สำหรับชาวต่างศาสนิกที่มีความสนใจในอิสลามนะครับ ผมจะพยายามอธิบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปเรื่อยๆ ตามเรื่องราวความเป็นจริงของอิสลามนะครับ อาจจะมีการพาดพิงหรือกระทบต่างศาสนิกไปบ้าง แต่ผมขอกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเลยละกันนะครับ และพยายามจะอธิบายเพื่อให้พอมองเห็นภาพและเข้าใจให้ได้มากที่สุดนะครับ
ผมจึงเริ่มต้นเรื่องราวประวัติศาสตร์ตามความเป็นจริงอย่าง"คร่าวๆ"ดังนี้เลยนะครับ
เริ่มต้นจากมนุษย์คนแรกที่พระองค์ทรงสร้างมาจากดิน ก็คือนบีอาดัมครับ ซึ่งก่อนหน้านี้พระองค์ได้ทรงสร้างมลาอิกะฮฺ(ทูตสวรรค์) จากรัศมี และญิน/ชัยตอน(ซาตาน ซึ่งถ้าในแง่ของคนไทยอาจหมายรวมถึงผีวิญญาณอะไรต่างๆที่ล่อหลอกมนุษย์) ที่ถูกสร้างมาจากไฟ และพระองค์จึงได้ทรงสอนแก่ท่านนบีอาดัมให้รู้จักเรียกขานสรรพสิ่งต่างๆได้ จากนั้นพระองค์ก็ทรงให้มลาอิกะฮฺและเหล่าบรรดาญินสุญูด(ก้มกราบ)ต่อท่านนบีอาดัม มลาอิกะฮฺจึงก้มกราบ แต่ทว่าบรรดาญิน(หัวหน้าคืออิบลีส)กลับไม่ยอมก้มกราบเพราะลำพองว่าตนนั้นถูกสร้างมาจากไฟย่อมจะเหนือกว่า พระองค์จึงทรงกิ้วโกรธมากเพราะพระองค์เป็นผู้ทรงสร้างย่อมรู้ดี แต่อิบลีสกลับดื้อดึง ดังนั้นพระองค์จึงสาปแช่งให้เหล่าอิบลีสต้องตกลงไปในขุมนรม แต่ทว่า มันขอยืดระยะเวลา จนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก และสัญญาว่าจะเป็นปฏิปักษ์ต่อมนุษย์ และจะล่อลวงมนุษย์ให้มาสู่ขุมนรกเช่นพวกของมันให้ได้มากที่สุด
ส่วนท่านนบีอาดัม เมื่อพระองค์เห็นว่าอยู่คนเดียวตามลำพัง จึงสร้างพระนางฮาวา (อดัมกับอีวา) ขึ้นมาเพื่อให้เป็นคู่ครอง และเหตุการณ์แรกที่อิบลีสสามารถหลอกล่อท่านนบีอาดัมและพระนางฮาวาให้ทานผลไม้สวรรค์จากต้นไม้ที่ถูกห้ามไว้ได้ ท่านนบีอาดัมและพระนางฮาวาจึงถูกลงโทษจากพระองค์ด้วยการส่งลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์มวลมนุษยชาติไปทั่วโลกสืบไป ส่วนอิบลีสเหล่าชัยตอนนั้นก็ติดตามมาด้วยเพื่อหลอกล่อมนุษย์ให้หลงผิดตราบไปจนถึงวันสุดท้ายของกาลอวสานแห่งโลกใบนี้
จากนั้น เมื่อท่านนบีอาดัมและพระนางฮาวาได้สืบทอดวงศ์ตระกูลมนุษย์เรื่อยๆมา เป็นเผ่าพันธุ์มนุษยชาติต่างๆกระจายไปทั่วโลก พระองค์ก็ทรงกำหนดให้มีตัวแทนที่เป็น "ท่านนบี" ขึ้นมามากมายเพื่อเผยแพร่และตักเตือนแก่ชนเผ่าของตนให้เชื่อฟังในพระเจ้าผู้ทรงสร้างองค์เดียว มิให้หลงไปกับคำยั่วยุของมารร้ายชัยตอน ซึ่งพบว่าพระองค์ทรงกำหนดให้มีท่านนบีจำนวนมากมายเป็นแสนๆท่านในแต่ละยุคแต่ละชนเผ่าเรื่อยมา แต่ที่ถูกระบุชื่อไว้ในอัลกุอานมีจำนวนทั้งสิ้น 25 ท่าน ดังนี้ ท่านนบีอาดัม อิดรีส(Enoch) นัวฮฺ(โนอา) ฮูด ซอและห์ อิบรอฮีม(อับราฮัม) ลูต อิสหาก อิสมาอีล ยะกู๊บ(จาค็อบ) ยูซุฟ(โจเซฟ) ชุอัยบฺ ฮารูน มูซา(โมเซส) ดาวูด(เดวิด) ซุลกิฟลี สุไลมาน(โซโลมอน) อัยยูบ ยูนุส ซะกะริยา อิลยาส อัลยะซะห์ ยะฮฺยา อีซา(พระเยซู) และท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล) ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นศาสนทูตคนสุดท้าย และเป็นแนวทางของประชาชาติยุคสุดท้ายนี้ ไปจวบจนถึงวันสิ้นโลก
จะเห็นได้ว่า ทุกๆศาสดาที่ถูกแต่งตั้ง ตั้งแต่ในอดีตเรื่อยมา ต่างก็พยายามตักเตือนและเรียกร้องประชาชาติของตนเพื่อให้กลับมาสู่แนวทางการศรัทธาเชื่อมั่นในพระเจ้าองค์เดียว(เหมือนกันทั้งหมด) เพียงแต่ว่าพระองค์ยังไม่ได้ทรงเรียกหรือระบุชื่อเป็นศาสนา เพียงแต่ว่าเรียกร้องให้มนุษย์กลับมาสู่พระเจ้าองค์เดียว แต่ทว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ต่างก็ถูกชัยตอนหลอกล่อ ให้กระทำการตั้งภาคีต่อพระองค์ในรูปแบบต่างๆมากมาย ทั้งการกราบไหว้รูปปั้น บูชาเทพเจ้า และกระทำสิ่งชั่วช้าสามันย์ต่างๆมากมาย ซึ่งในสมัยนบีแต่ละยุคแต่ละสมัยก็จะมีประวัติศาสตร์ระบุบอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆไว้มากมาย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมาถึง ท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล) พระองค์จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นนบีองค์สุดท้ายของมนุษยชาติ และให้มนุษยชาติทั้งมวล ตั้งแต่ยุคสมัยท่านนบีมูฮำหมัดตราบจนถึงวันสิ้นโลก (ซึ่งเรียกว่าเป็นประชาชาติยุคสุดท้าย) ให้ล้มเลิกคัมภีร์เก่าๆก่อนๆหน้าไป ได้แก่ คัมภีร์เตารอต(ที่มาจากนบีมูซา) ซะบูร(ที่มาจากนบีดาวูด) และอินญีลหรือไบเบิ้ล(ที่มาจากพระเยซูหรือนบีอีซา) เพราะคัมภีร์ต่างผุพังไม่ได้ถูกรักษาหรือถูกมนุษย์แต่งเติมบิดเบือนไปมากมายแล้ว แต่ให้ยึดมั่น ด้วยคัมภีร์อัลกุรอาน ที่พระองค์ทรงให้เป็นคัมภีร์ฉบับสุดท้าย ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งทรงสัญญาถึงความพิสุทธิ์ของมันว่านย่อมถูกพิทักษ์รักษาไว้อย่างดี เป็นพระดำรัสที่มาจากพระเจ้า และไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด และเมื่อถึงวาระสุดท้ายของท่านนบีมูฮำหมัดนี้พระองค์จึงได้แต่งตั้งให้"อิสลาม"เป็นแนวทางอันถูกต้องที่มาจากพระองค์เพื่อประทานแก่มวลมนุษยชาติ (เพราะเริ่มมีแนวทางอื่นๆที่ผิดแปลกไปขึ้นมามากมาย) ดังโองการ อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
ٱلْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِى وَرَضِيتُ لَكُمُ ٱلإسْلاَمَ دِيناً} [المائدة: 3].
วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งศาสนาของพวกเจ้าและข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งความกรุณาเมตตาของข้า และข้าได้ยินยอมอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว
สำหรับแนวทางอื่นที่จะขอพูดตรงไปตรงมาตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน ดังนี้
اهْدِنَا الصِّرَاطَ الْمُسْتَقِيمَ ( 6 ) อัล-ฟาติหะฮฺ - Ayaa 6
ขอพระองค์ทรงแนะนำพวกข้าพระองค์ซึ่งทางอันเที่ยงตรง
صِرَاطَ الَّذِينَ أَنْعَمْتَ عَلَيْهِمْ غَيْرِ الْمَغْضُوبِ عَلَيْهِمْ وَلَا الضَّالِّينَ ( 7 ) อัล-ฟาติหะฮฺ - Ayaa 7
(คือ) ทางของบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงโปรดปราณแก่พวกเขา มิใช่ในทางของพวกที่ถูกกริ้ว(ยะฮูดี) และมิใช่ทางของพวกที่หลงผิด(นัศรอนี)
ในที่นี้ ญะฮูดี(ชาวยิว) และนัศรอนี (ชาวคริสต์) เนื่องด้วยชนเหล่านี้ดื้อดึงไม่ยอมรับในนบีองค์สุดท้าย ซึ่งก็คือ ท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล) เพราะท่านมาจากชนเผ่าอารเบียหรืออาหรับ แต่นบีคนก่อนๆนั้นล้วนมาจากชนเผ่าบนีอิสรออีล หรือชนเผ่าของพวกชาวคริสต์ชาวยิวสืบสายกันมา และคาดหวังว่านบีคนสุดท้ายก็ควรมาจากชนเผ่าของตน จึงไม่พอใจแยกตัวออกมาเป็นศาสนาคริสต์ศาสนายิวดังกล่าวนั่นเอง แต่สำหรับศาสนาอิสลามแล้วพระองค์ก็ไม่ได้ให้ทรงปฏิเสธบรรดานบีต่างๆก่อนหน้าท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล)เลย
มาถึงตรงนี้ก็อาจทำให้พอเข้าใจในเหตุผลหลายๆอย่างมากขึ้นนะครับ เช่น
- ที่เคยได้ยินว่า ยิว คริสต์ อิสลาม 3 ศาสนาหลักๆของโลกที่มีพื้นความเป็นพี่น้องกัน (และทั้งหมดนี้ก็ต่างถูกเรียกว่าชาวคัมภีร์) และเหนือสิ่งใดอิสลามก็สามารถอยู่ร่วมกันได้กับทุกศาสนาอย่างผาสุกและพร้อมจะเป็นมิตรกับเพื่อนมนุษย์ทุกคนบนโลกครับ หากไม่มีการอธรรมต่อกันก่อน
- แต่อย่างกรณีสงครามอิสลามกับยิว จากประวัติศาสตร์มาถึงตรงนี้ก็พอจะทำให้เข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมยิวถึงไม่ถูกกับอิสลาม และพยายามสร้างสื่อทุกอย่างเพื่อทำลายล้างอิสลามและให้โลกมองอิสลามในแง่ลบ เช่น การประโคมข่าว"การก่อการร้าย" หรือ"มุสลิมหัวรุนแรง" อะไรเป็นต้นนี้ มากมาย ที่มาจากการเสพสื่อของยิว เช่น CNN และอื่นๆอีกมากมายที่ถูกยิวควบคุมอยู่เบื้องหลัง เป็นต้นนี้ ด้วยความจงเกลียดจงชังตามที่มาของประวัติศาสตร์ดังว่านั่นเอง ที่นบีองค์สุดท้ายไม่ได้มาจากเชื้อสายที่สืบจากชนชาติยิว ซึ่งจริงๆแล้ว ชาวยิวมีไม่มากบนโลก แต่พระองค์ทรงให้มันสมองที่ดีแก่ชนชาวยิว (จะเห็นได้จากการสามารถสร้างสิ่งสำคัญๆระดับโลกต่างๆมากมาย เช่นอัลเบิร์ต ไอสตน์ ที่สร้างระเบิดปรมาณู ผลิตภัณฑ์ในห้างดังๆแทบจะทุกห้างที่กระจายไปอยู่ทั่วทุกมุมโลก sofware ต่างๆ หรือแม้กระทั่ง เฟสบุ๊คนี้ ก็ถูกผลิตโดยชาวยิว เช่นกัน) แต่ทว่าเขากลับใช้มันสมองไปเพื่อการทำลายล้างศาสนาของพระเจ้าคืออิสลาม ดื้อดึงไม่ยอมรับและกลับทรยศต่อพระองค์ ดังเช่นลักษณะนิสัยของชาวยิวส่วนมากที่ถูกระบุในอัลกุรอาน ดังนี้
http://www.moradokislam.org/modules.php?name=News&file=article&sid=365 แต่ชาวยิวที่ดีก็ยังคงมีนะครับ ถึงแม้จะเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมากๆ ตามประวัติศาสตร์อิสลาม
ถึงจุดๆนี้แล้ว ท่านอาจจะเริ่มสงสัยว่า แล้วพอจะมีอะไรบ้างไหมล่ะ ที่จะทำให้พอเข้าใจและได้ใครครวญ"ใช้สติ"ในการพิสูจน์ถึง"การมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า" จริงๆ ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญและท้าทายที่สุดของมนุษยชาติทุกยุคทุกสมัยตลอดมา
สิ่งที่จะพิสูจน์ คือ "อัลกุรอาน" ครับ พระดำรัสของพระผู้เป็นเจ้า ที่ส่งผ่านฑูตสวรรค์ มายังท่านนบีมูฮำหมัดเพื่อเผยแผ่แก่มวลมนุษยชาติ
เป็นสิ่งที่พิสูจน์ ยืนยัน และชัดแจ้ง ที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าถ้อยคำโวหารทุกบททุกตอนล้วนเฉียบคายและไม่มีมนุษย์หน้าไหนสามารถแต่งขึ้นเองได้ เป็นถ้อยคำอันบริสุทธิ์ที่มาจากพระเจ้าอย่างแท้จริง อธิบายคร่าวๆนะครับ คัมภีร์อัลกุรอานมีทั้งหมด 114 ซูเราะห์ (บท) 6,666 อายะห์ (วรรค)
ซึ่งเราสามารถหาศึกษาอัลกุรอานแปลไทยออนไลน์
http://www.alquran-thai.com/ หรือเสริชชื่อซูเราะห์พร้อมแปลความหมายใน youtube ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากศึกษาด้วยตนเองอาจไม่เข้าใจและตีความผิดๆไป จะต้องอาศัยคำอรรถาธิบายอัลกุรอาน หรือมีผู้รู้คอยอธิบายให้ความเข้าใจ เพราะอัลกุรอานแต่ละบท แต่ละตอน ล้วนมีที่มาของการประทานแต่ละโองการ ตามเหตุการณ์ ตามบริบท ซึ่งจะขอยกตัวอย่างบางซูเราะห์(บท)ให้เราลอง ใคร่ครวญพิจารณาและทำความเข้าใจ เช่นบทต่างๆ ดังนี้ครับ
บทที่ชื่อ ซูเราะห์ยาซีน
https://www.youtube.com/watch?v=_tcY142hKH4 (ที่เล่าถึงอุทาหรณ์เหตุการณ์ในอดีตต่างๆของชนเผ่าที่ดื้อดึง และการลงโทษจากพระองค์)
บทซูเราะห์ อัลวากิอะห์
https://www.youtube.com/watch?v=hfGQrihU3lk (ที่พูดถึงเหตุการณ์วันกิยามะห์ ซึ่งก็คือวันสิ้นโลกและวันที่มนุษย์จะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมา มนุษย์จะถูกแบ่งเป็นหมู่ๆและได้รับการตอบแทน)
บทซูเราะห์ มัรยัม
https://www.youtube.com/watch?v=vvdKJB6-bsM&index=1&list=PLdaKlC03Z4-a5FWh0Wd3jZukLJv4HWK35 (ที่พูดถึงพระนางมัรยัม ซึ่งก็คือพระนางมาเรียแม่ของพระเยซู จากเหตุการณ์ที่นางสามารถให้กำเนิดพระเยซูโดยได้ด้วยการกำหนดของอัลลอฮฺ โดยที่ไม่ได้มีชายใดแตะต้องนาง)
บทซูเราะห์อัลกะฮฺฟี
https://www.youtube.com/watch?v=zycnv_xwVHQ (ที่ยืนยันถึงความบริสุทธิ์แห่งอัลกุรอานที่มิได้ถูกบิดเบือนแต่อย่างใด และเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาวถ้ำ)
ต่างๆเหล่านี้เป็นต้น ซึ่งสามารถหาศึกษาซูเราะห์อื่นๆเพิ่มเติมได้เองครับ
สำหรับกระทู้นี้ก็อาจแนะนำ สร้างความเข้าใจ หรือเป็นไกด์ไลน์ให้ได้เพียงเท่านี้ แต่สำหรับเรื่องของศาสนาอิสลามยังมีประเด็นให้น่าศึกษาอีกมากมายครับ
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะฝากคลิปดีๆไว้เป็นความฉุกคิดและกำลังใจ และอาจได้รับทางนำในสักวัน นะครับ
ศีกษา เรียนรู้ อิสลาม (เพื่อความเข้าใจสำหรับชาวต่างศาสนิกมากขึ้น) ตอน 1
ผมจึงเริ่มต้นเรื่องราวประวัติศาสตร์ตามความเป็นจริงอย่าง"คร่าวๆ"ดังนี้เลยนะครับ
เริ่มต้นจากมนุษย์คนแรกที่พระองค์ทรงสร้างมาจากดิน ก็คือนบีอาดัมครับ ซึ่งก่อนหน้านี้พระองค์ได้ทรงสร้างมลาอิกะฮฺ(ทูตสวรรค์) จากรัศมี และญิน/ชัยตอน(ซาตาน ซึ่งถ้าในแง่ของคนไทยอาจหมายรวมถึงผีวิญญาณอะไรต่างๆที่ล่อหลอกมนุษย์) ที่ถูกสร้างมาจากไฟ และพระองค์จึงได้ทรงสอนแก่ท่านนบีอาดัมให้รู้จักเรียกขานสรรพสิ่งต่างๆได้ จากนั้นพระองค์ก็ทรงให้มลาอิกะฮฺและเหล่าบรรดาญินสุญูด(ก้มกราบ)ต่อท่านนบีอาดัม มลาอิกะฮฺจึงก้มกราบ แต่ทว่าบรรดาญิน(หัวหน้าคืออิบลีส)กลับไม่ยอมก้มกราบเพราะลำพองว่าตนนั้นถูกสร้างมาจากไฟย่อมจะเหนือกว่า พระองค์จึงทรงกิ้วโกรธมากเพราะพระองค์เป็นผู้ทรงสร้างย่อมรู้ดี แต่อิบลีสกลับดื้อดึง ดังนั้นพระองค์จึงสาปแช่งให้เหล่าอิบลีสต้องตกลงไปในขุมนรม แต่ทว่า มันขอยืดระยะเวลา จนกว่าจะถึงวันสิ้นโลก และสัญญาว่าจะเป็นปฏิปักษ์ต่อมนุษย์ และจะล่อลวงมนุษย์ให้มาสู่ขุมนรกเช่นพวกของมันให้ได้มากที่สุด
ส่วนท่านนบีอาดัม เมื่อพระองค์เห็นว่าอยู่คนเดียวตามลำพัง จึงสร้างพระนางฮาวา (อดัมกับอีวา) ขึ้นมาเพื่อให้เป็นคู่ครอง และเหตุการณ์แรกที่อิบลีสสามารถหลอกล่อท่านนบีอาดัมและพระนางฮาวาให้ทานผลไม้สวรรค์จากต้นไม้ที่ถูกห้ามไว้ได้ ท่านนบีอาดัมและพระนางฮาวาจึงถูกลงโทษจากพระองค์ด้วยการส่งลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อสืบทอดเผ่าพันธุ์มวลมนุษยชาติไปทั่วโลกสืบไป ส่วนอิบลีสเหล่าชัยตอนนั้นก็ติดตามมาด้วยเพื่อหลอกล่อมนุษย์ให้หลงผิดตราบไปจนถึงวันสุดท้ายของกาลอวสานแห่งโลกใบนี้
จากนั้น เมื่อท่านนบีอาดัมและพระนางฮาวาได้สืบทอดวงศ์ตระกูลมนุษย์เรื่อยๆมา เป็นเผ่าพันธุ์มนุษยชาติต่างๆกระจายไปทั่วโลก พระองค์ก็ทรงกำหนดให้มีตัวแทนที่เป็น "ท่านนบี" ขึ้นมามากมายเพื่อเผยแพร่และตักเตือนแก่ชนเผ่าของตนให้เชื่อฟังในพระเจ้าผู้ทรงสร้างองค์เดียว มิให้หลงไปกับคำยั่วยุของมารร้ายชัยตอน ซึ่งพบว่าพระองค์ทรงกำหนดให้มีท่านนบีจำนวนมากมายเป็นแสนๆท่านในแต่ละยุคแต่ละชนเผ่าเรื่อยมา แต่ที่ถูกระบุชื่อไว้ในอัลกุอานมีจำนวนทั้งสิ้น 25 ท่าน ดังนี้ ท่านนบีอาดัม อิดรีส(Enoch) นัวฮฺ(โนอา) ฮูด ซอและห์ อิบรอฮีม(อับราฮัม) ลูต อิสหาก อิสมาอีล ยะกู๊บ(จาค็อบ) ยูซุฟ(โจเซฟ) ชุอัยบฺ ฮารูน มูซา(โมเซส) ดาวูด(เดวิด) ซุลกิฟลี สุไลมาน(โซโลมอน) อัยยูบ ยูนุส ซะกะริยา อิลยาส อัลยะซะห์ ยะฮฺยา อีซา(พระเยซู) และท่านนบีมูฮำหมัด (ซ.ล) ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นศาสนทูตคนสุดท้าย และเป็นแนวทางของประชาชาติยุคสุดท้ายนี้ ไปจวบจนถึงวันสิ้นโลก
จะเห็นได้ว่า ทุกๆศาสดาที่ถูกแต่งตั้ง ตั้งแต่ในอดีตเรื่อยมา ต่างก็พยายามตักเตือนและเรียกร้องประชาชาติของตนเพื่อให้กลับมาสู่แนวทางการศรัทธาเชื่อมั่นในพระเจ้าองค์เดียว(เหมือนกันทั้งหมด) เพียงแต่ว่าพระองค์ยังไม่ได้ทรงเรียกหรือระบุชื่อเป็นศาสนา เพียงแต่ว่าเรียกร้องให้มนุษย์กลับมาสู่พระเจ้าองค์เดียว แต่ทว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ต่างก็ถูกชัยตอนหลอกล่อ ให้กระทำการตั้งภาคีต่อพระองค์ในรูปแบบต่างๆมากมาย ทั้งการกราบไหว้รูปปั้น บูชาเทพเจ้า และกระทำสิ่งชั่วช้าสามันย์ต่างๆมากมาย ซึ่งในสมัยนบีแต่ละยุคแต่ละสมัยก็จะมีประวัติศาสตร์ระบุบอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆไว้มากมาย
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อมาถึง ท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล) พระองค์จึงทรงแต่งตั้งให้เป็นนบีองค์สุดท้ายของมนุษยชาติ และให้มนุษยชาติทั้งมวล ตั้งแต่ยุคสมัยท่านนบีมูฮำหมัดตราบจนถึงวันสิ้นโลก (ซึ่งเรียกว่าเป็นประชาชาติยุคสุดท้าย) ให้ล้มเลิกคัมภีร์เก่าๆก่อนๆหน้าไป ได้แก่ คัมภีร์เตารอต(ที่มาจากนบีมูซา) ซะบูร(ที่มาจากนบีดาวูด) และอินญีลหรือไบเบิ้ล(ที่มาจากพระเยซูหรือนบีอีซา) เพราะคัมภีร์ต่างผุพังไม่ได้ถูกรักษาหรือถูกมนุษย์แต่งเติมบิดเบือนไปมากมายแล้ว แต่ให้ยึดมั่น ด้วยคัมภีร์อัลกุรอาน ที่พระองค์ทรงให้เป็นคัมภีร์ฉบับสุดท้าย ที่มีความครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งทรงสัญญาถึงความพิสุทธิ์ของมันว่านย่อมถูกพิทักษ์รักษาไว้อย่างดี เป็นพระดำรัสที่มาจากพระเจ้า และไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด และเมื่อถึงวาระสุดท้ายของท่านนบีมูฮำหมัดนี้พระองค์จึงได้แต่งตั้งให้"อิสลาม"เป็นแนวทางอันถูกต้องที่มาจากพระองค์เพื่อประทานแก่มวลมนุษยชาติ (เพราะเริ่มมีแนวทางอื่นๆที่ผิดแปลกไปขึ้นมามากมาย) ดังโองการ อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
ٱلْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِى وَرَضِيتُ لَكُمُ ٱلإسْلاَمَ دِيناً} [المائدة: 3].
วันนี้ข้าได้ให้สมบูรณ์แก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งศาสนาของพวกเจ้าและข้าได้ให้ครบถ้วนแก่พวกเจ้าแล้ว ซึ่งความกรุณาเมตตาของข้า และข้าได้ยินยอมอิสลามให้เป็นศาสนาแก่พวกเจ้าแล้ว
สำหรับแนวทางอื่นที่จะขอพูดตรงไปตรงมาตามที่ระบุไว้ในคัมภีร์อัลกุรอาน ดังนี้
اهْدِنَا الصِّرَاطَ الْمُسْتَقِيمَ ( 6 ) อัล-ฟาติหะฮฺ - Ayaa 6
ขอพระองค์ทรงแนะนำพวกข้าพระองค์ซึ่งทางอันเที่ยงตรง
صِرَاطَ الَّذِينَ أَنْعَمْتَ عَلَيْهِمْ غَيْرِ الْمَغْضُوبِ عَلَيْهِمْ وَلَا الضَّالِّينَ ( 7 ) อัล-ฟาติหะฮฺ - Ayaa 7
(คือ) ทางของบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงโปรดปราณแก่พวกเขา มิใช่ในทางของพวกที่ถูกกริ้ว(ยะฮูดี) และมิใช่ทางของพวกที่หลงผิด(นัศรอนี)
ในที่นี้ ญะฮูดี(ชาวยิว) และนัศรอนี (ชาวคริสต์) เนื่องด้วยชนเหล่านี้ดื้อดึงไม่ยอมรับในนบีองค์สุดท้าย ซึ่งก็คือ ท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล) เพราะท่านมาจากชนเผ่าอารเบียหรืออาหรับ แต่นบีคนก่อนๆนั้นล้วนมาจากชนเผ่าบนีอิสรออีล หรือชนเผ่าของพวกชาวคริสต์ชาวยิวสืบสายกันมา และคาดหวังว่านบีคนสุดท้ายก็ควรมาจากชนเผ่าของตน จึงไม่พอใจแยกตัวออกมาเป็นศาสนาคริสต์ศาสนายิวดังกล่าวนั่นเอง แต่สำหรับศาสนาอิสลามแล้วพระองค์ก็ไม่ได้ให้ทรงปฏิเสธบรรดานบีต่างๆก่อนหน้าท่านนบีมูฮำหมัด(ซ.ล)เลย
มาถึงตรงนี้ก็อาจทำให้พอเข้าใจในเหตุผลหลายๆอย่างมากขึ้นนะครับ เช่น
- ที่เคยได้ยินว่า ยิว คริสต์ อิสลาม 3 ศาสนาหลักๆของโลกที่มีพื้นความเป็นพี่น้องกัน (และทั้งหมดนี้ก็ต่างถูกเรียกว่าชาวคัมภีร์) และเหนือสิ่งใดอิสลามก็สามารถอยู่ร่วมกันได้กับทุกศาสนาอย่างผาสุกและพร้อมจะเป็นมิตรกับเพื่อนมนุษย์ทุกคนบนโลกครับ หากไม่มีการอธรรมต่อกันก่อน
- แต่อย่างกรณีสงครามอิสลามกับยิว จากประวัติศาสตร์มาถึงตรงนี้ก็พอจะทำให้เข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมยิวถึงไม่ถูกกับอิสลาม และพยายามสร้างสื่อทุกอย่างเพื่อทำลายล้างอิสลามและให้โลกมองอิสลามในแง่ลบ เช่น การประโคมข่าว"การก่อการร้าย" หรือ"มุสลิมหัวรุนแรง" อะไรเป็นต้นนี้ มากมาย ที่มาจากการเสพสื่อของยิว เช่น CNN และอื่นๆอีกมากมายที่ถูกยิวควบคุมอยู่เบื้องหลัง เป็นต้นนี้ ด้วยความจงเกลียดจงชังตามที่มาของประวัติศาสตร์ดังว่านั่นเอง ที่นบีองค์สุดท้ายไม่ได้มาจากเชื้อสายที่สืบจากชนชาติยิว ซึ่งจริงๆแล้ว ชาวยิวมีไม่มากบนโลก แต่พระองค์ทรงให้มันสมองที่ดีแก่ชนชาวยิว (จะเห็นได้จากการสามารถสร้างสิ่งสำคัญๆระดับโลกต่างๆมากมาย เช่นอัลเบิร์ต ไอสตน์ ที่สร้างระเบิดปรมาณู ผลิตภัณฑ์ในห้างดังๆแทบจะทุกห้างที่กระจายไปอยู่ทั่วทุกมุมโลก sofware ต่างๆ หรือแม้กระทั่ง เฟสบุ๊คนี้ ก็ถูกผลิตโดยชาวยิว เช่นกัน) แต่ทว่าเขากลับใช้มันสมองไปเพื่อการทำลายล้างศาสนาของพระเจ้าคืออิสลาม ดื้อดึงไม่ยอมรับและกลับทรยศต่อพระองค์ ดังเช่นลักษณะนิสัยของชาวยิวส่วนมากที่ถูกระบุในอัลกุรอาน ดังนี้ http://www.moradokislam.org/modules.php?name=News&file=article&sid=365 แต่ชาวยิวที่ดีก็ยังคงมีนะครับ ถึงแม้จะเป็นเปอร์เซ็นที่น้อยมากๆ ตามประวัติศาสตร์อิสลาม
ถึงจุดๆนี้แล้ว ท่านอาจจะเริ่มสงสัยว่า แล้วพอจะมีอะไรบ้างไหมล่ะ ที่จะทำให้พอเข้าใจและได้ใครครวญ"ใช้สติ"ในการพิสูจน์ถึง"การมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้า" จริงๆ ซึ่งเป็นประเด็นที่สำคัญและท้าทายที่สุดของมนุษยชาติทุกยุคทุกสมัยตลอดมา
สิ่งที่จะพิสูจน์ คือ "อัลกุรอาน" ครับ พระดำรัสของพระผู้เป็นเจ้า ที่ส่งผ่านฑูตสวรรค์ มายังท่านนบีมูฮำหมัดเพื่อเผยแผ่แก่มวลมนุษยชาติ
เป็นสิ่งที่พิสูจน์ ยืนยัน และชัดแจ้ง ที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ว่าถ้อยคำโวหารทุกบททุกตอนล้วนเฉียบคายและไม่มีมนุษย์หน้าไหนสามารถแต่งขึ้นเองได้ เป็นถ้อยคำอันบริสุทธิ์ที่มาจากพระเจ้าอย่างแท้จริง อธิบายคร่าวๆนะครับ คัมภีร์อัลกุรอานมีทั้งหมด 114 ซูเราะห์ (บท) 6,666 อายะห์ (วรรค)
ซึ่งเราสามารถหาศึกษาอัลกุรอานแปลไทยออนไลน์http://www.alquran-thai.com/ หรือเสริชชื่อซูเราะห์พร้อมแปลความหมายใน youtube ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากศึกษาด้วยตนเองอาจไม่เข้าใจและตีความผิดๆไป จะต้องอาศัยคำอรรถาธิบายอัลกุรอาน หรือมีผู้รู้คอยอธิบายให้ความเข้าใจ เพราะอัลกุรอานแต่ละบท แต่ละตอน ล้วนมีที่มาของการประทานแต่ละโองการ ตามเหตุการณ์ ตามบริบท ซึ่งจะขอยกตัวอย่างบางซูเราะห์(บท)ให้เราลอง ใคร่ครวญพิจารณาและทำความเข้าใจ เช่นบทต่างๆ ดังนี้ครับ
บทที่ชื่อ ซูเราะห์ยาซีน https://www.youtube.com/watch?v=_tcY142hKH4 (ที่เล่าถึงอุทาหรณ์เหตุการณ์ในอดีตต่างๆของชนเผ่าที่ดื้อดึง และการลงโทษจากพระองค์)
บทซูเราะห์ อัลวากิอะห์ https://www.youtube.com/watch?v=hfGQrihU3lk (ที่พูดถึงเหตุการณ์วันกิยามะห์ ซึ่งก็คือวันสิ้นโลกและวันที่มนุษย์จะถูกฟื้นคืนชีพขึ้นมา มนุษย์จะถูกแบ่งเป็นหมู่ๆและได้รับการตอบแทน)
บทซูเราะห์ มัรยัม https://www.youtube.com/watch?v=vvdKJB6-bsM&index=1&list=PLdaKlC03Z4-a5FWh0Wd3jZukLJv4HWK35 (ที่พูดถึงพระนางมัรยัม ซึ่งก็คือพระนางมาเรียแม่ของพระเยซู จากเหตุการณ์ที่นางสามารถให้กำเนิดพระเยซูโดยได้ด้วยการกำหนดของอัลลอฮฺ โดยที่ไม่ได้มีชายใดแตะต้องนาง)
บทซูเราะห์อัลกะฮฺฟี https://www.youtube.com/watch?v=zycnv_xwVHQ (ที่ยืนยันถึงความบริสุทธิ์แห่งอัลกุรอานที่มิได้ถูกบิดเบือนแต่อย่างใด และเรื่องราวประวัติศาสตร์ชาวถ้ำ)
ต่างๆเหล่านี้เป็นต้น ซึ่งสามารถหาศึกษาซูเราะห์อื่นๆเพิ่มเติมได้เองครับ
สำหรับกระทู้นี้ก็อาจแนะนำ สร้างความเข้าใจ หรือเป็นไกด์ไลน์ให้ได้เพียงเท่านี้ แต่สำหรับเรื่องของศาสนาอิสลามยังมีประเด็นให้น่าศึกษาอีกมากมายครับ
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะฝากคลิปดีๆไว้เป็นความฉุกคิดและกำลังใจ และอาจได้รับทางนำในสักวัน นะครับ