พนักงานเขตมีนบุรีโทรมาขอค่ามนุษยธรรมหลังจากไปยื่นเรื่องขอทำบัตรปชช คืออะไร?

กระทู้คำถาม
สวัสดีคะ มีเรื่องจะมาเล่าเพื่อให้เป็นประสบการณ์เตือนภัยกับประชาชนคนอื่นคะ เล่ายาวหน่อยนะคะ
เริ่มเลยแล้วกันคะ
เรื่องมีอยู่ว่ามีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่ดิฉันรู้จักท่านเป็นตาสีตาสาคะไม่ได้เรียนหนังสือทำงานรับจ้างทั่วไป ไม่มีบัตรประชาชนมาแต่กำเนิดทั้งที่เป็นคนไทย คนมีนบุรีแต่กำเนิดคะ ด้วยความผิดพลาดของการขึ้นบัญชีแจ้งเกิดขัดข้องและไม่เห็นความสำคัญของการเดินเรื่องขอทำบัตรประชาชน เวลาจึงล่วงเลยมาจนอายุร่วมห้าสิบกว่า จนเมื่อเริ่มชราจึงเห็นความสำคัญที่ต้องทำบัตรประชาชนเพื่อรับสิทธิ์ในการรักษาเช่นบุคคลอื่น จึงไปดำเนินเรื่องของทำบัตรประชาชนเมื่อสองสามปีก่อนคะ ไปกี่ทีเจ้าหน้าที่เขตบอกไม่ว่างวุ่นอยู่ จนท่านถอดใจคะ ผ่านไปด้วยเหตุบังเอิญญาติทางฝั่งลูกเขยทำงานในส่วนราชการทราบเรื่องจึงดำเนินการให้ระดับหนึ่งและได้เสนอแนะให้นำเอกสารไปยื่นเขตอีกครั้ง ทางเขตมีนบุรีก็ไม่ว่างเช่นเดิม จนท่านได้กล่าวกับพนักงานเขตตามที่ญาติของลูกเขยแนะนำมาว่า หากไม่ดำเนินเรื่องให้เสียทีคงต้องไปติดต่อเองโดยตรงกับทางกรม หรือคสช (เป็นจังหวะที่ทางทหารเข้ามาดูแลบ้านเมืองคะ) ทางพนักงานเขตต่อว่าท่านว่าทำอย่างนี้ทางพนักงานก็เดือดร้อนซิ หลังจากนั้นจึงรีบดำเนินเรื่องจนได้เอกสารให้ท่านไปตรวจDNAที่รพ.รัฐบาลแห่งหนึ่งพร้อมพี่น้องเพื่อแสดงความสัมพันธ์ว่าเป็นคนในครอบครัวจริงเป็นคนไทยจริง ท่านได้เอกสารในปี2557 ซึ่งในเอกสารไม่ได้กำหนดวันที่ต้องไปว่าภายในวันที่หรือปีใด แต่ด้วยชีวิตท่านและญาติพี่น้องต้องทำงานหาเช้ากินค่ำจึงไม่สามารถจะไปได้ทันที จรดมาจนถึงต้นปี2558 ท่านก็ถือเอกสารนั้นไปรพ.รัฐบาลแห่งนั้น ทางเจ้าหน้าที่รพ.รัฐรับเอกสารและได้แจ้งกับท่านว่าดีใจด้วยที่ได้ตรวจDNAเพื่อได้ทำบัตรประชาชนไม่มีค่าใช้จ่ายทางราชการจัดการให้ ท่านดีใจและเฝ้ารอผล เมื่อผลออกมาจึงนำไปยื่นทางเขตและเฝ้ารอทางเขตติดต่อมาเพื่อทำบัตรประชาชน ผ่านไปไม่นานมีพนักงานเขตมีนบุรีโทรเชิญท่านไปพูดคุย แจ้งว่าการตรวจDNAนั้นตรงจริง แต่เกิดความผิดพลาดเพราะการตรวจครั้งนี้คนละปีงบประมาณกับปีนี้จึงเบิกไม่ได้ ท่านต้องชำระค่าตรวจDNAเองเป็นเงินเกือบสองหมื่น ท่านบอกพนักงานว่าจะไปหาเงินจากไหน ทุกวันนี้มีกินวันต่อวัน ทางเขตห่วงใยสอบถามมีลูกไหมมีญาติไหมไปขอคนละพันสองพันซิ แนะนำท่านให้ไปทำงานเก็บเงินวันละสองร้อยสามร้อยรวบรวมมาชำระ ท่านจึงถอดใจบอกพนักงานว่าถ้าต้องชำระเงินนี้คงไม่มีให้ ท่านคงไม่เอาบัตรประชาชนแล้ว พนักงานเขตบอกให้ท่านไปหาทางดูพนักงานจะโทรไปคุยกับทางโรงพยาบาลเพื่อขอลดให้ หลังจากนั้นพนักงานเขตติดต่อโทรหาท่านหลังเวลาราชการหลายสายสอบถามว่าหาเงินได้หรือยัง หากท่านไม่ชำระแพทย์ที่ตรวจที่โรงพยาบาลต้องชำระเอง น่าสงสารเขานะ ท่านต้องหาให้ได้ โชคดีแพทย์ช่วยออกให้ครึ่งนึงให้ท่านหาเพิ่มเพียง8,500 พอ ท่านหาได้ไหม รีบติดต่อมาที่เบอร์แพทย์ที่ให้ไป ด้วยความอับจนหนทางท่านจึงตัดใจจะไปกู้นอกระบบ เรื่องผ่านหูเข้ามาที่ดิฉันซึ่งทำงานในโรงพยาบาลเช่นกัน(ไม่ใช่โรงพยาบาลแห่งนั้นนะคะ)จึงเกิดความสงสัย แพทย์นี่นะจะรับผิดชอบให้ประชาชนทั่วไปในกรณีเช่นนี้ และยังให้เบอร์ติดต่อซึ่งดิฉันทำงานในรพ.มานานยังำม่มีเบอร์ส่วนตัวแพทย์ แพทย์ไม่ได้ให้เบอร์ใครได้ง่ายนะคะ และทางเขตเหตุใดจึงดูแลประชาชนดีเหลือเกินโทรหาเวลานอกราชการ ตามเรื่องวันต่อวัน และทำบัตรประชาชนต้องใช้เงินเยอะเช่นนั้นเลยหรือแล้วตาสีตาสาจะนำเงินขนาดนี้มาจากไหน ดิฉันจึงอาสาติดต่อไปทางพนักงานเขตท่านนั้นผ่านทางเบอร์มือถือที่นางติดต่อมา
ดิฉัน : สวัสดีคะ สอบถามเรื่องบัตรประชาชนของท่าน...ไม่ทราบว่าเหตุใดต้องชำระเงินมากมายขนาดนี้ด้วย
พนักงงานเขต : เปล่าคะไม่ต้องชำระ เงินส่วนนั้นเกิดจากการความผิดพลาดที่ไม่ได้ตรวจสอบว่าคนละปีงบประมาณ รพ.จึงเบิกไม่ได้ซึ่งส่วนนี้พนักงานรพ.ต้องชำระเองเพราะไม่ตรวจสอบให้ดี ดิฉันทราบแล้วสงสารจึงให้ท่านร่วมรับผิดชอบ นี่ดีนะคะที่เขาช่วยออกครึ่งหนึ่ง
ดิฉัน : สรุปเรื่องบัตรกับเรื่องเงินคนละเรื่องใช่ไหมคะ ท่นจะยังได้บัตรประชาชนไหม
พนักงงานเขต : ได้แน่นอนคะนี่ยื่นเรื่องไปแล้วรออนุมาติจากผอ.เขตคะ
ดิฉัน : ดีคะ จะได้ทราบว่าเรื่องเงินกับเรื่องบัตรคนละเรื่อง เช่นนั้นเรื่องบัตรรบกวนพนักงานเขตติดต่อไปที่ท่านนะคะส่วนเรื่องเงินดิฉันจะเคลียร์เองตามเบอร์ที่พนักงานให้ไว้กับท่านคะ
พนักงงานเขต : คะ อย่าลืมโทรไปนะคะ เขาเดือดร้อนมาก
ดิฉัน : คะ ตอนแรกที่ฟังจากท่านมาเห็นบอกว่าเป็นแพทย์ ดิฉันก็แปลกใจว่าแพทย์จะให้เบอร์และช่วยชำระค่าใช้จ่ายประชาชนขนาดนี้
พนักงานเขต : ไม่ใช่คะตายแล้วท่านคงเข้าใจผิด เป็นพนักงานโรงพยาบาลคะ ผิดพลาดไม่ได้เช็คว่าคนละปีงบประมาณคะ
หลังจากนั้นดิฉันก็ไม่ได้โทรไปเพราะคิดว่าหากเป็นการเรียกเก็บจริงควรมีเอกสารยื่นมาจากทางโรงพยาบาลหรือสำนักงานเขตเป็นหลักฐานแน่ชัด พฤติกรรมอย่างนี้ไม่น่าใช่ปกติ แต่ก็ไม่คิดถือสาหาความ ดิฉะนทำงานโรงพยาบาลหากมีการตรวจหรือทำยาเสียหาย ผู้ที่รับผิดชอบคือดิฉัน ไม่ควรและไม่ใช่ความผิดที่ผู้รับบริการต้องรับผิดชอบ
เวลาผ่านไปพนักงานเขตติดต่อผ่านดิฉันให้ท่านไปทำบัตรประชาชน จนสุดท้ายท่านได้บัตรมาสมใจ เรื่องเหมือนจะจบไป จนวันหนึ่งพนักงานเขตโทรมาต่อว่าท่านว่าได้บัตรไปแล้วทำไมไม่ติดต่อไปหาพนักงานโรงพยาบาลเลยไม่มีมนุษยธรรมเลย เขาเดือดร้อนนั้นนี้ ท่านจึงเป็นกังวลกลัวเขาจะยึดบัตรประชาชนท่านจึงแจ้งดิฉันทราบ ดิฉันคิดในใจว่าไม่จบซินะ ก่อนที่ดิฉันจะติดต่อไปพนักงานเขตติดต่อมาหาดิฉันเองในเวลาร่วมสองทุ่ม(เวลาราชการมาก)
พนักงานเขต : ยังไงคะน้อง ไหนบอกจะติดต่อไป ทำไมเงียบอย่างงี้ นี่เขาก็รอ เขาก็ลำบาก ไม่มีมนุษยธรรมเลย พี่อุตส่าห์รีบทำบัตรประชาชนให้นะคะได้ไปแล้วเงียบกันอย่างนี้มันใช่ไหม(น้ำเสียงต่างไปจากเดิมมาก)
ดิฉัน : พี่มีบิลล์ไหมคะ
พนักงานเขต : เงียบ...น้องคะจะมีได้ไงมันเป็นความผิดพลาดไม่มีบิลหรอกคะ
ดิฉัน : ถ้าไม่มีดิฉันคงไม่จ่ายคะ แล้วนี่มันเรื่องของทางเขตไหม ถ้าเขาลำบากทำไมไม่ให้เบอร์ดิฉันให้เขาติดต่อมาละคะ พี่จะวุ่นวายทำไม
พนักงานเขต : เงียบ...ใช่คะไม่ใช่เรื่องของเขต แต่น้องไม่สงสารเขาหรอเขาต้องชำระแทนเพราะผิดพลาดงบประมาณมันคนละปีเบิกไม่ได้ ทำอย่างนี้ไม่ดีเลย
ดิฉัน : คะไม่ดี แต่มันคือความผิดพลาดที่เขาไม่เช็คใช่หรือไม่ ดิฉันทำงานรพ.หากความผิดพลาดที่ฉันทำไม่เกี่ยวกับคนไข้ดิฉันต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองถูกไหมคะ อันนี้ก็เช่นกัน ดิฉันไม่เคยแจ้งคนไข้อ้อนวอนขอให้ช่วยค่าใช้จ่ายจากความผิดพลาดของดิฉัน หากเขาลำบากจริงให้ติดต่อมาเองคะ ไม่ใช่เรื่องของเขต พี่ไม่ควรยุ่งนะคะทำงานของเขตไปเถอะคะ
พนักงานเขต : น้องพูดอย่างนี้ไม่ดีเลยนะคะ ต่อไปจะไม่ยุ่งแล้ว
ดิฉัน : ขอบคุณคะ
ผ่านไปไม่ถึง24ชม. ช่วงเช้าวันนี้มีสายผู้ชายอ้างตัวเป็นพนักงานรพ.โทรเข้าเครื่องท่านผู้ใหญ่ว่า
ผู้ชาย : ยังไง ได้บัตรไปแล้ว ไม่โทรมาเลย นี่ถ้าไม่จ่าย8,500 จะไปแจ้งความนะฐานฉ้อโกง
ท่านก็งงว่าเหตุใดจึงมาข่มขู่ท่าน ดิฉันจึงโทรไปสอบถามผู้ชายท่านนั้นตามเบอร์ที่โทรมา อ้างเรื่องงบประมาณ เบิกไม่ได้ เดือดร้อน ไม่ได้ข่มขู่ ไม่ได้พูดว่าจะแจ้งความใดๆ ไม่คิดว่าจะติดต่อไปไถกับประชาชน(อ้าวแล้วที่เมื่อเช้าโทรไปคือ?) อ้างว่าติดต่อพนักงานเขตท่านนั้น นางบอกจะจัดการให้ ไม่เคยทราบว่าจะมาเรียกเงินที่ท่าน หนังคนละม้วนเล็กน้อย ดิฉันจึงแจ้งว่าหากต้องการให้ชำระขอเอกสารและบิลล์เรียกเก็บชัดเจน ทำอย่างนี้ไม่ควร และไม่มีทางอื่นในการแก้ปัญหาหรือไงกับปัญหาประเภทนี้ในส่วนของราชการ ชายคนนั้นก็ตอบกลับว่า ก็มีแต่คือ..ไม่ได้คิดดำเนินเรื่องเห็นพนักงานเขตท่านนั้นจะช่วยจัดการให้ก็รอ อืมนะ ก็เลยต่อว่าไปว่ามาเรียกกับประชาชนที่ไม่มีจะกินมาข่มขู่ดิฉันคงต้องดำเนินเรื่อง รีบขอโทษขอโพยและวางสายไป หลังจากนั้นดิฉันจึงติดต่อไปหาพนักงานเขตว่าเหตุใดให้เบอร์ท่านไปทำไมไม่ให้เบอร์ดิฉัน แล้วเหตุใดจึงมาข่มขู่จะแจ้งความ นางสวนมาว่าไม่ใช่เรื่องของเขต ดิฉันไม่เกี่ยวและตัดสายหนีไป
คะ แน่นอนคะว่าเรื่องนี้ตอนแรกจะไม่อะไรแล้วด้วยความขี้เกียจเอาความแต่คงไม้ได้การแล้วคะ คงต้องยื่นเรื่องเอกสารทั้งหมดและชื่อพนักงานเขตมีนบุรี และชื่อชายพนักงานโรงพยาบาลที่โทรเข้ามาให้กับทางกรมหรือคสช.รับทราบ หากสุดท้ายเป็นความผิดของประชาชนทางรัฐบาลให้ชำระดิฉันยินดีร่วมชำระกับท่านคะ ท่านแค่มีพอกินไปวันๆก็ลำบากแล้วคะ ขอเพียงมีเอกสารยืนยันชัดเจนไม่ใช่ให้โอนเข้าบัญชีใครคุยกับใครก็ไม่ทราบเช่นนี้ ขนาดค่าขยะรายปียังมีบิลล์เลยก็ไม่เข้าใจในกรณีอย่างนี้คือ ต้องการใต้โต๊ะหรือไม่ คงโทษใครไม่ได้เพราะไม่ชัดเจนจริงๆคะ และดิฉันเชื่อว่าคนไทยคนนึงจะทำบัตรประชาชนต้องชำระค่ามนุษยธรรมขนาดนี้เชียวหรือ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่