เวลาเพื่อนไปเที่ยวกลับมา พวกมันไม่เห็นบอกเลยว่ามันได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง รูปก็แต่งซะเกินจริง ทำให้เราจินตนาการไปไกลเกินความเป็นจริง แล้วมันก็เล่าแต่มันไปนู่นไปนี่มา เจอนู่นเจอนี่มา มันไม่เห็นเล่าให้ฟังเลยว่าเหตุการณ์นั้นๆมันสอนมันยังไงบ้าง มันชอบให้เราเอากลับไปตีความเอาเอง ให้เราไปเจอเอาเอง แต่เราจะไปเที่ยวบ่อยๆได้แค่ไหนกัน ที่ๆเราอยากไปก็ใช่ว่าจะไปได้ง่ายๆ ข้อจำกัดก็มีเยอะแยะมากมาย
อาจเป็นเพราะเราไปคาดหวังในตัวเพื่อนมากเกินไป ก็การได้ฟังเพื่อนเล่าเรื่องการผจญภัยของมันนี่สนุกกว่าเปิดหนังสืออ่านเยอะน่ะซิ หนังสือมันมีรูปมีตัวหนังสือหนาๆแต่มันไม่มีน้ำเสียง มันไม่มีบรรยากาศ แต่ถ้าเวลาเพื่อนมันเล่า เสียงมันมา สีหน้ามันมา อารมณ์มันมา บรรยากาศมันก็มาตาม ฟีลมันมาแบบสุดๆเลย ประสาทสัมผัสที่มีทั้งหมดมันทำงานโดยเฉพาะถ้ามันไปเจอเรื่องพีคๆมา ที่บางครั้งหนังสือท่องเที่ยวก็ไม่เล่าให้เราฟัง
เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวกลับมา เราก็เลยอยากแบ่งปันสิ่งที่เราได้เรียนรู้มากับคนอื่นบ้าง เราบันทึกเอาไว้ในบันทึกการเดินทางของเราเอง ซึ่งเราคิดว่าการแบ่งปันครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์และดีกว่าเก็บเอาไว้คนเดียว โดยเฉพาะกับคนที่สิ้นหวังและกำลังสับสน บทเรียนต่างๆที่ได้เขียนรวบรวมไว้ต่างช่วยเตือนใจเราได้เป็นอย่างดีว่าทำไมเราถึงไม่ควรสิ้นหวังและความสับสนนั้นให้อะไรดีๆกับเราบ้าง นอกจากนี้บันทึกของเรามันยังทำให้เราเข้าใจว่าเราก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย นี่แหละทำให้เรายิ้มได้และเราก็หวังว่าจะทำให้คนที่กำลังปวดหัวกับชีวิตยิ้มได้เหมือนเรา
เราชอบอ่านอะไรสั้นๆ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนสามารถถามเราได้เลย ไม่เห็นด้วยหรือมีแง่คิดดีๆ เอามาแบ่งปันกันได้ อยากอ่านความคิดของคนอื่นมาก อยากพัฒนาความสามารถภาษาของตัวเองมาก ส่วนวิธีเล่าเรื่องของเราก็คือ เราจะเล่าบทเรียนสลับกับรูปเราเอง รูปจะเรียงตามสถานที่และเวลา มีทั้งหมด 40 ข้อ ดังนี้
1.เรื่องราวข้างหน้าในอนาคตเป็นอะไรที่น่าพิศวงมาก ใครจะไปรู้ว่าการเดินทางแต่ละครั้งนั้นมีเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์รอเราอยู่มากมายแค่ไหน สิ่งที่ไม่คาดฝันนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเลย ก็คือการที่ต้องรู้จักยอมรับความเป็นจริงว่า เรานั้นจะต้องเจอกับ “สิ่งที่ไม่คาดฝัน” ซึ่งวิธีรับมือเพื่อเตรียมพร้อมที่ดีที่สุดนั้นก็คือ “การทำใจ” และ “การมีแผนสำรองเอาไว้เสมอ” นั่นเอง

บนผืนฟ้าของทวีปอเมริกา
2.เราสร้างสิ่งที่งดงามให้กับโลกได้ด้วยสไตล์ของเราเอง ความฝันของแต่ละคนต่างกัน แต่มันจะดีมากเลย ถ้าความฝันของเรานั้นไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับเราแค่คนเดียว

เซาท์ดาโกต้าคือปลายทาง
3.เส้นชัยมีหลายทาง ทำไมเราต้องเดินทางเข้าเส้นชัยของคนอื่นด้วยล่ะ ทำไมเราไม่มองหาเส้นชัยที่เป็นของเราเอง เส้นชัยที่กั้นเส้นเชือกเพื่อเราโดยเฉพาะ มันจะช้าจะเร็วแต่มันก็เป็นเส้นชัยของเรา เราภูมิใจ เรารู้สึกเห็นคุณค่าในตัวของเราเอง ก็เพราะเราได้เดินทางที่เราเลือกเอง เส้นชัยของคนมีได้ไม่รู้จบ ทำไมเราจะเลือกเส้นชัยที่สร้างขึ้นมาเพื่อเราเองไม่ได้

ยานพาหนะของการเดินทางครั้งนี้
4.เดินตามหนทางของตัวเองแล้วเราจะเห็นว่าเราก็ไม่ได้โดดเดี่ยว เพราะไม่ว่าหนทางไหนที่เราเลือกเดิน โชคชะตาจะนำพาเราไปเจอคนที่รักในสิ่งเดียวกันกับเรา คนที่มีความฝันเหมือนกันกับเรา จริงไหม

สีสันของธรรมชาติท่ีเมาท์รัชมอล
5.เราไม่ได้รับสิทธิ์ให้ยอมแพ้สำหรับการวิ่งไขว่คว้าหาความฝันของเราเอง

ระยะห่างของต้นไม้สองต้นท่ีเมาท์รัชมอล
6.เวลามองย้อนกลับไปในอดีต อะไรบ้างที่เราได้ทำเพื่อความฝันของเรา ถึงตอนนี้มันจะไม่สำเร็จ แต่อะไรบ้างที่เราได้ทำ "เพื่อความฝันของเรา" อะไร? เพราะฉะนั้นอย่าเสียใจถ้าทำยังไม่สำเร็จ เราได้ลงมือทำ...ได้พยายามทำอะไรสักอย่างแล้ว...มันก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย

ทางกลับหอพักที่เมาท์รัชมอล
7.อย่าลืมใส่ใจสิ่งที่ทำให้เราไปถึงความฝัน อย่าลืมใส่ใจรองเท้าที่ทำให้เราเดินไปถึงจุดหมาย

บนผืนหญ้าที่ป่าเมาท์รัชมอล
8.เป็นไปได้ไหมที่เราจะปล่อยตัวของเราให้พบกับความล้มเหลวเพื่อกระตุ้นให้เราประสบความสำเร็จเร็วขึ้น คำถามคือขอให้คนใช้ชีวิตได้เลือกเองได้ไหมว่าเขาอยากจะมีชีวิตแบบไหน ล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จแบบไหน ...ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย มันทำให้คนแข็งแกร่งขึ้นได้ ...ทำไมการล้มเหลวจะไม่ใช่สิ่งที่มีคุณค่าถ้ามันสอนให้คนเติบโตได้ ...นี่ไม่ใช่การแกล้งล้ม นี่คือการตั้งใจลองวิ่งด้วยวิธีใหม่ๆตั้งหาก และถึงจะล้มเราก็แค่ได้ค้นพบท่าวิ่งท่าใหม่ที่เหมาะกับเราก็เท่านั้น

เท้าท่ีพามาจุดสูงสุดของเซาท์ดาโคด้า
9.คนเราต้องเจอความยากลำบากต่างกัน แต่ทุกคนต้องเจอความยากลำบากเหมือนๆกัน ไม่ว่าชีวิตจะเลือกหนทางไหน ความลำบากรอเราอยู่ทุกหนทางอยู่แล้ว สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ดิ้นรนและเอาตัวรอดผ่านช่วงแห่งความยากลำบากในทางที่เราเลือกไปให้ได้

เพื่อนๆที่ทำให้การเดินทางน่าจดจำ
10. สิ่งที่เราพูดหรือทำวันนี้ อาจเป็นแรงบันดาลใจกับคนอื่นๆ ให้เขาไปสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับคนรอบข้างของเขาได้

ก้าวทุกก้าวที่เราเดินมีความหมายเสมอ
11.พวกเราโชคดีมากที่ได้มองเห็นอีกด้านหนึ่งของโลกในระหว่างที่กำลังใช้ชีวิตอยู่บนที่สูงๆ และมันก็เป็นเรื่องที่น่าพิศวงมากที่เราสามารถแชร์ข้อคิดนี้ให้กับคนที่เรารักได้ เรามักจะมอบสิ่งดีๆให้กับคนที่เรารู้สึกดีๆกับเขา ไม่ใช่แค่แฟน แต่เป็นทั้ง แฟน เพื่อน และครอบครัว สิ่งดีๆที่เรามอบให้คนอื่นบางครั้งก็ไปถึงคนที่เราไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ

ชีวิตของเหล่าต้นไม้
12.เพื่อนแบบไหนนะที่จะทำให้เรามีความทรงจำพิเศษที่น่าจดจำได้ในการเดินทางครั้งต่างๆ เพื่อนแบบไหนนะที่ทำให้การเดินทางของเราเป็นการเดินทางที่น่าจดจำ

โลกข้างนอกหน้าต่าง
13.แผนที่จะพาเราไปยังจุดหมายที่เราต้องการได้ มันทำหน้าที่ให้คำแนะนำกับเรา ถ้าเรารู้จักวิธีใช้แผนที่กับการดำเนินชีวิต อะไรที่ทำหน้าที่เป็นแผนที่สำหรับชีวิต ชีวิตแห่งความพิศวง แผนที่นั้นมันก็จะทำให้เราไปถึงจุดหมายได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าหลงทาง ได้ออกนอกเส้นทางเดิมๆในแผนที่ เราก็แค่ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ได้เห็นวิวใหม่ๆที่คนอื่นเขาไม่ได้เห็นกันก็เท่านั้น พอกลับมาเล่าเรื่องการเดินทางให้คนอื่นฟัง ของใครล่ะที่น่าสนใจกว่าถ้าไม่ใช่เรื่องราวที่เราต้องเอาตัวรอดในช่วงเวลาที่ยากลำบาก

จุดสูงสุดของฮาร์นีพีค
14.เวลาที่เราไปที่ใหม่ๆสัญชาตญาณของเราจะตื่นขึ้นอย่างฉับพลัน ประสาทสัมผัสที่เรามีทั้งหมดในร่างกายจะกลับมาทำงานอย่างรวดเร็วอีกครั้ง นี่แหละคือประสบการณ์แรกๆที่ทุกคนจะได้เจอเมื่อไปถึงที่หมายใหม่ๆไม่ว่าที่ใดก็ตาม เมื่อถึงตอนนั้นเราต้องรู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเองให้ได้ รู้เท่าทัน ควบคุมมัน และก้าวเดินต่อไปตามแผนล่าสุดที่เราควรเดิน

ชีวิตประจำวันของธรรมชาติ
15.อาหารหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณเราได้ เพราะอาหารน่ะทำให้เรามีแรงทำสิ่งที่เรารักสิ่งที่เราฝันได้ ถ้ามองว่าอาหารช่วยทำให้เรามีแรงทำสิ่งดีๆ อาหารจะทำหน้าที่มากกว่าให้สารอาหารหรือความอร่อย แต่เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณความเป็นเราไว้ ให้เราทำสิ่งดีๆต่อไปได้นั่นเอง

ต้นไม้ใหม่กําลังจะได้เติบโตแทนท่ีต้นไม้เก่า
16.วันแรกกับวันสุดท้าย...ต่างกันแค่วันเวลางั้นหรือ ก็ไม่ใช่ไง เพราะฉะนั้นมองให้เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างจากวันแรกจนถึงวันสุดท้าย

ดอกไม้ที่เก็บความหวานเอาไว้
17.วันแรกๆของการเดินทางแท้ๆ รองเท้าบูทที่เคยคิดว่าพร้อมสำหรับการผจญภัย กลับไม่ได้พร้อมอย่างที่คิด แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย ถ้าเรารู้จักวิธีซ่อม และถ้ายังซ่อมได้ ก็ซ่อมมันไปจนกว่าจะซ่อมไม่ได้

"Life is a journey, take time to enjoy every step."
18.มีหนทางในชีวิตหนทางใดบ้างที่ไม่ต้องใช้ความพยายาม ทุกหนทางที่ต้องเดินมันจะสบายไปตลอดอย่างงั้นเลยหรือไง เพราะฉะนั้นไม่ว่าชีวิตจะดำเนินไปในเส้นทางไหน ไม่ว่าจะเลือกอะไร ใครจะว่าเลือกผิดหรือเลือกถูก ยังไงเราก็ต้องรู้จักเอาตัวรอดในเส้นทางนั้นๆ เวลาเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดในช่วงเวลาที่ยากลำบาก พอเราผ่านมันมาได้เราก็จะเติบโตขึ้นและในวันหนึ่งรอยยิ้มก็จะเกิดขึ้นเมื่อเรานึกถึงวิธีที่ทำให้เราผ่านมันมาได้

การเดินทางครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
19.เราเข้าใจแล้วว่าหนทางที่เราคิดว่าเราเลือกผิดนั้นมันมีสิ่งที่ดีให้มองหายังไง ความยากลำบาก ความกลัว ความสิ้นหวัง และความอ่อนแอที่เราได้รับมา พวกนี้คือสิ่งดีๆที่บอกว่าตอนนี้เราได้เติบโตขึ้นแล้วยังไง เราได้ลองผิดลองถูก ลองตัดสินใจผิด ได้ลงมือทำในสิ่งที่เราคิด แล้วเราก็ได้เรียนรู้วิธีที่จะตัดสินใจให้ดีขึ้นเมื่อการตัดสินใจครั้งต่อไปมาถึง ชีวิตมันต้องเดินต่อไป ต้องอยู่รอดและห้ามหมดหวัง นี่คือสัญญาที่เราจะสัญญากับตัวเองอีกครั้ง

เครซี่ฮอร์สกำลังรออยู่
20. อาหารที่เราคุ้นเคยคืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับเรา พอเวลาที่เราต้องจากบ้านไกลๆ จากอาหารที่เราคุ้ยเคย เราก็ได้เรียนรู้ว่าอาหารธรรมดาที่เราคุ้ยเคยนั้นมีคุณค่ากับเราแค่ไหน

ตามผู้นำทางไป
สิ่งที่อยากฟังจากเพื่อนที่ไปท่องเที่ยวกลับมา
อาจเป็นเพราะเราไปคาดหวังในตัวเพื่อนมากเกินไป ก็การได้ฟังเพื่อนเล่าเรื่องการผจญภัยของมันนี่สนุกกว่าเปิดหนังสืออ่านเยอะน่ะซิ หนังสือมันมีรูปมีตัวหนังสือหนาๆแต่มันไม่มีน้ำเสียง มันไม่มีบรรยากาศ แต่ถ้าเวลาเพื่อนมันเล่า เสียงมันมา สีหน้ามันมา อารมณ์มันมา บรรยากาศมันก็มาตาม ฟีลมันมาแบบสุดๆเลย ประสาทสัมผัสที่มีทั้งหมดมันทำงานโดยเฉพาะถ้ามันไปเจอเรื่องพีคๆมา ที่บางครั้งหนังสือท่องเที่ยวก็ไม่เล่าให้เราฟัง
เพราะฉะนั้นเมื่อเรามีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวกลับมา เราก็เลยอยากแบ่งปันสิ่งที่เราได้เรียนรู้มากับคนอื่นบ้าง เราบันทึกเอาไว้ในบันทึกการเดินทางของเราเอง ซึ่งเราคิดว่าการแบ่งปันครั้งนี้น่าจะเป็นประโยชน์และดีกว่าเก็บเอาไว้คนเดียว โดยเฉพาะกับคนที่สิ้นหวังและกำลังสับสน บทเรียนต่างๆที่ได้เขียนรวบรวมไว้ต่างช่วยเตือนใจเราได้เป็นอย่างดีว่าทำไมเราถึงไม่ควรสิ้นหวังและความสับสนนั้นให้อะไรดีๆกับเราบ้าง นอกจากนี้บันทึกของเรามันยังทำให้เราเข้าใจว่าเราก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย นี่แหละทำให้เรายิ้มได้และเราก็หวังว่าจะทำให้คนที่กำลังปวดหัวกับชีวิตยิ้มได้เหมือนเรา
เราชอบอ่านอะไรสั้นๆ ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนสามารถถามเราได้เลย ไม่เห็นด้วยหรือมีแง่คิดดีๆ เอามาแบ่งปันกันได้ อยากอ่านความคิดของคนอื่นมาก อยากพัฒนาความสามารถภาษาของตัวเองมาก ส่วนวิธีเล่าเรื่องของเราก็คือ เราจะเล่าบทเรียนสลับกับรูปเราเอง รูปจะเรียงตามสถานที่และเวลา มีทั้งหมด 40 ข้อ ดังนี้
1.เรื่องราวข้างหน้าในอนาคตเป็นอะไรที่น่าพิศวงมาก ใครจะไปรู้ว่าการเดินทางแต่ละครั้งนั้นมีเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์รอเราอยู่มากมายแค่ไหน สิ่งที่ไม่คาดฝันนั้นเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเลย ก็คือการที่ต้องรู้จักยอมรับความเป็นจริงว่า เรานั้นจะต้องเจอกับ “สิ่งที่ไม่คาดฝัน” ซึ่งวิธีรับมือเพื่อเตรียมพร้อมที่ดีที่สุดนั้นก็คือ “การทำใจ” และ “การมีแผนสำรองเอาไว้เสมอ” นั่นเอง
บนผืนฟ้าของทวีปอเมริกา
2.เราสร้างสิ่งที่งดงามให้กับโลกได้ด้วยสไตล์ของเราเอง ความฝันของแต่ละคนต่างกัน แต่มันจะดีมากเลย ถ้าความฝันของเรานั้นไม่ได้ทำประโยชน์ให้กับเราแค่คนเดียว
เซาท์ดาโกต้าคือปลายทาง
3.เส้นชัยมีหลายทาง ทำไมเราต้องเดินทางเข้าเส้นชัยของคนอื่นด้วยล่ะ ทำไมเราไม่มองหาเส้นชัยที่เป็นของเราเอง เส้นชัยที่กั้นเส้นเชือกเพื่อเราโดยเฉพาะ มันจะช้าจะเร็วแต่มันก็เป็นเส้นชัยของเรา เราภูมิใจ เรารู้สึกเห็นคุณค่าในตัวของเราเอง ก็เพราะเราได้เดินทางที่เราเลือกเอง เส้นชัยของคนมีได้ไม่รู้จบ ทำไมเราจะเลือกเส้นชัยที่สร้างขึ้นมาเพื่อเราเองไม่ได้
ยานพาหนะของการเดินทางครั้งนี้
4.เดินตามหนทางของตัวเองแล้วเราจะเห็นว่าเราก็ไม่ได้โดดเดี่ยว เพราะไม่ว่าหนทางไหนที่เราเลือกเดิน โชคชะตาจะนำพาเราไปเจอคนที่รักในสิ่งเดียวกันกับเรา คนที่มีความฝันเหมือนกันกับเรา จริงไหม
สีสันของธรรมชาติท่ีเมาท์รัชมอล
5.เราไม่ได้รับสิทธิ์ให้ยอมแพ้สำหรับการวิ่งไขว่คว้าหาความฝันของเราเอง
ระยะห่างของต้นไม้สองต้นท่ีเมาท์รัชมอล
6.เวลามองย้อนกลับไปในอดีต อะไรบ้างที่เราได้ทำเพื่อความฝันของเรา ถึงตอนนี้มันจะไม่สำเร็จ แต่อะไรบ้างที่เราได้ทำ "เพื่อความฝันของเรา" อะไร? เพราะฉะนั้นอย่าเสียใจถ้าทำยังไม่สำเร็จ เราได้ลงมือทำ...ได้พยายามทำอะไรสักอย่างแล้ว...มันก็ดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย
ทางกลับหอพักที่เมาท์รัชมอล
7.อย่าลืมใส่ใจสิ่งที่ทำให้เราไปถึงความฝัน อย่าลืมใส่ใจรองเท้าที่ทำให้เราเดินไปถึงจุดหมาย
บนผืนหญ้าที่ป่าเมาท์รัชมอล
8.เป็นไปได้ไหมที่เราจะปล่อยตัวของเราให้พบกับความล้มเหลวเพื่อกระตุ้นให้เราประสบความสำเร็จเร็วขึ้น คำถามคือขอให้คนใช้ชีวิตได้เลือกเองได้ไหมว่าเขาอยากจะมีชีวิตแบบไหน ล้มเหลวหรือประสบความสำเร็จแบบไหน ...ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเลย มันทำให้คนแข็งแกร่งขึ้นได้ ...ทำไมการล้มเหลวจะไม่ใช่สิ่งที่มีคุณค่าถ้ามันสอนให้คนเติบโตได้ ...นี่ไม่ใช่การแกล้งล้ม นี่คือการตั้งใจลองวิ่งด้วยวิธีใหม่ๆตั้งหาก และถึงจะล้มเราก็แค่ได้ค้นพบท่าวิ่งท่าใหม่ที่เหมาะกับเราก็เท่านั้น
เท้าท่ีพามาจุดสูงสุดของเซาท์ดาโคด้า
9.คนเราต้องเจอความยากลำบากต่างกัน แต่ทุกคนต้องเจอความยากลำบากเหมือนๆกัน ไม่ว่าชีวิตจะเลือกหนทางไหน ความลำบากรอเราอยู่ทุกหนทางอยู่แล้ว สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ดิ้นรนและเอาตัวรอดผ่านช่วงแห่งความยากลำบากในทางที่เราเลือกไปให้ได้
เพื่อนๆที่ทำให้การเดินทางน่าจดจำ
10. สิ่งที่เราพูดหรือทำวันนี้ อาจเป็นแรงบันดาลใจกับคนอื่นๆ ให้เขาไปสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับคนรอบข้างของเขาได้
ก้าวทุกก้าวที่เราเดินมีความหมายเสมอ
11.พวกเราโชคดีมากที่ได้มองเห็นอีกด้านหนึ่งของโลกในระหว่างที่กำลังใช้ชีวิตอยู่บนที่สูงๆ และมันก็เป็นเรื่องที่น่าพิศวงมากที่เราสามารถแชร์ข้อคิดนี้ให้กับคนที่เรารักได้ เรามักจะมอบสิ่งดีๆให้กับคนที่เรารู้สึกดีๆกับเขา ไม่ใช่แค่แฟน แต่เป็นทั้ง แฟน เพื่อน และครอบครัว สิ่งดีๆที่เรามอบให้คนอื่นบางครั้งก็ไปถึงคนที่เราไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ
ชีวิตของเหล่าต้นไม้
12.เพื่อนแบบไหนนะที่จะทำให้เรามีความทรงจำพิเศษที่น่าจดจำได้ในการเดินทางครั้งต่างๆ เพื่อนแบบไหนนะที่ทำให้การเดินทางของเราเป็นการเดินทางที่น่าจดจำ
โลกข้างนอกหน้าต่าง
13.แผนที่จะพาเราไปยังจุดหมายที่เราต้องการได้ มันทำหน้าที่ให้คำแนะนำกับเรา ถ้าเรารู้จักวิธีใช้แผนที่กับการดำเนินชีวิต อะไรที่ทำหน้าที่เป็นแผนที่สำหรับชีวิต ชีวิตแห่งความพิศวง แผนที่นั้นมันก็จะทำให้เราไปถึงจุดหมายได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าหลงทาง ได้ออกนอกเส้นทางเดิมๆในแผนที่ เราก็แค่ได้เห็นมุมมองใหม่ๆ ได้เห็นวิวใหม่ๆที่คนอื่นเขาไม่ได้เห็นกันก็เท่านั้น พอกลับมาเล่าเรื่องการเดินทางให้คนอื่นฟัง ของใครล่ะที่น่าสนใจกว่าถ้าไม่ใช่เรื่องราวที่เราต้องเอาตัวรอดในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
จุดสูงสุดของฮาร์นีพีค
14.เวลาที่เราไปที่ใหม่ๆสัญชาตญาณของเราจะตื่นขึ้นอย่างฉับพลัน ประสาทสัมผัสที่เรามีทั้งหมดในร่างกายจะกลับมาทำงานอย่างรวดเร็วอีกครั้ง นี่แหละคือประสบการณ์แรกๆที่ทุกคนจะได้เจอเมื่อไปถึงที่หมายใหม่ๆไม่ว่าที่ใดก็ตาม เมื่อถึงตอนนั้นเราต้องรู้เท่าทันความรู้สึกของตัวเองให้ได้ รู้เท่าทัน ควบคุมมัน และก้าวเดินต่อไปตามแผนล่าสุดที่เราควรเดิน
ชีวิตประจำวันของธรรมชาติ
15.อาหารหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณเราได้ เพราะอาหารน่ะทำให้เรามีแรงทำสิ่งที่เรารักสิ่งที่เราฝันได้ ถ้ามองว่าอาหารช่วยทำให้เรามีแรงทำสิ่งดีๆ อาหารจะทำหน้าที่มากกว่าให้สารอาหารหรือความอร่อย แต่เป็นสิ่งที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณความเป็นเราไว้ ให้เราทำสิ่งดีๆต่อไปได้นั่นเอง
ต้นไม้ใหม่กําลังจะได้เติบโตแทนท่ีต้นไม้เก่า
16.วันแรกกับวันสุดท้าย...ต่างกันแค่วันเวลางั้นหรือ ก็ไม่ใช่ไง เพราะฉะนั้นมองให้เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างจากวันแรกจนถึงวันสุดท้าย
ดอกไม้ที่เก็บความหวานเอาไว้
17.วันแรกๆของการเดินทางแท้ๆ รองเท้าบูทที่เคยคิดว่าพร้อมสำหรับการผจญภัย กลับไม่ได้พร้อมอย่างที่คิด แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย ถ้าเรารู้จักวิธีซ่อม และถ้ายังซ่อมได้ ก็ซ่อมมันไปจนกว่าจะซ่อมไม่ได้
"Life is a journey, take time to enjoy every step."
18.มีหนทางในชีวิตหนทางใดบ้างที่ไม่ต้องใช้ความพยายาม ทุกหนทางที่ต้องเดินมันจะสบายไปตลอดอย่างงั้นเลยหรือไง เพราะฉะนั้นไม่ว่าชีวิตจะดำเนินไปในเส้นทางไหน ไม่ว่าจะเลือกอะไร ใครจะว่าเลือกผิดหรือเลือกถูก ยังไงเราก็ต้องรู้จักเอาตัวรอดในเส้นทางนั้นๆ เวลาเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับการเอาตัวรอดในช่วงเวลาที่ยากลำบาก พอเราผ่านมันมาได้เราก็จะเติบโตขึ้นและในวันหนึ่งรอยยิ้มก็จะเกิดขึ้นเมื่อเรานึกถึงวิธีที่ทำให้เราผ่านมันมาได้
การเดินทางครั้งใหม่ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
19.เราเข้าใจแล้วว่าหนทางที่เราคิดว่าเราเลือกผิดนั้นมันมีสิ่งที่ดีให้มองหายังไง ความยากลำบาก ความกลัว ความสิ้นหวัง และความอ่อนแอที่เราได้รับมา พวกนี้คือสิ่งดีๆที่บอกว่าตอนนี้เราได้เติบโตขึ้นแล้วยังไง เราได้ลองผิดลองถูก ลองตัดสินใจผิด ได้ลงมือทำในสิ่งที่เราคิด แล้วเราก็ได้เรียนรู้วิธีที่จะตัดสินใจให้ดีขึ้นเมื่อการตัดสินใจครั้งต่อไปมาถึง ชีวิตมันต้องเดินต่อไป ต้องอยู่รอดและห้ามหมดหวัง นี่คือสัญญาที่เราจะสัญญากับตัวเองอีกครั้ง
เครซี่ฮอร์สกำลังรออยู่
20. อาหารที่เราคุ้นเคยคืออาหารที่ดีที่สุดสำหรับเรา พอเวลาที่เราต้องจากบ้านไกลๆ จากอาหารที่เราคุ้ยเคย เราก็ได้เรียนรู้ว่าอาหารธรรมดาที่เราคุ้ยเคยนั้นมีคุณค่ากับเราแค่ไหน
ตามผู้นำทางไป