*ปล่อยนก ปล่อยปลา ปล่อยเต่า ทำบุญหรือทำบาปกันแน่*
คนเราสมัยนี้หลายคนทรมานสัตว์แล้วคิดว่าเป็นบุญ มาดูข้อเท็จจริงกัน 1 ชีวิตก็มีค่า ทุกชีวิตมีความสำคัญ เรามาร่วมกันเผยแพร่และช่วยทำความเข้าใจในการทำบุญที่เราไม่เข้าใจถึงผลที่ เราจะได้รับ เพราะบุญที่เรากำลังจะทำนั้นมันเป็นชีวิตของผู้อื่นที่จะได้รับความ ทุกขเวทนา เพื่อแลกกับความสุขใจของเราเอง
Top 5 ของสัตว์ที่นิยมปล่อย
อันดับ ที่ 1 ปลาไหล
อันดับ ที่ 2 หอยขม
อันดับ ที่ 3 นก
อันดับ ที่ 4 เต่า
อันดับ ที่ 5 ปลาหมอ
บางเสี้ยวส่วนของความจริงที่ รายการ 'จุดเปลี่ยน' พบและเป็นความจริง
-ปลาไหลขนาดเล็ก ตัวเป็นๆ นับพับๆกิโลกรัมต่อวัน ถูกเบียดอัดมาในกระสอบปุ๋ยเดินทางจากเขมรสู่ประเทศไทยหลายต่อหลายทอด โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีชีวิตไปจนถึงมือคนใจบุญ -
ปลาไหล ที่ปล่อยลงในน้ำลึกไหลเชี่ยว ไม่สามารถรอดชีวิตอยู่ได้ เพราะธรรมชาติของปลาไหลต้องอยู่ในน้ำแฉะมีดินโคลนให้มุดเพื่อหลบพัก
หอยขม ที่อยู่ในดินโคลนตามธรรมชาติ เมื่อถูกเทลงสู่ก้นแม่น้ำลึกอย่างแม่น้ำเจ้าพระยา หอยก็จมน้ำตายได้เหมือนกัน -
นกกระติ๊ด จะสูญพันธุ์ในไม่ช้า เพราะคนจับมาเบียดเสียดในกรงแคบ บางตัวแข้งขาหักตายคากรง ส่วนที่เหลือซึ่งบินจากไปก็บอบช้ำเกินกว่าจะรอดชีวิต และบ้างก็ไม่มีแหล่งหากินในเมือง
เต่า เป็
นสัตว์เลื้อยคลาน แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และเมื่อถูกปล่อยลงน้ำที่ไม่มีสิ่งใดให้ยึดเกาะเต่าก็จะต้องว่ายน้ำต่อไปจนกว่าจะขาดใจตาย เพราะเหนื่อยและหมดแรง - เต่าเป็นสัตว์ที่อายุยืนที่สุดในโลก แต่ถ้าเต่าถูกปล่อยในที่ที่แออัดน้ำเน่าเสียไม่มีที่เกาะ เต่าจะตายอย่างทรมานเพราะอาการเจ็บป่วยที่กระดองเน่าเปื่อย และจมน้ำตาย กลายเป็นสัตว์ที่น่าสงสารที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง
ทำไมการปล่อยสัตว์ในยุค สมัยนี้จึงมีโอกาสเป็นการทรมานสัตว์มากกว่าช่วยชีวิต
1.เพราะปล่อยไม่ถูกที่ถูกทาง ทั้งสภาพความเป็นอยู่และศัตรูธรรมชาติ ทำให้สัตว์ที่ปล่อยไปไม่มีโอกาสรอดชีวิต
2.เพราะส่งเสริม ให้มีการจับสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติอย่างปกติสุขมากักขังหน่วง เหนี่ยว ทรมาน
3.ในทุกขั้นตอนตั้งแต่การจับ กักขัง ขนส่ง และรอจำหน่าย มีสัตว์จำนวนมากต้อง ตายอย่างทรมานก่อนที่จะได้รับอิสรภาพ สิ่งมีชีวิต แม้จะเล็กเท่าผุ่นละออง แต่นั่น มันก็เท่ากับ 1 ชีวิต...
แนะนำวิธีการปล่อยสัตว์ที่ถูกต้องจากกรมประมง
1.ปลาช่อน/ปลาดุก...ควรปล่อยให้ลำคลอง หนอง บึง ที่มีน้ำไหลไม่แรงมาก มีกอหญ้าอยู่ริมตลิ่งบ้าง และน้ำควรเป็นน้ำสะอาด
2.เต่า...ควรเลือกปล่อยในสถานที่ที่มีตลิ่ง สามารถให้เต่าขึ้นมาผึ่งแดดได้ เนื่องจากเต่าต้องการให้ปลิงที่ติดอยู่ตามตัวนั้นหลุดออก น้ำที่ปล่อยนั้นก็ไม่ควรจะไหลเชี่ยวจนเกินไป
3.ปลาไหล...ควรปล่อยลงในแม่น้ำ ห้วยหนอง คลองบึง ท้องนา หรือร่องสวน บริเวณที่มีดินเฉอะแฉะ และกระแสน้ำไหลไม่แรงมาก เนื่องจากปลาไหลชอบขุดรูเพื่ออยู่อาศัย
4.กบ...สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ชอบอยู่ในที่ชื้นแฉะ ดังนั้น ไม่ควรปล่อยลงแม่น้ำ ควรหาที่นา หรือคลองที่เป็นธรรมชาติ มีกอหญ้าหรือไม้น้ำจะดีกว่า เพราะกบก็จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และยังเป็นที่อยู่ของแมลง ซึ่งเป็นอาหารของกบอีกด้วย
5.ปลาสวาย/ปลาบึก/ปลาตะเพียน...ควรปล่อยลงในแม่น้ำ คลองที่มีระดับน้ำลึกและกระแสน้ำไหลแรง เพราะปลาเหล่านี้เมื่อโตเต็มที่ เป็นปลาที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นจึงต้องใช้พื้นที่กว้างในการดำรงชีวิต
6.ให้คำนึงถึงคุณภาพของน้ำด้วย โดยก่อนปล่อยสัตว์น้ำ ควรสังเกตสีน้ำในแหล่งที่ปล่อยต้องมีสีไม่ดำ หรือเขียวเข้มจัด เพราะเป็นน้ำที่มีออกซิเจนต่ำ หากปล่อยลงไปจะทำให้สัตว์น้ำอยู่ไม่ได้
7.การปล่อยสัตว์น้ำต้องพิจารณาถึงคุณภาพของสัตว์น้ำที่ปล่อยด้วย ควรเป็นสัตว์น้ำที่มีสุขภาพดี สมบูรณ์ ไม่เป็นโรค ไม่มีแผลตามลำตัว หากปล่อยสัตว์น้ำที่เป็นโรคลงไปในแหล่งน้ำ จะเป็นการแพร่ขยายเชื้อโรคสู่ธรรมชาติ
8.เวลาปล่อยสัตว์น้ำควรเป็นเวลาเช้าหรือเย็นที่อากาศไม่ร้อนจัด เพราะหากปล่อยสัตว์น้ำในที่มีแสงแดดจัด อาจทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน
การปล่อยปลาหรือสัตว์น้ำเพื่อสร้างบุญกุศล และเสริมดวงชะตาตามความเชื่อนั้น ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องปล่อยที่วัดเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าเราปล่อยสัตว์น้ำบางชนิดที่ไม่สามารถอาศัยอยู่บริเวณหน้าวัด สุดท้ายมันก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ เราควรที่จะเลือกสถานที่ที่เมื่อเราปล่อยสัตว์น้ำเหล่านั้นไปแล้วจะสามารถดำรงชีวิตอยู่บริเวณสถานที่นั้นๆ ได้ ตามที่ได้แนะนำไว้ข้างต้น อธิบดีกรมประมงกล่าว
หากต้องการจะปล่อยจริง ไม่ควรซื้อสัตว์ที่ขายกันหน้าวัด ควรไปตลาดสด ซื้อปลา หรือกบ เป็นต้น ที่เค้ากำลังจะฆ่าเลย เพราะสัตว์เหล่านั้น เมื่อเราซื้อมาแล้ว เราได้ช่วยไม่ให่เค้าถูกฆ่าได้จริง แต่สำหรับที่ขายกันหน้าวัดนั้น ทำกันเป็นพาณิชย์อยู่แล้ว ไม่ควรอุดหนุนเด็ดขาด
โปรดส่งต่อ ระวัง "ปล่อยสัตว์ ได้บาป"
คนเราสมัยนี้หลายคนทรมานสัตว์แล้วคิดว่าเป็นบุญ มาดูข้อเท็จจริงกัน 1 ชีวิตก็มีค่า ทุกชีวิตมีความสำคัญ เรามาร่วมกันเผยแพร่และช่วยทำความเข้าใจในการทำบุญที่เราไม่เข้าใจถึงผลที่ เราจะได้รับ เพราะบุญที่เรากำลังจะทำนั้นมันเป็นชีวิตของผู้อื่นที่จะได้รับความ ทุกขเวทนา เพื่อแลกกับความสุขใจของเราเอง
Top 5 ของสัตว์ที่นิยมปล่อย
อันดับ ที่ 1 ปลาไหล
อันดับ ที่ 2 หอยขม
อันดับ ที่ 3 นก
อันดับ ที่ 4 เต่า
อันดับ ที่ 5 ปลาหมอ
บางเสี้ยวส่วนของความจริงที่ รายการ 'จุดเปลี่ยน' พบและเป็นความจริง
-ปลาไหลขนาดเล็ก ตัวเป็นๆ นับพับๆกิโลกรัมต่อวัน ถูกเบียดอัดมาในกระสอบปุ๋ยเดินทางจากเขมรสู่ประเทศไทยหลายต่อหลายทอด โดยมีเงื่อนไขว่าจะต้องมีชีวิตไปจนถึงมือคนใจบุญ -
ปลาไหล ที่ปล่อยลงในน้ำลึกไหลเชี่ยว ไม่สามารถรอดชีวิตอยู่ได้ เพราะธรรมชาติของปลาไหลต้องอยู่ในน้ำแฉะมีดินโคลนให้มุดเพื่อหลบพัก
หอยขม ที่อยู่ในดินโคลนตามธรรมชาติ เมื่อถูกเทลงสู่ก้นแม่น้ำลึกอย่างแม่น้ำเจ้าพระยา หอยก็จมน้ำตายได้เหมือนกัน -
นกกระติ๊ด จะสูญพันธุ์ในไม่ช้า เพราะคนจับมาเบียดเสียดในกรงแคบ บางตัวแข้งขาหักตายคากรง ส่วนที่เหลือซึ่งบินจากไปก็บอบช้ำเกินกว่าจะรอดชีวิต และบ้างก็ไม่มีแหล่งหากินในเมือง
เต่า เป็นสัตว์เลื้อยคลาน แต่คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และเมื่อถูกปล่อยลงน้ำที่ไม่มีสิ่งใดให้ยึดเกาะเต่าก็จะต้องว่ายน้ำต่อไปจนกว่าจะขาดใจตาย เพราะเหนื่อยและหมดแรง - เต่าเป็นสัตว์ที่อายุยืนที่สุดในโลก แต่ถ้าเต่าถูกปล่อยในที่ที่แออัดน้ำเน่าเสียไม่มีที่เกาะ เต่าจะตายอย่างทรมานเพราะอาการเจ็บป่วยที่กระดองเน่าเปื่อย และจมน้ำตาย กลายเป็นสัตว์ที่น่าสงสารที่สุดในโลกชนิดหนึ่ง
ทำไมการปล่อยสัตว์ในยุค สมัยนี้จึงมีโอกาสเป็นการทรมานสัตว์มากกว่าช่วยชีวิต
1.เพราะปล่อยไม่ถูกที่ถูกทาง ทั้งสภาพความเป็นอยู่และศัตรูธรรมชาติ ทำให้สัตว์ที่ปล่อยไปไม่มีโอกาสรอดชีวิต
2.เพราะส่งเสริม ให้มีการจับสัตว์ที่อยู่ในธรรมชาติอย่างปกติสุขมากักขังหน่วง เหนี่ยว ทรมาน
3.ในทุกขั้นตอนตั้งแต่การจับ กักขัง ขนส่ง และรอจำหน่าย มีสัตว์จำนวนมากต้อง ตายอย่างทรมานก่อนที่จะได้รับอิสรภาพ สิ่งมีชีวิต แม้จะเล็กเท่าผุ่นละออง แต่นั่น มันก็เท่ากับ 1 ชีวิต...
แนะนำวิธีการปล่อยสัตว์ที่ถูกต้องจากกรมประมง
1.ปลาช่อน/ปลาดุก...ควรปล่อยให้ลำคลอง หนอง บึง ที่มีน้ำไหลไม่แรงมาก มีกอหญ้าอยู่ริมตลิ่งบ้าง และน้ำควรเป็นน้ำสะอาด
2.เต่า...ควรเลือกปล่อยในสถานที่ที่มีตลิ่ง สามารถให้เต่าขึ้นมาผึ่งแดดได้ เนื่องจากเต่าต้องการให้ปลิงที่ติดอยู่ตามตัวนั้นหลุดออก น้ำที่ปล่อยนั้นก็ไม่ควรจะไหลเชี่ยวจนเกินไป
3.ปลาไหล...ควรปล่อยลงในแม่น้ำ ห้วยหนอง คลองบึง ท้องนา หรือร่องสวน บริเวณที่มีดินเฉอะแฉะ และกระแสน้ำไหลไม่แรงมาก เนื่องจากปลาไหลชอบขุดรูเพื่ออยู่อาศัย
4.กบ...สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ ชอบอยู่ในที่ชื้นแฉะ ดังนั้น ไม่ควรปล่อยลงแม่น้ำ ควรหาที่นา หรือคลองที่เป็นธรรมชาติ มีกอหญ้าหรือไม้น้ำจะดีกว่า เพราะกบก็จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย และยังเป็นที่อยู่ของแมลง ซึ่งเป็นอาหารของกบอีกด้วย
5.ปลาสวาย/ปลาบึก/ปลาตะเพียน...ควรปล่อยลงในแม่น้ำ คลองที่มีระดับน้ำลึกและกระแสน้ำไหลแรง เพราะปลาเหล่านี้เมื่อโตเต็มที่ เป็นปลาที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นจึงต้องใช้พื้นที่กว้างในการดำรงชีวิต
6.ให้คำนึงถึงคุณภาพของน้ำด้วย โดยก่อนปล่อยสัตว์น้ำ ควรสังเกตสีน้ำในแหล่งที่ปล่อยต้องมีสีไม่ดำ หรือเขียวเข้มจัด เพราะเป็นน้ำที่มีออกซิเจนต่ำ หากปล่อยลงไปจะทำให้สัตว์น้ำอยู่ไม่ได้
7.การปล่อยสัตว์น้ำต้องพิจารณาถึงคุณภาพของสัตว์น้ำที่ปล่อยด้วย ควรเป็นสัตว์น้ำที่มีสุขภาพดี สมบูรณ์ ไม่เป็นโรค ไม่มีแผลตามลำตัว หากปล่อยสัตว์น้ำที่เป็นโรคลงไปในแหล่งน้ำ จะเป็นการแพร่ขยายเชื้อโรคสู่ธรรมชาติ
8.เวลาปล่อยสัตว์น้ำควรเป็นเวลาเช้าหรือเย็นที่อากาศไม่ร้อนจัด เพราะหากปล่อยสัตว์น้ำในที่มีแสงแดดจัด อาจทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน
การปล่อยปลาหรือสัตว์น้ำเพื่อสร้างบุญกุศล และเสริมดวงชะตาตามความเชื่อนั้น ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องปล่อยที่วัดเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าเราปล่อยสัตว์น้ำบางชนิดที่ไม่สามารถอาศัยอยู่บริเวณหน้าวัด สุดท้ายมันก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่รอดได้ เราควรที่จะเลือกสถานที่ที่เมื่อเราปล่อยสัตว์น้ำเหล่านั้นไปแล้วจะสามารถดำรงชีวิตอยู่บริเวณสถานที่นั้นๆ ได้ ตามที่ได้แนะนำไว้ข้างต้น อธิบดีกรมประมงกล่าว
หากต้องการจะปล่อยจริง ไม่ควรซื้อสัตว์ที่ขายกันหน้าวัด ควรไปตลาดสด ซื้อปลา หรือกบ เป็นต้น ที่เค้ากำลังจะฆ่าเลย เพราะสัตว์เหล่านั้น เมื่อเราซื้อมาแล้ว เราได้ช่วยไม่ให่เค้าถูกฆ่าได้จริง แต่สำหรับที่ขายกันหน้าวัดนั้น ทำกันเป็นพาณิชย์อยู่แล้ว ไม่ควรอุดหนุนเด็ดขาด