สามารถบอกอาการผิดปกตินี้ได้ เนื่องจากเด็กอาจใช้ตาที่ปกติเพียงข้างเดียว
มองเป็นประจำ(ตรงนี้ล่ะค่ะ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใช้การสังเกตมากๆ)
เมื่อไรที่ควรพาลูกไปพบจักษุแพทย์
กลุ่มที่ 1: เด็กที่มีความผิดปกติ (เช่น เด็กที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีความผิดปกติทางสมองและพัฒนาการ เด็กที่มีโรคประจำตัวอื่นที่แพทย์เห็นว่าอาจสัมพันธ์กับโรคตา เด็กที่มีความผิดปกติของตาที่สังเกตได้ และเด็กที่มีสมาชิกในครอบครัวที่มีความผิดปกติทางตาที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้) คุณพ่อคุณแม่จะต้องพาลูกมาพบจักษุแพทย์ทันทีที่พบความผิดปกติเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากในบางโรค หากรักษาช้าเกินไป อาจส่งผลต่อการมองเห็นในระยะยาวได้
กลุ่มที่ 2: เด็กปกติ คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกมาพบจักษุแพทย์ตามระยะเวลา

ครั้งที่ 1: ที่อายุ 3-6 เดือน ในระยะนี้กุมารแพทย์จะตรวจดูการตอบสนองคร่าวๆอยู่แล้ว แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ไม่แน่ใจว่าลูกปกติหรือไม่ ก็ควรพาลูกมาพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจดูว่าลูกมีการตอบสนองการมองเห็นที่ผิดปกติหรือไม่ มีการกลอกตาผิดปกติหรือไม่ มีตาเหล่หรือไม่ ซึ่งการตรวจพบและรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ จะให้ผลการรักษาที่ดีกว่าการตรวจพบในภายหลัง

ครั้งที่ 2: ที่อายุประมาณ 3-4 ปี ช่วงนี้เด็กจะเริ่มวัดระดับการมองเห็นได้ รวมทั้งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่ยังสามารถรักษาโรคสายตาขี้เกียจให้ได้ผลดี นอกจากนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกายังแนะนำให้เด็กมีการตรวจตาเบื้องต้นอย่างน้อยในช่วงอายุนี้เช่นกัน
(แฝดสาม แทฮัน มินกุ้ก และมันเซ ก็อยู่ในช่วงอายุนี้เช่นกันค่ะ)

ครั้งที่ 3:ที่อายุประมาณ 5-6 ปี ช่วงนี้เป็นช่วงที่พบค่าสายตาเปลี่ยนได้บ่อย รวมทั้งเป็นวัยที่ต้องใช้สายตามากขึ้นในการเรียน

ครั้งต่อๆ ไป: ประมาณทุก 1-2 ปีไปจนถึงอายุ 18 ปี หรือขึ้นกับอาการและความผิดปกติที่ตรวจพบในครั้งแรกๆ
อ้างอิง (พญ.ณัฐธิดา วงศ์วีระวัฒน์ จักษุแพทย์เด็ก ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์)

ในกรณีของแทฮัน คุณพ่อมีประวัติเป็นต้อกระจก และคุณแม่ มีสายตาสั้นค่ะ ดังนั้นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่แทเกิดสายตาสั้นในเด็ก แน่นอนว่ามาจากพันธุกรรมด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนการเลี้ยงดู อัปปาและออมม่าก็คงต้องดูแลพี่แทเป็นพิเศษหน่อยล่ะค่ะ

ความเห็นส่วนตัวของ จขกท. คือ ตั้งแต่ดูแฝดสามมา จนเริ่มแยกลักษณะนิสัยของน้องๆแต่ละคนได้
จะสังเกตุได้ว่า พี่แทจะไม่ค่อยชอบกิจกรรมที่แอดเวนเจอร์ พวกเล่นสกี หรือกิจกรรมที่ต้องใช้สายตามองในระยะไกลๆน่ะค่ะ
(มีบางอีพี อัปปาให้เด็กๆโดนสลิงด้วย) ซึ่งพี่แทก็จะงอแงมาก
มาคิดดูแล้ว พอถึงตอนที่รู้ว่าน้องมีความผิดปกติที่สายตา เลยทำให้มองเห็นระยะไกลได้ไม่ค่อยชัดนี่
เลยแอบคิดว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเค้ามองไม่ค่อยเห็นด้วยหรือเปล่าเลยทำให้กลัวแล้วเลยไม่กล้าแสดงออก
แต่พอตอนนี้พี่แทใส่แว่นแล้ว แม่ๆน่าจะเห็นตรงกันนะคะ พี่แทหล่อออ (ไม่ใช่ประเด็นละ55)
พี่แท ร่าเริงและกล้าแสดงออกขึ้นเยอะเลยค่ะ ตั้งแต่ใส่แว่น
ต้องขอบคุณแว่นตาวิเศษ ของแทฮันนนี่ นะคะ ที่ทำให้พวกเราได้เห็นแทฮันในมุมที่สดใสมากขึ้น
และหวังว่าน้องแทฮัน จะสามารถรักษาภาวะผิดปกติทางสายตานี้ได้
เป็นกำลังใจให้พี่แท และครอบครัวแฝดสามเสมอนะคะ
แทฮันนี่ รักหนูนะครับ โปะ โปะ

ปล.จ้าา บทความเนื้อหาในกระทู้ จขกท.เรียบเรียงเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านมากยิ่งขึ้น โดยเสริมจากบทความเดิม ซึ่งได้ใส่เครดิตของเจ้าของบทความเอาไว้แล้วนะคะ หากมีแม่ๆท่านไหนที่มีความรู้ทางด้านนี้เพิ่ม จขกท.ยินดีมากๆที่จะเพิ่มเติมเนื้อหาในกระทู้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ปกครองที่สนใจต่อไปค่ะ
"แว่นตาวิเศษของแทฮันนี่" (เรียนรู้โรคทางสายตาที่ไม่ควรมองข้ามในเด็ก ผ่านแฝดสาม)
ทำให้คุณพ่อสังเกตุเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นค่ะ แล้วอะไรคือสาเหตุที่แท้จริง ผู้ปกครองจะมีวิธีการในการสังเกตสายตาของเด็กๆได้อย่างไร
เรามาลองทำความเข้าใจกันแบบง่ายๆ ผ่านเกร็ดเล็กๆในกระทู้นี้ดูนะคะ
น้องแทฮันมีลักษณะของ ภาวะสายตาพร่ามัวจากสายตาสั้น ร่วมกับภาวะขนตาขึ้นผิดรูป(ซึ่งทำให้น้องกระพริบตาบ่อยๆค่ะ)
เรามาทำความรู้จักกันโดยคร่าวๆ
สาเหตุหลักๆ
-กรรมพันธุ์
-สิ่งแวดล้อม
หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน
การแก้ไข การรักษา
1 ใส่ Contact Lens ควรใช้ในเด็กที่โตแล้วและมีความรับผิดชอบ เพราะบางคนชอบใส่ Contact Lens เป็นแฟชั่น ไม่ดูแลรักษาความสะอาด จะทำให้เกิดภาวะตาอักเสบจากภูมิแพ้ หรืออักเสบติดเชื้อที่ตาได้ การใส่ Contact Lens ควรใส่ด้วยความระมัดระวัง และดูแลทำความสะอาดให้ดี
2.ผ่าตัดแก้ไขสายตาสั้น เช่น การใส่เลนส์เข้าภายในลูกตา หรือการใช้แสงเลเซอร์ (LASIK) ควรทำเมื่ออายุประมาณ 20 ปี ไปแล้วเพราะช่วงวัยนั้นสายตาสั้นเริ่มคงที่แล้ว
**อ้างอิง(ผศ.นพ.ธรรมนูญ สุรชาติกำธรกุล ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล)
สาเหตุ
เกิดจากแนวขนตาชี้ผิดแนว ขนตาคนเราโดยปกติจะไม่ขึ้นแทงเข้าไปในลูกตา แต่ในบางคนที่มีความผิดปกติที่หนังตาบนหรือล่าง
จะทำให้เกิดการชี้ขึ้นของขนตาในมุมที่ผิดปกติออกไปค่ะ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการระบายเคืองนัยย์ตา และกระพริบตาบ่อยๆ
หรือส่วนหนึ่งเกิดจากหนังตาเคยเป็นแผล เกิดแผลเป็นรั้งขนตาให้ม้วนเข้าหากัน
การรักษา
-ถ้าเป็นไม่มากใช้วิธีถอนขนตาออก ประมาณ 6 - 8 สัปดาห์ขนตาจะงอกใหม่ก็ถอนซ้ำ
-การจี้ต่อมขนตาด้วยไฟฟ้า
-วิธีสุดท้ายคือผ่าตัดเอาหนังตาบริเวณขนตาที่แยงออก
**ทั้งหมดทำโดยจักษุแพทย์ที่มีความชำนาญค่ะ**
ยังมีความผิดปกติของสายตาในเด็กที่ผู้ปกครอง รวมถึงผู้ใหญ่อย่างเราๆเองก็ควรทำความรู้จักเอาไว้เช่นกัน เรามารู้จักโรคทางตาในเด็กโดยรวมๆกันนะคะ
โรคตาที่พบได้มากในเด็กมีอะไรบ้าง
เด็กคลอดก่อนกำหนด: โรคจอประสาทตาเสื่อม
เด็กทารก: โรคต้อกระจก โรคต้อหิน และโรคที่มีความผิดปกติในส่วนหน้าของตา
เด็กก่อนวัยเรียน:โรคสายตาขี้เกียจ โรคตาเข และภาวะสายตาที่มากและไม่เท่ากัน
เด็กวัยเรียนอายุมากกว่า 6 ปี:ภาวะสายตาผิดปกติ
โรคสายตาขี้เกียจเป็นอย่างไร
โรคสายตาขี้เกียจเกิดจากการที่มีปัจจัยที่ทำให้ตาข้างนั้นๆ มองเห็นภาพไม่ชัดในช่วงอายุ 7 ปีแรก
ซึ่งเป็นช่วงที่มีพัฒนาการของการมองเห็น ส่งผลให้การรับภาพโดยสมองจากตาข้างดังกล่าวลดน้อยลง
ถ้าไม่ได้รับการแก้ไข อาจส่งผลให้มีการมองเห็นลดลงอย่างถาวรได้
สาเหตุใดบ้างที่ทำให้เกิดโรคสายตาขี้เกียจ
สาเหตุที่พบบ่อยที่ทำให้เกิดโรคสายตาขี้เกียจ ได้แก่ โรคตาเข สายตาสั้น ยาว เอียง
โรคของจอประสาทตาและประสาทตา และโรคตาที่ทำให้เกิดการบดบังของการมองเห็น เช่น โรคต้อกระจก หนังตาตก เป็นต้น
ซึ่งบางโรคก็ยากที่จะสังเกตเห็น และบางครั้งเด็กก็ไม่สามารถบอกอาการผิดปกตินี้ได้ เนื่องจากเด็กอาจใช้ตาที่ปกติเพียงข้างเดียว
มองเป็นประจำ(ตรงนี้ล่ะค่ะ ที่คุณพ่อคุณแม่ต้องใช้การสังเกตมากๆ)
เมื่อไรที่ควรพาลูกไปพบจักษุแพทย์
กลุ่มที่ 1: เด็กที่มีความผิดปกติ (เช่น เด็กที่คลอดก่อนกำหนด เด็กที่มีความผิดปกติทางสมองและพัฒนาการ เด็กที่มีโรคประจำตัวอื่นที่แพทย์เห็นว่าอาจสัมพันธ์กับโรคตา เด็กที่มีความผิดปกติของตาที่สังเกตได้ และเด็กที่มีสมาชิกในครอบครัวที่มีความผิดปกติทางตาที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้) คุณพ่อคุณแม่จะต้องพาลูกมาพบจักษุแพทย์ทันทีที่พบความผิดปกติเพื่อให้ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที เนื่องจากในบางโรค หากรักษาช้าเกินไป อาจส่งผลต่อการมองเห็นในระยะยาวได้
กลุ่มที่ 2: เด็กปกติ คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกมาพบจักษุแพทย์ตามระยะเวลา
(แฝดสาม แทฮัน มินกุ้ก และมันเซ ก็อยู่ในช่วงอายุนี้เช่นกันค่ะ)
อ้างอิง (พญ.ณัฐธิดา วงศ์วีระวัฒน์ จักษุแพทย์เด็ก ศูนย์กุมารเวช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์)
ในกรณีของแทฮัน คุณพ่อมีประวัติเป็นต้อกระจก และคุณแม่ มีสายตาสั้นค่ะ ดังนั้นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่แทเกิดสายตาสั้นในเด็ก แน่นอนว่ามาจากพันธุกรรมด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนการเลี้ยงดู อัปปาและออมม่าก็คงต้องดูแลพี่แทเป็นพิเศษหน่อยล่ะค่ะ
จะสังเกตุได้ว่า พี่แทจะไม่ค่อยชอบกิจกรรมที่แอดเวนเจอร์ พวกเล่นสกี หรือกิจกรรมที่ต้องใช้สายตามองในระยะไกลๆน่ะค่ะ
(มีบางอีพี อัปปาให้เด็กๆโดนสลิงด้วย) ซึ่งพี่แทก็จะงอแงมาก
มาคิดดูแล้ว พอถึงตอนที่รู้ว่าน้องมีความผิดปกติที่สายตา เลยทำให้มองเห็นระยะไกลได้ไม่ค่อยชัดนี่
เลยแอบคิดว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเค้ามองไม่ค่อยเห็นด้วยหรือเปล่าเลยทำให้กลัวแล้วเลยไม่กล้าแสดงออก
แต่พอตอนนี้พี่แทใส่แว่นแล้ว แม่ๆน่าจะเห็นตรงกันนะคะ พี่แทหล่อออ (ไม่ใช่ประเด็นละ55)
พี่แท ร่าเริงและกล้าแสดงออกขึ้นเยอะเลยค่ะ ตั้งแต่ใส่แว่น
ต้องขอบคุณแว่นตาวิเศษ ของแทฮันนนี่ นะคะ ที่ทำให้พวกเราได้เห็นแทฮันในมุมที่สดใสมากขึ้น
และหวังว่าน้องแทฮัน จะสามารถรักษาภาวะผิดปกติทางสายตานี้ได้
เป็นกำลังใจให้พี่แท และครอบครัวแฝดสามเสมอนะคะ
แทฮันนี่ รักหนูนะครับ โปะ โปะ
ปล.จ้าา บทความเนื้อหาในกระทู้ จขกท.เรียบเรียงเพื่อให้ง่ายต่อการอ่านมากยิ่งขึ้น โดยเสริมจากบทความเดิม ซึ่งได้ใส่เครดิตของเจ้าของบทความเอาไว้แล้วนะคะ หากมีแม่ๆท่านไหนที่มีความรู้ทางด้านนี้เพิ่ม จขกท.ยินดีมากๆที่จะเพิ่มเติมเนื้อหาในกระทู้เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้ปกครองที่สนใจต่อไปค่ะ