รออยู่นะทั้งงพอร์ตปันผล และ พอร์ตเล่นรอบ วันนี้วันหยุดสัปดาห์ น่าจะมา
หุ้น PTT บวก 3.10% โบรกคาด ครึ่งปีหลังสดใส ปัจจัยหนุนนโยบายรัฐ-บาทแข็ง-ปันผล
ณัฐนนท์ มนต์ขลัง CISA นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า PTT มีหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เข้ามาหนุนผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศที่สำคัญมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ คือ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ซึ่งเป็นอดีต CEO ของ PTT แม้ไม่ได้มองว่าจะเป็นประโยชน์โดยตรงกับ PTT แต่ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงานสูง ซึ่งจะส่งผลให้การผลักดันนโยบายต่าง ๆ โดยเฉพาะ โครงสร้างราคาก๊าซ ทำได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสมมากขึ้น ดังนั้นจึงส่งผลดีต่อธุรกิจก๊าซของ PTT ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นได้
นอกจากนี้ PTT ยังมีแผนการขายธุรกิจยาในตลาดไต้หวัน คือ โลตัสฟาร์ม ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกเช่นกัน ขณะเดียวกัน PTT ได้ เปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน โดยเน้นธุรกิจหลักของตนเองมากขึ้น และลดการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่แกนหลัก เช่น ธุรกิจโรงรถ EV หรือธุรกิจยาบางส่วนที่ขายไป ซึ่งการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีเงินสดและสภาพคล่องเหลือมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า เงินปันผลในอนาคตจะมีโอกาสสูงขึ้น โดยคาดการณ์ปันผลช่วงครึ่งปีนี้น่าจะอยู่ประมาณ 80 สตางค์
ขณะที่ ปัจจัยภายนอกประเทศได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยลดลงต่ำกว่า 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นผลดีต่อ PTT เนื่องจากบริษัทมีภาระหนี้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวนมาก การแข็งค่าของเงินบาททำให้เกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนราคาน้ำมันแม้จะยังไม่ฟื้นตัวอย่างมาก แต่ทว่าก็ไม่ปรับตัวลงมากเหมือนช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2/68 ทำให้ผลประกอบการโดยรวมดีขึ้น
สำหรับคำแนะนำนักลงทุนในระยะยาวมองว่า สามารถสะสมหุ้น PTT ได้ เนื่องจากยังมีโอกาสในการเติบโตและมีเงินปันผลที่ดี หากราคาอ่อนตัวลงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
https://www.facebook.com/share/p/17FaEtyBnM/?mibextid=wwXIfr
ข่าวดีก็มารอแล้ว ราคาหุ้นก็ขึ้นรอแล้ว ขาดประกาศปันผล ที่ยังรอ😁
หุ้น PTT บวก 3.10% โบรกคาด ครึ่งปีหลังสดใส ปัจจัยหนุนนโยบายรัฐ-บาทแข็ง-ปันผล
ณัฐนนท์ มนต์ขลัง CISA นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า PTT มีหลายปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เข้ามาหนุนผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศที่สำคัญมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลและการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่ คือ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ซึ่งเป็นอดีต CEO ของ PTT แม้ไม่ได้มองว่าจะเป็นประโยชน์โดยตรงกับ PTT แต่ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงานสูง ซึ่งจะส่งผลให้การผลักดันนโยบายต่าง ๆ โดยเฉพาะ โครงสร้างราคาก๊าซ ทำได้อย่างรวดเร็วและเหมาะสมมากขึ้น ดังนั้นจึงส่งผลดีต่อธุรกิจก๊าซของ PTT ทำให้ผลประกอบการดีขึ้นได้
นอกจากนี้ PTT ยังมีแผนการขายธุรกิจยาในตลาดไต้หวัน คือ โลตัสฟาร์ม ซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกเช่นกัน ขณะเดียวกัน PTT ได้ เปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุน โดยเน้นธุรกิจหลักของตนเองมากขึ้น และลดการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่แกนหลัก เช่น ธุรกิจโรงรถ EV หรือธุรกิจยาบางส่วนที่ขายไป ซึ่งการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้บริษัทมีเงินสดและสภาพคล่องเหลือมากขึ้น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า เงินปันผลในอนาคตจะมีโอกาสสูงขึ้น โดยคาดการณ์ปันผลช่วงครึ่งปีนี้น่าจะอยู่ประมาณ 80 สตางค์
ขณะที่ ปัจจัยภายนอกประเทศได้รับอานิสงส์จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น โดยลดลงต่ำกว่า 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นผลดีต่อ PTT เนื่องจากบริษัทมีภาระหนี้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จำนวนมาก การแข็งค่าของเงินบาททำให้เกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
ส่วนราคาน้ำมันแม้จะยังไม่ฟื้นตัวอย่างมาก แต่ทว่าก็ไม่ปรับตัวลงมากเหมือนช่วงที่ผ่านมา ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงผลขาดทุนจากสต็อกน้ำมันจำนวนมากที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2/68 ทำให้ผลประกอบการโดยรวมดีขึ้น
สำหรับคำแนะนำนักลงทุนในระยะยาวมองว่า สามารถสะสมหุ้น PTT ได้ เนื่องจากยังมีโอกาสในการเติบโตและมีเงินปันผลที่ดี หากราคาอ่อนตัวลงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
https://www.facebook.com/share/p/17FaEtyBnM/?mibextid=wwXIfr