เรื่องราวของชาวคนหนึ่งที่เดินทางรอบโลกด้วยความเร็ว 60 กม./วัน

Story about the man who travel around the world with speed 60 km./day

เรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เดินทางรอบโลกด้วยความเร็ว 60 กม./วัน

*** พบกันครั้งแรก ***

29/9/58 ค่ำวันนี้ผมมีโอกาสได้เจอกับคุณ Axchikistan Nayuta (ชื่อเล่นคือ Axel) ชาวเยอรมันนักปั่นจักรยานรอบโลกที่บริเวณหน้าห้างแม็คโคร ในตัวเมืองจังหวัดนครราชสีมา ผมพบว่าท้ายรถจักรยานของเขามีทับทิมสะท้อนแสงชิ้นเล็กๆติดอยู่ การสะท้อนแสงไม่ได้ดีมากมายนัก และไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายกับการเดินทางในเวลากลางคืน

ผมจึงตัดสินใจบอกให้เขาจอด แล้วมอบสติ๊กเกอร์สะท้อนแสงอย่างดีที่ผมมีอยู่ในรถให้จำนวนหลายชิ้น เขาก็กล่าวขอบคุณและรีบนำไปติดที่ท้ายรถทันที



เขาเล่าว่าเขาเดินทางมาแล้วประมาณ 1 ปีครึ่ง ตั้งใจจะปั่นจักรยานรอบโลก เขาเปิดแผนที่บนสมาร์ตโฟนให้ผมดู เขาคิดว่าเขาอยู่ที่ถนนเลี่ยงเมืองนครราชสีมา

แต่ผมบอกเขาว่าเขาปั่นมาผิดทางแล้ว เพราะว่าตอนนี้เขาอยู่ในตัวเมือง เขามีสีหน้าตกใจเล็กน้อย แต่ผมบอกว่าดีแล้วมาทางนี้มันสั้นกว่า

ผมถามเขาว่าอยากจะได้อาหารหรือเงินไหม (เพราะดูสภาพเขาแล้ว เขาไม่ได้มาแบบรวย กินอิ่ม นอนหลับสบายแน่นอน) เขาตอบปฏิเสธเรื่องอาหารว่าอิ่มแล้ว(ตีพุงให้ผมดู) ก่อนที่จะนึกได้ว่าตัวเองนั้นหิวน้ำ ผมเลยมอบน้ำดื่มที่มีคนบริจาคให้ผมอยู่แล้วไปจำนวนหลายขวด

ผมสอบถามถึงวิธีการเดินทาง เขาเล่าว่าเขาจะปั่นเฉพาะในเวลากลางคืน ให้ได้ประมาณวันละ 60 กม. และอาศัยนอนตามวัดบ้าง ท่าจอดรถ หรือปั้มน้ำมันบ้าง

สาเหตุเขาเลือกเดินทางกลางคืนนั้นเพราะอากาศเย็น กลางวันเขาปั่นไม่ไหวเมืองไทยร้อนมาก ที่สำคัญเขาไม่ค่อยจะชอบยุงนัก

เขาบ่นว่าที่เมืองไทยคนขับรถไม่ค่อยรักษากฏจราจร เขาเจอคนไทยขับรถสวนเลนที่เขาปั่นอยู่เป็นประจำ บางคนก็ถึงขั้นนำรถข้ามเกาะกลางเพื่อให้ไปอีกฝั่งเลยก็มี

ตอนนี้ไฟแสงสว่างหน้ารถเขาเสียครับ เพราะอธิบายว่าน่าจะเป็นไดนาโมเสีย (เขาใช้ไดนาโมแบบปั่นในแกนล้อ)

ผมแจ้งเขาว่าถ้าออกจากนครราชสีมาไปประมาณ 85 กม. จะมีสี่แยกแยกชื่อสีดา ให้เขาติดต่อผมเผื่อผมจะช่วยอะไรได้ เพราะบ้านผมอยู่อำเภอบัวใหญ่(16 กม.จากแยกสีดา) เขารับปากว่าถ้าผ่านมาถึงสีดาแล้วเขาจะติดต่อมา ถ้าต้องการอะไร

ผมกลับมาบ้านนำเรื่องของเขานำเสนอบนเฟสบุคส่วนตัว มีผู้สนใจบริจาคชุดไฟหน้าแบบใช้ถ่าน AAA ผมจึงติดต่อเขาไปทางเฟสว่าอยากได้ไฟหน้าไหม แต่เขาก็ไม่ตอบเพราะ เขาไม่มีอินเตอร์เน็ต  (เขาใช้เน็ตในเมืองไทยด้วยบริการเน็ตฟรีของ ICT และอาศัยตามปั้ม ตามร้านกาแฟ)


*** พบกันครั้งที่ 2 ***

30/9/58 ช่วงประมาณหนี่งทุ่มครึ่งเขาก็ติดต่อมา ผมถามว่าอยากได้ไฟหน้าไหม มีคนบริจาคไฟหน้าแบบใส่ถ่านให้ผมไปมอบให้เขา เขาตอบว่าถ้าเป็นความต้องการก็ยินดีจะรับไว้



ผมจึงออกเดินทางไปพบเขาที่ปั้มน้ำมันก่อนถึงแยกสีดา พบว่าเขาอาศัยไวไฟจากร้านกาแฟ(ขอรหัสผ่านก่อนปิดร้าน)ในการติดต่อผม

เรื่องของเขามันน่าสนใจที่จะนำมาบอกต่อ ชายคนที่ปั่นจักรยานมามากกว่า 19,500 กม. (ตามที่เขาแจ้ง) โดยแทบจะไม่มีคนรู้จักมากนัก ??? เพียงเพื่อตามฝันในการเดินทางข้ามโลก


*** พังทุกชิ้น ก็ไม่มีอะไรหยุดเขาได้ ***



เขาเล่าว่าแทบจะทุกอย่างในรถพังหมดแล้ว หลายชิ้นเปลี่ยนไปหลายรอบ ที่เขาห่วงตอนนี้ระบบไฟหน้าที่ไม่ทำงาน เพราะไดนาโมที่แกนล้อ ผมบอกว่าที่ขอนแก่นเป็นจังหวัดที่ใหญ่ น่าจะมีร้านที่ซ่อมหรือหาอะไหล่ให้เขาได้ เขาอธิบายว่าน่าจะเป็นเพราะจุดเชื่อมต่อที่เป็นสนิม เพราะเขาลุยฝนมามาก(โดยเฉพาะที่เมืองไทย) เขาเคยลองซ่อมเองเอามีดขูด แต่ก็ไม่ดีขึ้น (ผมหวังว่าเขาจะพบคนที่ช่วยเขาซ่อมได้เร็วๆนี้)


*** ต้นทุนจักรยาน ***

ผมถามถึงราคาจักรยาน เพราะอยากรู้ว่าจักรยานที่พาเขาเดินทางมาครึ่งโลกนั้นควรจะราคาเท่าไหร่ เขาบอกว่าจักรยานเปล่าๆราคา 100 US$ แต่ก็มีส่วนประกอบหลากหลายทั้งคันราคา 10-20-50 US$ อยู่ทั่วคัน



ผมแซวว่าจักรยานคันนี้ไม่มีขาตั้ง (ซึ่งมันก็จริง เราไม่สามารถจอดรถคันนี้ได้ ต้องจับไว้ หรือหาที่พิง) เขาชี้ให้ดูท่อพีวีซียาวๆที่เขารัดไว้ นี่คือขาตั้งชั่วคราว แต่บางครั้งจอดๆอยู่รถสิบล้อวิ่งผ่านก็ทำให้รถเขาล้มได้

ผมถามเขาว่าหิวไหม ? เขาตอบว่าหิวเหมือนกัน แต่ผมยื่นไฟหน้าแบบใส่ถ่านให้ไป เขาพยายามหาที่ติดตั้ง ก่อนที่ผมจะชวนเข้าร้าน 7-11 เพื่อซื้อถ่านสำรองสำหรับไฟหน้าและสิ่งอื่นๆที่เขาน่าจะอยากได้


*** พอเพียงแบบไม่สะสม ***


เขาเดินตรงไปที่แผงขายกระดาษทิชชู่ เขาบอกอยากได้กระดาษทิชชู่ มันจำเป็นมากสำหรับเขา

เขาเดินตามหาสบู่ปลอดสารเคมีใน 7-11 ซึ่งผมก็ไม่เข้าใจมากนัก เขาบอกว่าสบู่แบบนี้อาบในน้ำแล้วปลาไม่ตาย (เขาห่วงเรื่องสิ่งแวดล้อมมาก เพราะเขาอาศัยการอาบน้ำตามบ่อตามบึงในบางครั้ง) แต่หาสบู่แบบที่เขาต้องการไม่เจอ เราเลยได้สบู่ฆ่าเชื้อโรคไปแทน เขากังวลเกี่ยวกับแบคทีเรีย

ในช่วงที่เลือกสบู่ เขาชี้ไปที่แสตมป์เซเว่น เขาบอกว่าเขาสะสมสิ่งนี้เช่นกัน ^_^ ผมบอกว่าหยิบสบู่ไปอีกก้อนจะได้แสตมป์ 4 ดวง

เขาหยิบเทปพันสายไฟ (เขาอธิบายว่าเทปพันสายไฟสำคัญมากสำหรับการเดินทางรอบโลก มันสามารถใช้ซ่อมแซมอุปกรณ์หลายอย่าง)

สุดท้ายผมหยิบถ่าน AAA เพิ่มให้ 1 แพค และถามว่าเอาอีกแพคไหม เขาบอกว่าไม่ เขาต้องการประหยัด

ผมแซวว่าประหยัดทำไม ผมเป็นคนจ่ายเงิน เขาบอกว่าเขาอยากประหยัดการใช้จ่าย เขาใช้ไฟเท่าที่จำเป็นเท่านั้น (ดูเขาอยากจะช่วยสิ่งแวดล้อมมากจริงๆ)



เขาบอกว่าเขาเคยมีถ่านชาร์ต ที่ชาร์ต พาวเวอร์แบงค์ 3 ตัว  และอุปกรณ์อื่นๆ มูลค่ารวมๆกันมากกว่า 500 EURO แต่โดนขโมยแบบยกกระเป๋าที่ประเทศโคลัมเบีย


*** นักปั่นหมายเลข 6626 ***



ผมสังเกตเห็นป้ายห้อยคอของเขามีหมายเลข 6626 ผมถามว่ามันคืออะไร เขาบอกว่าป้ายห้อยคอวัว ได้มาจากวัวที่ตายไปแล้วตัวหนึ่ง เขาเคยทำงานที่ฟาร์มวัว วัวตัวนี้ตายและเจ้านายยกป้ายนี้ให้เขาเพื่อเป็นที่ระลึก


*** ไฟฟรีทั่วโลก ***

แล้วผมก็ชวนไปที่ร้านอาหารในปั้ม เขาจูงจักรยานไปจอดพิงในจุดที่มีปลั๊กไฟ แล้วเริ่มขนอุปกรณ์ไฟฟ้าออกมาชาร์ต ทั้งโทรศัพท์ เพาเวอร์แบงค์ และกล้อง GoPro

ผมถามเขาว่ามีใครว่าไหมเวลามาเสียบสายชาร์จแบบนี้ เขาว่ายังไม่เคยเจอใครจ่อว่าเขาเลย (ผมนึกในใจ โชคดีจริงๆ)



เขาเล่าว่าเขาวางแผนจะเดินทางไปหาพี่ที่จีนก่อน เพื่อซ่อมแซมรถจักรยานและอุปกรณ์หลายๆอย่าง ตลอดการเดินทางเขาใช้กล้อง GoPro ถ่ายวิดีโอและทำเป็นคลิปตลอด เขาใช้สมาร์ตโฟนตัดต่อและใช้อินเตอร์ฟรี ทุกอาทิตย์เพื่อบันทึกการเดินทาง นำเสนอผ่าน youtube ที่ช่องของเขาชื่อ Axchikistan najuta


*** ข้าวราดผัดผัก ไข่ดาว และตะเกียบ***

เขาสั่งข้าวราดผัดผักและไข่หนึ่งฟอง แต่ที่น่าสนใจคือ.... เขาใช้ตะเกียบครับ เขาไม่ใช้ช้อน

ชาวต่างชาติผู้ใช้ตะเกียบกินอาหารไทย เขาตักพริกสดจากพริกน้ำปลามาเป็นจำนวนมาก (แทบจะหมดชามพริกน้ำปลา) เทราดลงไปบนอาหาร แล้วเราก็เริ่มกินข้าวและการสนทนา



อาหารนั้นสั่งเหมือนกัน 2 ชุด ต่างกันที่ชาวต่างชาติเต็มไปด้วยพริกและใช้ตะเกียบ ส่วนคนไทยใช้ช้อนส้อม ^_^

เขาบอกว่าเขาชอบกินเผ็ด ตอนกินไม่เป็นอะไร แต่มันไปมีผลตอนเหงื่อออกแทน เพราะมันแสบและร้อน


*** สัมภาษณ์ไปกินข้าวไป ***

เขาสงสัยว่าผมต้องทำงานไหม ผมอธิบายว่าชีวิตผมว่าง งานผมแค่เช็คอีเมล์เท่านั้น (ผมขายซอฟต์แวร์ทั่วโลกครับ)

เขาบอกว่าเขาไม่ชอบทำงาน ชีวิตเขาเหมือนพระ สงบเรียบๆ ที่เยอรมันการทำงานเหมือนญี่ปุ่น ทุกอย่างต้องมีคุณภาพสูงและประสิทธิภาพสูง ทุกคนทำงานภายใต้แรงกดดัน

เขาบอกว่าถ้าจบการเดินทาง และกลับไปที่เยอรมัน เขาก็จะยังคงเดินทาไปมาระหว่างเมืองด้วยจักรยาน



ผมถามว่าเขาเห็นพระพุทธรูปไหม(รูปหล่อหลวงปู่มั่นขนาดใหญ่ตั้งอยู่ด้านหลัง) เขาบอกว่าไม่เห็น สมองเขารวนไปหมดแล้ว บางทีเขาก็งงๆว่าเขาอยู่ไหน ถึงไหนแล้ว ในหัวเขามีแต่แสงสว่างจากไฟหน้ารถ และการเดินทางไปเรื่อยๆ เขาเห็นสิ่งต่างๆมามากตลอด 1 ปีครึ่ง จนตอนนี้บางทีเพิ่งผ่านอะไรไปเขาก็จำไม่ได้


*** คนไทยใจดี ***

เมื่อวานมีคนให้เงินเขาด้วย แต่เขาก็พยายามประหยัด เขาเจออาหารเหลือๆบนโต๊ะที่คนไทยกินไม่หมด เขาจะไปรอกินของเหลือตามร้านอาหารในปั้ม แต่คนไทยเห็นคนไทยก็จะห้าม และซื้ออาหาร ซื้อน้ำมาให้ (นี่เป็นวิธีการเดินทางแบบวันต่อวันจริงๆ ไม่ห่วงเลยว่าวันข้างหน้าจะมีอะไรกินไหม) เขาบอกว่าทุกวันคือฟรี



มีครั้งหนึ่งเขาเคยได้ลองกอง 3 กก. จากคนไทยใจดี เขาต้องกินลองกอง 4 วันติดๆกันเลยทีเดียว


*** จุดตั้งต้นการเดินทาง ***

เขาเล่าว่าเดินทางมา 71 อาทิตย์แล้ว (อาทิตย์นี้คืออาทิตย์ที่ 72) เขาเดินทางกลางคืน ตั้งเป้า 60 กม. / วัน นอนตีห้าตื่น สี่โมงเย็น

เขาเริ่มต้นที่เยอรมันบ้านเกิด แต่เป็นการเดินทางด้วยเครื่องบินเพื่อไปตั้งต้นที่ชิลี(อเมริกาใต้) เขาอธิบายรูปทวีปอเมริกาใต้ด้วยตะเกียบ 2 อัน

แล้วเขาก็เดินทางด้วยจักรยานต่อไปที่อาเจนตินาประมาณ 1 เดือน แล้วกลับมาชิลี แล้วก็ไปเปรู โคลัมเบีย ปานามา คอสตาริกา นิคารากัว ฮอนดูรัส เอลซาวาดอร์ กัวเตมาลา...เม็กซิโก  เข้าอเมริกา แล้วบินต่อไปที่นิวซีแลนด์ ต่อไปที่สิงคโปร์ มาเลเซีย และเข้าไทย



เขาไม่เข้าออสเตรเลีย เขาบอกว่ามีแต่ทะเลทราย และร้อนมากๆ ไม่เหมือนบางประทศที่มีทะเลทรายแต่จะสลับด้วยโอเอซิส แต่ก็มีระยะห่างเกินไปในบางช่วง ไม่สามารถปั่นไปถึงโอเอซีสได้แน่ๆ


*** ทำไมไม่มีใครรู้จัก ... ไม่อยากดัง ***

ผมสัย ทำไมเรื่องของเขาไม่มีคนรู้จัก เขาบอกว่าเขาไม่สนใจ เขาแค่ไปของเขาเรื่อยๆ เขารวบรวมเรื่องของเขาไว้แล้วทุกอาทิตย์ที่ youtube

แต่ก็ไม่ได้สนใจว่าจะมีใครดูมันไหม เขาไม่ห่วงแม้กระทั่งเงิน เขาไม่เคยขอเงินใครเลย ไม่เคยให้ใครกด like หรือตามดูอะไรเขาเลย

ผมบอกว่า facebook จะทำให้เขาปั่นช้าลง เขาหัวเราะเพราะคงเห็นภาพคนไทยก้มหน้าก้มตากับมือถือมากแค่ไหน



เขาเล่าว่าเคยเจอคนเยอรมันปั่นสวนทางกับเขา ในลักษณะการปั่นข้ามทวีป แต่การปั่นของเขาคนนั้น ติดตามไปด้วยกล้องวิดีโอ ช่างภาพ รถตามเป็นขบวน เพื่อตามถ่ายทำสิ่งที่คนๆนี้ทำ

คนที่มีทีวีตามถ่ายปั่นรวมๆประมาณ 9,000 กม. ตลอดการเดินทาง คนนั้นดังมาก ออกทีวี มีหนังสือ แต่ตัวเขาเองปั่นมาแล้ว 19,000 กม. ^_^ เขาไม่สนใจที่จะดัง ไม่อยากได้อะไรจากผู้คน ไม่จำเป็นต้องลำบากกับเขา

เขาบอกเขาผ่านอะไรมามาก ทั้งคนดี คนเลว เรื่องราวที่ประทับใจ ประสบการณ์ด้านต่างๆ จากการเดินทางที่ผ่านมา


*** เข้าไทย 7 ก.ย. 2558 ***

เขาเดินทางเข้ามาไทยเมื่อ 7 ก.ย. 2558 มาจากมาเลเซีย และวางแผนจะไปต่อที่ลาว เวียดนาม จีน(หาพี่เพื่อซ่อมรถ) และไปญี่ปุ่นต่อ (เขาเล่ารายชื่อประเทศที่ต้องไปต่ออย่างคล่องแคล่ว) กลับมาจีน คาซัคสถาน รัสเซีย ตุรกี กรีซ และอีกหลายๆชื่อประเทศที่ผมไม่คุ้น ไล่จนเข้ายุโรป



ที่ไทยเขาอาศัยนอนพักที่ท่าจอดรถบัส วัด ปั้มน้ำมัน เพราะมันมีปลั๊กไฟให้ชาร์ตอุปกรณ์และมีร้านอาหาร มีห้องน้ำ


*** เครื่องนอนระดับเทพ ***

เขาอธิบายว่าถุงนอนเขา(สีส้มๆหลังเบาะ)สามารถนอนในสถานที่ๆอุณหภูมิติดลบถึง -40 องศาเซลเซียส
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่