ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า (แฟนตาซี) ตอนที่ 4 ลัทธิเทพรัตติกาล

กระทู้สนทนา

ตอนนำ ตอนที่ 1 โชคชะตา...?
http://pantip.com/topic/34216321
ตอนที่ 2 เกาะแก้วมรกต
http://pantip.com/topic/34220251
ตอนที่ 3 แต่งงานกันเถอะ
http://pantip.com/topic/34224797

**********************************



ตอนที่
004

ลัทธิเทพรัตติกาล




ค่ำคืนแสนหวาน ผ่านพ้นรวดเร็ว สองหนุ่มสาวต่างได้รู้ว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตคืออะไร กระทั่งรุ่งเช้า สองคนยังคลอเคลียอิ่มสุข ถึงเวลานี้ความผูกพันเกิดขึ้นแล้ว นอกจากความคะนึงหาในกันและกัน ยังมีโลกใบใหม่เกิดขึ้นอีกด้วย

เช้านี้ซีรินซ์สวมเพียงเสื้อคลุมเบาบาง นั่งเพลินแปรงผมอยู่หน้ากระจก นึกถึงเรื่องราวในค่ำคืน เหล่านั้นช่างหฤหรรษ์ ไม่เคยคิดมาก่อนว่า ชีวิตมนุษย์ผู้หนึ่ง จะถ่ายทอดความอัศจรรย์ให้แก่กันได้ถึงปานนั้น

ราอูลล์เห็นหล่อนนั่งยิ้มอยู่เงียบๆ ก็ขยับมานั่งเคียง หอมที่แก้มหญิงสาวเบาๆ ก่อนกระซิบยืนยัน

“ข้า... รักเจ้า...”

ซีรินซ์ยิ้มรับ หล่อนรู้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้ว การค่อยบรรจงแบ่งปันเข้ามานั้น ต้องใช้ความอดทนขนาดไหน และนั่นต้องหมายถึง เขาต้องเอาใจใส่ต่อหล่อนมากมายมหาศาล

“พี่ราอูลล์ ขอมือให้ข้าหน่อย”

หญิงสาวแบมือ รอรับฝ่ามือที่อีกฝ่ายค่อยทาบทับลงมา

หล่อนกำมือนั้นไว้หลวมๆ ห้านิ้วสอดประสาน กลางฝ่ามือแนบสนิท ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นๆ คล้ายมีกระแสบางอย่างเวียนไหล ลากเป็นเส้นสายอย่างหนึ่ง

มีแสงนวลวาวขึ้นระหว่างนั้น ราอูลล์สังเกตอยู่ด้วยความประหลาดใจ อีกอึดใจต่อมา ซีรินซ์จึงค่อยลืมตา คลายมือออกจากกัน

ราอูลล์พิจารณาฝ่ามือตน เวลานี้คล้ายเป็นเส้นสาย รูปดาวเก้าแฉกเล็กๆ สองดวง ประดับคู่กับกลางกรอบรูปหัวใจ

“เอ๋!...”

เขาแปลกใจ ทำให้หญิงสาวยิ่งยิ้ม แล้วค่อยๆ อธิบาย

“นี้เป็นดาวคู่นำทาง คือชีวิตของเราสองคน ภายในหัวใจดวงเดียว เพราะตอนนี้เราคล้ายมีหัวใจดวงเดียวกัน... หากพี่ราอูลล์ยังรักน้อง ลวดลายลิขิตนี้ จะคงอยู่ เส้นสายสีชมพูเล็กๆ พวกนี้จะมีสีสันสดใส...”

ราอูลล์เข้าใจได้แล้ว แต่อยากแกล้ง จึงถามว่า

“แล้ว... ถ้าพี่ไม่รักอีกแล้ว... จะเป็นอย่างไร...”

“ถ้าท่านไม่รักข้าแล้ว มันก็จะจางหายไป”

“อื้ออออ! ...เด็กน้อยอย่างเจ้าเนี่ย รู้จักมีลวดลายเหมือนนะ อย่างนี้พี่ต้องคอยดูหัวใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา”

และจากการสัมผัสฝ่ามือกันนั้น ทำให้ซีรินซ์มีอีกเรื่องต้องขบคิด  หล่อนปล่อยผ่านเรื่องคำมั่นสัญญาและสัญลักษณ์แห่งความรัก ดึงมือชายหนุ่มมาพิจารณาอีกครั้ง ค่อยเกลี่ยนิ้วละมุนของตน ไปบนมือหนาและแข็งแกร่ง ผิวหนังฝ่ามือเขานั้นค่อนข้างสากระคาย หมายถึงชีวิตที่ผ่านมาไม่ใช่จะสบาย

“พี่คะ... พี่ราอูลล์คงลำบากมามาก...”

หล่อนสบสายตาเขา พยายามนึกว่า ความลำบากนั้นเป็นเช่นไร

“ไม่หรอกน่า ก็ตามธรรมดา เมื่อคนเราอยู่กับอะไรๆ จนชิน ก็ไม่รู้แล้วละว่า มันลำบากหรือเปล่า”

เขาตอบหล่อนยิ้มๆ ลุ้นไม่ให้อีกฝ่ายต้องนึกเกรงกลัว ความยากลำบากที่อาจต้องเผชิญร่วมกัน

“ช่างเถิดจ้ะ  หนูรินซ์สาบานนะ ต่อไปจะดูแลพี่ราอูลล์ให้ดี จะไม่ปล่อยให้ต้องลำบากเลยละจ้ะ”

คนฟังกลั้นหัวเราะ เป็นนานกว่าจะรวบรวมสุ้มเสียง ให้หนักแน่นได้อีกครั้ง

“นี่ๆ เจ้าพูดกลับกันแล้วละนะ แม่เด็กน้อย”

เขาจิ้มผลักปลายจมูกหล่อนเบาๆ

“ข้าพูดผิดเหรอ ตรงไหนล่ะ”

“ก็... คำพูดพวกนั้นมันต้องเป็นของข้า... เอาละๆ... ฟังนะ”

แล้วเขาก็กุมสองมือของหญิงสาว ยกขึ้นมาแนบหัวใจตน สบตาจ้องเข้าไปในแววตาหล่อน เอ่ยคำสัญญาเบาๆ แต่มั่นคง

“ข้ารับรองว่า ต่อไปจะไม่รักสนุก ไม่เอาแต่ก่อเรื่อง ข้าจะไม่เจ้าชู้กับผู้หญิงคนอื่นอีกแล้ว ข้าจะขยันทำงาน เลี้ยงดูครอบครัว ถึงข้าจะไม่ร่ำรวยอะไรนัก แต่ก็จะทำให้เจ้ามีความสุขทุกวัน มีแต่ความเบิกบานใจทุกวันทุกคืน...”

หญิงสาวยิ้มเขิน ชักมือออกจากมือเขา ชูนิ้วก้อยขึ้นมา ชวนให้เขาเกี่ยวก้อยสัญญา

“ได้... ตกลงมานี้ละนะ”

“ได้ซี... ต้องตกลงตามนี้อยู่แล้ว”

เขาเกี่ยวก้อยกับหล่อน เป็นการให้คำมั่นสัญญาง่ายๆ ที่จะเด็ดเดี่ยวมั่นคงตลอดไป



แต่ภาระสำคัญของราอูลล์ยังมี ตกบ่าย หลังรับประทานมื้อกลางวันด้วยกัน ซีรินซ์ก็พาเขาเดินกลับมาทางชายหาด เป็นบริเวณที่ชายหนุ่มรู้สึกตัวเมื่อตอนลอยมาติดเกาะ เวลานี้ท้องทะเลราบเรียบ หาดทรายส่งประกายทักทายฟองคลื่นขาวสะอาด นอกจากทุ่งดอกไม้ละลานตา สุมทุมพุ่มไม้สีมรกต ก็ส่งแสงวาววับสดใสไม่แพ้กัน

สองหนุ่มสาวเดินกุมมือกันมาเงียบๆ ผ่านกลิ่นหอมอวลอบ ผ่านเสียงนกน้อยร้องเพลงขับกล่อม ผ่านสีสันนานาตลอดรายทาง แต่คล้ายต่างคนต่างไม่รับรู้สิ่งรอบกาย ต่างคนเพียงจมอยู่กับห้วงคิดคำนึงของตนเอง

บางทีก็สบสายตากัน ส่งยิ้มให้กัน ถ่ายทอดสายตาแห่งความผูกพันให้กันและกัน

กระทั่งมาถึงที่หมาย ที่ไกลลิบตามีเรือน้อยลอยลำ ราอูลล์หยุดฝีเท้า หันพูดกับหญิงสาวที่ตนรัก

“ซีรินซ์ พี่ต้องไปแล้วละนะ...”

หล่อนไม่รู้จะพูดอะไร ทำได้เพียงซบแก้มกับแผ่นอกกว้างและอบอุ่น

“จะไปแล้วจริงๆ หรือ”

“แต่พี่จะกลับมาให้เร็วที่สุด”

เขากอดหล่อนไว้ในวงแขน จูบเบาๆ ที่หน้าผาก จากนั้นอีกฝ่ายก็เงยขึ้นถาม

“พรุ่งนี้ค่อยไปได้ไหม”

“เอาเถอะซีรินซ์ พอท่านป้าหายดีเมื่อไหร่ พี่จะรีบกลับมาทันที”

หญิงสาวพยักรับ แม้ไม่อยากให้ไป แต่ก็ต้องทำใจ

“ยาวิเศษที่แม่เฒ่าให้ไป รักษาได้ทุกอย่าง ป้าสีมาร์ของพี่ ต้องหายดีแน่ๆ”

“งั้นก็ดีน่ะซี พี่จะได้กลับมาอยู่กับหนูรินซ์เร็วๆ”

หล่อนยิ้มรับอีกครั้ง แล้วก็พูดเขินๆ ว่า

“ถ้างั้น... ก็... กลับมาเย็นนี้เลยได้ไหม...”

ราอูลล์ส่ายหน้า แกล้งผลักแก้มหล่อนเบาๆ

“เด็กบ้า! ถ้ารีบร้อนนัก... ถ้าพี่ไม่กลับมาอีกเลยล่ะ”

แค่นั้น น้ำตาของหญิงสาวก็ร่วงเผาะลงทันที

“อัยย่ะ!...” ชายหนุ่มถึงกับอุทานไม่เป็นภาษา “...นี่ๆ ...ข้าแค่ล้อเล่นหรอกน่า...”

ต้องรีบปลอบ รีบเช็ดน้ำตาให้

“นี่ๆ นี้ข้าชื่อราอูลล์...  เซเรสส์ ราอูลล์ ถึงเรื่องอื่นจะไม่ได้เรื่อง แต่เป็นคนรักษาคำพูด พูดคำไหนเป็นคำนั้นหรอกนะ นอกจากจะตายไปเท่านั้น ไม่อย่างนั้น ยังไงก็จะต้องกลับมา”

แต่ซีรินซ์ก็ยังไม่หายหมองหม่น ได้แต่รับปากเศร้าๆ ว่า

“อย่างนั้น... น้องก็จะรออยู่ที่นี่ รอพี่อยู่ที่นี้ตลอดไป เหมือนกับ... ที่เคย...รอ...”

“พี่รับรอง จะรีบกลับ และคราวหน้า จะพาท่านป้าสีมาร์กลับมาด้วย เขาต้องนึกไม่ถึงแน่ๆ ว่าจะมีหลานสะใภ้สวยน่ารักขนาดนี้”

ซีรินซ์ยิ้มขึ้นมาได้บ้าง เช็ดน้ำตาที่ยังค้างแก้ม แล้วบอกว่า

“ได้ๆ... อย่างนั้นพี่ก็รีบไปรีบกลับ ในบริเวณนี้ เป็นที่เดียวที่แม่เฒ่าไม่ได้เสกให้มีคลื่นกำแพงพระสมุทร ปกติแม่เฒ่าจะเข้าออกเกาะแก้วมรกตทางนี้ละจ้ะ”

“จำไว้นะซีรินซ์ ข้าขอรับปาก ขอยืนยันอีกครั้งว่า จะรีบกลับมาทันที”

ทว่า ยังไม่ได้ล่ำลากันมากกว่านั้น ร่างของสตรีนางหนึ่ง ก็ลอยหวือข้ามพุ่มไม้มาตกลงใกล้ๆ ร่างนั้นหวีดร้องด้วยความเจ็บปวด


(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่