แชร์ประสบการณ์ขับ Uber X และ GrabCar จากรุ่งเรืองจนเลิกขับ

สวัสดีครับกระทู้นี้เป็นการแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวในการขับ Uber X และ GrabCar เป็นระยะเวลา 4 เดือนโดยประมาณก่อนที่จะตัดสินใจเลิกขับเป็นอาชีพหลัก ที่จริงแล้วมีกระทู้ที่เพื่อนสมาชิกรีวิวมาจากประสบการณ์จริงเช่นเดียวกันก่อนหน้า มีรายละเอียดเยอะและมาจากข้อมูลคนขับจริง

แชร์ประสบการณ์การขับ Uber Black รายได้ดีจริงหรือไม่ โดยคุณ Chicken in hand
http://pantip.com/topic/33985733

เริ่มต้นมาขับได้อย่างไร?

ผมเริ่มขับ Uber X ก่อน เนื่องจากบริษัทที่ทำงานเดิมปิดตัวลงประกอบด้วยอายุเกินในสาขาอาชีพนั้น โดยรวบรวมเงินส่วนที่เป็นเงินเก็บเงินก้อนที่ได้รับจากการชดเชยและจากที่ขายรถเก่ามาซื้อรถมือสองที่อยู่ในเงื่อนไขรับงานได้ คือ รถที่มีอายุไม่เกิน 10 ปี (รถผมปี 2012) เมื่อสมัคร อบรม ตรวจสภาพ รอและได้รับผลตรวจประวัติอาชญากรรมจากสตช.แล้วก็ขับได้เลย ใช้เวลารอรวมประมาณ 10 วัน

ความรู้สึกแรกในการขับ?

จำไม่ได้ว่ารับลูกค้ารายแรกจากที่ไหนไปไหน แต่จำได้ถึงแอพเรียก "งานเข้า" แล้วไม่กล้ากดรับ (มาทราบภายหลังว่าการไม่กดรับงานมีผลต่อการคำนวณค่าตอบแทน) เพราะไม่ทราบว่าที่จะให้ไปรับอยู่ที่ไหน กว่าจะดูแผนที่แล้วไม่งงกับทิศทางต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ โดยสัปดาห์แรกผมวิ่งแบบไม่มีจุดหมายเฉลี่ยวันละ 300 กม.ถือว่าเป็นการสำรวจกรุงเทพไปด้วย (ไม่นานนักก็รู้ว่าทำแบบนี้แล้วขาดทุน 555+)

รายได้ที่มากที่สุดที่เคยได้รับจากการขับ Uber X?

17,000 บาท/สัปดาห์ หักค่าใช้จ่ายและค่าเสื่อมค่าซ่อมบำรุงแล้วเหลือ 13,000 บาท "แต่ช้าก่อน" รายได้ที่ว่านี้ผมได้แค่สัปดาห์เดียวแล้วก็ไม่เคยได้อีกเลยในประวัติการขับ Uber X จนเลิกขับเนื่องจากมีการปรับตารางค่าตอบแทนรายได้โดยลดลงมาเรื่อยๆ เนื่องจากธุรกิจแบบนี้ไม่ใช่มูลนิธิการกุศล มีการจูงใจให้คนมาขับและเมื่อมีคนมาขับจำนวนมากขึ้น อัตราผลตอบแทนก็ต้องถูกปรับไปตามกลไก

สัปดาห์ที่ 2 ของการขับกลับเหลือ 7,000 บาทยังไม่หักค่าใดๆ ทั้งสิ้น หรือถ้าคิดเป็นรายเดือนคือ 28,000 บาท หักค่าเชื้อเพลิงและค่าซ่อมบำรุงตามระยะและค่าเสื่อมรถแล้วเหลือเพียง 12,000 บาทซึ่งน้อยกว่าเงินเดือนคนจบปริญญาตรี พอดีผมไม่ต้องผ่อนรถก็หักคืนส่วนนี้มา 6,000 บาท ถ้าใครผ่อนรถอยู่ก็หักเพิ่มมากไปอีก

ผมไม่ใช่คนโชคดีนักที่ได้ลูกค้าตลอดทั้งวัน สำหรับบางคนที่ประสบความสำเร็จได้เดือนละ 4-5 หมื่น(ยังไม่หักค่าใช้จ่าย)สำหรับ Uber X ก็น่าจะมีอยู่ แต่ผมลองคำนวณตารางอินเซนทีฟปัจจุบันของ Uber X (14-20 กันยายน 58) ความเป็นไปได้ที่จะได้สัปดาห์ละ 1 หมื่นนี่ยากมากเนื่องจากเงื่อนไขที่จะทำให้ได้ตามอัตรารายได้ของ Uber X โหดกว่าสมัยที่ผมขับอยู่มาก

สาเหตุที่เลิกขับ Uber X

หลักๆ คือ รายได้ที่ไม่คุ้ม เนื่องจาก Uber หัก 20% บวกกับค่ากิโลเมตรที่ต่ำกว่า taxi ที่อยู่ได้เพราะค่าตอบแทนพิเศษที่ Uber จ่ายเมื่อทำตามเงื่อนไข เช่น เมื่อมีงานห้ามปล่อยผ่าน (เปอร์เซ็นต์รับงานต้อง 85% ปัจจุบันอยู่ที่ 90%) หรือคะแนนดาว หมายความว่าถ้าสัปดาห์ไหนพลาดตรงจุดเหล่านี้กลายเป็นขาดทุนทันทีขึ้นมาได้

ขาดทุนเพราะระบบที่โหดร้าย บางครั้งแอพเรียกเราให้ไปรับลูกค้าที่อยู่ห่างไปเกือบ 10 กิโลหรือต้องฝ่ารถติดไป 25 นาทีเพื่อไปรับ แลกกับค่าโดยสาร 50-80 บาท(โดยเฉลี่ย) บางทีก็โหดร้ายเกินไป ไม่รู้ว่าปัจจุบันแก้ปัญหานี้หรือยัง เคยฟีดแบคไปว่าทำไมถึงเลิกขับ

อีกสาเหตุหนึ่งที่เลิกขับคือความอัดอั้นตันใจ เคยเห็นกระทู้หนึ่งที่คนขับออกมาระบายพฤติกรรมคนนั่ง คนขับ Uber แม้รับจ้างแต่ก็ไม่ใช่ทาสนะครับ บางทีพฤติกรรมบางอย่างถ้าไปกระทำบนแท็กซี่ อาจถูก "ทิ้งไว้กลางทาง" ก็เป็นได้ อาทิเช่น
    - พูดจาดูถูกคนขับจนรู้สึกได้ โดยน้ำเสียง คำพูดที่ใช้ แต่เราก็ต้องอดทน
    - มีการร้องขอให้กระทำผิดกฎจราจร เช่นให้กลับรถในที่ห้ามกลับ (อันนี้พออธิบายได้ว่าทำไม่ได้ โดนจับปรับขึ้นมาใครจ่าย)
    - ก่อกวนคนขับ เช่น บอกทางในหมู่บ้านผิดๆ อย่างตั้งใจ เช่น บ้านอยู่ซอย 7 แต่หลอกว่าอยู่ซอย 12 ซึ่งไปคนละทาง โดยแต่ละเลี้ยวแต่ละจุดมีจุดสังเกตและทางเลี้ยวตามที่เขาบอก แต่หาบ้านไม่เจอ วนแบบนี้ 2 รอบ ในที่สุดรอบที่ 3 ก็กวนว่าทำไมไม่ไปถามรปภ. รปภ.นำมาคนละเรื่องที่เขาบอก

คนขับจำนวนหนึ่งที่เลิกขับอ้างว่า "ถูก Uber โกง" อันนี้บอกได้ยากว่าจริงไม่จริงในกลุ่ม Line คนขับ(ซึ่งผมก็ออกจากกลุ่มนานแล้ว) โกงในที่นี้หมายถึง วิ่งรถให้ตามรอบและเงื่อนไขข้อกำหนดแต่ค่าตอบแทนไม่ถูกคำนวณรวม หรือบางรายอาจถูกแบนโดยไม่มีเหตุผลสมควร

ปิดฉากสัปดาห์สุดท้าย ขับ Uber ได้ 500 บาท ขาดทุนไป 1,500 บาท เนื่องจากโดนระบบ Uber บอกว่าเรารับงานไม่ถึง % ที่จะจ่ายค่าตอบแทนและโดนระงับบัญชีชั่วคราว(คน Uber โทรมาเลยบอกให้ปิดไปเลย) เนื่องจากเราไม่กดรับงาน (ที่ไกล 10 กิโลหรือฝ่ารถติดไปรับนั่นแหล่ะ) เดือนสุดท้ายที่ขับ Uber ถ้าคิดเป็นตัวเงินที่ขาดทุนถึง 5,000 บาท

GrabCar ทางเลือก/ทางรอดของคนอดีตขับ Uber?

ก็เป็นตามนั้น ผมมาขับ GrabCar ในช่วงหลังเปิดตัวได้ 1 เดือน คนมาสมัครไม่มาก คน Uber ก็ย้ายมาขับเยอะทีเดียว เพราะการคิดค่าโดยสารพื้นฐานสูงกว่า Uber พอสมควรแถมอัตราค่าตอบแทนพิเศษถือว่าดีมาก ประมาณมีคนดาวน์ป้ายแดงใหม่ หรือชวนญาติมาขับกันเป็นขบวน รายได้ช่วงแรกๆ ที่ว่ากันว่าทำได้มีหลัก 1 แสนบาทต้นๆ อันนี้พูดถึง GrabCar Eco ซึ่งรถผมอยู่ในประเภทนี้

รายได้ขับ GrabCar เป็นอย่างไร?

ผมกำลังพูดถึงอดีต และไม่คิดว่าจะเป็นไปได้อย่างนั้นอีกแล้ว ผมขับ GrabCar แบบเต็มเวลาแต่ไม่โหมหนัก ขับพักชิลด์ๆ slow life ยังได้ 5-6 หมื่นต่อเดือน โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากค่าตอบแทนพิเศษที่ GrabCar จ่ายให้ไม่ได้มาจากค่าโดยสาร ค่าโดยสารที่ได้มารับเป็นเงินสดก็เอาไปจ่ายค่าเติมแก๊ส เติมน้ำมัน กินอยู่ใช้จ่ายประจำวัน จ่ายค่าโน่นนี่นั่นไป พอครบรอบจ่ายเงินค่าตอบแทนพิเศษจะได้รับผ่านการโอนบัญชี ยอดก็เท่ากับที่เราสามารถทำได้ ทำมากสามารถมากก็ได้มาก

คิดว่าคนขับที่เริ่มขับแต่แรกๆ จนถึง-สิงหาคมถ้าขยันมากๆ อาจได้รับเงินจาก Grab มากกว่า 2 แสนบาท หรือบางคนได้มากกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน อันนี้เป็นอดีตไปแล้ว

ปัจจุบันไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว?

ต้องเข้าใจว่าระบบผลตอบแทนแบบนี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป จะต้องถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับสภาวะดีมานด์ซัพพลาย คนขับ-คนนั่ง เงินลงทุนธุรกิจ-ผลตอบแทน โดยเริ่มมีการปรับเปลี่ยนมาเห็นได้ชัดประมาณ 2-3 สัปดาห์จนแน่ใจว่าต้องมาในทิศทางที่ลดผลตอบแทน เนื่องจากคนขับที่มากพอสมควรแล้ว อัตราการ active ในพื้นที่หนึ่งๆ ที่อยู่ในย่านไม่ใช่เมืองและไม่ไกลจากเมืองเช่น วงเวียนใหญ่ มีอัตราคนรับงานได้ 10-12 คนในช่วงเวลาหนึ่งๆ หรือถ้าเป็นในเมือง คนขับมีจำนวนมากกว่านั้นมาก

คนขับมาก ลูกค้าน้อย?

ส่วนตัวพบว่าลูกค้า GrabCar มาใช้บริการมากในช่วงที่มี code โปรโมชั่นต่างๆ ส่วนลดบ้าง นั่งฟรีบ้าง เรียกแทนวินมอเตอร์ไซค์เลยก็มี พอหมดช่วงโปรโมชั่นก็หายไป มีก็กลับมาใหม่ และตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา GrabCar หยุด code โปรโมชั่น ทำให้ลูกค้าหายไป 50/50 เลยก็มี อัตราการแข่งขันการ bit (การกดขอรับงานโดยแข่งขันกับผู้อื่น) จึงสูงขึ้น

ลูกค้า Grab ปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาก แต่คนขับมากกว่า บางทีต้องแข่ง bit งานกันระดับระยะห่างระดับ "หลักสิบเมตร" ยังมี เช่น คนที่ห่างลูกค้า 50 เมตรแพ้คนที่ห่าง 20 เมตรเป็นต้น เรื่องเช่นนี้ปรกติในบางย่าน เช่น ทองหล่อ สีลม-สาธร



อะไรที่ทำให้คิดเลิกขับ "เป็นอาชีพหลัก"

แนวโน้มการปรับอัตราค่าตอบแทนจะเริ่มเข้าที่ คนที่เชี่ยวชาญหรือมีช่องทางก็จะอยู่รอด (มีดวงด้วย) แต่อาจไม่ได้กอบกำเหมือนช่วงแรกๆ ที่เข้ามาทำ อาจจะแค่พออยู่ได้ สำหรับคนที่ไปไม่รอดหรือคิดว่าไม่คุ้มก็เลิกไป จริงๆ ถ้ามีลูกค้าตลอดเราก็อยู่ได้หากไม่มีค่าตอบแทนพิเศษ แต่การเรียกรถผ่านแอพแบบนี้ไม่ได้มีลูกค้าตลอด

รถติดอย่างโหดร้าย เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เลิกขับ GrabCar เนื่องจาก GrabCar คำนวณตามระยะทางไม่คำนวณเวลารถติด ในช่วงหลังเริ่มจะไม่คุ้ม เช่น รถติด 1:30 ชั่วโมงกับค่าโดยสาร 120 บาท หากลดค่าตอบแทนพิเศษก็เข้าเนื้อกันไปเต็มๆ



ตารางอินเซนทีฟสุดท้ายก่อนเลิกขับ คนขับได้รับค่าตอบแทนพิเศษเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนเพิ่มเพียง 40 บาทซึ่งไม่คุ้มกับเวลารถติดมากๆ ส่วนเสาร์-อาทิตย์ได้ค่าตอบแทนมากสุด 700 บาทหากวิ่งได้ 15 รอบซึ่งเสาร์-อาทิตย์มีคนขับล้นระบบ

ก็คงมองหาลู่ทางทำอาชีพอื่นๆ ต่อไป ด้วยเงินที่เคยได้จากช่วงขุดทองกับธุรกิจนี้

นอกเรื่องปิดท้าย: เรื่องแปลกๆ ที่เคยเจอตอนขับ Uber กับ Grab

เรื่องที่ 1: ผดส.เจอผีบนรถเรา ขึ้นรถมาก็รู้ว่าเมาแต่คุยรู้เรื่องดี บอกทางได้ พอสักพักเริ่มร้องไห้แบบกลัวๆ แล้วถามอะไรแปลกๆ "รถพี่มีอะไรผิดปรกติหรือเปล่า?" ตอนแรกนึกว่าถามเพราะเห็นด่านตำรวจ ขับไปเรื่อยๆ น้องเริ่มร้องไห้มากแต่ก็ยังบอกทางปากสั่นๆ เราก็นึกว่าเมายามาหรือเปล่า? พอถึงที่ลงรถน้องพูดคำนึงแล้วก็วิ่งหนีไปเลย น้องพูดว่า "ดูแลแฟนพี่ที่นั่งอยู่ข้างหน้าให้ดีด้วยนะ"

แล้วผมก็พบว่า…[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เรื่องที่ 2: สงสัยว่าผดส.ส่งยา อันนี้คนขับต้องระวัง เคยมีคนขับติดร่างแห ส่วนตัวเจอรายนึงน่าสงสัย มีโทรศัพท์พูดเรื่องของและเงิน แต่ไม่เห็นหิ้วอะไรไป ไปกลางดึก ให้วิ่งด่วนหนีด่าน ไปส่งบ้านคนรวยและรอรับกลับ ธุระไม่ถึง 3 นาที แปลกมาก

เรื่องที่ 3: เรียกรถเพื่อขนของ(โดนผดส.เอาเปรียบ) จริงๆ มีเรื่องเยอะแยะ ขับ Uber จะเจอแต่คน ขับ Grab จะเจอ คน สัตว์ สิ่งของ ไปส่งสารพัด เจอสถานการณ์ต่างๆ ให้กลายเป็นคนขับรถใจเย็น อดทนมากขึ้น แต่บางทีก็เกินไปเหมือนกัน



คำอธิบายภาพ บางครั้งผดส.เรียกให้ไปส่งของ แต่ไม่ระบุตอนเรียกรถ ทำให้คนขับไม่ทราบ พอไปเจอหน้างานแล้วเข่าทรุด รายนี้เข้าซอยเล็ก ลึก ลำบาก คนเรียกเป็นฝรั่ง(สเปน)พอถึงที่แล้วถึงรู้ว่าต้องขนของ เจ้าตัวอยู่อีกที่ ขนอุปกรณ์ไปตั้งบู๊ทขายอาหาร มีทั้งโต๊ะและอุปกรณ์และกล่องใส่อาหาร โทรไป CC บอกว่าให้หยวนๆ รับไป ค่าโดยสาร 100 บาท (แต่มีค่าตอบแทนพิเศษที่ Grab จ่าย) กับรถติด 1 ชั่วโมง ไม่คุ้มเลย




สุดท้ายมีคำแนะนำสั้นๆ สำหรับผู้ที่สนใจ คือ 1.อย่าออกรถใหม่เพื่อมาขับ 2.อย่าออกจากงานประจำเพื่อมาขับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่