ปรัชญาจากหมา

กระทู้สนทนา
เมื่อปีก่อน ผมได้รับลูกหมาพันธุ์บางแก้ว มาสองตัว ตั้งชื่อว่า หมูหยอง กับ กุนเชียง  สิ่งหนึ่งที่ผมกังวลใจเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ ผมไม่สามารถจะเอามันมาเลี้ยงในกรุงเทพได้ เพราะสถานที่ที่พักไม่เอื้ออำนวย ผมจึงใช้ชีวิตเพียงแค่ 2 วันอยู่กับมัน ให้นม อาบน้ำ ทาแป้งให้ "กว่าข้าจะกลับมาหาพวกแก พวกแกคงลืมข้าไปแล้ว" ผมบ่นให้มันฟัง ก่อนผมจะเข้ากรุงเทพ ผมก็เอามันทั้งสองตัวมารอรถบัสด้วย

วันนี้ผมได้กลับมาบ้าน ไม่น่าเชื่อว่า เกือบปีกว่า ๆ หมามันยังจำผมได้ เมื่อมันเห็นผม มันวิ่งมาแต่ไกล อีกตัวหนึ่งกระโดดเข้าหาแต่ไกล ส่วนอีกตัวหนึ่งวิ่งมาแสดงอาการดีใจเป็นอย่างมาก เลียหน้า ผมดีใจมากๆ ที่ไม่คิดว่า แค่สองวัน จะมีค่าให้หมาสองตัวได้จดจำถึงวันนี้

คำถามที่เกิดขึ้นมาในใจ เลี้ยงมันแค่ 2 วัน ผมได้เป็นนายของพวกมันตลอดชีวิต
ขณะผมกำลังพิมพ์อยู่ เจ้าสองตัวนี้ ก็มานอนเฝ้า ประกบซ้ายขวา เวลาผมไปไหน เจ้าสองตัว จะวิ่งตาม เหมือนเป็นอารักขา มันคงไม่รู้หรอกว่า การกระทำของมัน มนุษย์เรียกว่า ความกตัญญู และความซื่อสัตย์ คุณธรรมสองอย่างนี้ นับว่าเป็นสิ่งที่นับวัน ช่างหาได้ยากยิ่งในสังคมเมือง

ในหลักคำสอนทางพระพุทธศาสนา หมาก็คืออดีตคน ที่เขาได้เกิดมาเป็นหมา (ศึกษาเรื่องนายโกตุหลิกะเพิ่มเติม) ในวัฎฎะสงสารแห่งการเวียนว่ายตายเกิด ไม่มีจบไม่มีสิ้น คนที่เรารู้จักอาจไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ได้  (ศึกษาเรื่องบุพพกรรมของภรรยานายเรือถูกถ่วงน้ำ เพราะในอดีตเคยเอาสุนัขถ่วงน้ำ และสุนัขตัวนี้เคยเป็นอดีตสามีของนาง) เพราะเราไม่มีญาณเป็นเครื่องกำหนดรู้ เขาจึงไม่อาจรับรู้ได้

แม้แต่การกระทำของหมา ยังมีนัยยะ "แห่งปรัชญา" สอนคนได้ คนบางคน ตอนไม่มี พูดดีด้วย เพราะต้องการความช่วยเหลือ พอได้รับการช่วยเหลือ บางครั้งเดินผ่านยังไม่ทัก จึงไม่ค่อยแปลกใจทำไมพระพุทธเจ้าเคยปลีกวิเวกหนีความวุ่นวายจากคน ไปปลีกวิเวกกับลิงกับช้างในป่า (ที่มาของปางป่าเลไลย์)

ผมก็หนีความวุ่นวายจากเมืองใหญ่ มาใช้ชีวิตกับหมา แบบเงียบๆ สงบๆ ในบ้านนอก สักวันสองวัน ก่อนจะไปพบกับโลกความเป็นจริง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่