เอาภาพนี้มาแปะแทนเพราะไม่มีภาพเปิดตอน
- เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่คนพี่ประกาศจะย้ายโรงเรียนสอนกลางพิธีปิดภาคการศึกษา
- นักเรียนทุกคนตกใจมากกับข่าวกะทันหันนี้ (ส่วนพระเอกไม่ต้องพูดถึง สภาพรอบตัวคงไม่เข้าหัวตั้งแต่เห็นคนพี่เดินขึ้นสแตนด์แล้ว) คนพี่ก็กล่าวขอโทษนักเรียนทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนปี 2 ที่สอนโดยตรงอยู่
- คนพี่กล่าวลานักเรียนทุกคน (ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะส่วนใหญ่เป็นแค่คำกล่าวลาตามมารยาททั่วไป) และบอกว่าจะไม่ลืมนักเรียนทุกคนที่เคยสอนที่นี่เลย
- หลังพิธีปิดภาคการศึกษาจบ พระเอกก็ไปหาคนน้องถามว่ารู้เรื่องอะไรรึเปล่า คนน้องก็บอกว่าไม่รู้อะไรเลย คนพี่ไม่ได้บอกอะไรซักคำเรื่องย้ายโรงเรียน ไม่ได้แสดงทีท่าแปลกๆ อะไรเลยซักอย่าง พระเอกกับคนน้องเลยได้แต่งุนงง สับสน และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
- วันนั้นทั้งวันพระเอกไม่เป็นอันเรียนหนังสือ เอาแต่โทรเข้ามือถือคนพี่ตลอดจนเพื่อนออกปากทัก (แน่นอนคนพี่ไม่ยอมรับสายพระเอกแม้แต่สายเดียว)
- ลงเอยพอไม่รับสาย พระเอกเลยไปที่ห้องพักครูจะไปคุยกับคนพี่ตรงๆ แต่ยังไม่ทันเข้าไปก็ไปเจออาจารย์อีกคนเดินสวนออกมาตรงหน้าประตูซะก่อน (จำชื่อไม่ได้ จำได้แต่ว่าเป็นอาจารย์คนที่เจอภาพหลุดของพระเอกกับคนพี่)
- อาจารย์คนนั้นเห็นพระเอกมาก็รู้ทันทีว่าพระเอกมีธุระกับใคร แต่ก็ทำเป็นไม่รู้แล้วถามพระเอกตามมารยาทแทน (เพราะสัญญากับคนพี่ว่าจะไม่บอกเรื่องความแตกให้พระเอกรู้) พระเอกก็บอกว่ามีธุระกับคนพี่ อาจารย์เลยชะเง้อเข้าไปมองในห้องพักครู แล้วหันกลับมาบอกพระเอกว่าคนพี่ไม่อยู่ที่โต๊ะ พระเอกเลยต้องยอมถอยกลับไปอย่างช่วยไม่ได้
ภาพหน้าอาจารย์คนที่เจอภาพหลุดของพระเอกกับคนพี่ เอามาลงไว้เผื่อมีบทหลังจากนี้ จะได้จำกันได้
- ซึ่งอาจารย์แกก็ไม่ได้โกหก เพราะคนพี่ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะจริงๆ แต่ขึ้นไปเล่นมิวสิควิดีโออยู่บนดาดฟ้า พลางนึกถึงความทรงจำต่างๆ ที่เคยมีร่วมกับพระเอกมาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันบนดาดฟ้าแห่งนี้ จนถึงวันที่เผยความในใจแก่กัน
- กำลังเล่นมิวสิควิดีโอเพลินๆ อ.คิริยะ (ที่ปรึกษาชมรมวรรณศิลป์) ก็เข้ามาหา (นอนดูดบุหรี่อยู่บนหลังคาทางขึ้นดาดฟ้าแล้วเห็นเข้า) คนพี่พอเห็นอาจารย์คิริยะก็เข้าไปทักพลางขอบคุณที่คอยดูแลมาตลอดแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
- อาจารย์คิริยะก็ถามว่าเบื้องบนรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนพี่กับพระเอกแล้วเหรอ คนพี่ก็ทำท่าตกใจว่าอาจารย์รู้ได้ยังไง อาจารย์ก็บอกว่าก็ไม่ถึงกับรู้ชัดหรอก แค่สงสัยเพราะเห็นจากทีท่าที่คนพี่กับพระเอกมีให้กันเฉยๆ (จริงๆ คือสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนไปแคมป์หน้าร้อนแล้ว ที่คนพี่ลูบหัวพระเอกแล้วพระเอกลุกพรวดขึ้นมาจับมือตอนนั้น)
- อ.คิริยะบอกว่าตัวเขาไม่ว่าคนพี่ว่าทำตัวไม่เหมาะสมหรอก เพราะโดยส่วนตัวอ.แกเชื่อว่าขึ้นชื่อว่าความรักแล้วยังไงก็ห้ามกันไม่ได้หรอก ไม่ว่าอายุหรือฐานะจะต่างกันแค่ไหนก็ตาม ก็แค่คิดเฉยๆ ว่าที่เป็นแบบนี้ก็เหมือนเป็นเวรเป็นกรรมเท่านั้นเอง
- คนพี่ก็ทำท่าแปลกใจ อ.คิริยะก็เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนตอนที่คนพี่ยังเป็นนักเรียนนั้น แฟนเก่าคนพี่ (ที่เป็นชู้กันคนนั้น) เคยมาปรึกษาอ.คิริยะเรื่องตัวเองหลงรักลูกศิษย์คนหนึ่งเข้า (ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คนพี่นั่นแหละ) ซึ่งตอนนั้นอ.แกก็เตือนๆ ไปว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กนักเรียนที่สอนอยู่นะ ถ้าเกิดรักกันขึ้นมาจริงๆ ผลจะเป็นยังไงก็น่าจะรู้นี่ แฟนเก่าคนพี่ก็เลยยอมตัดใจไม่สานสัมพันธ์กับคนพี่ในตอนนั้น (แต่ลงเอยก็มาเป็นชู้กันตอนเจอกันหลังเรียนจบอยู่ดี...)
- คนพี่ก็ได้แต่อึ้งเมื่อได้รู้ความจริงเรื่องแฟนเก่าตัวเอง และอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตัวเองเอาเรื่องพระเอกไปปรึกษาอ.คิริยะแต่แรกแล้วอ.คิริยะคัดค้าน ตัวเองจะยอมตัดใจรึเปล่านะ
- คนพี่
"ไม่สิ...ต่อให้คัดค้าน ฉันก็คงห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้อยู่ดี"
- หลังเลิกเรียนวันนั้น พระเอกก็แล่นพรวดไปที่อพาร์ทเมนท์ของคนพี่ทันที
- ทว่าสิ่งที่พระเอกได้พบ กลับเป็นอพาร์ทเมนท์ที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย...
- เห็นแบบนั้นพระเอกก็หมดแรงจะประคองตัว ทรุดลงกับพื้น พร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างปวดร้าวว่าทำไม
- ตอนนั้นเองที่พระเอกสังเกตเห็นอะไรบางอย่างอยู่บนพื้นห้อง จึงพรวดพราดเข้าไปคว้ามา
- และพบว่านั่นคือจดหมายที่คนพี่เขียนทิ้งไว้ให้เขานั่นเอง
แล้วคนพี่ก็ออกอัลติฯ จนได้สิน่า...
งานนี้ได้แต่วัดดวงจากเนื้อหาจดหมายแล้วแฮะว่าจะเป็นแค่
"ลาที" หรือ
"ลาก่อน" ถึงโดยส่วนตัวจะเห็นว่าความเป็นไปได้ว่าจะเป็น
"ลาก่อน" จะเยอะก็เถอะ เพราะถ้าแค่คิดจะลากันชั่วคราวแล้วค่อยมาพบกันใหม่ คนพี่ก็ควรจะปรึกษากับพระเอกคิดหาทางกันแต่ต้น ไม่ใช่คิดเองเออเองทำอะไรเองเสร็จสรรพคนเดียวแบบนี้
เห็นหน้าพระเอกภาพสุดท้ายแล้วไม่อยากคิดเลยว่าหลังจากนี้ไปมันจะเละแค่ไหนกว่าจะได้คนอื่นช่วยดึงๆ กลับมา
ที่เหลือก็รออ่านเนื้อหาจดหมายตอนหน้าโลดครับ
[Spoil] Domestic na Kanojo #64 - จดหมาย
- เปิดตอนมาต่อจากตอนที่แล้วที่คนพี่ประกาศจะย้ายโรงเรียนสอนกลางพิธีปิดภาคการศึกษา
- นักเรียนทุกคนตกใจมากกับข่าวกะทันหันนี้ (ส่วนพระเอกไม่ต้องพูดถึง สภาพรอบตัวคงไม่เข้าหัวตั้งแต่เห็นคนพี่เดินขึ้นสแตนด์แล้ว) คนพี่ก็กล่าวขอโทษนักเรียนทุกคน โดยเฉพาะนักเรียนปี 2 ที่สอนโดยตรงอยู่
- คนพี่กล่าวลานักเรียนทุกคน (ไม่ขอลงรายละเอียดเพราะส่วนใหญ่เป็นแค่คำกล่าวลาตามมารยาททั่วไป) และบอกว่าจะไม่ลืมนักเรียนทุกคนที่เคยสอนที่นี่เลย
- หลังพิธีปิดภาคการศึกษาจบ พระเอกก็ไปหาคนน้องถามว่ารู้เรื่องอะไรรึเปล่า คนน้องก็บอกว่าไม่รู้อะไรเลย คนพี่ไม่ได้บอกอะไรซักคำเรื่องย้ายโรงเรียน ไม่ได้แสดงทีท่าแปลกๆ อะไรเลยซักอย่าง พระเอกกับคนน้องเลยได้แต่งุนงง สับสน และไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
- วันนั้นทั้งวันพระเอกไม่เป็นอันเรียนหนังสือ เอาแต่โทรเข้ามือถือคนพี่ตลอดจนเพื่อนออกปากทัก (แน่นอนคนพี่ไม่ยอมรับสายพระเอกแม้แต่สายเดียว)
- ลงเอยพอไม่รับสาย พระเอกเลยไปที่ห้องพักครูจะไปคุยกับคนพี่ตรงๆ แต่ยังไม่ทันเข้าไปก็ไปเจออาจารย์อีกคนเดินสวนออกมาตรงหน้าประตูซะก่อน (จำชื่อไม่ได้ จำได้แต่ว่าเป็นอาจารย์คนที่เจอภาพหลุดของพระเอกกับคนพี่)
- อาจารย์คนนั้นเห็นพระเอกมาก็รู้ทันทีว่าพระเอกมีธุระกับใคร แต่ก็ทำเป็นไม่รู้แล้วถามพระเอกตามมารยาทแทน (เพราะสัญญากับคนพี่ว่าจะไม่บอกเรื่องความแตกให้พระเอกรู้) พระเอกก็บอกว่ามีธุระกับคนพี่ อาจารย์เลยชะเง้อเข้าไปมองในห้องพักครู แล้วหันกลับมาบอกพระเอกว่าคนพี่ไม่อยู่ที่โต๊ะ พระเอกเลยต้องยอมถอยกลับไปอย่างช่วยไม่ได้
ภาพหน้าอาจารย์คนที่เจอภาพหลุดของพระเอกกับคนพี่ เอามาลงไว้เผื่อมีบทหลังจากนี้ จะได้จำกันได้
- ซึ่งอาจารย์แกก็ไม่ได้โกหก เพราะคนพี่ไม่ได้อยู่ที่โต๊ะจริงๆ แต่ขึ้นไปเล่นมิวสิควิดีโออยู่บนดาดฟ้า พลางนึกถึงความทรงจำต่างๆ ที่เคยมีร่วมกับพระเอกมาตลอด ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกันบนดาดฟ้าแห่งนี้ จนถึงวันที่เผยความในใจแก่กัน
- กำลังเล่นมิวสิควิดีโอเพลินๆ อ.คิริยะ (ที่ปรึกษาชมรมวรรณศิลป์) ก็เข้ามาหา (นอนดูดบุหรี่อยู่บนหลังคาทางขึ้นดาดฟ้าแล้วเห็นเข้า) คนพี่พอเห็นอาจารย์คิริยะก็เข้าไปทักพลางขอบคุณที่คอยดูแลมาตลอดแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ
- อาจารย์คิริยะก็ถามว่าเบื้องบนรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างคนพี่กับพระเอกแล้วเหรอ คนพี่ก็ทำท่าตกใจว่าอาจารย์รู้ได้ยังไง อาจารย์ก็บอกว่าก็ไม่ถึงกับรู้ชัดหรอก แค่สงสัยเพราะเห็นจากทีท่าที่คนพี่กับพระเอกมีให้กันเฉยๆ (จริงๆ คือสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนไปแคมป์หน้าร้อนแล้ว ที่คนพี่ลูบหัวพระเอกแล้วพระเอกลุกพรวดขึ้นมาจับมือตอนนั้น)
- อ.คิริยะบอกว่าตัวเขาไม่ว่าคนพี่ว่าทำตัวไม่เหมาะสมหรอก เพราะโดยส่วนตัวอ.แกเชื่อว่าขึ้นชื่อว่าความรักแล้วยังไงก็ห้ามกันไม่ได้หรอก ไม่ว่าอายุหรือฐานะจะต่างกันแค่ไหนก็ตาม ก็แค่คิดเฉยๆ ว่าที่เป็นแบบนี้ก็เหมือนเป็นเวรเป็นกรรมเท่านั้นเอง
- คนพี่ก็ทำท่าแปลกใจ อ.คิริยะก็เล่าให้ฟังว่าสมัยก่อนตอนที่คนพี่ยังเป็นนักเรียนนั้น แฟนเก่าคนพี่ (ที่เป็นชู้กันคนนั้น) เคยมาปรึกษาอ.คิริยะเรื่องตัวเองหลงรักลูกศิษย์คนหนึ่งเข้า (ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน ก็คนพี่นั่นแหละ) ซึ่งตอนนั้นอ.แกก็เตือนๆ ไปว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กนักเรียนที่สอนอยู่นะ ถ้าเกิดรักกันขึ้นมาจริงๆ ผลจะเป็นยังไงก็น่าจะรู้นี่ แฟนเก่าคนพี่ก็เลยยอมตัดใจไม่สานสัมพันธ์กับคนพี่ในตอนนั้น (แต่ลงเอยก็มาเป็นชู้กันตอนเจอกันหลังเรียนจบอยู่ดี...)
- คนพี่ก็ได้แต่อึ้งเมื่อได้รู้ความจริงเรื่องแฟนเก่าตัวเอง และอดคิดไม่ได้ว่าถ้าตัวเองเอาเรื่องพระเอกไปปรึกษาอ.คิริยะแต่แรกแล้วอ.คิริยะคัดค้าน ตัวเองจะยอมตัดใจรึเปล่านะ
- คนพี่ "ไม่สิ...ต่อให้คัดค้าน ฉันก็คงห้ามความรู้สึกตัวเองไม่ได้อยู่ดี"
- หลังเลิกเรียนวันนั้น พระเอกก็แล่นพรวดไปที่อพาร์ทเมนท์ของคนพี่ทันที
- ทว่าสิ่งที่พระเอกได้พบ กลับเป็นอพาร์ทเมนท์ที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย...
- เห็นแบบนั้นพระเอกก็หมดแรงจะประคองตัว ทรุดลงกับพื้น พร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างปวดร้าวว่าทำไม
- ตอนนั้นเองที่พระเอกสังเกตเห็นอะไรบางอย่างอยู่บนพื้นห้อง จึงพรวดพราดเข้าไปคว้ามา
- และพบว่านั่นคือจดหมายที่คนพี่เขียนทิ้งไว้ให้เขานั่นเอง
แล้วคนพี่ก็ออกอัลติฯ จนได้สิน่า...
งานนี้ได้แต่วัดดวงจากเนื้อหาจดหมายแล้วแฮะว่าจะเป็นแค่ "ลาที" หรือ "ลาก่อน" ถึงโดยส่วนตัวจะเห็นว่าความเป็นไปได้ว่าจะเป็น "ลาก่อน" จะเยอะก็เถอะ เพราะถ้าแค่คิดจะลากันชั่วคราวแล้วค่อยมาพบกันใหม่ คนพี่ก็ควรจะปรึกษากับพระเอกคิดหาทางกันแต่ต้น ไม่ใช่คิดเองเออเองทำอะไรเองเสร็จสรรพคนเดียวแบบนี้
เห็นหน้าพระเอกภาพสุดท้ายแล้วไม่อยากคิดเลยว่าหลังจากนี้ไปมันจะเละแค่ไหนกว่าจะได้คนอื่นช่วยดึงๆ กลับมา
ที่เหลือก็รออ่านเนื้อหาจดหมายตอนหน้าโลดครับ