เรื่องที่ 1. หญิงปริศนา
ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก อายุประมาณ 5 - 6 ขวบ ในสมัยนั้น ครอบครัวของผมนั้นยังไม่มีบ้านของตนเอง พ่อกับแม่ของผมจึงต้องได้ไปพักยังบ้านพักของข้าราชการครู ของโรงเรียนซึ่งแม่ของผมทำงานอยู่ ต้องขอบอกก่อนว่า ในสมัยนั้นหมู่บ้านและโรงเรียนที่แม่ของผมทำงานอยู่นั้นยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนปัจจุบัน อาคารเรียนแต่ละหลังในสมัยนั้นยังเป็นไม้เก่า ๆ ทุกหลัง
มีเย็นวันหนึ่ง พ่อกับแม่ของผมจะต้องเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของใครคนหนึ่ง ซึ่งลุงกับป้าแท้ ๆ ของผมก็ต้องไปร่วมงานด้วยเช่นกัน เนื่องจากท่านทำงานและพักที่บ้านพักครูไกล้ ๆ กัน ผม น้องสาว และลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งเป็นลูกของลุกกับป้า รวมจำนวน 5 คน จึงมานอนรวมกันที่บ้านพักครูของผม ในระหว่างที่เราทั้งห้าคนกำลังดูทีวีอยู่นั้น น้องสาวและลูกพี่ลูกน้องของผมอีกสองคนหลับไป เหลือเพียงแค่ผม และ พี่สาว ผมเองก็กำลังจะหลับ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะพลิกตัวเนื่องจากตอนนั้นผมนอนตะแคงหันข้างให้ทีวี เมื่อผมพลิกตัวไปตัวของผมก็ไปถูกตัวของใครบางคน ซึ่งนั่งหันหลังให้ผมอยู่ ซึ่งคนที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่นั้น เป็นหญิงวัยประมาณกลางคน สวมเสื้อค้อกระเช้า นุ่งผ้าซิ่นสีเหลือง แต่ผุู้หญิงคนนั้นกลับไม่มีเงาครับ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นไฟเปิดสว่าง ทีวีก็เปิด ด้วยความที่ผมเป็นเด็ก จึงรุู้สึกตกใจมาก ผมจึงหยิบผ้ามาคลุมโปงทันที
หลายปีต่อมา จนผมเรียนระดับมหาวิทยาลัย ผมจึงมีโอกาสเล่าให้พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของผมฟัง เมื่อพี่สาวของผมได้ฟังเธอก็รุู้สึกตกใจมาก เพราะเธอนั้นก็เห็นเหมือนกัน โดยที่พี่สาวของผมนั้นเห็นด้านหน้า ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นไปปิดทีวี เธอเห็นว่าหญิงคนนั้น ไม่มีลูกตา คือตาโบ๋เลย นั่งอยุ่ระหว่างผมกับเธอ ซึ่งพวกเราสองคนนั้นนอนตะแคงไปคนละด้าน เรื่องก็มีแค่นี้ครับ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่
เรื่องที่ 2 หญิงปริศนา 2
เมื่อผม อายุประมาณ ป.1 ครอบครัวของผมก็ได้มีบ้านของตนเอง ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน แค่ออกไปอยู่นอกรั้วของโรงเรียนเท่านั้น ในเย็นวันนั้นพวกผมห้าคนก็เล่นกันที่ชั้นล่างของบ้าน แล้วพอเล่นไปเล่นมา ลูกพี่ลูกน้องของผมคนหนึ่งเกิดหิวนำ้ ผมจึงบอกว่านำ้อยู่ในตุ้เย็นบนบ้าน เขาจึงเดินขึ้นบันได้ไปคนเดียว ระหว่างที่เขากำลังจะเอื้อมมือไปเปิดตู้เย็นอยู่นั้น เขาก็มองไปยังระเบียงหน้าบ้าน เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนที่ระเบียงหน้าบ้าน เขาจึงรีบวิ่งลงมาจากบนบ้านทันที ผมถามว่าทำไมเขาจึงวิ่ง เขาตอบว่า ผู้หญิงคนนั้น ยืนขนานไปกับราวระเบียง แต่ไม่ได้เหยียบระเบียง เหมือนลอยกลางอากาศ แต่ไม่ได้หันมามองเขา ผมจึงถามลักษณะ เขาก็บอกลักษณะมา ซึ่งก็ตรงกับคนที่ผมเจอที่บ้านพักครู เรื่องก็จบไปแค่นี้ ไม่น่ากลัวอีกตามเคย
เรื่องที่ 3 เก้าอี้เลื่อนเอง
ในสมัยที่ผมทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งวันแรกที่ผมเข้าไปทำงานก็พบว่าห้องทำงานของผมนั้นเคยเป็นห้องเก็บศพเก่ามาก่อน แต่ผมก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไร อยุู่มาวันหนึ่ง หลังจากที่ผมปิดห้องทำงาน แล้วก็เดินทางกลับบ้าน เช้าวันต่อมาพี่พนักงานคนหนึ่งก็เดินมาคุยกับผมว่าหลังจากที่ผมเดินทางกลับบ้านไปแล้ว เขาเดินผ่านห้องผมและได้เห็นเก้าอี้ห้องทำงานผม มันเลื่อนเองได้ ผมก็รู้สึกแปลกใจครับ แต่ก็ไม่รู้สึกกลัว เรื่องก็จบแค่นี้
เรื่องที่ 4 เสียงปริศนา
ในสมัยที่ผมมาทำงานในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ในวันนั้นเลิกประชุมดึก คือเกือบสามทุ่ม ผมจึงเป็นคนปิดไฟปิดพัดลมปิดหน้าต่าง และปิดประตู สุดท้าย ผมเดินมาปิดประตูเลื่อน ในตอนนั้นผมพูดไปเล่น ๆ ว่า จะกลับแล้วนะ แล้วก็มีเสียงเด็กตอบกลับมาทันทีเลยครับว่า "จะกลับแล้วเหรอ" เสียงมาจากห้างหูผม ซึ่งในเวลานั้นไม่มีเด็กตกค้างในโรงเรียนแน่ ๆ ผมจึงรีบล็อกประตูเลื่อนและขับรถกลับบ้านทันที
รวมเรื่องผีที่ผมเจอ
ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก อายุประมาณ 5 - 6 ขวบ ในสมัยนั้น ครอบครัวของผมนั้นยังไม่มีบ้านของตนเอง พ่อกับแม่ของผมจึงต้องได้ไปพักยังบ้านพักของข้าราชการครู ของโรงเรียนซึ่งแม่ของผมทำงานอยู่ ต้องขอบอกก่อนว่า ในสมัยนั้นหมู่บ้านและโรงเรียนที่แม่ของผมทำงานอยู่นั้นยังไม่เจริญก้าวหน้าเหมือนปัจจุบัน อาคารเรียนแต่ละหลังในสมัยนั้นยังเป็นไม้เก่า ๆ ทุกหลัง
มีเย็นวันหนึ่ง พ่อกับแม่ของผมจะต้องเดินทางไปร่วมงานแต่งงานของใครคนหนึ่ง ซึ่งลุงกับป้าแท้ ๆ ของผมก็ต้องไปร่วมงานด้วยเช่นกัน เนื่องจากท่านทำงานและพักที่บ้านพักครูไกล้ ๆ กัน ผม น้องสาว และลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งเป็นลูกของลุกกับป้า รวมจำนวน 5 คน จึงมานอนรวมกันที่บ้านพักครูของผม ในระหว่างที่เราทั้งห้าคนกำลังดูทีวีอยู่นั้น น้องสาวและลูกพี่ลูกน้องของผมอีกสองคนหลับไป เหลือเพียงแค่ผม และ พี่สาว ผมเองก็กำลังจะหลับ แต่ในขณะที่ผมกำลังจะพลิกตัวเนื่องจากตอนนั้นผมนอนตะแคงหันข้างให้ทีวี เมื่อผมพลิกตัวไปตัวของผมก็ไปถูกตัวของใครบางคน ซึ่งนั่งหันหลังให้ผมอยู่ ซึ่งคนที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่นั้น เป็นหญิงวัยประมาณกลางคน สวมเสื้อค้อกระเช้า นุ่งผ้าซิ่นสีเหลือง แต่ผุู้หญิงคนนั้นกลับไม่มีเงาครับ ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นไฟเปิดสว่าง ทีวีก็เปิด ด้วยความที่ผมเป็นเด็ก จึงรุู้สึกตกใจมาก ผมจึงหยิบผ้ามาคลุมโปงทันที
หลายปีต่อมา จนผมเรียนระดับมหาวิทยาลัย ผมจึงมีโอกาสเล่าให้พี่สาวลูกพี่ลูกน้องของผมฟัง เมื่อพี่สาวของผมได้ฟังเธอก็รุู้สึกตกใจมาก เพราะเธอนั้นก็เห็นเหมือนกัน โดยที่พี่สาวของผมนั้นเห็นด้านหน้า ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นไปปิดทีวี เธอเห็นว่าหญิงคนนั้น ไม่มีลูกตา คือตาโบ๋เลย นั่งอยุ่ระหว่างผมกับเธอ ซึ่งพวกเราสองคนนั้นนอนตะแคงไปคนละด้าน เรื่องก็มีแค่นี้ครับ ไม่น่ากลัวเท่าไหร่
เรื่องที่ 2 หญิงปริศนา 2
เมื่อผม อายุประมาณ ป.1 ครอบครัวของผมก็ได้มีบ้านของตนเอง ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน แค่ออกไปอยู่นอกรั้วของโรงเรียนเท่านั้น ในเย็นวันนั้นพวกผมห้าคนก็เล่นกันที่ชั้นล่างของบ้าน แล้วพอเล่นไปเล่นมา ลูกพี่ลูกน้องของผมคนหนึ่งเกิดหิวนำ้ ผมจึงบอกว่านำ้อยู่ในตุ้เย็นบนบ้าน เขาจึงเดินขึ้นบันได้ไปคนเดียว ระหว่างที่เขากำลังจะเอื้อมมือไปเปิดตู้เย็นอยู่นั้น เขาก็มองไปยังระเบียงหน้าบ้าน เขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนที่ระเบียงหน้าบ้าน เขาจึงรีบวิ่งลงมาจากบนบ้านทันที ผมถามว่าทำไมเขาจึงวิ่ง เขาตอบว่า ผู้หญิงคนนั้น ยืนขนานไปกับราวระเบียง แต่ไม่ได้เหยียบระเบียง เหมือนลอยกลางอากาศ แต่ไม่ได้หันมามองเขา ผมจึงถามลักษณะ เขาก็บอกลักษณะมา ซึ่งก็ตรงกับคนที่ผมเจอที่บ้านพักครู เรื่องก็จบไปแค่นี้ ไม่น่ากลัวอีกตามเคย
เรื่องที่ 3 เก้าอี้เลื่อนเอง
ในสมัยที่ผมทำงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ซึ่งวันแรกที่ผมเข้าไปทำงานก็พบว่าห้องทำงานของผมนั้นเคยเป็นห้องเก็บศพเก่ามาก่อน แต่ผมก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไร อยุู่มาวันหนึ่ง หลังจากที่ผมปิดห้องทำงาน แล้วก็เดินทางกลับบ้าน เช้าวันต่อมาพี่พนักงานคนหนึ่งก็เดินมาคุยกับผมว่าหลังจากที่ผมเดินทางกลับบ้านไปแล้ว เขาเดินผ่านห้องผมและได้เห็นเก้าอี้ห้องทำงานผม มันเลื่อนเองได้ ผมก็รู้สึกแปลกใจครับ แต่ก็ไม่รู้สึกกลัว เรื่องก็จบแค่นี้
เรื่องที่ 4 เสียงปริศนา
ในสมัยที่ผมมาทำงานในโรงเรียนประถมศึกษาแห่งหนึ่ง ในวันนั้นเลิกประชุมดึก คือเกือบสามทุ่ม ผมจึงเป็นคนปิดไฟปิดพัดลมปิดหน้าต่าง และปิดประตู สุดท้าย ผมเดินมาปิดประตูเลื่อน ในตอนนั้นผมพูดไปเล่น ๆ ว่า จะกลับแล้วนะ แล้วก็มีเสียงเด็กตอบกลับมาทันทีเลยครับว่า "จะกลับแล้วเหรอ" เสียงมาจากห้างหูผม ซึ่งในเวลานั้นไม่มีเด็กตกค้างในโรงเรียนแน่ ๆ ผมจึงรีบล็อกประตูเลื่อนและขับรถกลับบ้านทันที