ทำยังไงดีครับแฟนไม่เข้าใจ คิดว่าเราทำแต่งานไม่สนใจเค้า ?

เรื่องยาวหน่อยครับครับ อันนี้เป็น Repost! นะครับพอดีเมื่อคืนกลุ้มใจมากเลยตั้งกระทู้ถาม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตั้งดึกไปหรือป่าวเลยไม่ค่อยมีคนให้คำปรึกษา

                     ผมเป็นผู้ชายคนนึงที่ทุ่มเทให้กับความรักมาก จนวันนึงที่มาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต ที่ต้องแบ่งฝั่งระหว่า อนาคต กับ คนที่เรารัก ผมเป็นคนที่มองอนาคตไม่ค่อยเห็นซักเท่าไหร่ จนกระทั่งวันหนึ่งที่ผมได้มาเจอกับผู้หญิงที่แสนดีที่สุดในโลก ในสายตาของผมเธอคือผู้หญิงที่น่ารักมาก เธอเป็นคนเอาแต่ใจ ขี้น้อยใจ และเธอก็อ้อนเก่งเป็นบ้า  ผมรู้จักกับเธอและคบหากันตอนเรียน ป.ตรี เธอเป็นรุ่นน้อง(ปัจจุบันผมอายุ25 เธอ23) ตอนเรียนเราคบกันมาได้ซักพัก เธอเรียนเก่ง เธอเรียนจบก่อนผม (ผมติดเกมส์555เลยเรียนไม่จบซักที) เธอดูมีอนาคตไกล จบมาไม่ถึงเดือนเธอก็ได้งาน ที่ทำงาน ห่างจาก ม.ประมาน 52 กม. ตอนที่เธอได้งานผมซึ่งยังเรียนไม่จบ ก็อยู่หอแถว ม. แฟนผมเธอเป็นคนขี้กลัว ขี้เหงา ไม่ค่อยกล้านอนคนเดียว ช่วงที่ผมยังเรียนอยู่ ถ้าวันไหนว่างจากเรียนผมจะ แว้น มอไซ ระยะทาง52 กม. ไปหาเธอ แต่ช่วงหลังผมออกมาอยู่หอคนเดียวโดยเธอช่วยออกค่าห้องให้ครึ่งนึ่งเพื่อที่ว่าเธอจะได้มาหาผมได้บ่อยๆ เป็นแบบนี้มาประมาน 1ปี จนวันนึง ที่บ้านผมเริ่มทำธุรกิจส่วน (ตัดเย็ยเสื้อผ้า ชุดกีฬา) เมื่อผมมีเวลาว่างจากเรียนผมก็จะแวะไปศึกษาดูงานธุรกิจของครอบครัวบ่อยๆ เละเมื่อผมเรียนใกล้จบ ระหว่างนั้นแฟนผมเธอ อยากให้ผมมีอนาคตที่ดี เธอถึงขั้นคุยกับ ผจก.ฝ่ายบุคคลที่ บริษัทของเธอเพื่อฝากผมเข้าทำงาน (แต่ บ.นั้นก็ไม่รับผม เนื่องจากผมยังเหลื่อ อีก1วิชาซึ่ง ม.ไม่ได้เปิดในเทอมนั้น) เธอแนะนำทุกอย่างให้ผม สุดท้าย งานก็ไม่ได้ เรียนก็เรียนไม่จบ (เพราะ ม.ไม่เปิดรายวิชาที่จะลง) ผมจึงตัดสินใจกลับบ้านมาทำธุรกิจที่บ้าน และบังเอิญช่วงที่ผมกลับมาช่วยธุรกิจที่บ้านดันเป็นช่วงที่ เปิดสอบ นายสิบตำรวจ แฟนผมเธอจึงแนะนำให้ผมสมัคสอบ ผมก็เห็นว่ามันก็ดีนะถ้าสอบติดได้ลง สน.ใกล้ๆบ้านจะได้มีเวลามาดูธุรกิจสวนตัวบ้าง จึงทำตามคำแนะนำของเธอ พอผ่านมาได้ซักระยะ (ช่วงนั้นถ้าผมมีเวลาว่างก็จะขึ้นไปหาเธอที่ บ้านพักที่ทำงานของเธอ ระยะทางก็ราวๆ100กว่ากิโล) ผมก็เริ่มเข้าใจในธุรกิจของผม ผมเริ่มแสดงให้พ่อและแม่เห็นว่าผมอยากเป็นคนบริหารจัดการเอง เริ่มรับงานเอง ตัดงานเอง หัดเย็บ ทำสกรีน ผมเริ่มบริหารจนเข้าที่ ช่วงนั้นยอมรับครับผม ไม่ค่อยได้ขึ้นไปหาเธอมากนัก จะไปหาเธออาทิตเว้นอาทิตตามที่ตกลงกัน โดยจะไปหาเธอในวันศุกร์ (รูมเมทเธอจะกลับบ้านทุกวันศุกร์เพื่อไปเรียนในวันเสาอาทิต) เพราะเธอไม่ชอบนอนคนเดียว พูดง่ายๆคือนอนคนเดียวไม่ได้ถ้าไม่ใช้ห้องนอนที่บ้าน บางวันที่รูมเมทเธอกลับบ้าน(กลับบ้านก่อนวันศุกร์)ผมก็จะขับรถไปหาเธอบ้าง หรือบางทีก็นั่งรถตู้ไปลงระหว่างทางแล้วให้เธอมารับ(ที่ทำงานเธออยู่ห่างจากตัวเมืองประมาน35-40กม.)ถ้าวันไหนผมขับรถมาเองก็จะนอนคืนเดียวเช้าก็กลับไปดูร้านต่อ แต่ถ้าวันไหนนั่งรถตู้ไปหาเธอผมก้ต้องนอนหอเธอยาวๆแล้วกลับพร้อมเธอ ทำแบบนี้มาได้ซักระยะจันถึงวันนึงที่ผมจะต้องไปติวเพื่อสอบนายสิบตำรวจ ตั้งแต่วันที่ 9ก.ย.-13ก.ย. ผมก็ถามเธอว่าระหว่างนี้ถ้า รูมเมทเธอกลับบ้านแล้วเธอจะทำยังไง ผมคงลงมาหาเธอไม่ได้ เธอก็มีอาการน้อยใจนิดๆแต่เธอก็เข้าใจและอยากให้ผมติดนายสิบ แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ รูมเมทเธอติดธุระกลับบ้าน เธอจึงตัดสินใจกลับไปนอนที่บ้านของเธอซึ่งน่าจะห่างจากที่ทำงานราวๆ60-80กม. ในระหว่างที่ผมติว ก็คุยโทรศัพกับเธอทุกวัน(ตลอดระยะเวลาที่คบมาเราคุยโทรศัพกันทุกคืนครับผมชอบเฝ้าเธอทางโทรศัพ เธอเป็นคนขี้กลัวก็ชอบให้ผมเฝ้า บางทีก็มีแอบหลับ ฮาๆ)จนวันที่สอบเสร็จ13ก.ย. ผมก็นอนค้างที่ทำงานคุณพ่อ กลับถึงบ้านก็14ก.ย.กลับมาถึงผมก็รีปเคลียงานด่วน(เนื่องจากไปติว5วันนติดงานค้างผมเลยเยอะ)เพราะวันที่20(วันประกาศผลสอบ)ผมและเธอมีทริปไปเที่ยวกระบี่กัน(กะว่าถ้าสอบติดก็คือไปฉลอง สอบไม่ติดก็ฉลอง555)ในอาทิตย์นี้คืออาทิตย์ที่ผมต้องไปหาเธอในวันศุกร์ที่ 18ก.ย. ในระหว่าที่ผมกำลังวางแผนเคลียงาน สิ่งที่ผมคิดเล่นๆในใจก็เกิดขึ้นจริงๆ คือรูมเมทของแฟนผม กลับไปทำธุระที่บ้านทั้งอาทิตย์ แฟนผมเลยขอให้ผมขึ้นไปหาไปอยู่เป็นเพื่อนเธอ ซึ่งผมที่มีงานที่ร้านเพียบก็พยายามบ่ายเบี่ยงเธอ ผมบอกว่าผมต้องเคลียงานที่ร้านเยอะ เธอก็บอกว่ามานอนเป็นเพื่อนแล้วเช้าก็กลับไปทำงานก็ได้หนิ (วันนั้นเป็นวันแจ็คพ๊อต รถที่บ้านผม3คัน ไม่ว่างซักคัน)ผมก็บอกเธอว่าผมไม่มีรถ เธอก็บอกว่าขึ้นรถตู้มาก็ได้เดี๋ยวไปรับ(ที่ทำงานแฟนผมอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาน35-40กม.) ผมก็อธิบายให้เธอฟังว่าถ้าผมขึ้นรถตู้ไป ผมก็ต้องอยู่หอเธอหลายวันซึ่งผมต้องเคลียงานที่ร้าน เธอก็ถามว่าแล้วที่ร้านไม่มีใครทำได้เลยหรอ ผมก็บอกเธอว่าคนทำเป็นมีคือแม่ผม  (ที่ผมต้องการอยู่เคลียงานอันดับแรกคือ 1.ผมต้องการใช้เงินเพื่อไปกระบี่กับแฟนผมในวันที่20 ถ้าผมไม่เคลียงานเองก็ขอเงินที่บ้านลำบาก 2.งานที่มีอยู่ที่ร้านตอนนี้เป็นงานที่ผมรับมา ผมต้องการทำด้วยตัวเอง เพราะเนื่องจากผมไม่อยากให้พ่อและแม่มองผมว่าผมไม่มีความรับผิดชอบไม่จริงจังกับงาน เพราะว่าถ้าสอบนายสิบตำรวจไม่ติด ร้านนี้ผมต้องการบริหารเอง แล้วถ้าผมไม่มีความรับผิดชอบงานที่รับมาด้วยตัวเอง ผมกลับว่าแม่ผมจะไม่ยอมให้ผมบริหารร้าน) เธอก็ถามต่ออีกกว่าแล้วถ้าผมติดนายสิบแล้วใครจะทำ ผมก็บอกเธอไปว่า "พี่ถึงต้องรีบเคลีบงานให้เสร็จก่อนที่จะไปฝึก" เธอก็เงียบ แล้วก้น้อยใจ ผมก็ได้แต่เงียบนึกอะไรไม่ออก จนเธอตัดสายโทรศัพท์ผมไป ผมก็ได้แต่นั่งนึกว่าทำไมเธอไม่เข้าใจผมบ้าง จนผมมาคิดได้ว่าผมมัวแต่มองปัญหาของตัวเองจนผมลืมไปว่า สิ่งที่แฟนผมกลัวมากที่สุดคือการอยู่คนเดียว ผมก็ได้แต่โทรไปขอโทษเธอ (ซึ่งเธอก็ไม่รับ) แต่ผมก็ขึ้นไปหาเธอไม่ได้อยู่ดี " สิ่งที่ผมกลัวที่สุดไม่ใช่การเสียเธอไป แต่ผมกลัว กลัวว่าวันนึงที่ผมต้องไปไกล วันนึงที่ผมไม่อยู่ ผมกลัวว่าเธอจะอยู่คนเดียวไม่ได้ " ผมเคยพูดกับเธอเรื่องนี้หลายรอบ เธอก็บอกว่าอย่าพูดมันไม่ดี แต่ผมก็พยายามบอกให้เธอเข็มแข็งให้เธออยู่คนเดียวให้ได้ เธอก็พูดเชิงประชดกับผมมาว่า "ถ้าวันนึงหนูอยู่คนเดียวได้หนูอาจจะไม่ต้องการพี่ก็ได้" ผมก็ได้แต่เงียบ วันนี้ผมก็ได้แต่นั่งเสียใจในสิ่งที่ผมตัดสินใจทำลงไป อารมมันประสมกันทุกอย่าง เสียใจที่อยู่ดูแลคนที่รักไม่ได้ เสียใจที่คนที่เรารักไม่เข้าใจ เสียใจที่ทำให้คนที่เรารักต้องร้องให้ เฮ้อ!!! ผมควรทำยังไงดีครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่