บนีอิสรออีล หรือยิวในอดีต แท้จริงนับถือศาสนาอิสลาม โมเสส คือ นบีมูซา พวกเขาได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮฺมากมาย มีนบีและศาสนทูตหลายท่านมาจากพวกเขา จนเข้าใจผิดว่า พวกเขาเป็นประชาชาติที่อัลลอฮฺทรงรัก คัมภีรโทราห์ เดิมคือ คัมภีร์เตารอต แต่ถูกบิดเบือนคำสอน ไม่ยอมรับนบีมุฮัมมัดเป็นศาสนทูต เพราะมาจากอาหรับ ไม่ใช่กลุ่มชนเขา มีนักปราชญ์ยิวแนะนำให้บางส่วนของพวกเขาศรัทธาต่อท่านนบีมุฮัมมัด แต่พวกเขาไม่ยอมศรัทธา
บนีอิสรออีล(ยิว) ได้รับความโปรดปรานจากอัลลอฮฺมากมาย แต่พวกเขากลับปฏิเสธ ฝ่าฝืน ไม่กตัญญู ไม่ปฏิบัติตาม เรื่องจริงปรากฏในอัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ โองการที่ 49-51, 55-57, 60-61, 65, 67, 73 และ 83 ตัฟซีร คำอธิบายโดย สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับ ประเทศไทย ดังนี้
1. อัลลอฮฺทรงช่วยให้บนีอิสรออีลปลอดภัยจากฟิรเอาน์ (ฟาโรห์) จากการถูกทรมาน ใช้งานหนัก และฆ่าลูกผู้ชาย โดยให้มูซาพาหนีข้ามทะเลแดง และลงโทษฟิรเอาน์ กลายเป็นซากศพลอยขึ้นเหนือน้ำ เป็นการเตือนสติมนุษย์ ถึงการปฏิเสธและตั้งตัวเป็นพระเจ้า มีบั้นปลายชีวิตเป็นอย่างไร
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 49. "และจงรำลึกถึง ขณะที่เราได้ช่วยพวกเจ้าให้พ้นจากพวกพ้องของฟิรเอาน์ โดยที่พวกเขาบังคับขู่เข็ญพวกเจ้า ซึ่งการทรมานอันร้ายแรง3 พวกเขาเชือดบรรดาลูกผู้ชายของพวกเจ้า และไว้ชีวิตบรรดาลูกผู้หญิงของพวกเจ้า4 และในเรื่องนั้นคือการทดสอบอันสำคัญจากพระเจ้าของพวกเจ้า"5
คำอธิบาย 3-5
3 การเอาพวกเขาเป็นทาสแล้วใช้พวกเขาให้ทำงานหนัก
4 โดยมีเจตนาทำลายประชาชาติอิสรออีลให้สูญพันธุ์
5 ทั้งนี้เพื่อให้พวกเขาได้รำลึกถึงความกรุณาของอัลลอฮฺอยู่เสมอ จะได้ไม่ดื้อดึงต่อพระองค์อีกต่อไป
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 50. "และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้แยกทะเลออก เพราะพวกเจ้า6 แล้วเราได้ช่วยพวกเจ้าให้รอดพ้น7 และได้ให้พวกฟิรเอาน์จมน้ำตาย8 ขณะที่พวกเจ้ามองดูอยู่"1
คำอธิบาย 6-8, 1
6 เพราะพวกเจ้าไม่มีทางอื่นที่จะหนีให้พ้นจากฟิรเอาน์ได้ นอกจากจะต้องให้น้ำในทะเลแดงแยกออกเป็นทางเดินข้ามไปเท่านั้น ในเรื่องนี้ พวกก็อดยานีไม่ยอมเชื่อ เขากล่าวว่า “เป็นเวลาที่น้ำกำลังลดลงสู่ระดับต่ำจนเห็นท้องทะเล” เขากล่าวอีกว่า “ถ้าน้ำในทะเลแยกออกเป็นร่องจริง และเป็นการแยกที่ไม่ได้มีปรากฏมาก่อนพวกฟิรเอาน์ก็จะต้องตกใจ คงไม่กล้าเสี่ยงข้ามไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงเป็นอภินิหาร หรือความมหัศจรรย์ที่ประจวบกันอย่างเหมาะเจาะ” ผู้อ่านคงทราบแล้วเขามีเจตนาบิดเบือนอย่างไร อัลลอฮฺแจ้งให้ทราบว่า “พระองค์ให้น้ำในทะเลแดงแยกออกเป็นทาง” เขาบิดเบือนไปว่า “น้ำมันลดเอง”
7 ให้รอดพ้นจากฟิรเอาน์ และไพร่พลของเขา
8 ขณะที่ฟิรเอาน์ติดตามวงศ์วานอิสรออีลไปถึงกลางทะเล ซึ่งขณะนั้นวงศ์วานอิสรออีลขึ้นฝั่งแล้ว อัลลอฮฺก็ทรงให้น้ำสองฟากทางกระแทกตัวเข้าหากัน ทำให้พวกฟิรเอาน์จมน้ำตาย
1 ขณะที่วงศ์วานอิสรออีลมองดูกันอยู่
- - -
2. หลังจากบนีอิสรออีลปลอดภัย นบีมูซาไปรับคัมภีร์ พวกเขารอไม่ไหว ปั้นรูปวัวมาเคารพสักการะเป็นพระเจ้าแทน
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 51. "และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้สัญญาแก่มูซาไว้สี่สิบคืน2 แล้วพวกเจ้าได้ยึดถือลูกวัวตัวนั้นหลังจากเขา3 และพวกเจ้านั้นคือผู้อธรรม"
คำอธิบาย 2-3
2 ให้ท่านนบีมูซาไปรับบัญญัติ 10 ประการ ณ ภูเขาสินาย และจะต้องอยู่ที่นั่น 40 คืน
3 ยึดถือลูกวัวที่ซามิรีย์ได้จำลองขึ้นจากทอง เป็นที่เคารพสักการะ หลังจากนบีมูซาเดินทางไปรับบัญญัติ 10 ประการ
- - -
3. บนีอิสรออีลทั้งๆ ที่เห็นมุอฺญิซาต การแยกของทะเลแดง ก็ยังไม่ศรัทธา ต้องการจะเห็นอัลลอฮฺ จึงถูกลงโทษให้ฟ้าผ่า และยังทรงเมตตาให้ฟื้นคืนชีพ
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 55-56 "และจงรำลึกถึง ขณะที่พวกเจ้ากล่าวว่า โอ้มูซา! เราจะไม่ศรัทธาต่อท่านเป็นอันขาด จนกว่าเราจะได้เห็นอัลลอฮฺโดยเปิดเผย1 แล้วสายฟ้าฝ่าก็ได้คร่าพวกเจ้า2 ขณะที่พวกเจ้ามองดูกันอยู่ ภายหลังเราได้ให้พวกเจ้าคืนชีพ หลังจากที่พวกเจ้าได้ตายไปแล้ว3 เพื่อว่าพวกเจ้าจักขอบคุณ"
คำอธิบาย 1-2
1 เห็นอัลลอฮฺด้วยตาของพวกเขา
2 อัลลอฮฺได้ทรงให้ฟ้าผ่าพวกเขา ทำให้พวกเขาสิ้นชีวิตกันหมดสิ้น ทั้งนี้โดยทยอยกันตายทีละคนสองคน คนที่ตายทีหลังก็ได้เห็นคนที่ตายก่อน ดังข้อความที่ว่า “ขณะที่พวกเจ้ามองดูกันอยู่”
- - -
4. อัลลอฮฺทรงประทานอาหารจากฟากฟ้าให้พวกเขา และให้เมฆเป็นร่มเงา ขณะอยู่ในทะเลทราย
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 57. "และเราได้ให้เมฆบดบังพวกเจ้า4 และได้ให้อัล-มันนะ และอัส-ซัลวา5 แก่พวกเจ้า พวกเจ้าจงบริโภคสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าจากสิ่งดี ๆ เถิด และพวกเขาหาได้อธรรมแก่เราไม่ แต่ทว่าพวกเขาอธรรมแก่ตัวของพวกเขาเองต่างหาก"
คำอธิบาย 4-5
4 ให้เมฆบดบังแสงอาทิตย์เพื่อให้ความร่มเย็นแก่พวกเขาขณะเดินอยู่ในทะเลทราย
5 อัล-มันนะ คือของหวานชนิดหนึ่ง คล้ายน้ำผึ้ง ส่วนอัส-ซัลวานั้น คือ นกคุ่ม
- - -
5. บนีอิสรอีล(ยิว) ขอน้ำ อัลลอฮฺให้นบีมูซาตีหินจนกลายเป็นตาน้ำ พระองค์ทรงเตือนว่าอย่าก่อกวนในผืนแผ่นดิน (ปัจจุบันก็ยังทำร้ายชาวปาเลสไตน์)
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 60. "และจงรำลึกถึงขณะที่มูซาได้ขอน้ำให้แก่กลุ่มชนของพวกเขา แล้วเราได้กล่าวว่า เจ้าจงตีหินด้วยไม้เท้าของเจ้า แล้วตาน้ำสิบสองตา ก็พุ่งออกจากหินนั้น แน่นอนกลุ่มชนแต่ละกลุ่ม" (ตัฟซีร: หมายถึงกลุ่มชน ซึ่งเป็นวงศ์วานอิสรออีลสิบสองกลุ่ม) ย่อมรู้แหล่งน้ำดื่มของตน พวกเจ้าจงกิน และจงดื่มจากปัจจัยยังชีพของอัลลอฮฺ และจงอย่าก่อกวนในผืนแผ่นดิน ในฐานะผู้บ่อนทำลาย"
- - -
6. บนีอิสรออีล(ยิว) ไม่พอใจอาหารจากฟากฟ้า เบื่ออาหารดีๆ พระองค์จึงให้กินพืชผักแทน พระองค์ทรงโกรธกริ้วพวกเขา เพราะหลายครั้งที่พระองค์ให้ความโปรดปราน แต่เนรคุณ และยังฆ่าบรรดานบี (ปัจจุบันก็ยังทำเหมือนเดิม คือ ฆ่าผู้นำประเทศอื่น)
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 61. "และจงรำลึกถึงขณะที่พวกเจ้ากล่าวว่า โอ้มูซา! เราไม่สามารถจะอดทนต่ออาหารชนิดเดียว3 อีกต่อไปได้ ดังนั้นจงวิงวอนต่อพระเจ้าของท่านให้แก่เราเถิด พระองค์จะทรงให้ออกมาแก่เราจากสิ่งที่แผ่นดินให้งอกเงยขึ้น อันได้แก่พืชผัก แตงกวา กระเทียม ถั่ว และหัวหอม มูซาได้กล่าวว่า พวกท่านจะขอเปลี่ยนเอาสิ่งที่มันเลวกว่า ดัวยสิ่งที่มันดีกว่ากระนั้นหรือ พวกท่านจงลงไปอยู่ในเมืองเถิด4 แล้วสิ่งที่พวกท่านขอก็จะเป็นของพวกท่าน และความอัปยศ และความขัดสนก็ถูกกระหน่ำลงบนพวกเขา1 และพวกเขาได้นำเอาความกริ้วโกรธจากอัลลอฮฺกลับไป2 นั่นก็เพราะว่าพวกเขาเคยปฏิเสธสัญญาณต่าง ๆ ของอัลลอฮฺ3 และยังฆ่าบรรดานบี4 โดยปราศจากความเป็นธรรมนั่นก็เนื่องจากความดื้อดันของพวกเขา และพวกเขาจึงได้กลายเป็นผู้ละเมิดขอบเขต"
คำอธิบาย 3-4, 1-4
3 คือกินอัล-มันนะ และอัส-ซัลวา จำเจอยู่เพียงชนิดเดียว
4 หมายถึง บัยตุลมักดิส
1 อัลลอฮฺทรงให้พวกเขาได้รับความอัปยศ และความยากจนประหนึ่งว่า ความอัปยศและความขัดสนถูกหวดลงมายังพวกเขากระนั้น
2 ประหนึ่งว่า ความกริ้วโกรธของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกเขานั้นเป็นวัตถุ และเขากลับไปยังพระองค์ ก็นำความกริ้วโกรธนั้นกลับไปด้วย เพื่อให้มองเห็นว่าพวกเขาจะต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน
3 ฝ่าฝืนและดื้อดันต่ออัลลอฮฺ ทั้งๆ ที่ได้มีสัญญาณต่างๆ จากพระองค์ที่แสดงถึงเดชานุภาพของพระองค์ ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว ประหนึ่งพวกเขาปฏิเสธสัญญาณเหล่านั้น
4 เช่น ฆ่า นบีซะกะรียา และนบียะฮฺยา เป็นต้น
- - -
7. อัลลอฮฺสั่งห้ามจับปลาในวันเสาร์ แต่ก็ฝ่าฝืน จึงถูกลงโทษกลายเป็นลิง และเสียชีวิต
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 65. "และแน่นอนพวกเจ้ารู้กันแล้วถึงบรรดาผู้ที่อยู่ในพวกของเจ้าที่ได้ละเมิดในวันสับบาโต3 แล้วเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงเป็นลิงที่ถูกขับไล่ให้ห่างไกล"4
คำอธิบาย 3-4
3 คือวันเสาร์ซึ่งถูกกำหนดให้เป็นวันพักผ่อนและประกอบพิธีกรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่พวกเขากลับละเมิดโดยวางแผนล่อปลาให้เข้าบ่อในวันนั้น แล้วจับในวันอื่น เนื่องจากในวันนั้นปลาจะออกหากินอย่างชุกชุม และว่ายเข้าไปในบ่อ แล้วพวกเขาก็ปิดปากบ่อ
4 มีจิตใจ และลักษณะท่าทางเสมือนลิง ซึ่งใครเห็นก็ขับไล่ให้ห่างไกล ตามที่อิบนิญะรีร และอิบนุฮาติมรายงานไว้จากมุญาฮิด อย่างไรก็ดี นักปราชญ์ส่วนมากเห็นว่ารูปร่างของพวกเขาถูกเปลี่ยนเป็นลิงจริงๆ และมีชีวิตอยู่ไม่เกินสามวัน
- -
8. อัลลอฮฺสั่งใช้ให้เชือดวัว เพื่อตีผู้ที่ถูกฆ่า ฟื้นขึ้นมาบอกว่าใครเป็นคนฆ่า
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 67. "และจงรำลึกถึงขณะที่มูซาได้กล่าวแก่กลุ่มชนของเขาว่า แท้จริงอัลลอฮฺทรงบัญชาแก่พวกท่านให้เชือดวัวตัวเมียตัวหนึ่ง (ตัฟซีร: เพื่อนำส่วนหนึ่งของมันไปตีร่างของผู้ที่ถูกฆ่าตาย แล้วผู้นั้นก็จะฟื้นขึ้น บอกว่าใครเป็นคนฆ่า แล้วก็ตายตามเดิม) พวกเขากล่าวว่า ท่านจะถือเอาพวกเราเป็นที่ล้อเล่นกระนั้นหรือ? มูซากล่าวว่า ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺให้พ้นจากการที่ฉันจะเป็นพวกโง่เขลาเบาปัญญา"
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 73. "แล้วเราได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงตีเขาด้วยบางส่วนของวัวตัวนั้น4 ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮฺจะทรงให้ผู้ที่ตาย5 มีชีวิตขึ้นมา และจะทรงให้พวกเจ้าเห็นสัญญาณต่าง ๆ6 เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้เข้าใจ"
คำอธิบาย 4-6
4 ตีผู้ที่ถูกฆ่าด้วยบางส่วนของวัวที่ถูกใช้ให้เชือด
5 ให้ผู้ที่ถูกฆ่าตายฟื้นคืนชีพ เพื่อบอกว่าใครเป็นคนฆ่า
6 สัญญาณแห่งเดชานุภาพของพระองค์ที่ได้ทรงให้ผู้ที่ตายมีชีวิตขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับพระองค์
- - -
9. พระองค์ทรงสั่งใช้ให้ทำความดี แต่ไม่ปฏิบัติตาม
อัลกุรอาน ซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ 83. "และจงรำลึกถึงขณะที่เราได้เอาคำมั่นสัญญาจากวงศ์วานอิสรออีลว่า พวกเจ้าจะต้องไม่เคารพสักการะนอกจากอัลลอฮฺเท่านั้น และจงทำดีต่อบิดามารดา ญาติที่ใกล้ชิด เด็กกำพร้า และผู้ขัดสน และจงพูดจาแก่เพื่อนมนุษย์อย่างดี และจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และจงชำระซะกาต แต่แล้วพวกเจ้าก็ผินหลังให้ นอกจากเพียงเล็กน้อยในหมู่พวกเจ้าเท่านั้น และพวกเจ้าก็กำลังผินหลังให้อยู่"
เป็นบทเรียนสะท้อนตัวเรา เป็นอย่างเขาหรือไม่ จะได้รีบกลับเนื้อกลับตัว การที่ได้รับความโปรดปรานในโลกนี้นั้น เป็นบททดสอบว่าจะขอบคุณและทำดีตอบแทนหรือไม่ ส่วนผู้ได้รับบททดสอบในโลกนี้ พระองค์ทรงรักทรงเมตตา เพื่อให้บริสุทธิ์จากบาป และรับรางวัลในโลกหน้าคือ สวรรค์
วัลลอฮุอะอฺลัม อัลลอฮฺเท่านั้นที่รู้
เรื่องจริงของวงศ์วานอิสรออีล (ยิว) ความโปรดปรานของอัลลอฮฺ เรื่องของนบีมูซา (โมเสส)
4 โดยมีเจตนาทำลายประชาชาติอิสรออีลให้สูญพันธุ์
5 ทั้งนี้เพื่อให้พวกเขาได้รำลึกถึงความกรุณาของอัลลอฮฺอยู่เสมอ จะได้ไม่ดื้อดึงต่อพระองค์อีกต่อไป
7 ให้รอดพ้นจากฟิรเอาน์ และไพร่พลของเขา
8 ขณะที่ฟิรเอาน์ติดตามวงศ์วานอิสรออีลไปถึงกลางทะเล ซึ่งขณะนั้นวงศ์วานอิสรออีลขึ้นฝั่งแล้ว อัลลอฮฺก็ทรงให้น้ำสองฟากทางกระแทกตัวเข้าหากัน ทำให้พวกฟิรเอาน์จมน้ำตาย
3 ยึดถือลูกวัวที่ซามิรีย์ได้จำลองขึ้นจากทอง เป็นที่เคารพสักการะ หลังจากนบีมูซาเดินทางไปรับบัญญัติ 10 ประการ
2 อัลลอฮฺได้ทรงให้ฟ้าผ่าพวกเขา ทำให้พวกเขาสิ้นชีวิตกันหมดสิ้น ทั้งนี้โดยทยอยกันตายทีละคนสองคน คนที่ตายทีหลังก็ได้เห็นคนที่ตายก่อน ดังข้อความที่ว่า “ขณะที่พวกเจ้ามองดูกันอยู่”
5 อัล-มันนะ คือของหวานชนิดหนึ่ง คล้ายน้ำผึ้ง ส่วนอัส-ซัลวานั้น คือ นกคุ่ม
4 หมายถึง บัยตุลมักดิส
2 ประหนึ่งว่า ความกริ้วโกรธของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกเขานั้นเป็นวัตถุ และเขากลับไปยังพระองค์ ก็นำความกริ้วโกรธนั้นกลับไปด้วย เพื่อให้มองเห็นว่าพวกเขาจะต้องได้รับโทษอย่างแน่นอน
3 ฝ่าฝืนและดื้อดันต่ออัลลอฮฺ ทั้งๆ ที่ได้มีสัญญาณต่างๆ จากพระองค์ที่แสดงถึงเดชานุภาพของพระองค์ ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว ประหนึ่งพวกเขาปฏิเสธสัญญาณเหล่านั้น
4 เช่น ฆ่า นบีซะกะรียา และนบียะฮฺยา เป็นต้น
4 มีจิตใจ และลักษณะท่าทางเสมือนลิง ซึ่งใครเห็นก็ขับไล่ให้ห่างไกล ตามที่อิบนิญะรีร และอิบนุฮาติมรายงานไว้จากมุญาฮิด อย่างไรก็ดี นักปราชญ์ส่วนมากเห็นว่ารูปร่างของพวกเขาถูกเปลี่ยนเป็นลิงจริงๆ และมีชีวิตอยู่ไม่เกินสามวัน
5 ให้ผู้ที่ถูกฆ่าตายฟื้นคืนชีพ เพื่อบอกว่าใครเป็นคนฆ่า
6 สัญญาณแห่งเดชานุภาพของพระองค์ที่ได้ทรงให้ผู้ที่ตายมีชีวิตขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับพระองค์