เครื่องดื่มที่เจอประจำในร้านอาหารอินเดีย ไปร้านไหนๆก็ต้องเจอค่ะ เมนูยอดนิยมมีอะไรมาดูกันค่ะ
1. Chai ไจ หรือ จาย
ห้ามอ่านว่า ไช เด็ดขาดค่ะ (เราเคยหน้าแหกมาแล้ว) เจ้าไจเนี่ยมันก็คือชาค่ะ แล้วก็แปลว่า "ชา" ดังนั้นเวลาไปสั่งจะบอกว่า ชา, ที, หรือ จาย ได้เลยค่ะ ไม่ต้องสั่ง จายที, ชาจาย ค่ะ โดยปกติทั่วไปมันก็จะคือชาร้อนค่ะ บางร้านอาจเขียนว่า Garam Chai (กะรัม จาย, गरम चाय) ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรแปลกพิเศษค่ะ เพราะคำว่า "กะรัม" แปลว่า ร้อน แต่บางร้านจะมีคำว่า Masala Chai (มาซาลา จาย) มาเป็นออพชั่นอัพราคาอีกนิดนึง อันนี้จะเป็นชาร้อนใส่เครื่องเทศแบบอินเดีย มีกลิ่นเครื่องเทศเป็นฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมา ตามราคาที่อัพขึ้นค่ะ โดยมากกลิ่นขิงกับกลิ่นกระวานจะชัดเจนในเครื่องดื่มประเภท มาซาลา จายค่ะ แต่ถ้า การัม จาย หรือ จาย เฉยๆบางร้านก็จะเป็นชาต้มใส่นมใส่น้ำตาล ธรรมด๊าธรรมดาค่ะ
จาย ปกติเราทำดื่มเองที่บ้านทุกวันอยู่แล้ว แต่เท่าที่เคยดื่มมา เราถูกใจของร้านรอยัล อินเดีย (ย่านพาหุรัด) กับ ร้านครัวเชนไน (ซอยวัดแขก) มากที่สุด ร้านอื่นๆเราว่าเราทำดื่มเองอร่อยกว่า

ส่วน 2 ร้านที่เอ่ยชื่อ เราทำสู้เค้าไม่ได้จริงๆค่ะ
2. Lassi
ในที่นี้หมายถึง Sweet Lassi นะคะ เมนูนี้คนไทยชอบมาก มันก็คือ โยเกิร์ตปั่นใส่น้ำเชื่อม หรือน้ำตาล โดยมากตามร้านก็จะไม่ใส่อะไรอย่างอื่นค่ะ แต่บางร้านก็มีเครื่องเทศใส่ลงไปโดย ถ้าร้านไหนใส่เครื่องเทศ กลิ่นกระวานกับกลิ่นซินาม่อนหรืออบเชยจะชัดค่ะ ... เราไปเจอข้อมูลมาระหว่างหาสูตรเครื่องดื่มอินเดียมาทำเอง ก็เลยได้รู้มาว่า เมนูนี้เป็นเครื่องดื่มสไตล์ปัญจาบีค่ะ ซึ่งคนก็นิยมทั่วไป แต่ลาสซี่จะมีอีกแบบเป็นแบบเค็ม ในเมนูก็เขียนชัดเจนค่ะว่า Salt Lassi วิธีการทำเหมือนกันคือปั่น แต่แบบเค็มจะใส่เกลือแทนน้ำตาลค่ะ แล้วจะมีใบสะระแหน่หรือมิ้นต์เป็นส่วนประกอบด้วย เมนูแบบเค็มคนไทยไม่นิยมค่ะ เคยถามความต่างจากร้านอาหารอินเดียมาแล้วก็ถามว่าควรสั่งอันไหน เค้าบอกว่าคนไทยส่วนใหญ่ชอบแบบหวาน ส่วนคนอินเดียจะชอบแบบเค็มค่ะ
เมนูนี้เราก็ชอบทำดื่มเองที่บ้านเวลาหน้าร้อนค่ะ ทำไม่ยาก แต่ร้านอาหารที่ทำได้โดนใจเลยก็คือ ร้านทมิฬนาฑู ซอยสีลม 11 เป็นร้านอาหารอินเดียสไตล์ทมิฬนาฑู และเป็นร้านแรกที่เราไปกินอาหารอินเดีย แล้วก็ได้ข้อมูลมาว่าคนไทยนิยมลาสซี่แบบหวานนี่แหละค่ะ
3. Mango Lassi
เป็นโยเกิร์ตปั่นใส่มะม่วงสุกค่ะ เมนูนี้ไม่ได้มีทุกร้านนะคะ ร้านเล็กๆหลายๆร้านไม่เจอเมนูนี้ค่ะ แน่นอนว่าอัพราคาจากลาสซี่แบบหวานและเค็มมาอีกนิด โดยมากออกหวานตามรสชาติของมะม่วงค่ะ เราเคยสั่งกินที่ร้านและลองหาสูตรทำเองกินที่บ้าน ออกมาเหมือนกันเลยค่ะ คือ หว๊านหวาน โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบเมนูนี้นะคะ แต่เป็นเมนูยอดนิยมอีกหนึ่งเมนู ใครยังไม่เคยลอง ยังไงก็ต้องลองซักครั้งในชีวิตค่ะ
เมนูนี้เรียกว่าไม่ชอบค่ะ ร้านที่ทำออกมาได้โดนใจเลยไม่มี เพราะดื่มไป 2 ครั้งเลิกค่ะ (ที่ร้าน 1 ครั้ง ทำเองอีก 1 ครั้ง) แต่รูปนี้เป็นรูปที่ไปลองมาที่ร้านอินเดียนฟู้ด เจริญนคร 17 ค่ะ
4. Chaas ชาส หรือ Buttermilk
อีกหนึ่งเมนูเครื่องดื่มที่ทำจากโยเกิร์ต รสชาติจะคล้ายๆลาสซี่แบบเค็มค่ะ แต่วิธีการทำจะต่างกัน คือลาสซี่จะปั่น แต่ชาสจะใช้วิธีกวน คือ เราไปหาดูในยูทูปมา โดยมากชาสจะใช้ที่กวนแบบซี่ๆเหมือนที่เอาไว้ตีไข่เวลาทำขนมน่ะค่ะ แต่เชฟบางคนก็ใช้เครื่องปั่นเหมือนกัน ข้อแตกต่างของชาสกับลาสซี่อีกอย่างคือ ยี่หร่าและความมันค่ะ ชาสกลิ่นยี่หร่าจะชัดมาก แล้วก็มันกว่าลาสซี่นิดนึง อร่อยกว่าค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีเมนูขายทุกร้านนะคะ โดยมากเค้าขายลาสซี่กันค่ะ
เป็นอีกเมนูที่ทำตามง่ายมากๆค่ะ เราก็ทำดื่มเองที่บ้านเช่นกัน แต่ร้านที่มีเมนูนี้เท่าที่จำได้ เพิ่งเคยเจอร้านเดียวค่ะ ที่ร้าน Akshaya ซอยกำจาย เอี๋ยมสุรีย์ เป็นร้านอาหารสไตล์เตลูกู หรือ Andhra Pradesh ค่ะ แน่นอนว่าที่ร้านทำออกมาอร่อยกว่าเราทำเองค่ะ
อ้อ! เมนูนี้ คนอินเดียนิยมดื่มหลังมื้ออาหารค่ะ เค้าว่า ช่วยปรับสมดุลร่างกาย เพราะอาหารอินเดียเครื่องเทศจะเยอะ ดื่มชาสตามเข้าไปจะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุลค่ะ
5. กาแฟ
เป็นปกติค่ะที่มีชา ก็ต้องมีกาแฟขาย โดยมากร้านอาหารอินเดียกาแฟจะรสชาติแย่ค่ะ สู้ชาไม่ได้ แต่ว่าจากที่ชิมๆมาเนี่ย คิดว่าวิธีการทำเราเดาว่าเค้าใช้นมต้มใส่กาแฟ แทนน้ำร้อนและครีมเทียมนะคะ แต่อันนี้ก็แค่ข้อสันนิษฐานของเราคนเดียวค่ะ แต่ทีเด็ดของกาแฟที่ขายในร้านอาหารอินเดียจริงๆคือ South Indian Coffee ค่ะ ไม่ได้หาดื่มกันได้ทุกร้าน ต้องไปร้านอาหารสไตล์อินเดียใต้เท่านั้น แล้วร้านอาหารแบบอินเดียใต้เอง ก็ไม่ได้มีเมนูนี้ขายทุกร้านด้วยค่ะ กาแฟแบบอินเดียใต้ ว่ากันตามจริงมันก็คือกาแฟดริป แบบที่ชาวฮิบสเตอร์ ที่ฮิตชีวิตสโลว์ไลฟ์กำลังนิยมกันนี่แหละค่ะ แต่เพิ่มออพชั่นที่สโลว์กว่าฮิปสเตอร์ไทย ด้วยขั้นตอนการต้มนมและการชักกาแฟ อีก 2 ขั้นตอน ... เรียกว่าตั้งแต่เราได้ลิ้มลองกาแฟสไตล์อินเดียใต้แล้ว ก็แทบจะลืมกาแฟแบบอื่นๆไปเลยค่ะ
แน่นอนว่าเราติดใจก็ก็อปไปทำดื่มเองที่บ้านเช่นกัน แม้ว่าอุปกรณ์จะมีไม่ครบก็อะแด็ปเอา ได้รสชาติออกมาใกล้เคียงกับที่ไปดื่มที่ร้านค่ะ ร้านที่มีขายเท่าที่เคยดื่มมี 2 ร้านค่ะ คือร้าน Akshaya ซอยกำจาย เอี๋ยวสุรีย์ และครัวเชนไน ซอยวัดแขก แต่ร้าน Akshaya จะเสิร์ฟในแก้วธรรมดา ส่วนร้านครัวเชนไนจะเสิร์ฟมาในถ้วย 2 ใบแบบในภาพค่ะ
ถามว่าไปดื่มที่ร้าน Akshaya ที่เสิร์ฟในถ้วยธรรมดาแล้วรู้ได้ยังไงว่ากาแฟอินเดียใต้แน่ๆ ก็ดูจากฟองค่ะ การชักกาแฟจะเกิดฟอง ถึงแม้ว่าฟองจะเริ่มสลายตัว แต่ที่ขอบแก้วจะเกาะแน่นค่ะ ซึ่งต่างจากฟองที่เกิดจากการเทกาแฟจากหม้อสู่แก้ว แบบที่ภาชนะห่างกันจนทำให้กาแฟเกิดฟอง ฟองแบบนี้จะไม่เกาะขอบแก้วแน่นค่ะ แต่ฟองจากการชักมันจะแน่นแล้วเกาะที่ขอบแก้วจนเป็นคราบค่ะ (ทำที่บ้านด้วยเลยรู้ค่ะ)
ทั้งหมดนี่ก็คือเครื่องดื่มหลักๆที่เจอประจำๆในร้านอาหารอินเดียนอกเหนือไปจากน้ำเปล่าและน้ำอัดลมค่ะ แต่ถ้าร้านใหญ่ๆตามโรงแรมหรู ก็คงจะมีเมนูเครื่องดื่มสไตล์อินเดียที่มากกว่านี้ค่ะ แต่เราไม่มีวาสนาไปลองค่ะ
เครื่องดื่มที่เจอประจำในร้านอาหารอินเดีย ไปร้านไหนๆก็ต้องเจอ
1. Chai ไจ หรือ จาย
ห้ามอ่านว่า ไช เด็ดขาดค่ะ (เราเคยหน้าแหกมาแล้ว) เจ้าไจเนี่ยมันก็คือชาค่ะ แล้วก็แปลว่า "ชา" ดังนั้นเวลาไปสั่งจะบอกว่า ชา, ที, หรือ จาย ได้เลยค่ะ ไม่ต้องสั่ง จายที, ชาจาย ค่ะ โดยปกติทั่วไปมันก็จะคือชาร้อนค่ะ บางร้านอาจเขียนว่า Garam Chai (กะรัม จาย, गरम चाय) ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรแปลกพิเศษค่ะ เพราะคำว่า "กะรัม" แปลว่า ร้อน แต่บางร้านจะมีคำว่า Masala Chai (มาซาลา จาย) มาเป็นออพชั่นอัพราคาอีกนิดนึง อันนี้จะเป็นชาร้อนใส่เครื่องเทศแบบอินเดีย มีกลิ่นเครื่องเทศเป็นฟีเจอร์เพิ่มขึ้นมา ตามราคาที่อัพขึ้นค่ะ โดยมากกลิ่นขิงกับกลิ่นกระวานจะชัดเจนในเครื่องดื่มประเภท มาซาลา จายค่ะ แต่ถ้า การัม จาย หรือ จาย เฉยๆบางร้านก็จะเป็นชาต้มใส่นมใส่น้ำตาล ธรรมด๊าธรรมดาค่ะ
จาย ปกติเราทำดื่มเองที่บ้านทุกวันอยู่แล้ว แต่เท่าที่เคยดื่มมา เราถูกใจของร้านรอยัล อินเดีย (ย่านพาหุรัด) กับ ร้านครัวเชนไน (ซอยวัดแขก) มากที่สุด ร้านอื่นๆเราว่าเราทำดื่มเองอร่อยกว่า
2. Lassi
ในที่นี้หมายถึง Sweet Lassi นะคะ เมนูนี้คนไทยชอบมาก มันก็คือ โยเกิร์ตปั่นใส่น้ำเชื่อม หรือน้ำตาล โดยมากตามร้านก็จะไม่ใส่อะไรอย่างอื่นค่ะ แต่บางร้านก็มีเครื่องเทศใส่ลงไปโดย ถ้าร้านไหนใส่เครื่องเทศ กลิ่นกระวานกับกลิ่นซินาม่อนหรืออบเชยจะชัดค่ะ ... เราไปเจอข้อมูลมาระหว่างหาสูตรเครื่องดื่มอินเดียมาทำเอง ก็เลยได้รู้มาว่า เมนูนี้เป็นเครื่องดื่มสไตล์ปัญจาบีค่ะ ซึ่งคนก็นิยมทั่วไป แต่ลาสซี่จะมีอีกแบบเป็นแบบเค็ม ในเมนูก็เขียนชัดเจนค่ะว่า Salt Lassi วิธีการทำเหมือนกันคือปั่น แต่แบบเค็มจะใส่เกลือแทนน้ำตาลค่ะ แล้วจะมีใบสะระแหน่หรือมิ้นต์เป็นส่วนประกอบด้วย เมนูแบบเค็มคนไทยไม่นิยมค่ะ เคยถามความต่างจากร้านอาหารอินเดียมาแล้วก็ถามว่าควรสั่งอันไหน เค้าบอกว่าคนไทยส่วนใหญ่ชอบแบบหวาน ส่วนคนอินเดียจะชอบแบบเค็มค่ะ
เมนูนี้เราก็ชอบทำดื่มเองที่บ้านเวลาหน้าร้อนค่ะ ทำไม่ยาก แต่ร้านอาหารที่ทำได้โดนใจเลยก็คือ ร้านทมิฬนาฑู ซอยสีลม 11 เป็นร้านอาหารอินเดียสไตล์ทมิฬนาฑู และเป็นร้านแรกที่เราไปกินอาหารอินเดีย แล้วก็ได้ข้อมูลมาว่าคนไทยนิยมลาสซี่แบบหวานนี่แหละค่ะ
3. Mango Lassi
เป็นโยเกิร์ตปั่นใส่มะม่วงสุกค่ะ เมนูนี้ไม่ได้มีทุกร้านนะคะ ร้านเล็กๆหลายๆร้านไม่เจอเมนูนี้ค่ะ แน่นอนว่าอัพราคาจากลาสซี่แบบหวานและเค็มมาอีกนิด โดยมากออกหวานตามรสชาติของมะม่วงค่ะ เราเคยสั่งกินที่ร้านและลองหาสูตรทำเองกินที่บ้าน ออกมาเหมือนกันเลยค่ะ คือ หว๊านหวาน โดยส่วนตัวไม่ค่อยชอบเมนูนี้นะคะ แต่เป็นเมนูยอดนิยมอีกหนึ่งเมนู ใครยังไม่เคยลอง ยังไงก็ต้องลองซักครั้งในชีวิตค่ะ
เมนูนี้เรียกว่าไม่ชอบค่ะ ร้านที่ทำออกมาได้โดนใจเลยไม่มี เพราะดื่มไป 2 ครั้งเลิกค่ะ (ที่ร้าน 1 ครั้ง ทำเองอีก 1 ครั้ง) แต่รูปนี้เป็นรูปที่ไปลองมาที่ร้านอินเดียนฟู้ด เจริญนคร 17 ค่ะ
4. Chaas ชาส หรือ Buttermilk
อีกหนึ่งเมนูเครื่องดื่มที่ทำจากโยเกิร์ต รสชาติจะคล้ายๆลาสซี่แบบเค็มค่ะ แต่วิธีการทำจะต่างกัน คือลาสซี่จะปั่น แต่ชาสจะใช้วิธีกวน คือ เราไปหาดูในยูทูปมา โดยมากชาสจะใช้ที่กวนแบบซี่ๆเหมือนที่เอาไว้ตีไข่เวลาทำขนมน่ะค่ะ แต่เชฟบางคนก็ใช้เครื่องปั่นเหมือนกัน ข้อแตกต่างของชาสกับลาสซี่อีกอย่างคือ ยี่หร่าและความมันค่ะ ชาสกลิ่นยี่หร่าจะชัดมาก แล้วก็มันกว่าลาสซี่นิดนึง อร่อยกว่าค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีเมนูขายทุกร้านนะคะ โดยมากเค้าขายลาสซี่กันค่ะ
เป็นอีกเมนูที่ทำตามง่ายมากๆค่ะ เราก็ทำดื่มเองที่บ้านเช่นกัน แต่ร้านที่มีเมนูนี้เท่าที่จำได้ เพิ่งเคยเจอร้านเดียวค่ะ ที่ร้าน Akshaya ซอยกำจาย เอี๋ยมสุรีย์ เป็นร้านอาหารสไตล์เตลูกู หรือ Andhra Pradesh ค่ะ แน่นอนว่าที่ร้านทำออกมาอร่อยกว่าเราทำเองค่ะ
อ้อ! เมนูนี้ คนอินเดียนิยมดื่มหลังมื้ออาหารค่ะ เค้าว่า ช่วยปรับสมดุลร่างกาย เพราะอาหารอินเดียเครื่องเทศจะเยอะ ดื่มชาสตามเข้าไปจะทำให้ร่างกายอยู่ในสภาวะสมดุลค่ะ
5. กาแฟ
เป็นปกติค่ะที่มีชา ก็ต้องมีกาแฟขาย โดยมากร้านอาหารอินเดียกาแฟจะรสชาติแย่ค่ะ สู้ชาไม่ได้ แต่ว่าจากที่ชิมๆมาเนี่ย คิดว่าวิธีการทำเราเดาว่าเค้าใช้นมต้มใส่กาแฟ แทนน้ำร้อนและครีมเทียมนะคะ แต่อันนี้ก็แค่ข้อสันนิษฐานของเราคนเดียวค่ะ แต่ทีเด็ดของกาแฟที่ขายในร้านอาหารอินเดียจริงๆคือ South Indian Coffee ค่ะ ไม่ได้หาดื่มกันได้ทุกร้าน ต้องไปร้านอาหารสไตล์อินเดียใต้เท่านั้น แล้วร้านอาหารแบบอินเดียใต้เอง ก็ไม่ได้มีเมนูนี้ขายทุกร้านด้วยค่ะ กาแฟแบบอินเดียใต้ ว่ากันตามจริงมันก็คือกาแฟดริป แบบที่ชาวฮิบสเตอร์ ที่ฮิตชีวิตสโลว์ไลฟ์กำลังนิยมกันนี่แหละค่ะ แต่เพิ่มออพชั่นที่สโลว์กว่าฮิปสเตอร์ไทย ด้วยขั้นตอนการต้มนมและการชักกาแฟ อีก 2 ขั้นตอน ... เรียกว่าตั้งแต่เราได้ลิ้มลองกาแฟสไตล์อินเดียใต้แล้ว ก็แทบจะลืมกาแฟแบบอื่นๆไปเลยค่ะ
แน่นอนว่าเราติดใจก็ก็อปไปทำดื่มเองที่บ้านเช่นกัน แม้ว่าอุปกรณ์จะมีไม่ครบก็อะแด็ปเอา ได้รสชาติออกมาใกล้เคียงกับที่ไปดื่มที่ร้านค่ะ ร้านที่มีขายเท่าที่เคยดื่มมี 2 ร้านค่ะ คือร้าน Akshaya ซอยกำจาย เอี๋ยวสุรีย์ และครัวเชนไน ซอยวัดแขก แต่ร้าน Akshaya จะเสิร์ฟในแก้วธรรมดา ส่วนร้านครัวเชนไนจะเสิร์ฟมาในถ้วย 2 ใบแบบในภาพค่ะ
ถามว่าไปดื่มที่ร้าน Akshaya ที่เสิร์ฟในถ้วยธรรมดาแล้วรู้ได้ยังไงว่ากาแฟอินเดียใต้แน่ๆ ก็ดูจากฟองค่ะ การชักกาแฟจะเกิดฟอง ถึงแม้ว่าฟองจะเริ่มสลายตัว แต่ที่ขอบแก้วจะเกาะแน่นค่ะ ซึ่งต่างจากฟองที่เกิดจากการเทกาแฟจากหม้อสู่แก้ว แบบที่ภาชนะห่างกันจนทำให้กาแฟเกิดฟอง ฟองแบบนี้จะไม่เกาะขอบแก้วแน่นค่ะ แต่ฟองจากการชักมันจะแน่นแล้วเกาะที่ขอบแก้วจนเป็นคราบค่ะ (ทำที่บ้านด้วยเลยรู้ค่ะ)
ทั้งหมดนี่ก็คือเครื่องดื่มหลักๆที่เจอประจำๆในร้านอาหารอินเดียนอกเหนือไปจากน้ำเปล่าและน้ำอัดลมค่ะ แต่ถ้าร้านใหญ่ๆตามโรงแรมหรู ก็คงจะมีเมนูเครื่องดื่มสไตล์อินเดียที่มากกว่านี้ค่ะ แต่เราไม่มีวาสนาไปลองค่ะ