“ ฉันร้องเพลงได้
แต่ถ้าให้แลกมันกับการได้ออกมาเดินบนถนนเหมือนคนปกติ
ที่ไม่มีคนมาวุ่นวาย
...ฉันยอมนะ ”
เป็นคำพูดที่เราพอจับใจความได้จากบทสัมภาษณ์ของบอดี้การ์ดว่าเอมี่พูดบอกกับเขา ไม่นานก่อนเธอจะจากไปด้วยวัย 27 ปี
เราได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง Amy โดยที่เราแทบไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับ Amy Winehouse เลยซักนิด เราแค่รู้จักเพลง Rehab กับเคยผ่านหูเพลงบางเพลงในอัลบั้มนั้น และรู้แค่ว่าเธอเสียชีวิตโดยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (เราไม่ชอบฟังดนตรีแจ๊สด้วยซ้ำ)
แต่ดูจบแล้วบอกได้เลยว่านี่เป็นหนังสารคดีที่ควรดูมากๆ เรื่องนึง คุณไม่ต้องรู้จักเธอก็ได้ มองมันเป็นหนังสะท้อนสังคมเรื่องหนึ่งที่หยิบยกตัวอย่างผ่านชีวิตของผู้หญิงคนนึงที่ถูกทำร้ายด้วยสังคมและครอบครัว แล้วคุณจะอินได้มากขึ้นเอง เพราะภาพ ฟุตเทจ และบทสัมภาษณ์ทั้งหมดที่เอามาต่อๆกัน มันเป็นของจริง
เรื่องของเอมี่ (มีสปอยด์เนื้อหาในเรื่องอยู่แล้วแหละ แต่คิดว่าถึงอ่านไปก็ไม่เสียหาย เพราะทุกคนรู้ตอนจบของเรื่องนี้อยู่แล้ว )
หนังเรื่องนี้เป็นหนังสารคดีที่บอกเล่าเรื่องของเอมี่ เรียงไปตั้งแต่เธอยังเด็ก เริ่มเข้าวงการ จนกระทั่งประสบความสำเร็จสุดในชีวิต และตาย ด้วยฟุตเทจของจริง สลับกับบทสัมภาษณ์ของคนใกล้ตัวเธอ โดยมีเพลงของเธอที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเธอในตอนนั้นมาประกอบอยู่ด้วย ซึ่งทำให้เรารู้สึกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ โ ค ต ร มีพรสวรรค์
ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าให้พูดถึงผู้ชายสองคนที่เธอรักที่สุดก็คนจะหนีไม่พ้น พ่อ กับ แฟน(สามี)ใช่ไหมล่ะ น่าเสียดายที่ชีวิตของเอมี่ดำดิ่งลงเพราะทั้งสองคนนี้
พ่อของเอมี่คบชู้ตั้งแต่เอมี่เพิ่งเกิด แล้วก็ปล่อยค้างคาอยู่แบบนั้นจนกระทั้งเอมี่อายุ 9 ปีถึงได้อย่ากับแม่ แล้วตั้งแต่นั้นเอมี่ก็เปลี่ยนไป เธอโตมาเป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่ค่อยเข้าลู่เข้าทาง โดยที่แม่เองก็คุมไม่ได้ และปล่อยเธอตามใจ เอมี่มั่วเซ็กส์ สูบบุหรี่ และทำอีกหลายอย่างโดยที่เธอเองก็พูดว่าสาเหตุนั้นมาจากที่พ่อทิ้งไปนี่แหละ พฤติกรรมแย่ๆ ที่เกิดขึ้นพวกนั้นก็เหมือนเรียกร้องความสนใจจากพ่อนั่นเอง
แต่ด้วยพรสวรรค์ด้านเสียงเพลงที้เอมี่มี มันเลยทำให้เธอได้รับโอกาส ด้วยความที่เอมี่มีความเป็นศิลปินสูงมาก เธอแต่งเพลงโดยอาศัยเรื่องราวจากชีวิตจริง แล้วถ่ายทอดมันออกมาได้ดีซะด้วย เพลงของเธอมันเลยดูมีชีวิต และเข้าถึงใจคนฟังได้ (ขนาดคนไม่ชอบแจ๊สอย่างเราฟัง ยังรู้สึกได้ว่ามัน “real “ บางท่อนนี่ฟังแล้วจะขาดใจตายไปด้วย) เธอใช้มันก้าวไปได้ไกลกว่าที่อายุและวุฒิภาวะของเธอควรจะเป็น เอมี่ประสบความสำเร็จไปได้ไกลกว่าที่เธอคาดไว้มาก และมันทำให้เธอได้รับโอกาสอีกหลายๆ รวมถึงได้พบกับผู้ชายอีกคนที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตเธอมากๆ ซึ่งก็คือแฟนของเอมี่นั่นเอง
จากตัวหนังจะรู้ได้เลยว่าเอมี่ติดแฟนมาก มากขนาดเธอยอมตายแทนได้(ไม่ได้เว่อนะ ตอนดูฟุตเทจมันทำให้รู้สึกแบบนั้นได้เลย) เพราะงั้นอะไรที่เป็นเรื่องของผู้ชายคนนี้จะมีผลกระทบกับเอมี่ทุกอย่าง ตอนเลิกกันหรือทะเลาะกันทีเธอก็จิตใจตกต่ำแทบบ้าลงเหว และที่แย่สุดคือ ผู้ชายคนนี้เองที่ทำให้เอมี่รู้จัก “การใช้ยา” และมันทำให้เอมี่ถลำลึกลงไปถึงขั้นเสพยาเกินขนาดเกือบตายหลายครั้ง
เพราะความดังมาพร้อมกับความเครียด แต่ก่อนเอมี่เคยมีความสุขกับการได้ระบายชีวิตเธอลงไปในเพลง แต่ตอนหลังเมื่อเธอดังขึ้นทุกอย่างมันกลายเป็นธุรกิจ เธอต้องเขียนอัลบั้มใหม่ ต้องคิดเพลงให้ออก ใครคนนึงในบทสัมภาษณ์บอกว่าแต่ก่อนเอมี่เดินอยู่ตามถนนแล้วไอเดียเจ๋งๆ สำหรับแต่งเพลงเธอมันก็จะผุดขึ้นมา แต่ตอนนี้เอมี่ออกไปเดินบนถนนโดยไม่มีคนคอยกวนไม่ได้อีกแล้ว จากที่เธอร้องเพลงเพราะความสุข เธอก็ต้องร้องเพราะมันเป็นธุรกิจ เธอต้องร้องเพลงในอัลบั้ม back to black ซ้ำไปซ้ำมาโดยที่เธอไม่อยากร้องเลยด้วยซ้ำ หลายเพลงในอัลบั้มมันเกี่ยวกับแฟน(ที่กลายเป็นสามี)ของเอมี่ ยิ่งตอนที่ทั้งสองมีปัญหากันอยู่ ถ้าต้องมาร้องเพลงแบบนี้ออกทัวร์ตอกย้ำตัวเองซ้ำๆ เป็นใครก็รู้สึกแย่ จนการร้องเพลงมันไม่ได้ทำให้เอมี่มีความสุขอีกต่อไปแล้ว พอเป็นงั้นเธอก็หันไปเสพยา เสพยาก็เป็นข่าว การแสดงทำออกมาไม่ดี กดดัน เครียด แล้วก็เสพยาอีก ชีวิตวนลูปอยู่แบบนั้น
ความจริงไม่ใช่แค่สองคนนั้น แต่สังคมเองก็ฆ่าเธอ เมื่อเธอก้าวถึงการประสบความสำเร็จแบบสุดๆ และมันไม่เคยมีคู่มือใดสอนให้เธอรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจาก “บุคคลธรรมดา” ให้เป็น “คนของสังคม” แบบนี้มาก่อน เอมี่มีปาปารัสซี่สาดแฟลชใส่หน้าแทบจะตลอดเวลาที่ออกไปข้างนอก สื่อทอร์คโชว์ต่างๆ เอาเธอไปล้อเล่นเรื่องเสพยา บ้างก็ว่าเธอบ้า บ้างก็แซวว่าอัลบั้มใหม่ของเธออาจจะเกี่ยวกับการปรุงยาบ้า แบบเฮ้ย ! เอมี่ก็มีหัวใจป๊ะ คนจิตใจกำลังตกต่ำ ไม่ช่วยกันดึงขึ้น มีแต่ฉุดจิตใจเค้าลงไปอีกมันจะหายได้ยังไง
เอมี่ไปหาหมอบำบัดจริง แต่การหาหมอของเธอมันก็เต็มไปด้วยเงื่อนไขเชิงธุรกิจ เอมี่ยังโดนบริษัทให้ไปออกทัวร์ทั้งที่สภาพยังไม่พร้อม สามีของเธอบอกจะพาเธอมาเข้าบำบัดพร้อมกันแต่นั้นก็เป็นเรื่องผลประโยชน์ พ่อเธอทำทีมาเยี่ยมตอนที่เอมี่หนีไปพักสงบจิตใจเงียบๆ แต่ก็ยังไม่วายเอาทีมกล้องมาถ่ายรายการด้วย จนสุดท้ายเราเริ่มสงสัยว่ามีใครที่อยู่ข้างเธอจริงๆ บ้าง
สิ่งที่เอมี่ต้องการจริงๆ อาจจะเป็นแค่คนที่บอกว่าเธอควรทำยังไง แม่เอมี่บอกว่าเธอตามใจเอมี่ทุกอย่าง นั้นอาจทำให้เอมี่ขาดสิ่งนึงไป นั่นคือคนที่เคยบอกเธอว่า “พอได้แล้ว” “หยุด” “นี่ไม่ควรทำนะ” เอมี่เลยทำทุกอย่างแบบสุดเหวี่ยง ดีที่ตอนหลังชีวิตเธอเหมือนดีขึ้น แต่มันก็ยังคงขึ้นๆลงๆ ด้วยยาเสพติดกับแอลกอฮอล์ที่เธอตัดขาดไม่ได้ซักที
จนสุดท้ายแม้จิตใจของเอมี่จะเริ่มดีขึ้นแล้วจริงๆ แต่ร่างกายเธอมันสะบักสะบอมจากฤทธิ์ยาและอาการทางจิตของเธอมามากพอแล้ว(เอมี่เป็นบูลิเมียล้วงคอ) ทำให้แม้เธอเอาจะยังไม่อยากจากไปตอนนี้ แต่ร่างกายมันก็ไม่อยู่ให้เธอแล้ว สุดท้ายเอมี่ก็ตายลงเพราะดื่มแอลกอฮล์มากเกินขนาด
ตรงนี้ขอยกฉากในหนังมาพูดละนะ...
เรื่องของเอมี่กับพ่อสะกิดใจเรามาก โดยเฉพาะตอนที่พ่อมาหาเอมี่ตอนเธอกำลังไปพักร้อนสงบสติอารมณ์ แต่พ่อดันเอาทีวีมาถ่ายทำด้วยซะงั้น เอมี่เลยบอกไปประมาณว่า
” หนูก็แค่อยากเจอพ่อ แต่ทำไมต้องเอารายการเข้ามาถ่ายทำ ถ้าพ่ออยากได้เงินมากนักเอาเงินหนูไปก็ได้ “
น่าคิดดีนะประโยคนี้...
ว่าแล้วกลับมาบ้านก็นั่งหาเพลงของเธอมาฟังรัวๆ เพลงแจ๊สก็มีเสน่ดีนะ หนังจากที่ทำให้รู้สึกว่าเพลงแจ๊สก็เจ๋ง นอกจาก whiplash ก็ AMY นี่แหละ
AMY (2015) Amy Winehouse พรสวรรค์ถูกทำลายด้วยผู้ชาย 2 คนที่สำคัญที่สุดเท่าที่ชีวิตผู้หญิงคนนึงจะมีได้
แต่ถ้าให้แลกมันกับการได้ออกมาเดินบนถนนเหมือนคนปกติ
ที่ไม่มีคนมาวุ่นวาย
...ฉันยอมนะ ”
เราได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง Amy โดยที่เราแทบไม่มีความรู้อะไรเกี่ยวกับ Amy Winehouse เลยซักนิด เราแค่รู้จักเพลง Rehab กับเคยผ่านหูเพลงบางเพลงในอัลบั้มนั้น และรู้แค่ว่าเธอเสียชีวิตโดยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด (เราไม่ชอบฟังดนตรีแจ๊สด้วยซ้ำ)
แต่ดูจบแล้วบอกได้เลยว่านี่เป็นหนังสารคดีที่ควรดูมากๆ เรื่องนึง คุณไม่ต้องรู้จักเธอก็ได้ มองมันเป็นหนังสะท้อนสังคมเรื่องหนึ่งที่หยิบยกตัวอย่างผ่านชีวิตของผู้หญิงคนนึงที่ถูกทำร้ายด้วยสังคมและครอบครัว แล้วคุณจะอินได้มากขึ้นเอง เพราะภาพ ฟุตเทจ และบทสัมภาษณ์ทั้งหมดที่เอามาต่อๆกัน มันเป็นของจริง
เรื่องของเอมี่ (มีสปอยด์เนื้อหาในเรื่องอยู่แล้วแหละ แต่คิดว่าถึงอ่านไปก็ไม่เสียหาย เพราะทุกคนรู้ตอนจบของเรื่องนี้อยู่แล้ว )
หนังเรื่องนี้เป็นหนังสารคดีที่บอกเล่าเรื่องของเอมี่ เรียงไปตั้งแต่เธอยังเด็ก เริ่มเข้าวงการ จนกระทั่งประสบความสำเร็จสุดในชีวิต และตาย ด้วยฟุตเทจของจริง สลับกับบทสัมภาษณ์ของคนใกล้ตัวเธอ โดยมีเพลงของเธอที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเธอในตอนนั้นมาประกอบอยู่ด้วย ซึ่งทำให้เรารู้สึกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้ โ ค ต ร มีพรสวรรค์
ในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่ง ถ้าให้พูดถึงผู้ชายสองคนที่เธอรักที่สุดก็คนจะหนีไม่พ้น พ่อ กับ แฟน(สามี)ใช่ไหมล่ะ น่าเสียดายที่ชีวิตของเอมี่ดำดิ่งลงเพราะทั้งสองคนนี้
พ่อของเอมี่คบชู้ตั้งแต่เอมี่เพิ่งเกิด แล้วก็ปล่อยค้างคาอยู่แบบนั้นจนกระทั้งเอมี่อายุ 9 ปีถึงได้อย่ากับแม่ แล้วตั้งแต่นั้นเอมี่ก็เปลี่ยนไป เธอโตมาเป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่ค่อยเข้าลู่เข้าทาง โดยที่แม่เองก็คุมไม่ได้ และปล่อยเธอตามใจ เอมี่มั่วเซ็กส์ สูบบุหรี่ และทำอีกหลายอย่างโดยที่เธอเองก็พูดว่าสาเหตุนั้นมาจากที่พ่อทิ้งไปนี่แหละ พฤติกรรมแย่ๆ ที่เกิดขึ้นพวกนั้นก็เหมือนเรียกร้องความสนใจจากพ่อนั่นเอง
แต่ด้วยพรสวรรค์ด้านเสียงเพลงที้เอมี่มี มันเลยทำให้เธอได้รับโอกาส ด้วยความที่เอมี่มีความเป็นศิลปินสูงมาก เธอแต่งเพลงโดยอาศัยเรื่องราวจากชีวิตจริง แล้วถ่ายทอดมันออกมาได้ดีซะด้วย เพลงของเธอมันเลยดูมีชีวิต และเข้าถึงใจคนฟังได้ (ขนาดคนไม่ชอบแจ๊สอย่างเราฟัง ยังรู้สึกได้ว่ามัน “real “ บางท่อนนี่ฟังแล้วจะขาดใจตายไปด้วย) เธอใช้มันก้าวไปได้ไกลกว่าที่อายุและวุฒิภาวะของเธอควรจะเป็น เอมี่ประสบความสำเร็จไปได้ไกลกว่าที่เธอคาดไว้มาก และมันทำให้เธอได้รับโอกาสอีกหลายๆ รวมถึงได้พบกับผู้ชายอีกคนที่เข้ามามีบทบาทในชีวิตเธอมากๆ ซึ่งก็คือแฟนของเอมี่นั่นเอง
จากตัวหนังจะรู้ได้เลยว่าเอมี่ติดแฟนมาก มากขนาดเธอยอมตายแทนได้(ไม่ได้เว่อนะ ตอนดูฟุตเทจมันทำให้รู้สึกแบบนั้นได้เลย) เพราะงั้นอะไรที่เป็นเรื่องของผู้ชายคนนี้จะมีผลกระทบกับเอมี่ทุกอย่าง ตอนเลิกกันหรือทะเลาะกันทีเธอก็จิตใจตกต่ำแทบบ้าลงเหว และที่แย่สุดคือ ผู้ชายคนนี้เองที่ทำให้เอมี่รู้จัก “การใช้ยา” และมันทำให้เอมี่ถลำลึกลงไปถึงขั้นเสพยาเกินขนาดเกือบตายหลายครั้ง
เพราะความดังมาพร้อมกับความเครียด แต่ก่อนเอมี่เคยมีความสุขกับการได้ระบายชีวิตเธอลงไปในเพลง แต่ตอนหลังเมื่อเธอดังขึ้นทุกอย่างมันกลายเป็นธุรกิจ เธอต้องเขียนอัลบั้มใหม่ ต้องคิดเพลงให้ออก ใครคนนึงในบทสัมภาษณ์บอกว่าแต่ก่อนเอมี่เดินอยู่ตามถนนแล้วไอเดียเจ๋งๆ สำหรับแต่งเพลงเธอมันก็จะผุดขึ้นมา แต่ตอนนี้เอมี่ออกไปเดินบนถนนโดยไม่มีคนคอยกวนไม่ได้อีกแล้ว จากที่เธอร้องเพลงเพราะความสุข เธอก็ต้องร้องเพราะมันเป็นธุรกิจ เธอต้องร้องเพลงในอัลบั้ม back to black ซ้ำไปซ้ำมาโดยที่เธอไม่อยากร้องเลยด้วยซ้ำ หลายเพลงในอัลบั้มมันเกี่ยวกับแฟน(ที่กลายเป็นสามี)ของเอมี่ ยิ่งตอนที่ทั้งสองมีปัญหากันอยู่ ถ้าต้องมาร้องเพลงแบบนี้ออกทัวร์ตอกย้ำตัวเองซ้ำๆ เป็นใครก็รู้สึกแย่ จนการร้องเพลงมันไม่ได้ทำให้เอมี่มีความสุขอีกต่อไปแล้ว พอเป็นงั้นเธอก็หันไปเสพยา เสพยาก็เป็นข่าว การแสดงทำออกมาไม่ดี กดดัน เครียด แล้วก็เสพยาอีก ชีวิตวนลูปอยู่แบบนั้น
ความจริงไม่ใช่แค่สองคนนั้น แต่สังคมเองก็ฆ่าเธอ เมื่อเธอก้าวถึงการประสบความสำเร็จแบบสุดๆ และมันไม่เคยมีคู่มือใดสอนให้เธอรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจาก “บุคคลธรรมดา” ให้เป็น “คนของสังคม” แบบนี้มาก่อน เอมี่มีปาปารัสซี่สาดแฟลชใส่หน้าแทบจะตลอดเวลาที่ออกไปข้างนอก สื่อทอร์คโชว์ต่างๆ เอาเธอไปล้อเล่นเรื่องเสพยา บ้างก็ว่าเธอบ้า บ้างก็แซวว่าอัลบั้มใหม่ของเธออาจจะเกี่ยวกับการปรุงยาบ้า แบบเฮ้ย ! เอมี่ก็มีหัวใจป๊ะ คนจิตใจกำลังตกต่ำ ไม่ช่วยกันดึงขึ้น มีแต่ฉุดจิตใจเค้าลงไปอีกมันจะหายได้ยังไง
เอมี่ไปหาหมอบำบัดจริง แต่การหาหมอของเธอมันก็เต็มไปด้วยเงื่อนไขเชิงธุรกิจ เอมี่ยังโดนบริษัทให้ไปออกทัวร์ทั้งที่สภาพยังไม่พร้อม สามีของเธอบอกจะพาเธอมาเข้าบำบัดพร้อมกันแต่นั้นก็เป็นเรื่องผลประโยชน์ พ่อเธอทำทีมาเยี่ยมตอนที่เอมี่หนีไปพักสงบจิตใจเงียบๆ แต่ก็ยังไม่วายเอาทีมกล้องมาถ่ายรายการด้วย จนสุดท้ายเราเริ่มสงสัยว่ามีใครที่อยู่ข้างเธอจริงๆ บ้าง
สิ่งที่เอมี่ต้องการจริงๆ อาจจะเป็นแค่คนที่บอกว่าเธอควรทำยังไง แม่เอมี่บอกว่าเธอตามใจเอมี่ทุกอย่าง นั้นอาจทำให้เอมี่ขาดสิ่งนึงไป นั่นคือคนที่เคยบอกเธอว่า “พอได้แล้ว” “หยุด” “นี่ไม่ควรทำนะ” เอมี่เลยทำทุกอย่างแบบสุดเหวี่ยง ดีที่ตอนหลังชีวิตเธอเหมือนดีขึ้น แต่มันก็ยังคงขึ้นๆลงๆ ด้วยยาเสพติดกับแอลกอฮอล์ที่เธอตัดขาดไม่ได้ซักที
จนสุดท้ายแม้จิตใจของเอมี่จะเริ่มดีขึ้นแล้วจริงๆ แต่ร่างกายเธอมันสะบักสะบอมจากฤทธิ์ยาและอาการทางจิตของเธอมามากพอแล้ว(เอมี่เป็นบูลิเมียล้วงคอ) ทำให้แม้เธอเอาจะยังไม่อยากจากไปตอนนี้ แต่ร่างกายมันก็ไม่อยู่ให้เธอแล้ว สุดท้ายเอมี่ก็ตายลงเพราะดื่มแอลกอฮล์มากเกินขนาด
ตรงนี้ขอยกฉากในหนังมาพูดละนะ...
เรื่องของเอมี่กับพ่อสะกิดใจเรามาก โดยเฉพาะตอนที่พ่อมาหาเอมี่ตอนเธอกำลังไปพักร้อนสงบสติอารมณ์ แต่พ่อดันเอาทีวีมาถ่ายทำด้วยซะงั้น เอมี่เลยบอกไปประมาณว่า
ว่าแล้วกลับมาบ้านก็นั่งหาเพลงของเธอมาฟังรัวๆ เพลงแจ๊สก็มีเสน่ดีนะ หนังจากที่ทำให้รู้สึกว่าเพลงแจ๊สก็เจ๋ง นอกจาก whiplash ก็ AMY นี่แหละ