รีวิว AMY (Documentary 2015) เอมี่ ไวน์เฮ้าส์ กับตัวตนของเธอที่คุณอาจไม่เคยรู้จัก

รีวิวหนังสารคดี AMY ของผู้กำกับ Asif Kapadia สารคดีชีวิตที่เล่าเรื่องด้วยการบอกเล่าผ่านโดยครอบครัว คนสนิท และเพื่อนศิลปินร่วมวงการของของนักร้องสาวเสียงโซลผู้มากความสามารถที่จากโลกไปด้วยอายุเพียง 27 ปี กับสองอัลบั้มคุณภาพที่สร้างตำนานไว้ให้กับเธอและโลกแห่งดนตรี



ไปดูมาเรียบร้อยแล้วค่ะ 2 รอบ รีวิวของเราอาจจะยาวหน่อยนะคะ (มีสปอยนะจ๊ะ)
นอกเหนือจากความรู้สึกที่อยู่ในใจเราส่วนมากจะเขียนเพิ่มเติมในส่วนของงานเพลง, บทสัมภาษณ์,เหตุการณ์ต่างๆ, สิ่งสำคัญๆที่เกิดขึ้นกับเอมี่ ไวน์เฮ้าส์ เพื่อให้คนที่ดูไปแล้วหรือยังไม่ได้ดู ได้ทราบรายละเอียดย่อยหลายๆอย่างในชีวิตของเอมี่มากขึ้น ได้รู้จักเธอมากขึ้น อยากให้หลายๆท่านได้ทราบถึงความจริงบางอย่างทั้งเรื่องส่วนตัวและผลงานของสาวเสียงโซลมากพรสวรรค์คนนี้


ในฐานะที่เป็นแฟนคลับเอมี่ ไวน์เฮาส์  ต้องบอกว่าคุ้มค่ามากกับราคาตั๋วที่จ่ายไป ยิ่งดูก็ยิ่งรัก ยิ่งคิดถึงเธอคนนี้มากกว่าเดิม




AMY Winehouse ศิลปินหญิงจากเกาะอังกฤษ กับแนวเพลงแจ๊ส-โซล เจ้าของรางวัลแกรมมี่ 6 สาขา

  ด้วยเพียงแค่ 2 อัลบั้มเท่านั้น ในสารคดีที่ตีแผ่เล่าถึงเรื่องราวที่ไม่เคยถูกเปิดเผยอย่างจริงจังที่ไหนมาก่อน  เชื่อว่าแค่เพียงทีเซอร์ของ AMY ก็ทำให้ทุกสายตาที่จับจ้องดูทุกอิริยาบถของเธอในคลิปตัวอย่างจนเกิดความสงสัยแน่นอนในเบื้องหลังความเป็นมาเป็นไปของศิลปินสาวมากความสามารถและเจ้าปัญหาคนนี้ ว่าผู้หญิงที่ไว้ผมทรงรังผึ้ง กรีดอายไลนเนอร์ลากยาวหนาเตอะ พร้อมลายสักเต็มแขนทั้งสองข้างคนนี้คือใครกัน?  วลีที่ร้องว่า “ Black ” จากบทเพลงอันแสดปวดร้าวประจำตัวของเธอ Back to Black ก้องกังวานเป็นช่วงๆในคลิปตัวอย่าง ต่อให้ไม่มีใครรู้จักเธอหากได้ดูตัวอย่างคงต้องมีขนลุกกันบ้างแน่ๆ เอมี่บอกว่าเธอไม่คิดว่าเธอจะรับมือกับการมีชื่อเสียงโด่งดังได้เลย เธอบอกว่าจะต้องเสียสติเป็นบ้าไปแน่ๆ เธอแค่อยากร้องเพลงและให้คนจดจำเธอในเรื่องของงานเพลงที่เธอทำออกมามากกว่า แรกเริ่มเดิมทีจากสาวน้อยที่ชอบร้องเพลงและฟังดนตรีแจ๊สเป็นชีวิตจิตใจ เริ่มจากเธอได้ไปร้องเพลงที่งานแสดงเพลงแจ๊สแห่งหนึ่ง  สู่วันที่เธอได้กลายเป็นนักร้องมากความสามารถชื่อดังระดับโลก ผ่านช่วงเวลาอันแสนปวดร้าวกับความรักที่บาดใจและทำร้ายเธอไปพร้อมๆกับยาเสพติด พ่อที่หย่ากับแม่ของเธอผู้ซึ่งสร้างความร้าวฉานลึกลงไปในชีวิตตั้งแต่เริ่มต้น และการรังควาญจากสื่อกับปาปารัซซี่ที่พยายามจะรุมขย้ำเธอด้วยแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปนับสิบๆตัวในระยะเผาขนแทบไม่เว้นแต่ละวันที่ดีว่าเสียงดีคนนี้เปิดประตูก้าวเท้าออกจากประตูอพาร์ทเม้นของเธอ

รวมถึงคนรอบข้างที่คอยจะฉกฉวยผลประโยชน์บางอย่างให้ได้มากที่สุด ไปจนถึงวันสุดท้ายที่เธอหมดลมหายใจจากไปแบบกะทันหันที่บ้านใน London และถูกเรียกว่าเป็นสมาชิก 27 club เรื่องราวเหล่านี้ถูกเล่าผ่านบรรดาคนสนิททั้งหลายของเอมี่ ไวน์เฮาส์ ทั้ง โปรดิวเซอร์ คนสนิท เพื่อนสนิทสมัยก่อน นักดนตรี และนักร้องชื่อดังที่เคยได้พบเจอกับเอมี่




ตัวหนังเริ่มต้นด้วยการนำเอาคลิปวิดีโอที่เป็นงานปาร์ตี้วันเกิดของคนรู้จักของเอมี่ที่ Southgate ใน North London มาเป็นตัวเริ่มต้นในหนังสารคดีเรื่องนี้ ทุกคนในบ้านอมลูกอมโลลี่ป๊อบดูยิ้มแย้มสนุกสนานอยู่หน้ากล้อง มีการร้องเพลง Happy Birthday ให้เจ้าของวันเกิดแต่แล้วเมื่อเอมี่เริ่มร้องเพลงไปพร้อมๆกับคนอื่นๆ เจ้าของวันเกิดที่ถือกล้องก็ได้แพนกล้องไปที่เอมี่ ผู้ซึ่งกำลังโชว์สเต็ปลูกคอร้องเพลง Happy Birthday ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ


   เอมี่ในวัยที่อยู่กับครอบครัว Winehouse ที่มีแม่ชื่อ Janis และพ่อชื่อ Mitch (อันที่จริงเธอมีพี่ชาย ชื่อ Alex ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสั่งสมประสบการณ์เพลงแจ๊สและการเล่นกีต้าร์ของเอมี่เป็นอย่างมาก) แต่ไม่ทันไรพ่อกับแม่เธอก็อย่ากันด้วยเหตุผลคือพ่อไปมีชู้กับผู้หญิงคนอื่น เรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวนั้นเอมี่จะไม่สนิทกับทั้งพ่อและมากเท่าไหร่แต่จะสนิทกับย่าของเธอมากกว่า (  Cynthia Winehouse ซึ่งก็เป็นนักร้องเหมือนกัน รอยสักลาย pin-up girl บนแขนด้านขวาของเอมี่นี่แหละคือคุณย่าซินเธีย ผู้ซึ่งเอมี่มีความสนิทสนมและนับถือมาก ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้กับเอมี่มากที่สุดคนหนึ่ง เอมี่กล่าวว่าเธอได้ความแข็งแกร่งมาจากย่าของเธอ)  ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงแม้เหมือนเอมี่จะอยู่ได้สบายเพราะเธอทำใจในการอย่าร้างของพ่อแม่ได้อย่างรวดเร็วนั้นก็ก่อให้เกิดโรคซึมเศร้ากับตัวเธอลึกๆเช่นกัน ในหนัง Mitch ผู้เป็นพ่อกล่าวว่าดูเหมือนเอมี่จะทำใจได้ค่อนข้างจะรวดเร็ว ถ้าได้ดูหนังสารคดีนี้จนจบจะรู้ว่าความสัมพันธ์พ่อลูกคู่นี้ไม่ดีเลยค่ะ ตั้งแต่ครึ่งช่วงชีวิตแรกของเอมี่ Mitch ไม่เคยสนใจจะเลี้ยงดูเธออย่างจริงๆจังๆ (เรากล้าบอกได้เลยว่าพ่อของเธอนั้นละเลยเอมี่ราวกับว่าเหมือนไม่ได้เป็นพ่อลูกกันเลย ขนาดที่ว่าภายหลัง Mitch รู้ว่าเอมี่จะต้องไปบำบัดเขากลับบอกว่าเอมี่ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ไม่อยากจะเชื่อว่าแกจะละเลยไม่สนใจลูกแท้ๆที่กำลังป่วยทั้งทางกายกับทางใจได้อย่างไม่มีเยื่อใยอะไรขนาดนั้น!

** อันที่จริง เอมี่ ไวน์เฮ้าส์ เมื่อตอนอายุ 10 ขวบ เธอได้ตั้งวงเพลงแร็ปชื่อ (Sweet 'n' Sour) ด้วยนะ**

มีช่วงหนึ่งที่เอมี่เป็นวัยรุ่นด้วยเหตุที่พ่อแม่ของเธอเลิกกัน เธอบอกว่าเธอสามารถทำอะไรก็ได้ ดูดปุ๊นก็ได้ แต่งตัวยังไงก็ได้ เจาะตามตัวก็ได้ แม้กระทั่งพาผู้ชายมานอน! และหลังจากนี้เองเรื่องราวเส้นทางดนตรีแจ๊สของเธอกำลังจะเกิดขึ้น เอมี่เป็นสาวจอมปาร์ตี้ กินเหล้า ดูดปุ๊น ชอบเที่ยวผับ เที่ยวบาร์ เล่น pool ได้ทั้งวี่ทั้งวัน (ครั้งหนึ่งในการเที่ยวผับนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการพบเจออดีตสามีของเธอ Blake Fielder-Civil นั่นเองค่ะ)

_______________________________________________________________________________________________



เส้นทางสู่วงการเพลงแจ๊ส และอัลบั้มแรก “Frank” Released เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม ปี 2003




   เอมี่ ไวน์เฮ้าส์ เริ่มต้นฟังเพลงแจ๊สตั้งแต่อายุประมาณ 14 มีช่วงหนึ่งที่เธอได้ไปแสดงในงานเพลงแจ๊สที่มีชื่อว่า National Youth Jazz Orchestra เมื่อครั้งที่เอมี่ไปร้องเพลงเพื่ออดิชั่นกับทางค่ายเพลง ไปๆมาๆก็ได้อัดเพลงกับค่าย EMI และได้ทำงานเพลงกับหนึ่งในโปรดิวเซอร์คู่บุญผู้มากฝีมือในการแต่งเพลงของเธอ Salaam Remi (หลายๆคนอาจจะไม่เคยฟังผลงานเก่าของเอมี่อย่างซิงเกิ้ลเพลงในอัลบั้ม Frank แต่ส่วนมากจะเป็น Back to Black เลยมากกว่า แต่อยากจะบอกว่าอัลบั้ม Frank ก็เป็นหนึ่งในอัลบั้มงานเพลงแจ๊สที่ดีที่สุดเลยค่ะ เป็นแนวแจ๊ส R&B เบาๆ มี Hiphop กับ Soul ปนมาหน่อยๆ สารภาพว่าฟังมาทั้งหมด 3 อัลบั้มวนไปวนมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราชอบ Frank มากที่สุด เปิดฟังบ่อยที่สุดฟังแทบทุกวันไม่เคยเบื่อเลย คือมันเพลินมากทุกเพลงในอัลบั้มนี้ บางทีฟังจบไปรอบนึงแล้วยังเปิดฟังซ้ำต่ออีกรอบ ถึงแม้ Back to Black จะเป็น Masterpiece ของเอมี่ ไวน์เฮ้าส์ก็ตาม ใครยังไม่เคยฟังแนะนำให้หามาฟังค่ะ ไม่ผิดหวัง เพราะต่อให้คุณไม่เคยชอบเพลงแจ๊สมาก่อนแต่รับรองว่า Frank จะเป็นอัลบั้มเพลงแจ๊สที่คุณต้องถูกใจแน่ๆ

เรียกว่า90%ของอัลบั้มสามารถตัดเป็นซิงเกิ้ลได้เลย) ด้วยเสียงร้องที่ไม่เหมือนใครในวัย 20 เท่านั้น ต้องบอกว่าเสียงเธอนั้นมีลูกเล่น มีชั้นเชิง ร้องลูกเอื้อนได้ดีมาก ค่อนข้างทรงพลังในระดับนึงแต่ถึงจะไม่เท่า คริสติน่า บียอนเซ่ หรือมารายแครี่ย์ อะไรแบบนั้นแต่เอมี่มีเทคนิคการร้องที่ยอดเยี่ยม มีเสน่ห์ ไม่เหมือนใครในแบบสาวเสียงแจ๊สสมัยใหม่ ทำให้ไม่มีจุดด้อยในการร้องเพลงตรงไหนมาเป็นข้อผิดพลาดของเธอเลย

ขณะที่หนังเล่าเรื่องราวชีวิตของเอมี่ช่วงอัลบั้ม Frank ก็มีเพลงที่เป็นทั้ง Single ต่างๆในอัลบั้มและเป็นเดโม่ออกมาให้เราได้ชมกัน มีการขึ้นเนื้อเพลงทีละบรรทัด พร้อมๆกับภาพเหตุการณ์ต่างๆของเอมี่ขณะแต่งเพลงหรือช่วงที่เล่าประสบการณ์ที่มาที่ไปของเพลงนั้นๆ เอมี่แต่งเพลงเองและไม่คิดที่จะใช้เสียงดนตรีปลอมๆมาใส่เพลงของเธอเลย เธอบอกว่าในการทำเพลงของเธอนั้นไม่มีเสียงฮอร์นเก๊ น้ำเสียงที่เอมี่ร้องเอาไว้ใน Frank นั้นเพราะจับใจ ฟังแล้วชิล เสียงฮัมเพลงระหว่างช่วงที่ไม่ได้มีคำร้องที่เป็นเนื้อเพลงเธอก็ทำออกมาได้เพลินสุดๆ แต่ก็มีอารมณ์ประชดประชันหยาบๆขำๆอยู่บ้างในบางเพลง ซึ่งฟังแล้วอดขำไม่ได้ บางคนบอกว่าเธอร้องเพลงได้คล้ายๆกับ Billie Holidays นักร้องเพลงแจ๊ซสาวผิวสี มีน้ำเสียงการร้องที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ด้วยน้ำเสียงแหบหยาบ หม่นเศร้า (ส่วนตัวเราว่าชีวิตเธอทั้งสองคนยังเหมือนๆกันด้วยนะ!)

ในช่วงหนึ่งของหนัง จะมีตอนที่เอมี่ไปออกรายการเพื่อร้องเพลง I heard love is blind จากอัลบั้ม Frank ในรายการของ Jonathan Ross บทสัมภาษณ์นี้แสดงให้เห็นว่าเอมี่มีจุดยืนที่ชัดเจนเป็นของตัวเอง เธอ outspoken เธอไม่ดัดจริต เธอมีความเป็นศิลปินในแบบตัวเองสูง เป็นช่วงที่เอมี่อายุประมาณ 20ปี สมัยที่เธอยังไม่มีรอยสักเต็มสองแขน ยังไม่ได้ไว้ผมทรงรังผึ้ง ยังไม่ผอมเพรียวบางร่างเล็ก แต่เป็นเอมี่ที่ดูร่าเริงตลกขบขัน พูดตรงไม่อ้อมค้อม พูดจาฉะฉานในการตอบคำถาม เธอเล่าถึงความเป็นตัวตนออกมาได้อย่างชัดเจนในฐานะการที่ได้มาทำงานเป็นศิลปินเพลงแจ๊สคนหนึ่งที่ไม่ตามกระแสใคร แต่สามารถที่จะโดดเด่นฉายแววได้ด้วยแนวดนตรีของเธอเองกับอัลบั้ม Frank พิธีกรบอกกับเธอว่าเขาชอบเอมี่ เพราะเธอดูเป็นคนปกติ ดูเป็นคนตรงๆ  ไม่พูดจาเหมือนคนถูกเข้าคอร์สอบรมเรื่องการฝึกพูดหรือตอบคำถามต่อสื่อมาโดยตรงอะไรพรรคนั้น เอมี่บอกว่าพวกเขาแนะนำบทเรียนเกี่ยวกับวิธีการฝึกพูดให้เธอ (แต่มันก็ไม่ได้มีผลอะไรเลยเพราะเธอฟังหูซ้าย ทะลุหูขวา!) ได้ยินแล้วทำให้นึกถึงเพลง Rehab เลยทีเดียวกับท่อนที่ว่า I didn't get a lot in class เธอไม่ได้เข้าใจอะไรสักเท่าไหร่ในชั้นเรียน แต่สามารถทำอะไรในสิ่งที่เธออยากจะให้มันเป็นได้ไม่ยากเกินความสามารถของเธอเลย ในหนังมีช่วงหนึ่งที่เอมีได้พบกับชายคนหนึ่งเพื่อแลกเปลี่ยนความสนใจเรื่องเพลงแจ๊ส ชายคนนั้นกลับบอกว่าขนาดเขาเป็นคนที่ฟังเพลงแจ๊สมาเยอะ รู้เกี่ยวกับดนตรีแจ๊สเยอะแต่เมื่อเจอเอมี่ก็ต้องยอมรับว่าเธอดูจะรู้เยอะกว่าเขา แถมยังสอนเขาเสียอีก เอมี่ดูมีความสุขทุกครั้งที่ได้ถูกสัมภาษณ์เกี่ยวกับความชอบหรือแรงบันดาลใจส่วนตัวในเรืองดนตรีมากกว่าจะถามเรื่องอื่นๆ

Single จากอัลบั้ม FRANK คือ
Stronger Than Me, Take the Box In My Bed, You Sent Me Flying,  Me Pumps, Help Yourself





(เชื่อว่าหลายๆคนอาจจะยังไม่เคยเห็นเอมี่ สมัยอัลบั้ม Frank แน่ๆ สมัยยังไม่ได้สักแบบจัดหนัก ไม่ทำผมทรง beehive ยังอวบๆ ไม่กรีดอายไลนเนอร์ลากยาวหนาเตอะ สวยคลาสสิคไปอีกแบบ )

_______________________________________________________________________________________________

เดี๋ยวอีกสักครู่จะมาโพสต่อนะคะ เพี้ยนเพลีย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่