สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิกและผู้อ่านทุกคน หลังจากเป็นคนอ่านมาตลอด วันนี้มีปัญหาที่รู้สึกว่ามันหนักและหาหนทางออกไม่เจอมาจึงขอระบาย และอยากได้คำปรึกษาจากทุกๆคน ยินดีน้อมรับฟังปรึกษาของทุกท่านนะคะ เริ่มเลยนะคะ ดิฉันอายุ28ปี แต่งงานกับสามีได้1ปี เราเป็นแฟนกันมา7ปีตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย แฟนอายุเท่ากัน ปัจจุบันมีลูกชาย1คน อายุ1ขวบ ตั้งแต่สมัยจบมหาลัย เราเริ่มทำงานเป็นวิศวกรเลยค่ะ ส่วนสามีกลับไปช่วยกิจการที่บ้าน กิจการที่บ้านของสามีตอนนั้นมีพ่อสามี แม่สามี พี่บีซึ่งเป็นพี่ชายของสามี พี่เจเป็นภรรยาของพี่บี และตัวสามีทำงานร่วมกัน เป็นกิจการปั๊มน้ำมันเล็กๆและร้านขายของชำซึ่งช่วยกันดูแล และเราก็ดีกันบ้างทะเลาะกันบ้าง เพราะเราเหนื่อยกับงานที่ทำ เป็นงานที่เครียดมาก ปรากฎว่าเราสองคนทะเลาะกันบ่อย จนจะเลิกกัน สามีเราเลยตัดสินใจออกจากบ้านมาหางานทำ เพื่อจะได้อยู่ใกล้ๆกับเรา เราและสามีเข้าทำงานเป็นวิศวกร อยู่ต่างบริษัทกัน แต่ที่ทำงานอยู่ใกล้กันมากค่ะ ตอนนั้นเราและสามีมีความสุขมาก ถึงจะเหนื่อยแต่เราก็เป็นกำลังใจให้กันค่ะ เราได้เงินเดือน25,000บาท สามีได้18,000บาท เราสองคนเช่าหออยู่ด้วยกัน มีเงินเก็บบ้างเล็กน้อย เหตุการณ์ดูเหมือนจะดีทุกอย่างค่ะ ความทุกข์เริ่มคืบคลานมาในชีวิตคู่เราค่ะ เราทำงานได้ปีกว่าๆ ส่วนสามีได้4เดือน ....พี่บีได้โทรตามให้สามีเรากลับมารับช่วงกิจการที่บ้านค่ะ
พี่บีจะย้ายออกไปอยู่ส่วนตัวกับพี่เจที่บ้านหลังใหม่และทำธุรกิจใหม่ตามที่แกวางแผนไว้ เป็นธุรกิจรับซื้อน้ำยาง ขี้ยางค่ะ สามีเราคิดหนักมาก พ่อสามีก็โทรมาบ่นว่าเหนื่อย แม่สามีเราก็มีอาการเจ็บเท้าเรื้อรัง สามีเราเลยตัดสินใจว่าจะลาออกเพื่อกลับไปดูแลช่วยงานพ่อและแม่สามีค่ะ เราทะเลาะกันหนักมาก ดิฉันน้อยใจสามีมากที่จะทิ้งดิฉันไว้ที่กรุงเทพคนเดียว เพราะดิฉันพึ่งแท้งลูกไป สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ สภาพกายก็ย่ำแย่ ตอนนั้นนอนร้องไห้ทุกวัน สามีก็ชวนให้ดิฉันไปอยู่ที่ใต้ด้วยกัน แต่ดิฉันเสียดายเงินเดือนค่ะ ไม่อยากไปเกาะสามีกิน ดิฉันเลยบอกให้เขากลับไปดูลาดเลา หางานให้ดิฉัน เผื่อว่าจะลงไปอยู่ด้วยกัน ดิฉันจะได้มีงานทำ แล้วสามีดิฉันก็กลับไปอยู่ใต้กับครอบครัวของเขาค่ะ
ตอนนั้นก็พยายามเข้าใจ สามีก็บอกจะรีบเก็บเงินมาสู่ขอ หลังจากบวช ช่วงนั้นเราผลัดกันไปมาหาสู่ค่ะ บ้านเรารับรู้ทั้งคู่ พ่อแม่เขาดีกับดิฉันมาก พี่ชายทั้งสองคนของสามีก็ดีมาก พี่สะใภ้ทั้งสองคนก็ดีมาก สามีชวนให้เราลาออกจากงานมาช่วยงานเขา เราก็คิดสัก2เดือน จึงตัดสินใจลาออกมาอยู่กับสามีค่ะ เราก็ช่วยงานสามีนะคะ เราเป็นคนไม่ฟุ่มเฟือยค่ะ ติดๆจะขี้งกด้วย
และปัญหาก็เริ่มมาค่ะ พี่บีแกมายืมเงินที่บ้านบ่อยค่ะ ยืมไปซื้อน้ำยางบ้าง ยืมไปนู้นนี่บ้าง คืนบ้าง ไม่คืนบ้าง เราก็ไม่เข้าไปยุ่งนะคะ เรื่องของครอบครัวเขา เราก็ช่วยสามีทำงานปกติ จนพี่บีเริ่มหนักขึ้น แกให้พ่อเอาบ้านเข้าจำนองกับธนาคารธกส.เพื่อแกจะเอาเงินมาลงทุนทำรถมือสอง 6แสนบาทค่ะ พ่อสามีเราก็ช่วยค่ะ แต่เวลาส่งธนาคาร กลับเอาเงินที่บ้านส่งค่ะ พี่บีไม่ส่งค่ะ แกอ้างว่าแกเอาไปใช้หนี้นอกระบบให้พ่อ สามีเราก็ทำงานไปค่ะ ลืมบอกไปค่ะ ว่าสามีเรามีพี่ชายคนโตอีกคน ซึ่งแกก็เปิดร้านขายอุปกรณ์เกษตรอยู่ติดกับบ้านสามี เรื่องเงินทองไม่ได้เกี่ยวกัน แต่กินข้าว3มื้อด้วยกัน น้ำไฟใช้มิเตอร์เดียวกัน พี่บีเป็นพี่ชายคนกลางนะคะ
1ปีที่พี่บีย้ายออกไป สถานการณ์ทางการเงินแกดูเเย่มาก ยืมเงินที่บ้านสามีเราบ่อยมากๆ แต่พี่เจกลับไม่แย่อย่างนั้น ยังกินใช้จ่ายเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไร พี่เจเป็นสาวสังคมมากค่ะ แต่งตัวเก่ง มีแต่แบรนด์เนม มาถึงจุดนี้เราเริ่มสงสารสามีค่ะ เลยหางานทำเป็นอาชีพเสริม เราทำขนมเค้กส่งร้านกาแฟค่ะ ผลตอบรับออกมาดีทีเดียว มีรายได้จากการขายขนมอยู่ที่10000บาทค่ะ เราก็เอาเงินตรงนี้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเราสองคนค่ะ ไม่ใช้เงินจากที่บ้าน เพราะที่บ้านเริ่มขาดสภาพคล่องค่ะ พี่บีแกก็ไม่ค่อยมายืมแล้วค่ะ เพราะที่บ้านก็หมดกับแกไปเยอะ แล้วยังต้องมาส่งธนาคารให้แกอีก จนเข้าปีที่2เราท้องค่ะ เลยแต่งงานกัน ใช้เงินส่วนตัวในการแต่งงานค่ะ เปียแชร์บ้าง เงินเก็บบ้าง ลูกคลอดได้ไม่ถึงขวบ พี่บีกลับมาวนเวียนยืมเงินที่บ้านอีกแล้วค่ะ แกมาสารภาพว่าแกเป็นหนี้นอกระบบอยู่ราวๆ1ล้านบาท แกต้องการให้พ่อกับสามีเราช่วย พ่อสามีตัดสินใจช่วยอีกครั้ง โดยการไปไถ่ถอนบ้านที่ติดหนี้จากธนาคารที่ธกส.โดยยืมเงินญาติมาปิด เพื่อจะเอาบ้านไปเข้าธนาคารออมสินใหม่ จากหนี้6แสนในตอนเเรก ชำระผ่อนส่งจนเหลือ3แสน จึพ่อยืมเงินญาติมาปิดค่ะ แต่ด้วยอายุพ่อสามีเราเยอะ เกรงว่าจะกู้ไม่ผ่าน จึงโอนบ้านและกิจการให้เป็นของสามี และให้สามีเราดำเนินการเอาบ้านเข้าธนาคารออมสิน พ่อสามีเราพูดกับพี่บีว่าจะเป็นการช่วยครั้งสุดท้าย สามีเรากู้มา1ล้านแปดแสนค่ะ พี่บีเอาไป1ล้านบาท นำไปคืนญาติ3แสน ค่าดำเนินการกับธนาคารที่เจาหัก1แสน เราต้องไปเซ็นกู้ร่วมกับสามีค่ะ ตอนนั้นกลัวมาก ไม่เคยเป็นหนี้ขนาดนี้ สามีเราบอกว่าจะให้เงินเรามาทำร้านเค้ก2แสน เราขอเก็บเงินสองแสนไว้ในรูปแบบสลากออมสิน เพราะเรายังไม่พร้อมจะทำ เนื่องจากลูกเรายังเล็กมาก มาถึงตอนนี้สถานการณ์ในบ้านเริ่มตึงเครียดค่ะ พี่ชายตนโตกับเมียเริ่มไม่พอใจเราและสามีค่ะ ทุกขลาภค่ะ ได้รับมรดกค่ะ แต่แค่ตึงๆใส่ แต่เราไม่ยุ่งค่ะ เราก็เลี้ยงลูกเรา เริ่มรับทำเค้กวันเกิดบ้าง จนลูกเรา10เดือน เราก็กลับมารับงานเต็มตัว รายได้ก็อยู่ประมาณ15000บาท...
มาถึงตอนนี้ มาแบบเดิมอีกแล้วค่ะ พี่บีหมดเงินแล้วค่ะ แกเอาเงินที่ได้ไปใช้หนี้ แต่ก็กลับไปเป็นหนี้ใหม่ เพราะพี่เจเมียแกเอาเงินไปเปิดสปาในเมือง และมีชู้ พี่บีหมดเงิน เป็นหนี้อีกกว่า1ล้านบาทอีกแล้วและเลิกกับพี่เจ ซึ่งพี่เจนี่ทำไว้เจ็บแสบมาก พ่อแม่สามีร้องไห้อีกครั้ง เจ้าหนี้มาทวงเช้าทวงเย็น บ้านของพี่บีก็กำลังจะถูกยึด แกเอาบ้านแกไปจำนองกับเจ้าหนี้นอกระบบอยู่3แสน รถก็เอาไปจำนอง ไฟแนนซ์ก็มาทวงรถ แต่รถก็ติดจำนอง
ตอนนี้ที่บ้านสามีแย่มากๆหนี้ธนาคารพี่บีก็ไม่ส่ง สามีเราก็ทำงานส่ง เราสองคนทะเลาะกันบ่อย พี่บีก็ดูจะไม่เดือดร้อนใจ มีเวลาไปหาแฟนใหม่ ได้แม่ม่ายลูกติดมาคนนึง แกนิ่งเฉยเพราะรู้ว่ามีคนช่วย พ่อสามีช่วยอีกครั้ง โดยการเอารถของแกเข้าไฟแนนซ์ แล้วเอาไปปลดหนี้ที่แกเอาบ้านไปจำนอง ตอนนี้พี่บีได้ฉโนดที่ดินกลับมา แกจะเอาบ้านแกเข้าธนาคารอีกรอบ (เหนื่อยแทน)เพื่อจะเอาเงินมาใช้หนี้ส่วนที่เหลือ แกมาพูดกับเราและสามีว่า แกอยากกลับมาทำงานที่บ้าน ที่ที่สามีเราทำอยู่ค่ะ ให้เราสามคนพ่อแม่ลูกย้ายออกไป แกจะมาบริหารใหม่ เอาเมียและลูกติดมาอยู่ด้วย ซึ่งแกให้เหตุผลว่าจะมาทำงานใช้หนี้เอง ซึ่งทุกวันนี้หนี้แบ่งออกมาดังนี้ค่ะ 1.หนี้กู้บ้านสามี1ล้านแปด ส่งเดือนล่ะ2หมื่นกว้า 2.หนี้2แสนห้า พ่อไปเอามาช่วยพี่บีปิดรถ 3.หนี้รถของพ่อสามีที่เอาเข้าไฟแนนซ์ 4หนี้กู้บ้านพี่บี ซึ่งที่สามีเรารับภาระอยู่ตอนนี้มีข้อ1,2
แต่สิ่งที่เราเจ็บมากที่สุดคือ เขาให้เหตุผลว่าเขาอยากทำงานใช้หนี้เอง แต่การไล่เราออก โดยบอกว่าพ่อยังไม่ได้ยกบ้านให้ใคร และไม่อยากให้สามีเราต้องมาลำบากเพราะหนี้เขา เรามีรายได้จากการทำขนมเลี้ยงตัวค่ะ พวกนมแพมเพิร์ส วัคซีนของลูก สามีเราเป็นคนจ่ายค่ะ เราอยากปรึกษาทุกๆท่านค่ะ ว่าเราควรจะทำยังไง จะย้ายออกมาดีไหม ออกมาก็ไม่รู้จะทำอะไร อายุก็จะ30แล้ว งานคงหายาก ใจเราก็คิดว่าจะย้ายออกมาทำไม ในเมื่อเราก็มีสิทธิ์ในบ้านนี้เต็มที่ ทำไมต้องย้ายออก รบกวนขอคำปรึกษาด้วยค่ะ
เราถูกเฉดหัวส่ง เจ็บช้ำมากค่ะ อยากระบายและอยากได้รับคำแนะนำ
พี่บีจะย้ายออกไปอยู่ส่วนตัวกับพี่เจที่บ้านหลังใหม่และทำธุรกิจใหม่ตามที่แกวางแผนไว้ เป็นธุรกิจรับซื้อน้ำยาง ขี้ยางค่ะ สามีเราคิดหนักมาก พ่อสามีก็โทรมาบ่นว่าเหนื่อย แม่สามีเราก็มีอาการเจ็บเท้าเรื้อรัง สามีเราเลยตัดสินใจว่าจะลาออกเพื่อกลับไปดูแลช่วยงานพ่อและแม่สามีค่ะ เราทะเลาะกันหนักมาก ดิฉันน้อยใจสามีมากที่จะทิ้งดิฉันไว้ที่กรุงเทพคนเดียว เพราะดิฉันพึ่งแท้งลูกไป สภาพจิตใจก็ย่ำแย่ สภาพกายก็ย่ำแย่ ตอนนั้นนอนร้องไห้ทุกวัน สามีก็ชวนให้ดิฉันไปอยู่ที่ใต้ด้วยกัน แต่ดิฉันเสียดายเงินเดือนค่ะ ไม่อยากไปเกาะสามีกิน ดิฉันเลยบอกให้เขากลับไปดูลาดเลา หางานให้ดิฉัน เผื่อว่าจะลงไปอยู่ด้วยกัน ดิฉันจะได้มีงานทำ แล้วสามีดิฉันก็กลับไปอยู่ใต้กับครอบครัวของเขาค่ะ
ตอนนั้นก็พยายามเข้าใจ สามีก็บอกจะรีบเก็บเงินมาสู่ขอ หลังจากบวช ช่วงนั้นเราผลัดกันไปมาหาสู่ค่ะ บ้านเรารับรู้ทั้งคู่ พ่อแม่เขาดีกับดิฉันมาก พี่ชายทั้งสองคนของสามีก็ดีมาก พี่สะใภ้ทั้งสองคนก็ดีมาก สามีชวนให้เราลาออกจากงานมาช่วยงานเขา เราก็คิดสัก2เดือน จึงตัดสินใจลาออกมาอยู่กับสามีค่ะ เราก็ช่วยงานสามีนะคะ เราเป็นคนไม่ฟุ่มเฟือยค่ะ ติดๆจะขี้งกด้วย
และปัญหาก็เริ่มมาค่ะ พี่บีแกมายืมเงินที่บ้านบ่อยค่ะ ยืมไปซื้อน้ำยางบ้าง ยืมไปนู้นนี่บ้าง คืนบ้าง ไม่คืนบ้าง เราก็ไม่เข้าไปยุ่งนะคะ เรื่องของครอบครัวเขา เราก็ช่วยสามีทำงานปกติ จนพี่บีเริ่มหนักขึ้น แกให้พ่อเอาบ้านเข้าจำนองกับธนาคารธกส.เพื่อแกจะเอาเงินมาลงทุนทำรถมือสอง 6แสนบาทค่ะ พ่อสามีเราก็ช่วยค่ะ แต่เวลาส่งธนาคาร กลับเอาเงินที่บ้านส่งค่ะ พี่บีไม่ส่งค่ะ แกอ้างว่าแกเอาไปใช้หนี้นอกระบบให้พ่อ สามีเราก็ทำงานไปค่ะ ลืมบอกไปค่ะ ว่าสามีเรามีพี่ชายคนโตอีกคน ซึ่งแกก็เปิดร้านขายอุปกรณ์เกษตรอยู่ติดกับบ้านสามี เรื่องเงินทองไม่ได้เกี่ยวกัน แต่กินข้าว3มื้อด้วยกัน น้ำไฟใช้มิเตอร์เดียวกัน พี่บีเป็นพี่ชายคนกลางนะคะ
1ปีที่พี่บีย้ายออกไป สถานการณ์ทางการเงินแกดูเเย่มาก ยืมเงินที่บ้านสามีเราบ่อยมากๆ แต่พี่เจกลับไม่แย่อย่างนั้น ยังกินใช้จ่ายเหมือนไม่ได้เดือดร้อนอะไร พี่เจเป็นสาวสังคมมากค่ะ แต่งตัวเก่ง มีแต่แบรนด์เนม มาถึงจุดนี้เราเริ่มสงสารสามีค่ะ เลยหางานทำเป็นอาชีพเสริม เราทำขนมเค้กส่งร้านกาแฟค่ะ ผลตอบรับออกมาดีทีเดียว มีรายได้จากการขายขนมอยู่ที่10000บาทค่ะ เราก็เอาเงินตรงนี้เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเราสองคนค่ะ ไม่ใช้เงินจากที่บ้าน เพราะที่บ้านเริ่มขาดสภาพคล่องค่ะ พี่บีแกก็ไม่ค่อยมายืมแล้วค่ะ เพราะที่บ้านก็หมดกับแกไปเยอะ แล้วยังต้องมาส่งธนาคารให้แกอีก จนเข้าปีที่2เราท้องค่ะ เลยแต่งงานกัน ใช้เงินส่วนตัวในการแต่งงานค่ะ เปียแชร์บ้าง เงินเก็บบ้าง ลูกคลอดได้ไม่ถึงขวบ พี่บีกลับมาวนเวียนยืมเงินที่บ้านอีกแล้วค่ะ แกมาสารภาพว่าแกเป็นหนี้นอกระบบอยู่ราวๆ1ล้านบาท แกต้องการให้พ่อกับสามีเราช่วย พ่อสามีตัดสินใจช่วยอีกครั้ง โดยการไปไถ่ถอนบ้านที่ติดหนี้จากธนาคารที่ธกส.โดยยืมเงินญาติมาปิด เพื่อจะเอาบ้านไปเข้าธนาคารออมสินใหม่ จากหนี้6แสนในตอนเเรก ชำระผ่อนส่งจนเหลือ3แสน จึพ่อยืมเงินญาติมาปิดค่ะ แต่ด้วยอายุพ่อสามีเราเยอะ เกรงว่าจะกู้ไม่ผ่าน จึงโอนบ้านและกิจการให้เป็นของสามี และให้สามีเราดำเนินการเอาบ้านเข้าธนาคารออมสิน พ่อสามีเราพูดกับพี่บีว่าจะเป็นการช่วยครั้งสุดท้าย สามีเรากู้มา1ล้านแปดแสนค่ะ พี่บีเอาไป1ล้านบาท นำไปคืนญาติ3แสน ค่าดำเนินการกับธนาคารที่เจาหัก1แสน เราต้องไปเซ็นกู้ร่วมกับสามีค่ะ ตอนนั้นกลัวมาก ไม่เคยเป็นหนี้ขนาดนี้ สามีเราบอกว่าจะให้เงินเรามาทำร้านเค้ก2แสน เราขอเก็บเงินสองแสนไว้ในรูปแบบสลากออมสิน เพราะเรายังไม่พร้อมจะทำ เนื่องจากลูกเรายังเล็กมาก มาถึงตอนนี้สถานการณ์ในบ้านเริ่มตึงเครียดค่ะ พี่ชายตนโตกับเมียเริ่มไม่พอใจเราและสามีค่ะ ทุกขลาภค่ะ ได้รับมรดกค่ะ แต่แค่ตึงๆใส่ แต่เราไม่ยุ่งค่ะ เราก็เลี้ยงลูกเรา เริ่มรับทำเค้กวันเกิดบ้าง จนลูกเรา10เดือน เราก็กลับมารับงานเต็มตัว รายได้ก็อยู่ประมาณ15000บาท...
มาถึงตอนนี้ มาแบบเดิมอีกแล้วค่ะ พี่บีหมดเงินแล้วค่ะ แกเอาเงินที่ได้ไปใช้หนี้ แต่ก็กลับไปเป็นหนี้ใหม่ เพราะพี่เจเมียแกเอาเงินไปเปิดสปาในเมือง และมีชู้ พี่บีหมดเงิน เป็นหนี้อีกกว่า1ล้านบาทอีกแล้วและเลิกกับพี่เจ ซึ่งพี่เจนี่ทำไว้เจ็บแสบมาก พ่อแม่สามีร้องไห้อีกครั้ง เจ้าหนี้มาทวงเช้าทวงเย็น บ้านของพี่บีก็กำลังจะถูกยึด แกเอาบ้านแกไปจำนองกับเจ้าหนี้นอกระบบอยู่3แสน รถก็เอาไปจำนอง ไฟแนนซ์ก็มาทวงรถ แต่รถก็ติดจำนอง
ตอนนี้ที่บ้านสามีแย่มากๆหนี้ธนาคารพี่บีก็ไม่ส่ง สามีเราก็ทำงานส่ง เราสองคนทะเลาะกันบ่อย พี่บีก็ดูจะไม่เดือดร้อนใจ มีเวลาไปหาแฟนใหม่ ได้แม่ม่ายลูกติดมาคนนึง แกนิ่งเฉยเพราะรู้ว่ามีคนช่วย พ่อสามีช่วยอีกครั้ง โดยการเอารถของแกเข้าไฟแนนซ์ แล้วเอาไปปลดหนี้ที่แกเอาบ้านไปจำนอง ตอนนี้พี่บีได้ฉโนดที่ดินกลับมา แกจะเอาบ้านแกเข้าธนาคารอีกรอบ (เหนื่อยแทน)เพื่อจะเอาเงินมาใช้หนี้ส่วนที่เหลือ แกมาพูดกับเราและสามีว่า แกอยากกลับมาทำงานที่บ้าน ที่ที่สามีเราทำอยู่ค่ะ ให้เราสามคนพ่อแม่ลูกย้ายออกไป แกจะมาบริหารใหม่ เอาเมียและลูกติดมาอยู่ด้วย ซึ่งแกให้เหตุผลว่าจะมาทำงานใช้หนี้เอง ซึ่งทุกวันนี้หนี้แบ่งออกมาดังนี้ค่ะ 1.หนี้กู้บ้านสามี1ล้านแปด ส่งเดือนล่ะ2หมื่นกว้า 2.หนี้2แสนห้า พ่อไปเอามาช่วยพี่บีปิดรถ 3.หนี้รถของพ่อสามีที่เอาเข้าไฟแนนซ์ 4หนี้กู้บ้านพี่บี ซึ่งที่สามีเรารับภาระอยู่ตอนนี้มีข้อ1,2
แต่สิ่งที่เราเจ็บมากที่สุดคือ เขาให้เหตุผลว่าเขาอยากทำงานใช้หนี้เอง แต่การไล่เราออก โดยบอกว่าพ่อยังไม่ได้ยกบ้านให้ใคร และไม่อยากให้สามีเราต้องมาลำบากเพราะหนี้เขา เรามีรายได้จากการทำขนมเลี้ยงตัวค่ะ พวกนมแพมเพิร์ส วัคซีนของลูก สามีเราเป็นคนจ่ายค่ะ เราอยากปรึกษาทุกๆท่านค่ะ ว่าเราควรจะทำยังไง จะย้ายออกมาดีไหม ออกมาก็ไม่รู้จะทำอะไร อายุก็จะ30แล้ว งานคงหายาก ใจเราก็คิดว่าจะย้ายออกมาทำไม ในเมื่อเราก็มีสิทธิ์ในบ้านนี้เต็มที่ ทำไมต้องย้ายออก รบกวนขอคำปรึกษาด้วยค่ะ