ดวงตาเป็นอวัยวะสำคัญที่ช่วยให้เราเห็นโลกได้อย่างชัดเจน แต่เมื่ออายุมากขึ้น หลายคนอาจเผชิญกับภาวะ “ต้อกระจก” ซึ่งเกิดจากการที่เลนส์ตาขุ่นมัว ทำให้การมองเห็นพร่ามัว มองภาพไม่ชัดเหมือนมีหมอกบังตา
ต้อกระจกเป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การสัมผัสรังสี UV บ่อย ๆ การใช้ยาสเตียรอยด์ การบาดเจ็บที่ตา หรือโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน
ทำไมเราควรป้องกันต้อกระจก
แม้ว่าต้อกระจกสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด แต่การดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีกว่า ประหยัดค่าใช้จ่าย และยังคงสายตาชัดเจนได้ยาวนาน
5 เคล็ดลับป้องกันต้อกระจก
ใส่แว่นกันแดด
เลือกแว่นที่สามารถกรองรังสี UVA และ UVB ได้ทุกครั้งเมื่อออกกลางแจ้ง
รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
เช่น ผักใบเขียว (คะน้า ผักโขม) ผักผลไม้สีส้มเหลือง (แครอท ฟักทอง ส้ม) และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ซึ่งช่วยบำรุงเลนส์ตา
งดสูบบุหรี่และลดแอลกอฮอล์
เพราะสารพิษจากบุหรี่และแอลกอฮอล์ทำให้เลนส์ตาเสื่อมเร็วกว่าปกติ
ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ
โดยเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 40 ปี หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวานและความดันโลหิตสูง
พักสายตาขณะใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือ
ใช้กฎ 20-20-20: มองไกล 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) นาน 20 วินาที ทุก ๆ 20 นาที
สัญญาณเตือนที่ควรพบจักษุแพทย์
มองเห็นภาพมัวหรือพร่าลง
เห็นแสงไฟกระจายเวลาขับรถตอนกลางคืน
ต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อยขึ้น
มองสีไม่ชัดเจน สีดูหม่นกว่าปกติ
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด
สรุป
ต้อกระจกไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่สามารถชะลอการเกิดและลดความเสี่ยงได้ด้วยการดูแลดวงตาอย่างถูกวิธีตั้งแต่วันนี้
“การปกป้องสายตาในวันนี้ คือการรักษาคุณภาพชีวิตในวันข้างหน้า”
ห่างไกลต้อกระจก ดูแลดวงตาให้สดใสไปอีกนาน
ต้อกระจกเป็นโรคที่พบได้บ่อย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ แต่ก็สามารถเกิดได้จากหลายปัจจัย เช่น การสัมผัสรังสี UV บ่อย ๆ การใช้ยาสเตียรอยด์ การบาดเจ็บที่ตา หรือโรคประจำตัวบางอย่าง เช่น เบาหวาน
ทำไมเราควรป้องกันต้อกระจก
แม้ว่าต้อกระจกสามารถรักษาได้ด้วยการผ่าตัด แต่การดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีกว่า ประหยัดค่าใช้จ่าย และยังคงสายตาชัดเจนได้ยาวนาน
5 เคล็ดลับป้องกันต้อกระจก
ใส่แว่นกันแดด
เลือกแว่นที่สามารถกรองรังสี UVA และ UVB ได้ทุกครั้งเมื่อออกกลางแจ้ง
รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ
เช่น ผักใบเขียว (คะน้า ผักโขม) ผักผลไม้สีส้มเหลือง (แครอท ฟักทอง ส้ม) และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ซึ่งช่วยบำรุงเลนส์ตา
งดสูบบุหรี่และลดแอลกอฮอล์
เพราะสารพิษจากบุหรี่และแอลกอฮอล์ทำให้เลนส์ตาเสื่อมเร็วกว่าปกติ
ตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ
โดยเฉพาะผู้ที่อายุเกิน 40 ปี หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวานและความดันโลหิตสูง
พักสายตาขณะใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือ
ใช้กฎ 20-20-20: มองไกล 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) นาน 20 วินาที ทุก ๆ 20 นาที
สัญญาณเตือนที่ควรพบจักษุแพทย์
มองเห็นภาพมัวหรือพร่าลง
เห็นแสงไฟกระจายเวลาขับรถตอนกลางคืน
ต้องเปลี่ยนแว่นสายตาบ่อยขึ้น
มองสีไม่ชัดเจน สีดูหม่นกว่าปกติ
หากมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด
สรุป
ต้อกระจกไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่สามารถชะลอการเกิดและลดความเสี่ยงได้ด้วยการดูแลดวงตาอย่างถูกวิธีตั้งแต่วันนี้
“การปกป้องสายตาในวันนี้ คือการรักษาคุณภาพชีวิตในวันข้างหน้า”